เฮ่อสวินอยากรู้มาตลอดว่า เจ้าของไลฟ์การเรียนคนนี้เป็นใคร
แต่ติดตรงที่เวลาเจ้าของแอคเคาท์นี้ไลฟ์สดจะไม่เปิดเผยโฉมหน้า โชว์แค่มือ ทำให้เขาเดาไม่ได้
ในแวดวงวิชาการประเทศจีน คนที่มีความสามารถแบบนี้ อีกทั้งยังอายุน้อย มือเดียวก็พอนับ
แต่เฮ่อสวินกลับเชื่อมโยงเจ้าของไลฟ์คนนี้กลับนักวิชาการชื่อดังเหล่านั้นไม่ได้
แต่ไม่มีทางเป็นคนของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
ต่อให้เป็นคณะระดับดี อย่างเขาก็ไม่มีทางมีคนมานั่งไลฟ์สดเป็นเน็ตไอดอล
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักศึกษาของคณะระดับเอ พวกนั้นแวดวงทั่วไปก็ยังไม่ได้เจอ
ตอนที่เฮ่อสวินเห็นว่ายังคงมีแค่มือข้างเดียว เขาก็ผิดหวัง
เขาครุ่นคิดแล้วหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าหนัง
ถ่ายรูปเสร็จก็ส่งเป็นข้อความส่วนตัวไปหาเจ้าของไลฟ์
…
ตอนเที่ยงแบบนี้คนส่วนใหญ่กำลังกินข้าวอยู่ แต่ความนิยมในไลฟ์สดกลับไม่ได้น้อยลง
อิ๋งจื่อจินเพิ่งเปิดไลฟ์สดแค่ไม่กี่นาทีก็มีข้อความเด้งขึ้นมาจำนวนมาก
[ในที่สุดท่านเทพก็กลับมาแล้ว รอมานานจนลำบากไปหมด]
[ถึงแม้คณิตศาสตร์จะทำให้ฉันกินข้าวไม่ลง แต่คณิตศาสตร์ของท่านเทพยังพอทำให้กระเดือกลง]
[คอมเมนต์ก่อนหน้าบังเอิญจัง ผมก็กำลังถือชามข้าวกินอยู่]
อิ๋งจื่อจินเห็นข้อความพวกนี้ก็ชะงักไปชั่วขณะ
สุดท้ายเธอก็ใช้เสียงอีกแบบพูดออกไป “วันนี้พูดเรื่องคณิตศาสตร์มอปลาย”
[ว้าว ในที่สุดท่านเทพก็จะจุติเป็นมนุษย์แล้ว จะพูดเลขมอปลายด้วย ยกเก้าอี้มานั่งรอฟังแล้วครับ]
[เด็กมอห้าเดินผ่านเงียบๆ ในที่สุดก็ถึงคราวได้กราบไหว้ท่านเทพแล้ว]
[ท่านเทพ ทำไมช่วงนี้ไม่ไลฟ์เลยล่ะ]
อิ๋งจื่อจินหยิบหนังสือคณิตศาสตร์มอห้าเล่มสองออกมา “สอบกลางภาค เตรียมสอบ”
[…]
[…]
[…]
บนหน้าจอเต็มไปด้วยจุด ลอยผ่านไปมากมาย
เฮ่อสวินที่กำลังดูไลฟ์สดเหมือนกันขมวดคิ้ว
สอบกลางภาคเหรอ
คนที่มีความรู้ระดับนี้ยังมีสอบกลางภาคด้วยเหรอ
ต่อให้เพื่อไม่ให้ตัวตนเปิดเผย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ข้ออ้างที่สามารถเปิดโปงได้ทันทีแบบนี้หรือเปล่า
[บังเอิญจังท่านเทพ วันนี้ผมก็สอบกลางภาค ท่านเทพไม่รู้หรอกว่า ข้อสอบโรงเรียนเรามันวิปริตขั้นไหน ผมส่งให้ดูส่วนตัวแล้ว ว่างๆ ก็ลองดูนะครับ]
[ท่านเทพนี่ทำตัวกลมกลืนดีจัง มีสอบกลางภาคกับเขาด้วย]
อิ๋งจื่อจินเขียนโจทย์บนกระดาษพลางเปิดดูข้อความส่วนตัว
จากนั้นเธอก็เห็นข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะชิงจื้อ “…”
บังเอิญจริงแหละ
ข้อสอบที่ทำเหมือนกันเป๊ะ
ตอนที่อิ๋งจื่อจินกำลังจะปิดข้อความส่วนตัว สายตาได้เลื่อนลง กลับเห็นชื่อที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
มหาวิทยาลัยนอร์ตัน
เธอกดเปิดข้อความนั้น
[สวัสดีครับท่านเทพ ผมเป็นแฟนคลับอันดับสี่ของคุณ คุณไม่เคยตอบแชทส่วนตัวของผมเลย ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ผมจบจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัน ผมมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ ถ้าเห็นแล้วโปรดตอบด้วยครับ]
ด้านล่างข้อความมีหนึ่งรูป
ใบจบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
ใบจบหลักสูตรไม่ใช่ใบปริญญา
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ดูต่อ
เธอปิดข้อความนี้ ลบทิ้ง จากนั้นก็บล็อกแอคเคาท์นี้
ตอนนี้ความสามารถในการพยากรณ์ของเธอยังอ่อนแออยู่ ไม่มีทางพยากรณ์ตัวตนของอีกฝ่ายผ่านทางเน็ตได้
อีกทั้งเธอก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นที่เจอใครก็ต้องพยากรณ์
ไลฟ์สดเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่เธอใช้ทำเงิน เธอไม่ได้ใส่ใจมาก
ไลฟ์ไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง อิ๋งจื่อจินปิดไลฟ์ พกปากกาสองด้ามไปสอบวิชาภาษาอังกฤษต่อ
สามสิบนาทีแรกเป็นการฟัง
เนื่องจากเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ อิ๋งจื่อจินฟังไปเรื่อยๆ ก็เริ่มอยากจะแก้เสียงกับสำเนียงของคนที่อัดเสียงพาร์ทการฟังนี้
หลังฟังจบเธอก็ก้มหน้ากวาดตามอง ถึงได้พบว่าเธอไม่ได้ตอบคำถาม
หลังจากที่นั่งนึกย้อนความทรงจำอยู่ชั่วครู่ อิ๋งจื่อจินก็หยิบปากกาแล้วเริ่มตอบคำถามการฟังข้อแรก
ยังคงทำด้วยความเร็วที่พิสดารมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่วิชาภาษาอังกฤษเป็นแบบมีตัวเลือก ความเร็วเกินจริงไปมาก
ตอนที่นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะที่อยู่ข้างๆ เพิ่งทำพาร์ทเติมคำเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็ทำพาร์ทแก้ประโยคผิดเสร็จแล้ว
เธอดูพาร์ทการเขียน ต้องเขียนหนึ่งร้อยห้าสิบคำ อยากจะวางปากกาลง
แต่วิชาภาษาจีนไม่ได้คะแนนเต็มไปแล้ว วิชาภาษาอังกฤษก็ทำสักหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ใช้เวลาสิบนาทีทำพาร์ทการเขียนเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็มองเวลา หาวออกมา เอาหน้าซุกเริ่มนอน
การสอบของชิงจื้อทั้งหมดเอาอย่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัย อนุญาตให้ส่งข้อสอบได้ก่อนหมดเวลาสิบห้านาทีเท่านั้น
วิชาภาษาอังกฤษคนที่ส่งข้อสอบก่อนมีอยู่ไม่น้อย หลังจากที่นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะออกมา สีหน้าก็เกินกว่าจะบรรยาย
“เดิมทีฉันคิดว่าอิ๋งจื่อจินเขียนเรื่อยเปื่อยจริงๆ แต่ตอนที่ฉันส่งข้อสอบเหลือบมองตอนเดินผ่านโต๊ะของเธอ ฉันไม่เคยเห็นศัพท์ที่เธอใช้เขียนเรียงความมาก่อน”
“นี่ถึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอิ๋งจื่อจินเขียนมั่วหรือเปล่า นายท่องศัพท์ไอเอลส์มา ขนาดนายยังไม่เคยเห็น ยัยนั่นคงแต่งคำใหม่สดๆ ตอนนั้นเลยมั้ง”
“แต่ดูจริงจังอยู่นะ กระดาษคำตอบด้านหน้าก็ตอบหมดทุกข้อ ฉันพอจำได้บ้าง มีหลายข้อที่ตอบเหมือนฉัน”
“งั้นนายก็จบสิ้นแล้ว นายตอบข้อพวกนั้นผิดแล้ว”
จงจือหว่านไม่ได้ร่วมสนทนากับพวกเขา เธอแค่เม้มริมฝีปากยิ้ม “พวกนายอย่าพูดแบบนั้น อาของฉันเชิญครูสอนภาษาอังกฤษมาให้น้องสาวของฉันเลยนะ คำถามที่คราวก่อนเธอตอบในห้องเรียนนั่นน่ะ ฉันยังตอบไม่ได้เลยนะ”
“ก็แค่บังเอิญตอบถูก” ลู่ฟั่งดูถูก “ปล่อยให้ยัยนั่นสบายไปสามวัน เดี๋ยวหยุดกลับมาก็จะหัวเราะไม่ออกแล้ว”
ลำดับคะแนนการสอบของกลางภาคและปลายภาคจะถูกติดที่บอร์ดประกาศของโรงเรียน
แน่นอนว่าจะติดแค่ร้อยอันดับแรก เพื่อเป็นการคำนึงถึงสภาพจิตใจของนักเรียน
แต่โดยทั่วไปในเว็บบอร์ดโรงเรียนจะมีลำดับคะแนนทั้งหมด พอถึงตอนนั้น นั่นก็คือการพิพากษาอย่างเปิดเผย
เนื่องจากอารมณ์ดี จงจือหว่านจึงพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ได้หยุดทั้งที ฉันขอเลี้ยงข้าวทุกคน”
…
การสอบเสร็จสิ้นลงในเวลาห้าโมงครึ่ง ซึ่งก็เป็นเวลากินข้าวพอดี
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่บนรถมาเซราติ “วันนี้พวกเราไปกินไหนดี”
“วันนี้ไม่กินในฮู่เฉิง” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเนือย “พี่ชายจะพาไปที่โรงถ่ายเหิงเตี้ยน”
เขาหันหน้ามา “เธออยากเห็นดาราสาวสวยตัวจริงไม่ใช่เหรอ”
ดูเหมือนเขาจะต้องการเน้นคำว่าดาราสาวสวยเป็นพิเศษ
มือของอิ๋งจื่อจินที่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ชะงักไปชั่วขณะ “ผลสอบยังไม่ออก”
“ก็เลยอยากให้เด็กน้อยได้เจอก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ริมฝีปากยกขึ้น “พอถึงเวลาได้เจอดาราสาวสวยเกิดตื่นเต้นขึ้นมา ก็จะมีแรงจูงใจในการเรียนแล้ว”
“…”
บางครั้งเธอไม่อยากคุยกับเขาเลยจริงๆ
“ราชาภาพยนตร์ที่คราวก่อนเธอบอกว่าจะมาบรรยายที่ชิงจื้อก็ถ่ายหนังอยู่ที่นั่น” สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรื่อยเปื่อย “งั้นพี่ชายก็จะถือโอกาสดูด้วยว่ามีดาราชายหล่อๆ บ้างไหม”
อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป “คุณเตรียมเบี่ยงเบนเหรอ”
เธอรู้สึกว่าการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดก็คือคำศัพท์วัยรุ่น
น่าสนใจจริงๆ
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก เขามองเธอด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม “เยาเยา พูดอะไรน่ะ”
“พูดความจริง”
“เธอดูดาราสาว พี่ชายดูดาราหนุ่ม ทำไมพอมาถึงพี่ชายถึงกลายเป็นการเบี่ยงเบนล่ะ”
“ในเน็ตบอกว่า ผู้หญิงจับมือกันคือพี่น้อง”
อิ๋งจื่อจินพิงหน้าต่างรถ พูดอย่างไม่รีบร้อน “ผู้ชายจับมือกัน…”
ฟู่อวิ๋นเซินถามต่อ “คืออะไร”
“ผัวเมีย”
“…”
เป็นครั้งแรกที่ฟู่อวิ๋นเซินได้ยินอะไรแบบนี้
ดวงตาดอกท้อถูกยกขึ้น เอามือขวาหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากมือของเด็กสาว “เด็กน้อย ตอนนี้พี่ชายขอยึดโทรศัพท์ไว้ก่อน ดูอะไรที่มันไม่ปกติให้น้อยๆ หน่อย”
“เดี๋ยวสมองที่ฉลาดขนาดนี้จะโง่เอา”
อิ๋งจื่อจินมองเขา ไม่ได้แย่งเอาโทรศัพท์มือถือกลับมา
อย่างไรเสียตอนนี้เธอต้องการนอนมากกว่า
เธอหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเอง นอนหันหลังให้ฟู่อวิ๋นเซิน
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินรู้สึกจนปัญญา ดวงตาสีอำพันเปล่งประกายเล็กน้อย อ่อนโยนชวนหลงใหล
เด็กน้อยของเขาช่างเอาใจยากจริงๆ
…
จนกระทั่งเลิกงาน เฮ่อสวินก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากเจ้าของไลฟ์การเรียนคนนั้น เขารู้สึกหงุดหงิด
แต่เขาเห็นอยู่ว่าเจ้าของไลฟ์คนนี้ได้พูดถึงโจทย์ที่แฟนคลับอีกคนส่งไปในระหว่างไลฟ์ด้วย
เขาขมวดคิ้ว ส่งข้อความส่วนตัวไปอีกครั้ง ทว่ากลับไม่สำเร็จ
เขาถูกเจ้าของไลฟ์บล็อก ต่อไปแม้แต่ข้อความเด้งบนหน้าจอก็ส่งไม่ได้แล้ว
นี่เป็นเรื่องที่เฮ่อสวินคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกเพียงว่าเขาสูญเงินเปล่า
ในเวลานี้เอง ในเว็บไซต์โรงเรียนมัธยมชิงจื้อได้ออกประกาศฉบับหนึ่ง
[หัวข้อ : ประกาศลงโทษสืบเนื่องจากการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ของคลาสเด็กอัจฉริยะในวันที่ 29 เมษายน]
[เนื้อหา : วันนี้ตอนเช้าเวลา 09 : 40 น. อาจารย์แซ่เฮ่อเกิดความขัดแย้งกับนักเรียนในสนามสอบ จากการสอบสวนพบว่าเป็นการประพฤติส่วนตัวของอาจารย์แซ่เฮ่อ ส่งผลต่อการสอบของนักเรียน
บทลงโทษมีดังนี้ ห้ามอาจารย์แซ่เฮ่อเป็นผู้คุมสอบ พักงานหนึ่งสัปดาห์ ทำการขอโทษนักเรียนหน้าเสาธง จึงเรียนมาเพื่อทราบ]
พอเห็นประกาศนี้สีหน้าของเฮ่อสวินก็แย่ยิ่งกว่าเดิม
แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาเองก็บุ่มบ่ามเกินไป แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรุนแรงขนาดนี้หรือเปล่า
แถมยังโพสต์ลงเว็บไซต์โรงเรียน แล้วพวกนักเรียนจะมองเขายังไง
เฮ่อสวินลุกขึ้น จะไปหาผู้อำนวยการ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
เขาหยุดเดิน หยิบออกมาดู
ไม่โชว์เบอร์ เห็นได้ชัดว่าถูกซ่อนไว้
โทรศัพท์มือถือของเขาย่อมเคยรับเบอร์นี้ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
และก็มีเพียงที่เดียวที่โทรหาเขาและถูกซ่อนเบอร์ไว้
มหาวิทยาลัยนอร์ตัน!