“…”
ทันใดนั้นได้เกิดความเงียบขึ้นในหอน้ำชา บรรดาลูกค้าที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างตกใจ รวมถึงพนักงานเคาน์เตอร์ที่เดินเข้ามา
พออิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น โฉมหน้าของเธอก็เปิดเผยสู่สายตา
ชั่วขณะนั้นบริเวณรอบๆ ไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ต่างหม่นหมองไปทั้งหมด
ความสวยพลังทำลายล้างสูงมาก
“คุณว่าไงนะ” หญิงสาวรู้สึกเพียงว่าเหลวไหล แทบจะหัวเราะออกมา “คุณบอกว่าคุณซื้อที่นี่แล้วงั้นเหรอ”
เธอมากินข้าวที่นี่บ่อย รู้ว่าเถ้าแก่หอน้ำชาแห่งนี้เตรียมขายที่นี่ทิ้งเนื่องจากต้องไปต่างประเทศ
แต่หอน้ำชาแห่งนี้ก็อายุมากแล้ว ราคาสูงมาก เธอไม่ได้อยากซื้อ
อย่างไรเสียแต่ละเดือนบริษัทของเธอก็มีรายจ่ายอยู่ไม่น้อย ไม่จำเป็นต้องเพิ่มรายจ่ายอีกหนึ่งรายการ
แต่เมื่อสิบวินาทีที่แล้วเหรอ
พูดโม้อะไรน่ะ
หญิงสาวมองเหยียดใต้แว่นกันแดด ส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนคำเรียก “สาวน้อย เป็นวัยรุ่นไฟแรงน่ะมันก็ดี แต่ก็ต้องดูกาลเทศะด้วย”
เด็กมัธยม รู้หรือเปล่าว่าสังคมมันอันตรายขนาดไหน
หญิงสาวพูดต่อ คำพูดแฝงความนัย “สาวน้อย คนบางคนเธอล่วงเกินไม่ได้หรอกนะ วันหน้าจะทำอะไรก็ระวังไว้บ้าง”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ รับโทรศัพท์ต่อหน้าหญิงสาว
“ฮัลโหล!” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณอิ๋ง ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหนครับ ผมจะให้คนเอาไปส่งเดี๋ยวนี้”
แอคเคาท์วีไอพีของสตาร์ล้วนต้องใช้ชื่อจริง
แต่มีแค่การเจรจาการค้าที่มีมูลค่าสูงของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นถึงจะดูชื่อจริง
หากจำเป็นยังต้องแลกรูปภาพเพื่อให้สะดวกในการยืนยันตัวตน
อิ๋งจื่อจินตอบแบบกระชับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ชั้นล่างของพวกคุณ”
เจ้าของเสียงที่อยู่ในสายก็คือเถ้าแก่หอน้ำชา เขาอึ้ง แต่ก็ได้สติกลับมาเร็ว “ครับๆ ผมจะให้พนักงานเอาไปให้คุณ ขอบคุณคุณมากจริงๆ ครับ ในที่สุดผมก็ทิ้งมันได้แล้ว”
สายสนทนาตัดไป
หญิงสาวขมวดคิ้วอีกครั้ง คราวนี้เธอหัวเราะจริงๆ แล้ว “ฝีมือการแสดงไม่เลว ถ้าไม่ติดว่าเธอเอาชุดแดนเซอร์ของพนักงานฉันไป ไม่แน่ฉันอาจชวนเธอเข้าวงการบันเทิงไปแล้ว น่าเสียดายนะ”
น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
แค่เธอเอ่ยปากก็สามารถสั่งแบนได้ทันที
ถึงแม้เนี่ยเฉาจะยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฟังแล้วก็โมโหควันออกหู “ผมว่าคุณ…”
คำพูดของเขาถูกเสียงริงโทนโทรศัพท์ของพนักงานเคาน์เตอร์ขัดจังหวะ
“เถ้าแก่เหรอ” พนักงานเคาน์เตอร์มองเบอร์ที่โทรมา รีบกดรับ “ไม่ทราบว่ามีอะไรจะสั่งเหรอคะ”
“ฉันซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ส่งรูปให้ในวีแชท” เถ้าแก่หอน้ำชาพูดอย่างรวดเร็ว “เธอเอาเอกสารในลิ้นชักของฉันมอบให้คุณผู้หญิงคนนี้ ต่อไปเธอก็คือเจ้านายของพวกเธอแล้ว พวกเราก็บ๊ายบายกันนะ”
พนักงานเคาน์เตอร์ค่อนข้างสับสน
เธอเปิดวีแชทดู ผ่านไปสักพักถึงเงยหน้าขึ้นอย่างอึ้งๆ มองเด็กสาว “คุณ…คุณก็คือเจ้านายคนใหม่ของพวกเราเหรอคะ เถ้าแก่บอกให้ฉันเอาซองเอกสารที่เตรียมไว้แล้วให้คุณค่ะ”
ริมฝีปากแดงที่มีรอยยิ้มของหญิงสาวค้างเติ่ง
“เอาไว้ก่อน” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เชิญเธอออกไป”
พนักงานเคาน์เตอร์มองหญิงสาวด้วยความลังเล “คุณเกาคะ ขอโทษด้วยค่ะ บอสเอ่ยปากแล้ว กรุณาออกไปด้วยค่ะ”
เธอเป็นแค่พนักงาน ยังไงก็ต้องฟังเจ้านาย
ใบหน้าของหญิงสาวเดี๋ยวดำเดี๋ยวเขียว สีหน้าจนตรอกในชั่วขณะ
เธอสูงหนึ่งร้อยหกสิบสี่เซนติเมตร แถมยังใส่รองเท้าส้นสูงที่หนาห้าเซนติเมตร
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ก็ยังคงเตี้ยกว่าอิ๋งจื่อจินครึ่งหัว
บุคลิกจะโดดเด่นแค่ไหนก็ดูด้อยลงทันที
หญิงสาวกัดฟัน หันออกแล้วรีบเดิน
ราวกับกำลังลี้ภัย
สถานการณ์พลิกผันเร็วมาก เนี่ยเฉางงเป็นไก่ตาแตก
“โอ้โห บอส ซื้อได้ไงเนี่ย” เขาเพิ่งจะทันตะลึง “ไม่ถูกสิ บอสซื้อตั้งแต่เมื่อไร”
พวกเขาอยู่ที่นี่กันตลอด ไม่เห็นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย
อิ๋งจื่อจินถือขนมที่ห่อเสร็จเรียบร้อย พูดคำเดียวอย่างไม่ใส่ใจ “สตาร์”
ยังไงซะเธอก็ต้องซื้อ ซื้อก่อนซื้อหลังก็ไม่ได้ต่างกัน
เนี่ยเฉาถึงนึกขึ้นได้ แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ที่ถูกเรียกว่าบัค
ตอนที่เริ่มเปิดตลาดตอนแรกสุด สโลแกนของสตาร์ก็คือ…
ไม่มีอะไรที่คุณหาซื้อไม่ได้ มีแต่คุณนึกไม่ถึงเท่านั้น
แม้แต่ราชรัฐยังเอามาซื้อขายได้ แล้วกับแค่หอน้ำชาทำไมจะไม่ได้
แต่ว่าซื้อหอน้ำชาได้ ระดับสมาชิกสตาร์ต้องสูงมากแน่นอน
ของที่ราคาสูงแบบนี้ สมาชิกระดับล่างถ้าไม่มีเงินค้ำประกัน ทางแพลตฟอร์มไม่มีทางขายให้
เนี่ยเฉาก็เคยซื้อของในสตาร์อยู่ไม่น้อย แต่เป็นแค่ของใช้ประจำวัน ยังไม่เคยซื้อของชิ้นใหญ่
แต่ว่าท่านผู้เฒ่าบ้านเขา เมื่อห้าปีก่อนประมูลคฤหาสน์โบราณในยุโรปจากเว็บสตาร์ ได้ยินว่าสืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสี่ ทิวทัศน์ดีมาก
ผู้เฒ่าเนี่ยซื้อคฤหาสน์แห่งนี้ก็เพื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้ยกตระกูลเนี่ยให้ลูกหลานแล้วตัวเองจะได้ไปใช้ชีวิตเกษียณที่นั่น
แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาไม่สำเร็จมาตลอด
เนี่ยเฉาสงสัยเหลือเกิน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “คุณเปิดบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ไม่รู้จักเหรอ”
“อ๋อ เรื่องนี้เหรอ” เนี่ยเฉาเกาหัว “ผมก็แค่เปิดเล่นๆ ไม่ได้คิดจะหากำไร”
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมโปรดิวเซอร์ถึงอาศัยละครที่น้ำเน่าขนาดนั้นทำเงินกลับมาให้มากพอสมควร
อิ๋งจื่อจินตอบ “อืม บ้าพอสมควร ไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอก”
…
อิ๋งจื่อจินเดินเล่นรอบๆ หลังจากที่เอาขนมไปให้ฟู่อวิ๋นเซินก็กลับห้อง
มีข้อความหลายข้อความในวีแชท ซังเย่าจือส่งมา
ตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อน
[หมออิ๋งครับ ขอโทษจริงๆ ครับ วันนี้คนที่ไปหาคุณคือประธานของบริษัทเรา คราวก่อนเธอเห็นผมคุยกับคุณเลยเข้าใจผิดคุณ อยากให้คุณอยู่ห่างจากผม สมองเธอไม่ค่อยจะปกติน่ะครับ ถึงได้เกิดเรื่องเมื่อวานขึ้น ต้องขอโทษจริงๆ ครับ]
อิ๋งจื่อจินไม่แปลกใจ
ชุดแดนเซอร์ที่หายไป ภาพกล้องวงจรปิดที่ถูกตัด เป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้น
เพียงแต่ฝีมืออ่อนมาก ไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าทำร้ายหน้าใหม่ในวงการบันเทิงก็พอจะไหวอยู่
[ไม่เป็นไร ไม่เกี่ยวกับคุณ]
พอส่งข้อความนี้เสร็จ ซังเย่าจือก็ตอบกลับไวมาก
[ไม่ว่ายังไงหมออิ๋งก็ซวยเพราะผม โชคดีที่คุณหมอไม่เป็นไร ต่อไปถ้าหมออิ๋งมีอะไรให้ช่วย ผมจะช่วยแน่นอนครับ]
อิ๋งจื่อจินอ่านข้อความนี้พลางครุ่นคิด
เธอคิดแล้วก็ตัดสินใจพูดมากหน่อย
[ขอเตือนคุณสักหน่อย ถ้าไม่อยากตายก็รีบเปลี่ยนบริษัทให้เร็วที่สุด]
ซังเย่าจือที่นั่งอยู่ในรถตู้นักแสดงพอเห็นข้อความนี้ก็ตกอยู่ในห้วงความเงียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็หันไปหาผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งข้างๆ “รู้ไหมว่าสัญญาของผมกับซิงเฉินเหลืออีกนานเท่าไร”
ผู้จัดการส่วนตัวอึ้ง จากนั้นถึงตอบ “ยังเหลืออีกครึ่งปี”
ซิงเฉิน หรือ ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ ตอนนี้เป็นบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ที่อยู่ในสามอันดับแรกของประเทศจีน
แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนเป็นเพียงสตูดิโอเล็กๆ
จนกระทั่งทำให้ซังเย่าจือแจ้งเกิดเป็นราชาภาพยนตร์ได้ ซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ถึงได้ใหญ่โตขึ้นมา
เพียงแต่คนนอกต่างบอกว่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ใช้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม เด็กฝึกหลายคนเซ็นสัญญาแล้วแต่กลับไม่ให้โอกาสได้แจ้งเกิด อยากยกเลิกสัญญาก็ไม่มีเงิน เส้นทางการแจ้งเกิดจึงต้องหยุดลงเพียงเท่านี้
ตอนนั้นที่ซังเย่าจือเซ็นสัญญากับซิงเฉินยังมีอายุแค่สิบหกปี
เซ็นครั้งเดียวก็ตั้งสิบปี
ส่วนตอนนี้เขาเองก็อายุยี่สิบหกแล้ว ยังคงใช้สัญญาเมื่อสิบปีก่อน
ราชาภาพยนตร์รางวัลโกลด์เด้น ฟลาวเวอร์มีเกียรติมาก แต่เงินตอบแทนที่ได้มากลับถูกซิงเฉินหักจนหมด
“อืม” ซังเย่าจือเงียบไปชั่วครู่ “อีกครึ่งปีสัญญาหมดก็ไม่ต่อแล้ว”
ผู้จัดการส่วนตัวก็รู้สถานการณ์ในซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ เขาเห็นด้วย “ด้วยสถานะของนาย ซิงเฉินไม่มีทางบีบบังคับนาย และก็ไม่มีทางออกคำสั่งแบนอะไรด้วย เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องออก แต่ประธาน…”
เขาส่ายหน้า ไม่พูดต่อ
ดูเหมือนคนปกติ แต่แท้จริงแล้วเป็นยายบ้า
…
วันที่ 5 พฤษภาคม บรรดาอาจารย์ของชั้นมอห้าจบช่วงวันหยุดก่อน กลับมาที่โรงเรียน
พวกเขาต้องคำนวณคะแนนสอบกลางภาคออกมาก่อนเปิดเรียนวันพรุ่งนี้ จัดเรียงอันดับ จากนั้นก็ติดรายชื่อนักเรียนที่อยู่ร้อยอันดับแรกลงบนบอร์ดประกาศของโรงเรียน
เดิมทีคิดว่าจะเป็นงานที่ง่าย แท้จริงแล้วมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่ผลการสอบครั้งนี้…
อาจารย์หลายคนจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ ต่างตกอยู่ในห้วงความเงียบ
มองหน้ากัน ต่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ทันใดนั้นอาจารย์ฝ่ายวิชาการที่สวมเสื้อแขนสั้นตัวใหม่ก็เอามือไพล่หลังเดินเข้ามา “คะแนนรวมออกหรือยังครับ”
บรรดาอาจารย์หันมาก็เห็นอาจารย์ฝ่ายวิชาการที่ถูกแดดเผาจนตัวดำเมี่ยม “…”
อาจารย์ที่รับหน้าที่คำนวณคะแนนรวมทำหน้าพิลึก พูดอย่างยากลำบาก “ออกมาแล้วครับ เพียงแต่ผลคะแนน อาจารย์ มันออกจะ…”
“ออกจะอะไรเหรอ” ได้ไปเที่ยวมาหนำใจ อาจารย์ฝ่ายวิชาการอารมณ์ดีมาก ส่ายมือ “ผมซื้อของฝากจากชายทะเลมาให้ทุกคนด้วย เดี๋ยวไปแบ่งกันนะครับ”
พวกอาจารย์มีอารมณ์แบ่งของฝากที่ไหนกัน ดันคอมพิวเตอร์ไปตรงหน้าอาจารย์ฝ่ายวิชาการ สีหน้าเรียบเฉย “อาจารย์ดูเอาเองดีกว่าครับ”
“ผมก็ต้องดูเองอยู่แล้ว เด็กตั้งเยอะคุณบอกไม่หมดหรอก ผมก็แค่อยากรู้ว่าที่หนึ่งเป็นใคร ได้คะแนนเท่าไร” อาจารย์ฝ่ายวิชาการหยิบแว่นในกระเป๋าเสื้อมาใส่แล้วมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ “แต่สีหน้าลำบากใจของคุณหมายความว่าไง ทำไม สอบครั้งนี้มันยากมาก คุณเลย…”
คำพูดหยุดอยู่ที่ตรงนี้