Tobioriru Chokuzen no Dokyusei ni xxx Shiyo! to Teian Shite mita
ชื่อไทย : เพื่อนร่วมชั้นกำลังจะกระโดดตึกตาย ผมจึงตะโกนออกไปว่า Seggg
Chapter : 5 คุรุมิซังน่ะหลุดไปแล้ว
.
.
.
ฉันลังเลสักครู่ก่อนจะตอบกลับเธอ อาจเป็นเพราะสามัญสำนึกที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวฉันเพียงเล็กน้อย ว่าผู้เยาว์ไม่ควรดื่มแอลกอฮอร์ มันคือเรื่องปกติ แต่ถึงอย่างไร คุรุมิซังก็คะยั้นคะยอชวนผมดื่มอย่างไม่ลดละ
——ไม่สมเป็นคุรุมิซังเลย
ไม่เห็นจะเป็นไร ต่อให้เป็นผู้เยาว์แต่ดื่มแอลกอฮอร์ที่บ้านโดยที่ไม่ถูกจับได้ก็คงไม่ถูกต่อว่าหรอก แต่อย่างไรก็ตาม โคกะ คุรุมิ เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ชอบการกระทำแหกกฎด้วยความคิดว่าตราบใดที่ไม่ถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร
แต่เธอกลับบอกว่ามาดื่มกันโดยไม่สนใจสามัญสำนึก
มีความคิดบ้าบอเหมือนกับฉัน…งั้นเหรอ งั้นเองสินะ
ฉันตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่าทำไมฉันถึงไม่สังเกตจนกระทั่งถึงตอนนี้
——เดิมทีแล้ว ถ้าไม่บ้าพอก็ไม่มีทางที่เด็กผู้หญิงจะพยายามคิดฆ่าตัวตายหรอก
พูดได้อีกอย่างก็คือคุรุมิซังน่ะหลุดไปแล้ว
“เอาล่ะ งั้นมาดื่มกันโลด! ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันดื่มด้วยก็เถอะ!”
อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจที่จะดื่มของฉันแตกต่างจากเธอย่างสิ้นเชิง ฉันเพียงแค่อยากจะดื่มกับคุรุมิซังเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลย ฉันอยากจะเห็นคุรุมิซังตอนเมา! …ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงหรอกนา?
“…จริงเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องโม้เลยนะ ที่จะบอกว่าฉันเป็นเหมือนตัวแทนของเด็กมอปลายดีเด่นทุกคนน่ะ? ฉันไม่เคยคิดทำเรื่องแหกกฎอย่างการดื่มหรอกนะ!”
“ขี้โม้จังนะ…”
“จริงๆนะ ไม่เคยดื่มสักหยดเลย!”
“…แล้วถ้างั้น นายจะตำหนิฉันเหรอที่ชวนให้ดื่มแบบนี้น่ะ?”
คุรุมิซังมองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่สบายใจ อยากกอดเธอตอนนี้ชะมัด แต่ฉันก็อดทนและขจัดความรู้สึกนั้นออกไป ฉันอยากให้เธอยิ้มมากกว่า ใบหน้าที่เป็นกังวลมันไม่เหมาะกับเธอแม้แต่นิด
“ไม่มีทางน่า! ฉันดีใจที่ได้รับประสบการณ์ครั้งแรกของคุรุมิซังนะ หลังจากดื่มแล้วก็คงเมาแหง…จากนั้นเราก็มาทำกันดีกว่า! มาทำกันเถอะเนอะ!”
“ระ โรคจิต! ไม่ทำหรอกย่ะ!? ฉันจะไม่เมาเด็ดขาด!”
“หุหุหุ เรื่องนั้นไว้หลังจากนี้ค่อยคิดก็ได้”
“อุหวา เสียงหัวเราเมื่อกี้น่าขนลุกจริงๆ สมกับเป็นบ้าวิตถารคุงจริงๆ”
“อย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้นน้า!”
หลังจากลังเล คุรุมิซังก็หยิบโซจูเข้มข้นขึ้นมา ส่วนฉันก็เลือกเบียร์กระป๋อง ทั้งคู่เปิดกระป๋องแทบจะพร้อมกัน แล้วชนกระป๋องเข้าด้วยกัน
“คัมปาย!”
“เฮ้อ คัมปาย แต่เสียใจนะ ฉันคงไม่เมาหรอก”
***
“อ้า~ ฉันไม่เอาแล้ว~ ไหงฉันถึงต้องมาโดนกล่านนนแกล้งด้วย!!”
ไม่นานนักหลังจากที่เริ่มดื่ม ภายนอกหน้าต่างมืดลง เมื่อฉันดูนาฬิกาเพื่อดูว่าเวลาเท่าไหร่แล้ว ก็พบว่าทั้งเข็มยาวและสั้นกำลังชี้อยู่ที่เลขสี่
ฉันละสายตาจากนาฬิกาและมองไปที่คุรุมิซังซึ่งมีแก้วสาเกอยู่ในมือ ทรงผมยุ่งกระเซิง พวงแก้มแดงระเรื่อ ระยะห่างระหว่างเราลดน้อยลงจนสามารถรับรู้ถึงความร้อนของร่างกาย
“นั่นน่ะสิ! ทำไมคุรุมิซังถึงต้องมาโดนรังแกด้วย! นึกแล้วเดือด!”
“ช่าย! บ้าวิตถารคุงเนี่ยรู้ดีจริงๆด้วย! สมกับเป็นสตอร์กเกอร์!”
“ไม่ใช่สตอร์กเกอร์สักหน่อย! ความรักตะหาก!”
“ความรัก?…นายรักฉันงั้นเหรอ?”
คุรุมิซังทาบนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากอันชุ่มชื้นและถามออกมา หัวใจของฉันละลายไปกับท่าทางนั้น
“รักที่สุดดดดดดดดด!”
“อะฮะฮ่า นายเมาซะแล้ว!”
“คุรุมิซังเองก็เหมือนนั่นแหละ มีกลิ่นเหล้าโชยหึ่งเลย! *ฟุดฟิด* ฮ่าฮ่า”
“หุหุ ตื่นเต้นกับกลิ่นของฉันล่ะสิ?”
“ครับ! ตื่นเต้นโครตๆเลยครับ! เพราะงั้นมามีเซ็กส์กันเถอะ!”
“เอ๊ แต่ว่า อืม”
“เอ๊ะ! ยอมตกลงด้วย!? นี่เป็นโอกาสเดียวงั้นสินะ!?”
“ก็น้า ที่บอกว่ารักก็เหมือนจะจริงซะด้วยซี่~ พวกเราก็คุยกันมาสักพักแล้วซี่~ แล้วมันก็น่าอายที่ฉันยังเป็นสาวบริสุทธ์อยู่ด้วยซี่~”
“!? บ-บ-บ-บริสุทธ์อยู่งั้นเหรอ!?”
“เป็นสตอร์กเกอร์แท้ๆแต่ไม่รู้หรอกหรอเนี่ย”
“ไม่รู้เลย”
“มีความสุขไหม?”
“มีความสุขสิ!”
“หืมม”
คุรุมิซังย่นระยะเข้ามากระชิดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เดิมทีก็ค่อนข้างจะชิดกันอยู่แล้ว แต่ถ้ามากกว่านี้ร่างกายก็จะสัมผัสกันอย่างแนบชิด แต่จะว่าไปฉันก็กุมมือเธอไว้มาสักพักแล้ว แล้วมันก็เป็นการจับมือโดยประสานนิ้วแบบคู่รักอีกด้วย
เมื่อฉันประหม่าใจเต้นแรง เธอจึงยิ้มอย่างเย้ายวนและกระซิบที่ข้างหู
“อยากไหม?”
“…! อยากสิครับ! แต่ จะดีเหรอ?”
“อืมม นั่นสิน้า เอายังไงดีล่ะ…อืม เอาเถอะ ช่วยฉันไว้ด้วยซี่…”
คุรุมิซังชำเลืองมองฉันจากด้านข้าง ถูต้นขาเราเข้าด้วยกันแล้วพูดว่า “ได้สิ” แล้วลุกยืนขึ้นอย่างกระตือรือร้น ขณะที่ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น คุรุมิซังก็ขึ้นมานั่งบนตักของฉันโดยหันหน้าเข้าหากัน
“…!”
ต้นขาของฉันรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม ใบหน้าที่งดงามได้รูปอยู่ตรงหน้า ฉันกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“รักฉันไหม?”
“รักที่สุดเลยล่ะ”
“มากกว่าใครในโลกไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ”
“อุฮุฮุ…งั้นมองตาฉันสิ”
ฉันมองเข้าไปดวงตาที่มึนเมาของเธอซึ่งดูยั่วยวน ไม่ได้พูดเกินจริงเลยว่านี่มันปาฏิหารย์ชัดๆที่ฉันยังคงรักษาเหตุผลอยู่ได้
“บอกรักฉันอีกสิ”
“เอ๊ะ?”
“บอกไม่ได้เหรอ?”
“รักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะรักนะ”
ไม่มีความละอายในการบอกรักนี้ ฉันพูดออกไปโดยไม่ลังเล
ฉันพูดสิ่งที่ต้องการออกมาจากใจจริง——วินาทีต่อมาปากของฉันก็ถูกปกคลุมไปด้วยบางสิ่งที่อ่อนนุ่ม มันคือริมฝีปากของคุรุมิซัง…เมื่อฉันรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน บางสิ่งที่บางและลื่นก็รุกเข้ามาในปากฉัน
“…อืน…ฟุ ฮึ่ม…อืม….อาห์♡”
เสียงพ่นลมหายใจ สูดลมหายใจ และเสียงหอบของคุรุมิซังทำให้สมองของฉันหลอมละลาย แย่ล่ะ นี่มันการเสพติดชัดๆ
เมื่อกลิ่นของคุรุมิซังเริ่มเข้าครอบงำฉัน เธอก็ดึงริมฝีปากออกไป
“ฉันชอบคำว่ารัก และการจูบนี่คือข้อพิสูจน์เรื่องนั้น”
“…คุ คุรุมิซัง!”
ฉันถึงขีดจำกัดของความอดทน ฉันโผกอดเธอและคราวนี้ฉันพยายามจะจูบเธอด้วยตัวเอง——
“ฟู่ว ฟู่ว…งืมงำงืมงำ”
“………โกหก ใช่ไหมเนี่ย?”
ฉันลังเลที่จะปลุกคุรุมิซังที่กำลังหลับอย่างสบายใจ และฉันไม่อยากที่จะจู่โจมเธอในขณะที่กำลังหลับ เพราะฉันรักเธอ ดังนั้นจึงอยากให้มีการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้นฉันจึงมักบอกเธอว่า “มามีเซ็กส์กันเถอะ!”
ฉันปล่อยคุรุมิซังลงข้างๆ แล้วเธอก็เอาศรีษะมาซบไหล่ฉัน
แย่ล่ะ กลิ่นหอมหวานของคุรุมิซังทำให้จมูกของฉันจั๊กจี้ ฉันใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงฉากเมื่อก่อนหน้านี้ อุก ม-ไม่ไหว น่าอายชะมัด!
“อืม….ฮืมม…”
“อะบะบะบะบั่ก”
“หยวกหูวว…”
“ (อะบะบะบะบั่ก) ”
ค่ำคืนยังคงดำเนินต่อไป——
—————
หวานจัดๆ ผมขอตัวไปโรงบาลแปป น้ำตาลขึ้น ตอนแรกว่าจะเก็บไว้ตอนเช้า ไม่ไหวละ
—————
แปลผิดตรงไหนขออภัย พอดีไม่ช่ำ