ตอนที่ 1880 จุดจบของพระสนมฉิน (1)
แต่ว่าไม่นานเกล็ดมังกรก็ปรากฏขึ้นบนร่างของหญิงสาว…
ใช่แล้ว เกราะเกล็ดมังกรส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์
เมื่อพระสนมฉินที่กำลังดูอยู่ด้านข้างเห็นแบบนี้ ดวงตาของนางก็ฉายแววละโมบ “เกราะเกล็ดมังกรนี้ก็เป็นของตระกูลฉีเหมือนกัน! ฉีซู ไอ้เด็กสารเลวขโมยไปเพื่อเอาชนะใจสตรีผู้นี้ ผู้อาวุโสหวัง ท่านต้องเอาเกราะออกมาจากสตรีผู้นี้นะเจ้าคะ นางไม่คู่ควรที่จะใส่มัน!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉีซูก็ส่งยิ้มเหยียดหยามไปให้นาง “พระสนมฉิน เหตุใดเจ้าไม่บอกว่าสมบัติทั้งโลกเป็นของตระกูลฉีไปเลยล่ะ
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่พระสนมฉิน ถึงแม้ว่าคนที่มุงดูเหตุการณ์จะไม่กล้าพูดอะไรเพราะหวาดกลัวราชวงศ์ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่นี่ พวกเขาประหลาดใจที่พระสนมฉินเป็นคนโลภมากขนาดที่ไม่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเอาอะไรออกมา นางก็จะบอกว่าของสิ่งนั้นเป็นของนาง!
ผู้อาวุโสหวังหน้าบึ้งแล้วเหลือบมองพระสนมฉินอย่างไม่พอใจ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเชื่อคำพูดของพระสนมฉินมากแต่ตอนนี้เขาก็ลังเล…
พระสนมฉินไม่มีความรู้ แต่ว่าเขารู้ดีว่าเกราะเกล็ดมังกรได้มาจากการที่เจ้าของต้องดื่มเลือดมังกร แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าเลือดของมังกรทุกตัวจะเกิดผลแบบนี้ มังกรที่สามารถทำให้เกิดเกราะเกล็ดมังกรได้หายากมาก
กระบวนการได้มาก็เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาไม่เชื่อว่าคนของตระกูลฉีจะสามารถทนความเจ็บปวดนั้นได้
แต่ไม่ว่าในความคิดผู้อาวุโสหวังจะสงสัยมากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้แสดงออกไป เขาขมวดคิ้ว “เด็กน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีสมบัติล้ำค่าแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงไม่อ่อนข้อเวลาสู้กับเจ้าแล้ว”
ตูม!
จากนั้นเขาก็ออกหมัดต่อยอวิ๋นลั่วเฟิงเต็มแรง
ร่างของอวิ๋นลั่วเฟิงพุ่งออกไปราวกับสายลม นางหลบการโจมตีของผู้อาวุโสหวังได้อย่างง่ายดายและจากนั้นก็เคลื่อนตัวไปข้างหลังเขา จู่ๆ กระบี่ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือนาง
นางเงื้อมือฟันเขาทันที
ผู้อาวุโสรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ด้านหลังจึงรีบหลบ ทำให้กระบี่ยาวฟันลงไปที่พื้นเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่จนผู้อาวุโสหวังเองก็ดูปั่นป่วนเล็กน้อย
คนทั้งหมดบนถนนที่เห็นฉากการต่อสู้ก็รีบถอยออกไปทันที ด้วยความกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการต่อสู้
การต่อสู้ยังไม่จบ!
ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนแต่นางก็ไม่ได้เคลื่อนที่ช้ากว่าผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ นอกจากนี้นางยังมีเกราะเกล็ดมังกรทำให้ความทนทานทางกายภาพของนางเพิ่มขึ้นมาก
ดังนั้นแล้ว…
คนที่อ่อนแอจึงเห็นเพียงแต่ประกายไฟพุ่งอยู่กลางอากาศแล้วไม่สามารถเห็นการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนได้ชัดเจน
พระสนมฉินวิตกกังวล “ผู้อาวุโสหวัง ท่านไม่ได้บอกว่าจะสู้กับนางอย่างเต็มที่หรอกหรือ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียน ท่านควรจะเอาชนะนางได้ด้วยพลังแค่หนึ่งในสามด้วยซ้ำ เหตุใดท่านถึงไม่สังหารนาง เร็วเข้า สังหารนางซะ! แล้วเอาเกราะเกล็ดมังกรของข้ากลับมา!” …
ผู้อาวุโสหวังที่อยู่บนฟ้าก็หยิบอาวุธออกมาแล้ว เขาไม่กล้าดูถูกคู่ต่อสู้อีกต่อไป แต่ว่าถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดูปั่นป่วนเมื่อต้องปะทะกับอวิ๋นลั่วเฟิงที่มีเกราะเกล็ดมังกรคอยปกป้อง
ผู้อาวุโสหวังที่กำลังวิตกกังวลก็ไม่ใส่ใจคำพูดของพระสนมฉินและรู้สึกขมปร่าในปาก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้แรงขนาดนี้สู้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง…
…………………………
ตอนที่ 1881 จุดจบของพระสนมฉิน (2)
โดยเฉพาะเมื่อการเผาผลาญพลังฌานขณะต่อสู้ของผู้อาวุโสหวังรวดเร็วมาก แล้วเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าที่ควรจะเป็น
กลับกันการโจมตีของอวิ๋นลั่วเฟิงยิ่งรุนแรงขึ้นราวกับว่านางมีพลังฌานไม่จำกัด
สีหน้าของผู้อาวุโสยิ่งกังวลมากขึ้น เขารีบมุ่งหน้ามาที่นี่เร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเรียกผู้อาวุโสคนอื่นมาด้วย เขาก็คงไม่ฝืนใช้พลังมากขนาดนี้
ตอนที่ผู้อาวุโสหวังกำลังจะแพ้ เสียงกระจ่างใสก็ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“ผู้อาวุโสหวัง หยุดการโจมตีเดี๋ยวนี้! ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายฉีซูและแม่นางอวิ๋น เจ้าก็เตรียมตัวรับการทรมานจากผลที่ตามมาได้เลย!”
สีหน้าของผู้อาวุโสหวังเปลี่ยนไปทันที
เหตุใดองค์หญิงสี่ถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ว่าการที่องค์หญิงสี่มีสัญญาหมั้นหมายอยู่กับฉีซูก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ว่านางจะมาที่นี่
แต่ที่นางพูด…นางหมายความว่าอย่างไรที่ว่าทำร้ายสตรีผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนที่โดนรังแกไม่ใช่หรือ
มู่เสวี่ยซินพุ่งตัวผ่านฝูงชนด้วยใบหน้าแดงก่ำจากการวิ่งมาเร็วเกินไป
ฉีหลิงที่ตามหลังนางมาก็หอบจนไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว แต่ว่าหลังจากที่มู่เสวี่ยซินเห็นฉากบนท้องฟ้า นางก็ชะงัก
นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน พูดกันตามเหตุผลแล้ว ไม่ใช่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงควรเป็นคนที่โดนผู้อาวุโสหวังรังแกหรอกหรือ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าผู้อาวุโสหวังกำลังเสียเปรียบ
เมื่อเห็นมู่เสวี่ยซินมาถึงแล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงก็ถอนกลิ่นอายของนางกลับมาแล้วเดินลงมาจากฟ้าอย่างเฉยชา เมื่อผู้อาวุโสหวังเห็นการกระทำของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็พุ่งเข้ามาหานางด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย็นเยียบขณะที่ลงมือโจมตี
แต่ว่า…ราวกับอวิ๋นลั่วเฟิงมีตาหลัง ทันทีที่ผู้อาวุโสหวังเข้ามาใกล้นาง นางก็หันกลับมาทันทีแล้วปล่อยฝ่ามือกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขา
ผู้อาวุโสหวังไม่คิดว่าการลอบโจมตีของเขาจะโดนรู้ทันเข้าจึงไม่ได้เตรียมป้องกันการโจมตีจากนางแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังโจมตีเข้าที่กึ่งกลางหน้าอกของเขาพอดีทำให้เขากระอักเลือดออกมาทันที จากนั้นก็ร่วงลงมาจากฟ้าแล้วกระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
เขาหายใจหอบอย่างยากลำบากอยู่ภายในหลุมและรู้สึกเจ็บบริเวณหัวใจอย่างสาหัส แม้แต่จะหายใจก็ลำบาก โชคดีที่เขาเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์และคงใช้เวลาไม่นานในการค่อยๆ ฟื้นฟู ถ้าเข้าแข็งแกร่งน้อยกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ไม่แน่เขาอาจจะตายในทันที…
ฉีเจิ้งหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
ถ้าสตรีผู้นี้สู้กับข้าแทนที่จะเป็นอวิ๋นอี้ ข้าไม่มีทางมีชีวิตรอดจากการโจมตีของนางได้เลย และคงตายทันทีที่ปะทะกัน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉีเจิ้งก็ดีใจ เขาดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่
ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงลงมาจากท้องฟ้า เกราะเกล็ดมังกรก็หมดเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่หยุดการโจมตีของนางเร็วขนาดนี้
“แม่นางอวิ๋น ท่านเป็นอะไรหรือไม่” มู่เสวี่ยซินได้สติจากความตะลึงแล้วก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงสบายดี ถึงอย่างไรอวิ๋นลั่วเฟิงก็เป็นผู้มีพระคุณของเสด็จพ่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางหรือถ้านางได้รับบาดเจ็บจากคนในราชวงศ์ นางจะไม่มีทางยกโทษให้ตัวเองแน่
“องค์หญิง!”
ผู้อาวุโสหวังไม่รอให้อวิ๋นลั่วเฟิงได้พูดก็ปีนขึ้นมาจากหลุมลึกแล้วเอามือกุมหน้าอกขณะที่พูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “ข้ารู้ว่าท่านหมั้นหมายอยู่กับฉีซู แต่สตรีผู้นี้และฉีซูทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์ ท่านจะปกป้องพวกเขาไม่ได้!”
ทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์งั้นหรือ
มู่เสวี่ยซินยิ้มเย็นแล้วเหลือบมองพระสนมฉินที่หน้าซีดด้วยความกลัว ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตาของนาง
“เจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือไม่”
“เรื่องนี้…” ผู้อาวุโสหวังสะดุ้ง “พระสนมฉินบอกว่าแบบนั้น นางบอกว่าสตรีผู้นี้บังคับให้นางคุกเข่าแล้วยังบอกว่าราชวงศ์สมควรต้องคุกเข่าให้นาง!”