ตอนที่ 355 ความโกลาหล
เดือนสามวันที่ 25 ยามเว่ย
งานชุมนุมวรรณกรรม ณ วัดหานหลิงแห่งราชวงศ์อู๋ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
บัณฑิตทั้งหลายต่างยืนอย่างสงบเบื้องหน้าของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ผู้ที่อยู่บนเวทีคือผู้อาวุโสเหวินชังไห่แห่งสำนักศึกษาฮ่านหลินคนปัจจุบัน
เขามองไปยังบัณฑิตกลุ่มนั้น นับจำนวนคนอย่างเงียบงัน และได้แสดงท่าทีเคร่งขรึมออกมา
“งานชุมนุมวรรณกรรมในวันนี้ การประลองกระดานแรกคือกลอนตุ้ยเหลียนที่เป็นพื้นฐานที่ง่ายสุด มีเวลาในการประพันธ์กลอนตุ้ยเหลียนทั้งหมด 1 ก้านธูป ทุกท่านโปรดวางใจ ธูปนี้เป็นธูปสูง ใช้เวลาเผาไหม้ถึง 1 ชั่วยาม”
“รอบด้านจะมีบทกลอนตุ้ยเหลียนร่างไว้ให้ หากบัณฑิตคนใดต่อบทได้แล้วให้เขียนลงบนกระดาษ ลงนามเอาไว้ รอจนถึงเวลา กลอนตุ้ยเหลียนทุกบทจะถูกส่งให้กับหอป๋อเสวียเป็นผู้ตรวจสอบ”
จากนั้นเหวินชังไห่จึงได้ประกาศรายชื่อผู้ตรวจสอบของงานชุมนุมวรรณกรรมในครานี้ ทั้งหมดคือนักปราชญ์แห่งราชวงศ์อู๋ มีเหวินสิงโจวเป็นประมุข และมีผู้ตัดสินทั้งหมดถึง 9 คน
เหล่าบัณฑิตที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบ ถูฝ่ามือกำหมัดอย่างตั้งมั่น กลอนตุ้ยเหลียนนี้มิได้ยุ่งยากเท่าบทกวีหรือบทความ ฟู่เสี่ยวกวนผู้นั้นได้ดีทางด้านบทกวีและบทความ แต่มิเคยได้ยินว่าเขาเขียนกลอนตุ้ยเหลียนได้น่าทึ่งมาก่อน
ดังนั้นในกระดานแรกนี้ ต้องเอาชนะเขาให้ได้อย่างสุดกำลัง เพื่อชดเชยความพ่ายแพ้ที่อาจจะเกิดขึ้นในการประลองบทกวีของวันพรุ่งนี้
ศิษย์ทั้งหกแห่งหลานซียืนอยู่ใจกลางลานแห่งนี้ รอบด้านของพวกเขาย่อมเป็นบัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋
จัวตงหลายยืนสองมือไขว้หลัง ใบหน้ามีรอยยิ้มเรียบเฉยประดับอยู่
ท้ายที่สุดอู๋หลิงเอ๋อร์ก็มิได้มา ในขณะที่เขาผิดหวังก็ได้มีความดีใจปะปนเข้ามา นั่นก็อธิบายเรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทได้อย่างชัดเจนแล้ว น่ากลัวเรื่องที่น่าจับตามอง จะกลายเป็นเรื่องจริง
มิเช่นนั้นแล้วอู๋หลิงเอ๋อร์ที่ชื่นชมฟู่เสี่ยวกวน จะมีเหตุผลอันใดที่นางจะมิมาที่นี่เพื่อดูท่วงท่าการประพันธ์บทกวีของฟู่เสี่ยวกวนกัน
อู๋หลิงเอ๋อร์ย่อมมิสามารถอภิเสกสมรสกับฟู่เสี่ยวกวนได้เป็นแน่ เมื่อนั้นปมในใจจึงคลายออก จัวตงหลายจึงกลับมามีราศีดังเก่าอีกครา
“ศิษย์พี่ กลอนตุ้ยเหลียนในรอบนี้ พวกเราย่อมชนะได้อย่างแน่นอน ! ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายจัวตงหลายกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ
จัวตงหลายพยักหน้าน้อย ๆ “มิเพียงแต่กลอนตุ้ยเหลียน บทกวีในวันพรุ่งนี้ จนถึงบทความในวันมะรืน ข้าก็จะคว้าพวกมันมาทั้งหมด ! ”
เขากล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่ง ท่าทางของจัวตงหลายมั่นใจเป็นอย่างมาก ในคำกล่าวนั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง และได้ส่งผลไปถึงคนรอบข้าง
สตรีในชุดขาวผู้หนึ่งเดินออกมายืนตรงข้ามกับจัวตงหลาย สายตาของนางตกลงที่ใบหน้าหล่อเหลาของจัวตงหลาย และริมฝีปากบางก็ยกยิ้มน้อย ๆ “เมื่อพี่จัวกล่าวเยี่ยงนี้ ข้าในฐานะคนของราชวงศ์อู๋ จะมิแพ้อย่างแน่นอน”
หลังจากนั้นสายตาของนางก็กวาดมองศิษย์ทั้งหกแห่งหลานซี และเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “บทกวีในงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้ จะถูกขับร้องเป็นคราแรกที่หลิวหยุนถาย ณ ทะเลสาบสือหลี่ หากทุกท่านได้รับรางวัลชนะเลิศหรือสามอันดับแรก ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่หลิวหยุนถายให้แก่ทุกท่าน ส่วนจะเป็นเยี่ยนเชี่ยวเอ๋อร์หรือแม่นางเมิ่งซีที่เป็นผู้ขับร้องบทกวีของทุกท่านนั้น จะให้ทุกท่านเป็นผู้เลือกด้วยตนเอง”
ทันใดนั้นฝูงชนก็แตกฮือ ใบหน้าจัวตงหลายสดใส ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเขากล่าวว่า “ในเมื่อคุณหนูถังซานกล่าวออกมาเยี่ยงนั้นแล้ว แล้วพวกข้าจะยอมแพ้ได้เยี่ยงไร…”
เขาหันมาโค้งคำนับให้แก่บัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋ทุกคน “ทุกท่านต่างก็เป็นเสาหลักแห่งราชวงศ์อู๋ เล่าเรียนคำสอน บทความ และบทกวีมาตั้งแต่เล็ก ด้านวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋หลังจากได้รับการผลักดันจากท่านอาจารย์เหวิน ยิ่งนานวันก็ยิ่งรุ่งเรือง ถึงแม้ฟู่เสี่ยวกวนจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เขาก็เป็นมนุษย์เช่นกัน มิใช่เทพยดา ดังนั้นทุกท่าน ข้า เยาว์ชนแห่งราชวงศ์อู๋ หากเพียงเอาชนะด้านวรรณกรรมที่เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของราชวงศ์หยูได้ ก็จะสามารถแสดงความองอาจของเยาว์ชนราชวงศ์อู๋ได้ และทั้งยังจะทำให้ด้านวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋รุ่งเรืองและโด่งดังไปทั่วทั้งใต้หล้า ! ”
ด้วยคำกล่าวที่ปลุกเร้า ก็ทำให้บัณฑิตราชวงศ์อู๋นับพันกว่าคนตื่นเต้นขึ้นมาทันพลันราวกับตีไก่ก็มิปาน
“เอาชนะฟู่เสี่ยวกวน ! ”
“เหยียบฟู่เสี่ยวกวนให้จมดินเสีย ! ”
“ให้พวกข้าใช้ปากกาดั่งมีด และบั่นศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนไปเสีย ! ”
“จัวตงหลาย ข้ารักเจ้า… ! ”
“หยุนหลีเกอ ข้าอยากมีบุตรกับเจ้า ! ”
“คุณหนูถังซาน ข้าจะคว้ารางวัลชนะเลิศมาให้ท่าน ! ”
“……”
คลื่นเสียงนี้สะท้อนไปทั่วลานกว้างขนาดใหญ่ และทะลุเข้าไปในหูของผู้คนมากมาย ฟู่เสี่ยวกวนมองไปยังกลุ่มบัณฑิตเหล่านั้นด้วยความประหลาดใจ และครุ่นคิด ให้ตายเถอะ ! ข้าถูกเชิญให้มายังสนามรบต่างหากเล่ามิใช่งานชุมนุมวรรณกรรมแล้ว !
บัณฑิตทั้งร้อยคนของราชวงศ์หยูย่อมมิปลาบปลื้ม ใครหน้าไหนมันมอบความกล้าให้กับพวกเจ้ากัน ?
ดังนั้นฉินเหวินเจ๋อจึงนำหน้าสบถใส่บัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋ก่อนเป็นคนแรก “ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? มิเหมาะสมแม้แต่จะถือรองเท้าให้อาจารย์เลยด้วยซ้ำ ! ”
อู๋เชวียก็ชูกำปั้นขึ้นตามไปติด ๆ และกู่ร้องว่า “อาจารย์ฟู่เสี่ยวกวนไร้พ่าย ! ”
ทันใดนั้นบัณฑิตทั้งร้อยคนก็ฮึกเหิมขึ้นมา และตะโกนใส่บัณฑิตของราชวงศ์อู๋ว่า
“อาจารย์ฟู่เสี่ยวกวนไร้พ่าย ! ”
“จัวตงหลายแม่งอายุเท่าใดกันเชียว กล้ากระทำตนโอหังต่อหน้าอาจารย์หรือ ? ”
“งานชุมนุมวรรณกรรมในใต้หล้ามาจากราชวงศ์หยู กากเดนเยี่ยงพวกเจ้ายังจะกล้ามาโวยวายต่อหน้าท่านอาจารย์อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“……”
การปะทะฝีปากของทั้งสองฝ่ายได้เริ่มขึ้น แต่บัณฑิตราชวงศ์อู๋มีมากกว่าบัณฑิตราชวงศ์หยูถึงสิบเท่า ดังนั้นเสียงจากทางบัณฑิตราชงวงศ์หยูจึงถูกกลบไปเรื่อย ๆ
ชางกวนเหมี่ยวหัวเสียมากยิ่งนัก มารดามันเถอะพวกเจ้ามันชอบเอาเปรียบ !
ดังนั้นหมัดของเขาจึงพุ่งออกไป “ข้าจะฆ่าเจ้า ! ” หมัดของเขาได้ต่อยลงบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งของราชวงศ์อู๋ที่กำลังได้รับความสนใจในช่วงนี้มากที่สุด ชายผู้นั้นถูกต่อยเสียจนหัวสะบัด และฟันของเขาก็ได้หักออกมาหนึ่งซี่อย่างคาดมิถึง
หมัดนี้ได้เติมเชื้อเพลิงความเดือดดาลของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นบัณฑิตราชวงศ์อู๋จึงปรี่เข้ามาทันพลัน และบัณฑิตของราชวงศ์หยูก็ได้ปรี่เข้าไปด้วยความหัวรั้นเช่นกัน
เหวินชังไห่ที่ยืนอยู่บนเวทีตกตะลึงเสียจนนิ่งค้างไปแล้ว
มิใช่ ข้ายังมิได้ประกาศกลอนคู่แรก นี่พวกเจ้ากำลังทำอันใดกัน ?
กลุ่มเยาว์ชนราชวงศ์อู๋ฮึกเหิมขึ้นมา เยาว์ชนของราชวงศ์หยูก็ต่อต้านอย่างสุดกำลัง ดังนั้น จึงมีเสียงครวญคราง เสียงกรีดร้อง และเสียงด่าทอดังขึ้นมา มีเพียงเสียงร้องไห้เท่านั้นที่มิได้ดังขึ้นมา
“เจ้าสุนัขนั้นมันต่อยหน้าข้า…ไอหยา… บัดซบ ! ”
“รองเท้าของข้า ใครเตะรองเท้าข้าไป ? ”
“บัดซบ ศิษย์พี่ท่านตีผิดแล้ว ข้าเป็นบัณฑิตราชวงศ์อู๋เช่นกัน ! ”
“……”
ในตอนที่ทั้งฝ่ายตกอยู่ในความโกลาหล ราชองครักษ์กลุ่มหนึ่งก็ได้ปรี่เข้ามา และแม่ทัพผู้หนึ่งก็คำรามขึ้นมาทันพลันว่า “ทั้งหมดจงหยุดมือ ใครลงมืออีก ข้า แม่ทัพผู้นี้ จะจับโยนเข้าคุกทั้งหมด มิว่าผู้ใดก็ตาม ! ”
เสียงนี้ได้สร้างผลลัพธ์ที่ดี ทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกัน จึงได้เห็นหน้าของแต่ละคนที่จมูกช้ำและหน้าบวม
ฟู่เสี่ยวกวนกวักมือเรียกฉินเหวินเจ๋อและคนอื่น ๆ บัณฑิตของราชวงศ์หยูถ่มน้ำลายใส่บัณฑิตของราชวงศ์อู๋ ก่อนจะกลับมาหาฟู่เสี่ยวกวนอย่างมิเต็มใจ แต่ละคนต่างก็กังวลเป็นอย่างมาก นึกกลัวว่าจะถูกอาจารย์ลงโทษ
“พวกเจ้าทำได้มิเลว เห็นได้ชัดว่าเอาชนะมิได้ แต่ก็ยังร่วมลงมือด้วยกัน สิ่งนี้แหละคือความสามัคคี ยอดเยี่ยม ราชวงศ์หยูมีเยาวชนเฉกเช่นพวกเจ้า จะต้องมีอนาคตที่สดใสเป็นแน่… ชางกวนเหมี่ยว ซังเหลียง เฉินชู่ และกงซุนเค่อ พวกเจ้าไปทำแผลเสีย อย่าได้พลาดเรื่องสำคัญต่อจากนี้เป็นอันขาด”
เยาวชนทั้งหนึ่งร้อยคน มีเพียงพวกเขาไม่กี่คนที่บาดเจ็บหนัก บนใบหน้าและมือต่างก็มีสีเลือดประดับไว้ โดยเฉพาะชางกวนเหมี่ยว สองตาของคนผู้นี้ถูกต่อยเสียจนเขียวช้ำ
ชายหนุ่มกลุ่มนี้ได้หัวเราะขึ้นมาท่ามกลางแสงแดด ฟู่เสี่ยวกวนไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิหรือด่าทอพวกเขา ฟู่เสี่ยวกวยกลับชื่นชมพวกเขา นั่นทำให้จิตใจของพวกเขามีความสุขและภาคภูมิใจยิ่ง
ฝานเทียนหนิงเดินเข้ามาหาฟู่เสี่ยวกวนพร้อมกับเสียงหัวเราะร่า และเลิกคิ้วขึ้น “ท่านพี่ฟู่ พวกเขาต่างส่งสาสน์ท้ารบมาแล้ว เจ้าจะรับมือเยี่ยงไร ? ”