ข่าวเจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองโยวหลิงเผยแพร่ออกมานานแล้ว สำหรับท่านยมราชคนใหม่นี้ เหล่าวิญญาณในเมืองโยวหลิงไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย เพราะว่าในเมืองผีมีมากที่สุดคือวิญญาณธรรมดา ยมราชเป็นใครไม่เกี่ยวกับพวกเขา
ดังนั้นจึงทำให้บางคนยังไม่รู้ว่าด้านบนเปลี่ยนคนแล้ว จนกระทั่งท่านยมราชคนใหม่ออกประกาศ ทำให้วิญญาณทั้งหมดในเมืองโยวหลิงรับรู้ถึงการมีอยู่ของท่านยมราชคนใหม่นี้
ประกาศนี้ปรากฏขึ้นในแต่ละเมืองผีอย่างกะทันหัน ไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับท่านยมราชคนใหม่ แต่กลับทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งเมืองโยวหลิง วิญญาณทั้งหมดในเมืองผีต่างตื่นเต้นขึ้นมา เพียงเพราะบนประกาศนั้นมีข้อความที่ดึงดูดใจผี
บนประกาศระบุไว้ว่า ยมทูตทั้งสามในเมืองโยวหลิงคิดถึงท่านยมราชคนก่อนมากเกินไป ไม่มีใจอยากจะรับตำแหน่งยมทูตอีกต่อไป อีกทั้งการฝึกฝนถึงช่วงติดขัด จึงได้อาศัยเวลานี้เดินทางไปฝึกฝนยังโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงมอบสมุดบันทึกความตายคืนแก่ท่านยมราช สละตำแหน่งยมทูต ท่านยมราชสูญเสียผู้ช่วยสำคัญทั้งสามท่าน หลังจากที่พยายามรั้งไว้หลายครั้งแต่ไร้ผล
แต่เมืองโยวหลิงมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย ไม่อาจขาดยมทูตได้ ดังนั้นท่านยมราชจึงต้องประกาศรับสมัครผู้มีความสามารถในเมืองโยวหลิง ยึดมั่นหลักการยุติธรรม เปิดเผย และเที่ยงธรรม แค่เป็นวิญญาณภายในเมืองโยวหลิง ไม่สนใจพลัง ไม่สนใจตำแหน่ง ไม่สนใจชนชั้น แค่เพียงมีจริยธรรมที่ดี ไม่มีบาปกรรมติดตัวจะสามารถมาเข้าร่วมการคัดเลือกได้
ด้านบนยังบอกระบุอีกว่า การคัดเลือกแบ่งออกเป็นสามรอบ คัดเลือกจากวิญญาณมีความสามารถในแต่ละเมือง จากนั้นแต่ละเมืองผีร่วมมือกันคัดเลือกรอบสอง สุดท้ายท่านยมราชเมืองโยวหลิงจะเป็นผู้คัดเลือกยมทูตที่โดดเด่นที่สุดสามคน
ไม่ถือเป็นยมทูต เป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น มีระยะเวลาการฝึกงานหนึ่งปี หลังจากผ่านการฝึกงานแล้วถึงจะกลายเป็นยมทูต และต้องได้รับการประทานสมุดบันทึกความตายจากท่านยมราชเท่านั้น อีกทั้งยมทูตยังไม่ได้เป็นตลอดชีวิต แต่มีวาระเพียงยี่สิบปี เมื่อถึงเวลาจะเริ่มการคัดเลือกใหม่ วิญญาณตนสามารถดำรงได้สองสมัยเท่านั้น
ส่วนเหตุใดที่กำหนดเวลาไว้เช่นนี้ บนประกาศระบุไว้ว่า: ซาบซึ้งในความจงรักภักดีของยมทูตทั้งสามต่อนายคนเก่า รวมไปถึงการเสียสละทำเพื่อเมืองโยวหลิงในหลายปีมานี้ รู้สึกว่าไม่มีใครสามารถสู้พวกเขาได้ ดังนั้นจึงใช้วิธีการนี้มาระลึกถึงพวกเขา
พูดอย่างง่ายคือ: คนที่จากไปทั้งสามคนเป็นเหมือนรักแรกของท่านยมราชคนใหม่ ในใจของท่านยมราชเหลือที่ว่างสำหรับพวกเขาไว้ตลอดไป
เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ทั้งเมืองผีตกอยู่ในความตื่นเต้น ตำแหน่งนั้นคือยมทูต เป็นตำแหน่งที่รองลงมาจากท่านยมราชเท่านั้น เป็นบุคคลที่มีอำนาจในเมืองผี ยมทูตคนไหนในเมืองผีไม่ใช่ท่านยมราชเป็นคนเลือก ไม่เคยมีการคัดเลือกมาก่อน วิญญาณอื่นคิดอยากจะเป็นยมทูต นอกจากฝันแล้วคงทำไม่ได้ แต่ตอนนี้มีโอกาสที่ดีเช่นนี้วางต่อหน้าวิญญาณทั้งหมด
ไม่ว่าใครก็มีโอกาส ใครก็สามารถลองได้ หากได้รับเลือกแต่ก็ดำรงตำแหน่งได้เพียงยี่สิบปี แต่นั่นก็เป็นเพราะยมทูตคนก่อนเอาแต่ใจเกินไป อีกทั้งตำแหน่งนี้ยังเป็นถึงยมทูต ขอแค่มีโอกาสถึงแม้จะมีเวลาแค่วันเดียว พวกเขาก็อยากจะทำ!
ดังนั้นวิญญาณหมด ไม่ว่าจะเพิ่งเข้ามา หรือว่าเจ้าเมืองต่างๆ ล้วนตกตะลึง พวกเขาต่างคิดอยากจะลองดู! นับวันเวลา รอคอยวันคัดเลือก
สำนักตัดสินความตาย…
เฟิงฉิงมองดูปราะกาศที่ติดไปทั่วทั้งเมืองผีด้วยสีหน้าดำสนิท! เขาเกือบจะออกคำสั่งทุบกำแพงที่ติดประกาศเหล่านั้นทิ้งอย่างห้ามไม่ได้ รักแรกเอาแต่ใจอะไรกัน! พวกเขาถูกยมราชที่ไร้ยางอายนั้นไล่ออกมา อีกทั้งยังเรียกคืนสมุดบันทึกความตายบนตัวของพวกเขาไปอีก! เขาคือพวกหลอกลวง!
…แต่ไม่มีคนเชื่อ!
เหล่าวิญญาณล้วนกำลังรอคอยการคัดเลือกยมทูต แม้แต่เจ้าเมืองเมืองผีที่รับปากว่าจะร่วมมือกันในตอนแรกก็กลับคำกะทันหัน ไม่เพียงแต่ไม่คิดจะสร้างความวุ่นวายแล้ว ยังเพิ่มการดูแลเมืองผีให้ดียิ่งขึ้น ดูแลวิญญาณในเมืองอย่างเคร่งครัด
ในเมื่อประกาศระบุไว้ว่า ทุกคนมีโอกาส ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้จะเป็นวิญญาณธรรมดาก็สามารถเป็นยมทูตได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าเมือง เมืองผีที่มีความสามารถอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้โง่ เมื่อเทียบกับช่วยยมทูตกดดันท่านยมราชแล้ว สู้ตนเองกลายเป็นยมทูตจะดีกว่า ดังนั้นพวกเขาจะใช้การกระทำแสดงให้เห็นว่าตนเองมีศักยภาพที่จะเป็นยมทูตที่ดีได้
อีกทั้งเมื่อเทียบกับอื่น พวกเขารู้ดีว่าสมุดบันทึกความตายของทั้งสามคนถูกเรียกคืนไปนานแล้ว แม้แต่พลังก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ตำแหน่งยมทูตไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงมานับพันปี ครั้งนี้เป็นโอกาสที่หายาก ในเมื่อสามารถแทนที่ได้ ใครจะไปอยากเล่นบทต่อต้าน
เมื่อรอกระทั่งเฟิงฉิงพบความผิดปกตินั้นก็สายไปเสียแล้ว ยมทูตทั้งสามที่เดิมทีคิดจะรอให้ท่านยมราชคนใหม่มาอ้อนวอน เมื่อหันกลับมาพบว่า โอกาสที่พวกเขาจะอ้อนวอนก็หายไปแล้ว ราวกับผ่านไปเพียงหนึ่งคืน ทั้งสามคนก็ถูกทั้งเมืองโยวหลิงลอยแพ
อีกทั้งยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องมาถามอย่างไร้เดียงสาว่า พวกเขาเตรียมที่จะไปเกิดใหม่เมื่อไร ในฐานะที่ร่วมงานมาหลายพันปี วิญญาณในสำนักตัดสินความตายล้วนอยากมาส่งพวกเขา!
เฟิงฉิง: “…”
ยมทูตทั้งสอง: “…”
———————
อวิ๋นเจี่ยวใช้เวลาหลายวัน ถึงจะเข้าใจวิธีการใช้ของสมุดบันทึกความตายเล่มนั้น อาจเป็นเพราะว่าเรียกคืนมาเพียงสามคน ทำให้สมุดบันทึกความตายมีเพียงครึ่งเล่ม เดิมทีเธอคิดว่าของแบบนี้เหมือนกับสมุดบันทึกความตายในนิยาย ใช้สำหรับการจดบันทึกชีวิตของคน ต่อมาถึงพบว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เล่มนี้เป็นสมุดที่ใช้ตัดสินความผิดของวิญญาณ
ด้านในระบุถึงคำตัดสินวิญญาณหลังจากที่พวกเขาตาย แต่ละชื่อล้วนบันทึกไว้ถึงการตัดสิน เนื้อหาทั้งหมดที่เขียนอยู่ในสมุดเล่มนี้จะผนึกเข้าร่างวิญญาณของอีกฝ่าย อีกทั้งวิญญาณนั้นไม่อาจต่อต้านได้ อย่างเช่น หากเขียนในนี้ว่าลงนรกเปลวเพลิงหนึ่งร้อยปี วิญญาณนั้นจะถูกส่งลงไปยังนรกเปลวเพลิงทันที่ ไม่ถึงร้อยปีจะไม่สามารถออกมาได้ หากเขียนว่าไปเกิดใหม่ในตระกูลใหญ่ วิญญาณนั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนแท่นเกิดใหม่ และไปเกิดอยู่ในตระกูลร่ำรวย
หากบอกว่ามันเป็นตำรา สู้บอกว่ามันเป็นอาวุธ อาวุธที่สามารถควบคุมวิญญาณธรรมดาได้ ส่วนอำนาจการตัดสินอยู่ในมือยมทูต แน่นอนว่าทั้งหมดต้องตัดสินตามการกระทำชาติก่อนของวิญญาณ
หยวนเจียงบอกว่า สำนักตัดสินความตายของแต่ละเมืองผีในยมโลกจะมีกระจกย้อนอดีต แค่เพียงวิญญาณยืนอยู่ด้านหน้า ก็จะสามารถเห็นเรื่องราวต่างๆ ก่อนตายได้ ยมทูตใช้วิธีการนี้ในการตัดสินวิญญาณ
อวิ๋นเจี่ยวเพียงแค่กวาดดูรายละเอียดที่ยมทูตทั้งสามตัดสินในช่วงร้อยปีมานี้ พบว่ามีบางส่วนที่แปลกประหลาด อย่างเช่นในรายชื่อนั้นมักจะเขียนคำวิจารณ์หนึ่งถึงสองประโยค อย่างเช่น วิญญาณดีจะเขียนว่าสะสมความดีมาในชาติก่อน ส่วนวิญญาณร้ายจะเขียนว่าทำความผิดอะไรมาบ้าง
แต่มีบางรายชื่อเขียนไว้อย่างง่ายดายเกินไป เพียงแค่ชื่อ และผลการตัดสิน อย่างเช่น เกิดใหม่ในตระกูลขุนนาง หรือกลายเป็นข้าราชการ ล้วนเป็นที่ไปที่ดี แต่ไม่ได้เขียนสาเหตุ
อวิ๋นเจี่ยวชี้ไปยังชื่อของคนเหล่านี้ ทันใดนั้นภายในใจมีการคาดเดาบางอย่าง ดูท่าทางเมืองโยวหลิงของหานซูคงต้องเก็บกวาดครั้งใหญ่ เมืองทั้งเมืองถูกยมทูตทั้งหลายทะลวงจนกลายเป็นรังผึ้งแล้ว
เมื่อกำลังคิดว่าจะให้เถิงสีตรวจสอบคนเหล่านี้ ยันต์ส่งสารข้างตัวกลับดังขึ้น เสียงร้อนรนส่งออกมาจากด้านใน “เจ้าหนู เจ้าหนู…”
“ชายแก่?” อวิ๋นเจี่ยวผงะไป รู้สึกประหลาดใจ ชายแก่พักอยู่ด้านหลัง ปกติมีเรื่องอะไรก็ตะโกนออกมา คราวนี้ถึงขั้นใช้ยันต์ส่งสาร “มีอะไร”
“เจ้ารีบมา ยมโลกส่งคนมาอีกแล้ว” เสียงของชายแก่แปลกประหลาดเล็กน้อย “อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นเดินไปทางด้านหลัง ยังไม่ทันเดินเข้าห้องก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณอย่างมหาศาล พลังวิญญาณมากมายไหลออกมาจากห้องที่เปิดกว้าง
“ฮัดชิ่ว!” เธอเดินเข้าไปก็พบกับชายแก่ที่สวมเสื้ออยู่ตัวเดียวจามออกมาเสียงดัง เขานั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง พลางเช็ดน้ำมูก พลางมองไปยังสามคนที่คุกเข้าอยู่หน้าเตียงด้วยสีหน้าลังเล
วิญญาณทั้งสามล้วนเป็นผู้ชาย รูปร่างกึ่งโปร่งใส กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น มองไปยังคนบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สบายใจ พลังวิญญาณรอบตัวเข้มข้นอย่างมาก แต่พวกเขากลับพยายามเก็บเอาไว้อย่างระมัดระวัง ในร่างวิญญาณนั้นยังมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับสมุดบันทึกความตายที่อยู่ในห้อง
อวิ๋นเจี่ยวรู้ถึงตัวตนของคนตรงหน้า
โอ้! มาเร็วใช้ได้!