แน่นอนว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับความคิดของฝ่ายหญิงและครอบครัวของเธอด้วยหวังเฟิงฮวาก็พอใจในตัวหญิงสาวมากยิ่งเขามองก็ยิ่งพอใจ
“พี่สาวของเชียนเชิงเลือกเพื่อนเจ้าสาวรียังคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม “ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย!”
“ได้สิ แม่จะบอกพี่สาวเดี๋ยวนี้เลย!” จางซิวหยิงรีบตัดสินใจแทนลูกสาวถึงจะเลือกเอาไว้แล้วลูกสาวของเธอก็ต้องเปลี่ยนจะมีใครเหมาะสมไปกว่าลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอกัน?
“แม่ครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกพรุ่งนี้ผมจะบอกพี่เอง”หวังเย้าพูด
ซูเสี่ยวซวีนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
หลังจากมื้อกลางวัน ทั้งสองก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก
“ตั้งแต่ที่ฉันป่วย งานนี้ถือเป็นงานแต่งงานแรกที่ฉันได้เข้าร่วมเลยนะคะ” ซูเสียวซวีพูด
“จริงเหรอ? แล้วเธอดีใจมากไหม?” หวังเย้าถาม
“ค่ะ ฉันมีความสุขมากเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด
“แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว” หวังเย้าพูด
เมื่อทั้งสองเดินไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน พวกเขาก็เจอเข้ากับเจี้ยจื้อจายเขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและเดินฮัมเพลงไปด้วยเมื่อเห็นพวกเขาสองคนเขาก็รีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นซูเสียวซวี ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“เป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ” เขาพูด “สวัสดีครับ เชียนเชิง”
“อืม สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด
“นี่ใครเหรอ? ภรรยาของเชียนเชิงใช่ไหม?” เจียจื้อจายถาม
“หา?” ซเสี่ยวซวีตกใจ แรกเริ่มเธอคิดว่า คําพูดที่เขาใช้เรียกเธอออกจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่หลังจากคิดไปสักพักสองข้างแก้มของเธอก็แดงเรื่อ
“เอ่อ ไม่สิ แฟนของเชียนเชิงเหรอ?” เจี้ยจื้อจายรู้สึกว่าค่าที่เขาใช้เรียกเธอดูจะไม่เหมาะสมนักเขาเลยเปลี่ยนคําเรียกใหม่
“ใช่ เธอเป็นแฟนของผมเอง แล้วก็จะเป็นภรรยาของผมเร็วๆนี้ด้วย” หวังเย้าพูดอย่างเปิดเผยท่าให้ใบหน้างามของซูเสี่ยวซวีแดงยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะครับ เชียนเชิง” เจี่ยจื้อจายพูด “อย่าลืมบอกผมด้วยล่ะ”
“แน่นอน” หวังเย้าพูด
“ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว” เจี้ยจื้อจายเดินกลับไปด้วยรอยยิ้มเขาตรงไปที่บ้านของจงหลิวชวนและเดินเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่คิดจะเคาะประตู
จงหลิวชวนกําลังนั่งสมาธิอยู่บนเบาะนั่ง
“ว้าว นายเตรียมจะเป็นนักพรตเต๋จริงๆสินะเนี้ย”เจียจื้อจายพูด
“นายมีเรื่องอะไร?” จงหลิวชวนลืมตาและถามออกไป
“ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะสิ” เจี้ยจื้อจายพูด “ฉันเห็นภรรยาของเชียนเชิงด้วยล่ะ!”
“ภรรยาอะไรกัน?” จงหลิวชวนถาม
“ก็เมื่อกี้น่ะสิ ฉันเห็นเชียนเชิงเดินมากับสาวสวยอย่างกับนางฟ้าในหมู่บ้าน เชียนเชิงยอมรับเองเลยว่าเธอเป็นแฟนแล้วก็ภรรยาในอนาคตของเขา”เจี้ยจื้อจายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับได้ค้นพบเรื่องยิ่งใหญ่เข้า
“แล้วยังไง?” จงหลิวชวนถามด้วยท่าที่นิ่งเฉย
“เฮ้ย หรือว่านายจะรู้มานานแล้ว? ทําไมถึงได้เฉยขนาดนี้ล่ะ?” เจี้ยจื้อจายถาม
“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เชียนเชิงจะมีแฟน” จงหลิวชวนพูดในขณะที่ลุกขึ้นยืน “แล้วเชียนเชิงก็ยอดเยี่ยมและไม่ต่างอะไรจากเทพเซียนการที่เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยราวเทพธิดาก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วจะต้องตกใจไปทําไมกัน?ส่วนนายฉันเคยได้ยินมาจากคนอื่นว่านายเคยแช่ตัวอยู่ในหลุมโคลนนานสามวันเพื่อลอบโจมตีเป้าหมาย ตอนนั้นทําไมนายถึงใจเย็นและสงบขนาดนั้นได้ล่ะ? แล้วทําไมตอนนี้ แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทําให้นายตกใจได้แล้วล่ะ? หรือนายจะเป็นคนอื่นปลอมตัวมา?นายใส่หน้ากากมนุษย์อยู่ใช่ไหม?ให้ฉันดูหน่อยซิ”
“เฮ้ย นายหมายความว่ายังไง?” เจี้ยจื้อจายถาม
“มาให้ฉันดูหน่อย” จงหลิวชวนพูด
“อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันก็เป็นตัวฉัน ไม่ใช่ตัวปลอมแน่นอน” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม
อยู่ๆจงหลิวชวนก็ขยับตัว เจียจื้อจายมองตามความเร็วของเขาไม่ทันแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“เฮ้ย! เอาจริงเหรอเนี้ย?”
เจี้ยจื้อจายอยากหลบ แต่ก็รับรู้ได้ว่าหมัดของจงหลิวชวนนั้นดูแปลกประหลาด เขากระโดดหลบแต่หมัดก็ยังพุ่งเข้าที่ใบหน้าของเขาอยู่ดี
มันไม่ใช่เพราะเขาช้า แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนไปแล้ว
หมัดถูกชกเข้าใส่หน้าท้องของเขาอย่างจัง มันไม่ได้หนักอย่างที่คิด แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี
“จริงเหรอเนี้ย?” เจียจื้อจายถาม
“เป็นนายจริงเหรอ?” จงหลิวชวนถามด้วยรอยยิ้ม
“นายกําลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?” เจี้ยจื้อจายถาม
จงหลิวชวนถอยหลังออกมาและสังเกตเจี้ยจื้อจายอย่างละเอียด
“อืม ดูเหมือนนายจะเป็นตัวจริง” จงหลิวชวนพูด
“นาย…”เลี้ยจื้อจายลูบท้องของเขาด้วยอาการตกตะลึง เพราะหมัดของจงหลิวชวนถึงเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งเล่น แต่หมัดนั้นก็ทําให้เขาต้องประหลาดใจอยู่ดีเขาหลบมันไม่ได้เลยถ้าจงหลิวชวนออกแรงมากกว่านี้มันคงสร้างความเจ็บปวดแก่เขาอย่างมาก
“นั่นเป็นวิชากังฟูที่เชียนเชิงสอนนายเหรอ?”เจี้ยจื้อจายถาม
“ใช่” จงหลิวชวนพูด
“นายสอนฉันได้รึเปล่า?” เลี้ยจื้อจายถาม
“นายคิดว่ายังไงล่ะ?” จงหลิวชวนถาม
“ก็ได้ ถ้าเชียนเชิงแต่งงาน บอกฉันล่วงหน้าด้วยล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูด
“ได้สิ” จงหลิวชวนพูด
“ฉันไปล่ะ นายฝึกคนเดียวไปเถอะ” เจี้ยจื้อจายพูด
“ฉันไม่ส่งนะ” จงหลิวชวนพูด
เจี้ยจื้อจายจากไปพร้อมกับฮัมเพลงที่ดูเหมือนจะขาดความน่าสนใจและความรื่นเริงไปเล็กน้อย
“ไม่คิดเลยว่า ช่องว่างจะใหญ่ขนาดนี้” เจี้ยจื้อจายพูดขึ้นมาในตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน “นานแค่ไหนแล้วนะ?”
“ช่องว่างอะไรเหรอ?” เมื่อได้ยินเสียงที่เขาพูดกับตัวเอง หูเหมยก็เอ่ยถามขึ้นมา
“จงหลิวชวนน่ะสิ! ถึงฉันจะไม่เคยสู้กับเขามาก่อน แต่ฉันก็จําได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะล้มเขา”เจี้ยจื้อจายพูด“เวลาที่เขามองฉัน มันทําให้ฉันรู้ว่าเขากําลังมองว่าฉันคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่สําหรับเขาแต่ตอนนี้ แม้แต่หมัดของเขาฉันก็ยังหลบไม่พ้นมันเป็นเพราะเขาพัฒนาเร็วเกินไปหรือว่าเป็นตัวฉันเองที่เฉื่อยชาเกินไป?”
“ตัวนายน่ะสิ!” หูเหมยยื่นมือไปเคาะหน้าผากของเขา
“ถ้าเขาพัฒนาขึ้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ?” เธอถาม “เขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา เราโบกมือลาชีวิตก่อนหน้านั้นมาแล้วนะ มันถูกตัดขาดแล้วเราไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไปเราไม่จําเป็นต้องคอยคิดว่าจะจัดการกับศัตรูด้วยวิธีไหนอีกต่อไปแล้ว!”
“อืม เธอจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” เจี้ยจื้อจายพูด “มันเหมือนกับเวลาที่เธอมักจะรังแกคนคนหนึ่งอยู่เสมอ และชินกับการรังแกเขามาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับกลายเป็นคนที่เหยียบหน้าเราที่นอนอยู่บนพื้นแทนความแตกต่างมันมากเกินไป แล้วมันก็ยอมรับไม่ได้ง่ายๆด้วย!”
“นายมันคิดไร้สาระจริงๆ!” หูเหมยกรอกตาใส่เขา
“จริงด้วย เธอรู้ไหมว่าเชียนเชิงมีแฟนสวยมากเลยล่ะ?” เจี้ยจื้อจายพูด หล่อนแย่กว่าเธอแค่นิดเดียวเท่านั้น!วันนี้ฉันไปเห็นมาเธอสวยอย่างกับนางฟ้าแล้วเธอยังเป็นภรรยาในอนาคตของเขา ด้วย”
“จริงเหรอ? นายได้ถามรึเปล่าว่าพวกเขาจะแต่งกันเมื่อไหร่?” หูเหมยถาม
“ฉันถามแล้ว แต่เขายังไม่ได้คิด” เจี่ยจื้อจายพูด “ฉันเลยบอกเขาไปว่า ถ้าพวกเขาแต่งเมื่อไหร่ก็ให้บอกพวกเราด้วย แล้วพวกเราก็อยู่ในหมู่บ้านนี้ถ้าเขาแต่งเมื่อไหร่เราก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่เราควรเตรียมของขวัญแบบไหนให้เขาดี?”
“ช่วงนี้ ความคิดของนายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเร็วมากเลยนะ” หูเหมยพูด “มันเร็วไปที่จะคิดเรื่องนี้จริงไหม?”
“มันไม่เร็วเกินไปหรอก” เจี้ยจื้อจายพูด “เขาคือคนที่จะกลายเป็นอาจารย์ของฉันในอนาคตของขวัญชิ้นนี้ต้องมีน้ำหนักมากพอดังนั้นฉันก็ต้องคิดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆช่วงนี้ความคิดของฉันกระโดดไปมาไม่หยุดทําไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?ไม่ใช่เพราะดาบที่แขวนอยู่เหนือหัวของพวกเราหายไปแล้วหรอกเหรอ?ตอนนี้เราเป็นอิสระและสามารถใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการแล้วความคิดของฉันมันก็เลยเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ!มันแปลกตรงไหนกัน?”
“มันไม่แปลกเลย ขอแค่นายมีความสุขก็พอแล้ว”หูเหมยตอบ
“เมียของฉันดีที่สุด!” เจี้ยจื้อจายจูบเธอ
“ไปไกลๆเลย” เธอพูด
หวังเย้ากับซูเสียวซวีเดินออกจากหมู่บ้าน พวกเขาเดินไปเรื่อยๆและมาถึงถนนที่จะนําไปสู่เนินเขาหนานชาน
“เอาต้นไม้พวกนี้มาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีชี้ไปที่ต้นไม้แถวใหม่ที่ถูกปลูกไว้ตรงตีนเขา
“เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง” หวังเย้าตอบ
“ปลูกต้นไม้ตอนฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้จะเหมาะเหรอคะ?” เธอถาม
“เหมาะสิ สภาพอากาศตรงนี้ต่างจากข้างนอก ถึงจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็ยังปลูกได้หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ บนเขามีผลไม้อยู่ด้วยนะเราไปลองชิมดูดีไหม?”
“เอาสิคะ!”
ทั้งสองเดินจับมือขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
ซานเซียนวิ่งลงมาหาพวกเขาที่ตีนเขา มันส่ายหางไปมาอย่างยินดี และส่งเสียงทักทายซูเสี่ยวซวี
“ฉันคิดว่า มันกําลังยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยความแปลกใจ เธอเห็นรอยยิ้มบนหน้าของซานเซียนจริงๆ
“จริงเหรอ? ผมขอดูหน่อยสิ”หวังเฝ้ามองดูมันอย่างละเอียด
โฮ่ง! โซึ่ง!
ซานเซียนดูเหมือนจะถามว่าเขากําลังมองมันทําไม
“มันกําลังยิ้มจริงๆด้วย” หวังเย้าพูด “ดูเหมือนว่ามันจะยินดีต้อนรับเธอมากเลยนะนี่ซานเซียนทําไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เห็นนายยิ้มให้บ้างเลยล่ะ?”
โฮ่ง! โฮ่ง!
“ก็ได้ ก็ได้ เราขึ้นไปบนเขากันเถอะ” หวังเย้ายิ้มแล้วลูบหัวของมัน
“แปลก ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาลูกนี้ต่างไปจากครั้งก่อนที่ฉันมานะ?” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ต่างยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ฉันรู้สึกว่าพลังของมันหนาแน่นขึ้น แถมมันยังดูเหมือนจะสูงขึ้นด้วยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบ
“ใช่แล้วล่ะ มันสูงขึ้นมานิดหน่อยแล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“มันยังโตอยู่อีกเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“มันยังโตได้อีก แล้วมันก็ยังสูงขึ้นมากกว่า 1 เมตรในข้ามคืนด้วย” หวังเย้าพูด“ตอนนั้นผมยังคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวอยู่เลย!”
“แล้วมันโตได้ยังไงเหรอคะ?” เธอถาม
“ผมก็ไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน”หวังเย้าตอบ“มันขึ้นอยู่กับความคิดของมันเอง!”
“ความคิดของมัน?”ซูเสี่ยวซวีสับสนเล็กน้อย
“เขาลูกนี้มีความฉลาดและมีความคิดของมันเอง มาชิมผลไม้นี้ดีกว่า มันเก็บมาจากต้นไม้พวกนี้รสชาติของมันดีมากเลยล่ะ!”หวังเย้าเอาจานใส่ผลไม้ที่มีองุ่น,แอปเปิ้ล,พุทรา, และลูกแพรสิ่งที่เหมือนกันของผลไม้เหล่านี้ก็คือขนาดที่ใหญ่,สีสันสดใส,และดูชุ่มน้ำพวกมันมีกลิ่นหอมหวานของผลไม้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสชาติที่อร่อยโดยที่ไม่ต้องลองชิมก่อน
“ลองชิมดูสิ” หวังเย้าพูด
“ค่ะ!” ซูเสียวซวีหยิบองุ่นใส่ปาก มันจ่าน้ำและหวานมาก
“อร่อย!”เธออดที่จะหยิบขึ้นมากินอีกไม่ได้
“ลองอย่างอื่นด้วยสิ พวกมันอร่อยหมดเลย” หวังเย้าพูด
ซูเสียวซวีลองผลไม้ทุกชนิดในจาน ทั้งหมดรสชาติอร่อย มันต่างจากที่เธอเคยกินมาก่อนมาก
“มันอร่อยมากเลยค่ะ!”
“ถ้าอร่อย ไว้ผมส่งไปให้กินดีไหม?” หวังเย้าถาม
“ดีสิคะ!”
กริ้งกริ้งกริ้ง!ตี้ด…มือถือของหวังเย้าส่งเสียงดัง เป็นพี่สาวของเขาโทรมา เธอบอกว่าเธออยากให้ซูเสี่ยวซวีไปลองชุดเพื่อนเจ้าสาว
“ได้สิคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “ฉันซื้อของขวัญมาให้เธอด้วย!”
“ของขวัญอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ตอนนี้ ฉันขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “เจอเธอเมื่อไหร่ฉันจะเอาให้เธอเอง”
“ก็ได้ เราไปกันบ่ายนี้เลยเถอะ” หวังเย้าพูด “พรุ่งนี้ เธอคงจะยุ่งมาก”
“ค่ะ”
ทั้งสองลงจากเขา พวกเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน และไปยังสถานที่ที่นัดกันเอาไว้
“เสี่ยวซวีมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?” หวังรุ่ยมองเสี่ยวซวีและถามเธอหลายค่าถามด้วยท่าที่เป็น มิตร
“ฉันเพิ่งมาถึงวันนี้เองค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน พวกเขาก็ช่วยกันเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวสําหรับซูเสี่ยวซวี
“เด็กคนนี้สวยมาก!” คนในร้านชุดแต่งงานอุทานออกมาเมื่อได้เห็นซูเสียวซวีเธอเคยเห็นคนสวยมาแล้วหลายแบบแต่ความสวยแบบนี้หาได้ยากมาก
หวังรุ่ยเลือกชุดที่แพงที่สุด ซูเสี่ยวซวีรับไปลองสวม ทําให้ทุกส่วนของเธองดงามยิ่งขึ้นไปอีก
“แบบนี้ไม่ได้” เพื่อนสนิทของหวังรุ่ยที่มาด้วยกันพูดขึ้นมา
“ทําไมไม่ได้ล่ะ?” หวังรุ่ยถาม
“นี่เป็นน้องสะใภ้ของเธอเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม
“ใช่ น้องสะใภ้ในอนาคตน่ะ” หวังรุ่ยพูด
“ก็ดสิว่าเธอสวยขนาดไหน” เพื่อนของเธอพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าเธอไม่สวยนะ แต่เธอมาเป็น เพื่อนเจ้าสาว เธอจะขโมยความสนใจจากเจ้าสาวไปหมดน่ะสิ!”