อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1649

รับเจียงเฟยเฟยเป็นศิษย์

“เขาพยายามจะสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือ?” จางเซวียนออกจะสับสนเล็กน้อย

ถ้าเหยียนเฉว่คนนั้นเป็นทายาทของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนจริงๆ การแปรพักตร์ของสมาคมผู้หยั่งรู้ก็อาจจะไม่ใช่การแปรพักตร์อย่างที่เห็น ทำนองเดียวกันกับการทรยศของสภาปรมาจารย์ แต่ก็นั่นแหละ มันยังดูไม่สมเหตุสมผลอยู่ดีที่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น

อีกอย่าง กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็เป็นทายาทสายตรงของศิษย์สายตรงทั้ง 72 คนของปรมาจารย์ขง จึงไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะทรยศมวลมนุษย์ได้ หรือต่อให้พวกเขาทรยศจริง เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้นจะยอมไว้ใจหรือ?

ที่สมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว พวกเขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณ เรื่องนี้ถือว่าเหลือเชื่อสุดๆ

ไม่ว่าจางเซวียนจะพิจารณาอย่างไร ก็ไม่อาจทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้ หลังจากตั้งคำถามอีกเล็กน้อย ก็พบว่าเจียงฟังโหย่วไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนนั้น ความรับผิดชอบของเขามีเพียงแค่การสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เท่านั้น

“บรรพบุรุษของเราได้เสียสละมากมายเพื่อมวลมนุษย์ ในฐานะทายาท เราจะบ่อนทำลายความเป็นวีรบุรุษของพวกเขาหรือ? อีกอย่าง ตระกูลเจียงของเราก็ก่อตั้งขึ้นบนความตายของบรรพบุรุษมากมายนับไม่ถ้วนในอาณาจักรใต้ดินตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา พวกเราคงไม่คู่ควรกับการเป็นมนุษย์แล้วล่ะหากทรยศต่อการเสียสละนั้นและไปเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!” เมื่อรู้สึกได้ว่าจางเซวียนกำลังสงสัยพวกเขา เจียงฟังโหย่วลุกขึ้นยืนประสานมือและประกาศด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

“ผมขออภัยในความหุนหันพลันแล่นของผมด้วย ผมไม่ควรด่วนสรุปแบบนั้น” จางเซวียนรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวตอบ

ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณได้เสียสละมากมายเพื่อมวลมนุษย์ แต่เขากลับแคลงใจในความภักดีของผู้สืบทอด จะบอกว่าเขาเสียใจกับการกระทำของตัวเองก็ไม่ใช่ เพราะเขาคงจะสงสัยอีกหากมีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น เมื่อมีชะตากรรมของมนุษย์เป็นเดิมพัน การปลอดภัยไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสียใจภายหลัง แต่ในเมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาทำผิดพลาด ก็ควรจะกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ

“ด้วยชื่อเสียงด่างพร้อยและมลทินของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่มีต่อโลกใบนี้ ผมไม่แปลกใจหรอกที่คุณจะด่วนสรุปอย่างนั้น…” เจียงฟังโหย่วนัยน์ตาเบิกโพลงขึ้นอย่างกะทันหันขณะถามต่อ “นั่นคือเหตุผลที่คุณยกเค้าขุมสมบัติของพวกเราหรือเปล่า? คุณคิดว่าพวกเราร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจใช่ไหม?”

“ผม…เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น” จางเซวียนหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย

ได้ฟังคำตอบ เจียงฟังโหย่วถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็เข้าใจว่าทำไมคุณถึงทำแบบนั้น ถ้าพวกเราร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจริงๆล่ะก็ คงจะโง่เง่าเต็มทีที่ปล่อยทรัพย์สมบัติเหล่านี้ไว้ให้พวกเราใช้”

ทรัพย์สมบัตินั้นควรจะมีอยู่เมื่อโลกมีสันติสุข หากชีวิตของมวลมนุษย์แขวนอยู่บนเส้นด้าย ก็คงโง่เง่าเต็มทีหากจะมัวทำตัวสุภาพและมีมารยาทกับศัตรูของตัวเอง

ถ้ามีกลุ่มอำนาจไหนในโลกที่ทรยศมวลมนุษย์เพื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจริงๆ การปล้นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาไปก็ถือเป็นการกระทำที่ยุติธรรมดี

“ผมจะคืนทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้พวกคุณนะ” จางเซวียนรีบตอบ

เมื่อรู้แล้วว่าตระกูลเจียงไม่ได้ทรยศมวลมนุษย์ และถึงกับเสียสละมากมายเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ ต่อให้จางเซวียนจะหน้าด้านหน้าทนแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่เขาจะบังอาจฉกฉวยเอาทรัพย์สมบัติเหล่านี้มาเป็นของตัวเอง

ส่วนเจียงฟังโหย่ว เมื่อเห็นสีหน้าของจางเซวียน ก็อดหัวเราะหึๆไม่ได้

ถึงการกระทำของจางเซวียนจะดูขัดหลักการไปบ้าง แต่เขาก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการเดินหมากที่มีประสิทธิภาพ ถ้าตระกูลเจียงทรยศมวลมนุษย์จริงๆ สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างใหญ่หลวง

หลังจากพูดจากันเข้าใจแล้ว เรื่องอื่นๆที่เหลือก็ไม่ยุ่งยาก

จางเซวียนตอบรับที่จะรักษาการณ์ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเจียงไปก่อน จนกว่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้พยากรณ์จิตวิญญาณจะได้รับการแก้ไข จะไม่มีการเปิดเผยว่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณมีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลเจียง และหลังจากนั้น เขาตั้งใจว่าจะให้ลู่ชงมารับตำแหน่งแทน

ในเมื่อลูกศิษย์ของเขาพบอาณาจักรโบร่ำโบราณของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณและได้รับมรดกตกทอดของพวกเขามาด้วย ก็น่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต

พูดถึงอาณาจักรโบร่ำโบราณของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ เรื่องจริงก็คือจางเซวียนมีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับมันมาเป็นเวลานานแล้ว

ในเมื่อสภาปรมาจารย์ทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อกำจัดผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ แล้วทำไมพวกเขาถึงละเว้นอาณาจักรโบร่ำโบราณของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณไว้? เท่าที่เห็น ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะช่วยปกปิดอาณาจักรดังกล่าวไว้เพื่อรักษาสายเลือดและมรดกตกทอดของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณไม่ให้ขาดสะบั้น

ไม่อย่างนั้น ด้วยอำนาจของสภาปรมาจารย์ มันน่าจะถูกถอนรากถอนโคนและถูกทำลายจนสิ้นซากไปเนิ่นนานแล้ว

กว่าพิธีสถาปนาจะเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเข้าดึกดื่น

จางเซวียนรีบคืนทรัพย์สมบัติทั้งหมดกลับสู่ขุมสมบัติตระกูลเจียง ยกเว้นข้าวของไม่กี่ชิ้นที่มีพลังจิตวิญญาณเข้มข้น จากนั้นเขาก็เรียกเจียงเฟยเฟยมาและยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้

“สิ่งที่บันทึกอยู่ในนี้คือความเข้าใจของผมที่มีต่อแก่นสารของจิตวิญญาณ ขอแค่คุณฝึกฝนวรยุทธตามนี้ คุณก็จะสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเสียแรงไปกับอักษรหยกของตระกูลเจียงอีก” จางเซวียนพูด

“ความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งจิตวิญญาณของคุณ?” เจียงเฟยเฟยพลิกดูหนังสืออย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

แต่เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย เธอก็ตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ

เพราะจิตวิญญาณนั้นปราศจากรูปแบบและจับต้องไม่ได้ การฝึกฝนวรยุทธของจิตวิญญาณจึงยากกว่ากันมากหากเปรียบเทียบกับการฝึกฝนวรยุทธของกายเนื้อ แม้เธอจะมีความถนัดในศิลปะแห่งจิตวิญญาณ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณได้ อันที่จริง เธอรู้สึกว่าต่อให้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิต โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็ยังมีน้อยเต็มที

แต่หนังสือที่หัวหน้าตระกูลคนใหม่เพิ่งมอบให้เธอนั้นบรรจุเอาแก่นสารของวรยุทธของจิตวิญญาณไว้ มันไม่ได้ซับซ้อนเกินความจำเป็น และมีโครงสร้างที่ช่วยเสริมรากฐานความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณของเธอก่อนจะนำไปสู่ความรู้ในระดับที่ยากขึ้น…ด้วยหนังสือเล่มนี้ เธอมั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณได้ภายในเวลา 1 เดือนหากฝึกฝนอย่างหนัก!

ใครๆก็รู้ว่านี่เป็นภารกิจที่บรรพบุรุษมากมายนับไม่ถ้วนได้พยายาม แต่ก็คว้าน้ำเหลว

“นะ-นี่…มันล้ำค่าเกินไป!” เจียงเฟยเฟยอุทานด้วยมือที่สั่นเทา เธอกัดริมฝีปาก ดูเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญบางอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาจางเซวียน “ฉันจะตอบแทนคุณสำหรับหนังสือล้ำค่าเล่มนี้อย่างไรดี…หากคุณต้องการ ฉันตกลงหมั้นหมายกับคุณก็ได้นะ…”

เธอยังคงไม่ชอบหน้าชายหนุ่มคนนี้ แต่รู้ดีว่าเขามีความสำคัญต่อตระกูลเจียงแค่ไหน คงเป็นเรื่องดีมากหากเขาได้ผูกพันกับตระกูลเจียง แม้จะเป็นเพียงการแต่งงานอย่างเป็นพิธีก็ตาม

อย่างมากที่สุด เธอก็แค่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อการนี้

ถึงชายหนุ่มจะบอกไว้ว่าเขามีคนรักแล้ว ในกรณีเลวร้ายที่สุด เธอก็คงเป็นนางบำเรอของเขา

ด้วยรูปร่างหน้าตาและสถานภาพของเธอ เธอเชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่จะทำให้ชายหนุ่มปฏิเสธ

“หมั้นหมาย? คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ถึงหนังสือที่ผมเพิ่งถ่ายทอดให้คุณจะดูง่าย แต่ก็มีโอกาสสูงที่วรยุทธของคุณจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกหากคุณฝึกฝนโดยปราศจากคำชี้แนะของผม!” ได้ยินคำนั้น จางเซวียนส่ายหน้าและพูดต่อ “เอาเถอะ ผมจะรับคุณเป็นศิษย์และชี้แนะคุณเกี่ยวกับวรยุทธเรื่องแก่นสารของจิตวิญญาณ”

“ลูกศิษย์?” เจียงเฟยเฟยถึงกับชะงัก

เธอคิดว่าเหตุผลที่จางเซวียนเต็มใจมอบหนังสือล้ำค่าให้เธอก็เพื่อบีบบังคับให้เธอตอบตกลงแต่งงานกับเขา ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วเขาตั้งใจจะรับเธอเป็นศิษย์!

การพลิกผันเหตุการณ์อย่างกะทันหันทำให้เธอถึงกับจังงังไป

“รีรออะไรอยู่ล่ะ? รีบคารวะอาจารย์ของเจ้าสิ! ต่อให้เจ้าเป็นแค่ลูกศิษย์ธรรมดาของหัวหน้าตระกูล แต่ไม่ช้า มันจะกลายเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของเจ้าเลยทีเดียว!” เจียงฟังโหย่วอุทานด้วยความตื่นเต้นขณะฉุดลูกสาวของเขาออกจากภวังค์

นอกจากเป็นหัวหน้าตระกูลจาง ตระกูลหลัว และปูชนียสถานนักปราชญ์แล้ว บรรดาลูกศิษย์ของจางเซวียนก็ยังเป็นทายาทยอดขุนพล หัวหน้าศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็ง ประธานสมาคมผู้พลิกฟื้นจิตวิญญาณ หัวหน้าตระกูลหยวน…ในบรรดาลูกศิษย์ของเขา ไม่มีใครที่มีสถานภาพธรรมดาสามัญเลยแม้แต่คนเดียว

หากลูกสาวของเขากลายเป็นศิษย์ของจางเซวียน ต่อให้เป็นเพียงในนาม ก็จะส่งผลดีต่อเธออย่างมากในอนาคต บางที เธออาจไปได้ไกลกว่าตัวเขาเองก็ได้!

ได้ยินคำพูดของท่านพ่อ เจียงเฟยเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว!”

เธอยังคงจดจำภาพของจางเซวียนว่าเป็นอัจฉริยะที่มาท้าทายเธอที่ปูชนียสถานนักปราชญ์ ไม่คิดเลยว่าผ่านไปเพียงไม่ถึง 1 เดือน ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของทวีปแห่งปรมาจารย์ สถานภาพของทั้งคู่ไม่ได้ทัดเทียมกันอีกต่อไป

นอกจากตัวตนอื่นๆของเขา ลำพังแค่การที่เขาเป็นศิษย์พี่ของปรมาจารย์หยาง ก็คงจะไม่มากเกินไปหากเจียงเฟยเฟยจะเรียกเขาว่าอาจารย์ปู่!

“เจียงเฟยเฟยคารวะท่านอาจารย์!” เจียงเฟยเฟยทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและกล่าวคำแสดงความเคารพ

“ดี ลุกขึ้นเถอะ!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ

เมื่อครู่นี้ ตอนที่สาวน้อยคุกเข่าลง หน้าหนังสือสีทองได้ก่อตัวขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก

คู่ต่อสู้ที่เขาจะต้องเผชิญหน้าไม่ใช่นักรบระดับเซียนอีกต่อไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเข้าสู่การปะทะกับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือแม้แต่นักปราชญ์โบราณอีกครั้งในอนาคตอันใกล้

เมื่อมีหนังสือสีทอง อย่างน้อยเขาก็ยังอุ่นใจได้ว่าตัวเองจะปลอดภัย ต่อให้มีนักปราชญ์โบราณสักคนมาเล่นงานเขาตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้ด้วยหน้าหนังสือสีทองที่มีอยู่

เราควรจะรับลูกศิษย์ให้มากกว่านี้ไหม เพื่อให้ได้หน้าหนังสือสีทองมากกว่านี้ศิษย์สายตรงของศิษย์น้องหยางฟงสืออี้ ก็ไม่เลวนะ เอ๊ะหรือว่าเราควรจะเจรจากับศิษย์น้องหยางให้ยกฟงสืออี้ให้เราจางเซวียนลูบคางขณะครุ่นคิดเรื่องสำคัญ

ด้วยสถานภาพของเขาในตอนนี้ ลำพังแค่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ลูกศิษย์ของจางเซวียน’ ก็มากพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งได้รับการยกย่องแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเลือกเฟ้นลูกศิษย์อย่างถี่ถ้วน แต่การหาลูกศิษย์ดีๆสักคนนั้น การพูดย่อมง่ายกว่าทำ

เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความโดดเด่น ประนีประนอม ชอบธรรม และสูงส่งแบบเขา…

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset