อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1872 หัวข้อการทดสอบ

จางเซวียนมองบรรดาร่างสูงตระหง่านที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก่อนจะเลิกคิ้ว

น่าประหลาดใจที่มีสองใบหน้าที่คุ้นตาอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทั้งสองคือหนานกงหยวนเฟิงกับถานไท่เจินชิงซึ่งเคยไปเยือนตระกูลหลัวกับตระกูลจางเมื่อไม่นานมานี้

เหล่านักปราชญ์โบราณจากร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์มักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจำศีลเพื่อยืดอายุขัย ภารกิจต่างๆนานาจึงถูกส่งมอบให้กับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จัดการแทน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่มีตำแหน่งสูงส่งในสำนักแห่งขงจื๊อ

ผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกที่ยืนอยู่แถวหน้ากวาดสายตามองฝูงชน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกึกก้อง “ยินดีต้อนรับ พวกคุณคือทายาทที่ปราดเปรื่องที่สุดจากตระกูลต่างๆของ 72 นักปราชญ์ ผมเชื่อว่าทุกคนคงฝ่าฟันมาแล้วมากมายกว่าจะมาไกลได้ขนาดนี้!”

“แต่ถึงอย่างนั้น เราก็มีทรัพยากรจำกัด และผมเชื่อว่าผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากนักเกี่ยวกับเกณฑ์การรับคนเข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อของเรา เราเปิดรับเพียง 100 ที่นั่งเท่านั้นในแต่ละปี ซึ่งปีนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”

“ในปีนี้ เรามีผู้สมัครทั้งหมด 2,143 คน ซึ่งหมายความว่าจะมีเพียง 1 ใน 20 คนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมกับพวกเรา พวกคุณจะต้องมอบชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อให้ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวินาทีสุดท้ายของการสู้รบอันดุเดือดครั้งนี้ ถ้าคุณหวาดกลัวล่ะก็ ผมขอให้คุณจากไปเสียตอนนี้เลย!”

“สำนักแห่งขงจื๊อรับเพียง 100 คนเท่านั้นหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ผู้สมัครกว่าสองพันคนที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่งที่สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 ตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี หากเป็นในทวีปแห่งปรมาจารย์ อัจฉริยะระดับนี้จะต้องก้าวขึ้นสู่การเป็นกลุ่มอำนาจหลักในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำนักแห่งขงจื๊อกำลังจะคัดพวกเขาออกเป็นจำนวนมากมาย…

การทดสอบครั้งนี้ออกจะเข้มงวดไปหน่อยไหม?

เห็นความงงงันของจางเซวียน วัยรุ่น 1 ใน 2 คนที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดขึ้น “หัวหน้าตระกูลไม่ได้บอกไว้แล้วหรือก่อนจะมาที่นี่? สำนักแห่งขงจื๊อเข้มงวดอย่างนี้เสมอแหละ อีกอย่าง…ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตระกูลของเรานี่?”

ชื่อของเขาคือฟ่านเฉี่ยวชิง และถึงแม้วรยุทธของเขาจะด้อยกว่าฟ่านเฉี่ยวฉู แต่ก็เป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุดเช่นกัน

“ไม่ต่าง…หมายความว่าไง?”

“การคัดเลือกไงล่ะ! ทุกปีจะมีการทดสอบที่จัดขึ้นสำหรับพวกเรา ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบจะถูกตัดสิทธิ์ในการได้รับทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธและเทคนิควรยุทธ ทำให้สูญเสียโอกาสในการฝึกฝนวรยุทธไป คุณลืมแล้วหรือว่าเราต้องผ่านการสู้รบมามากมายแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้?” ฟ่านเฉี่ยวชิงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ

“ผมจะลืมเรื่องนั้นได้อย่างไร? แค่รู้สึกหดหู่กับความเข้มงวดครั้งนี้” จางเซวียนตอบขณะยิ้มกลบเกลื่อนความประหลาดใจ

จัดการทดสอบขึ้นทุกปีและคัดผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบออกไป รวมทั้งตัดสิทธิ์ในการเข้าถึงทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธ…ตระกูลที่มีกฎเกณฑ์แบบนี้ดูจะโหดร้ายไปหน่อยไหม?

เป้าหมายของปรมาจารย์ขงคือการบ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ทรงพลังและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่หรือ?

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ถึงจงใจผลักไสคนของตัวเองไม่ให้ได้รับทรัพยากรที่จำเป็นต่อความเจริญก้าวหน้าของพวกเขา?

“การทดสอบในปีนี้ต่างจากปีก่อนเล็กน้อย แต่จะง่ายกว่าเดิมมาก ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนคงรู้แล้วว่าภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเราถูกปิดกั้นไว้ ภูเขานี้จะเป็นเส้นทางสำหรับการทดสอบของพวกคุณ ก่อนจะเข้าสู่ภูเขา เราจะให้พวกคุณทุกคนติดตราหยกทะลุมิติไว้ที่หน้าอก ทันทีที่คุณทำมันแตกหักเสียหาย ก็จะถูกส่งทะลุมิติออกไป ทำให้หมดโอกาสเข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อ”

“คุณสามารถหาพันธมิตรหรือโจมตีคนอื่นๆได้ ไม่มีข้อห้ามเรื่องนั้น โดยตราบใดที่คุณยังเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต 100 คนสุดท้าย ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบและได้รับสิทธิ์ให้เข้าสู่สำนักแห่งขงจื๊อ” ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกซึ่งยืนอยู่แถวหน้าประกาศ

“เราจะถูกส่งทะลุมิติออกไปทันทีถ้าตราหยกทะลุมิติที่เราติดไว้แตกหักเสียหายอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ยุติธรรมเลย! ถ้าใครสักคนที่มีความสามารถในการอำพรางตัวเองซ่อนตัวอยู่ขณะที่พวกเราเข้าสู่ภูเขาล่ะ? ในเมื่อไม่มีใครหาตัวเขาเจอ ก็หมายความว่าเขาสามารถผ่านการทดสอบได้โดยไม่ต้องต่อสู้เลย…อย่างนั้นสิ?”

“แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรสำหรับผู้ที่มีทักษะด้านค่ายกล ถ้าเขาติดตั้งกลไกป้องกันตัวไว้ ก็จะไม่มีใครเล่นงานเขาได้”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกคนซ่อนตัวและเราไม่สามารถกำจัดใครได้เลย?”

เสียงพูดคุยถกเถียงเซ็งแซ่ดังจากกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้านล่าง

พวกเขาเคยคิดว่าการทดสอบครั้งนี้จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับปีก่อนๆ อย่างเช่นการประลองหรือ การทดสอบในรูปแบบต่างๆ ใครจะไปคิดว่ามันจะเป็นแค่การต่อสู้แบบคัดคนกลุ่มใหญ่ออก?

“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อพวกเราตั้งกติกาได้ ก็ไม่มีทางที่เราจะปล่อยให้เกิดปัญหาแบบนั้น สำนักแห่งขงจื๊อจะส่งกองกำลังลาดตระเวนออกไปเพื่อคอยกำจัดผู้ที่ซ่อนตัวหรือจงใจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ อีกอย่าง ระยะเวลาของการต่อสู้ก็ยาวนานเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าจำนวนของพวกคุณยังไม่ลดลงจนเหลือเพียง 100 คนเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของการทดสอบ เราจะถือว่าพวกคุณทุกคนไม่ผ่านการทดสอบครั้งนี้!” ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกพูด

“6 ชั่วโมง?”

“กองกำลังลาดตระเวน?”

ทุกคนตาโตด้วยความประหลาดใจ

ยังมีบางคนที่คิดว่าพวกเขาจะสามารถฝ่าฝืนกฎเพื่อให้ผ่านการทดสอบได้โดยง่าย แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าคิดแบบนั้นแล้ว

การกำจัดคนมากกว่าสองพันคนภายในเวลา 6 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนของผู้เข้าทดสอบจะลดลงจนเหลือเพียง 100 คนเมื่อหมดเวลา พวกเขาจะต้องไล่ล่ากันเอง อีกอย่าง ใครที่กล้าซ่อนตัวก็เสี่ยงกับการจะถูกกองกำลังลาดตระเวนกำจัด

พูดอีกอย่างก็คือหากพวกเขาอยากเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตร้อยคนที่ยืนหยัดจนถึงช่วงสุดท้าย ก็จะต้องพยายามสุดตัวที่จะกำจัดคนอื่นๆให้ได้

ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกจ้องมองฝูงชนหลังจากเสร็จสิ้นการอธิบายกติกาทั้งหมด “มีคำถามอื่นไหม?”

“ไม่มี!” ฝูงชนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

ชายผู้นั้นโบกมือ แล้วแท่นขนาดใหญ่ก็ยกตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน บนนั้นมีตราหยกอยู่หลายพันอัน

“ยืนยันตัวตนของพวกคุณแล้วนำตราหยกไป” เขาสั่งการ

วัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้าไปที่แท่น เขากัดนิ้วแล้วหยดเลือดลงไป

วิ้งงงง!

เกิดเสียงหึ่งเบาๆขณะที่ถ้อยคำแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือแท่น : นักปราชญ์โบราณจื่อฉี

ฟึ่บ!

เมื่อสายเลือดของเขาได้การยอมรับ ตราหยกก็ลอยขึ้นมากลัดติดเข้าที่หน้าอกของเขา

จากนั้น วัยรุ่นคนที่ 2 ก็เดินไปที่แท่น

“กระบวนการของพวกเขาช่างเข้มงวดจริงๆ…” เห็นภาพนั้น จางเซวียนยกมือทาบอกอย่างโล่งใจ

โชคดีที่เขาได้เล่นงานฟ่านเฉี่ยวฉูจนสลบไปและปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย ถ้าเขาไม่ได้ส่งเจิ้งหยางกับเว่ยหรูเหยียนไปที่อื่นล่ะก็ การปลอมตัวของทั้งคู่จะต้องถูกจับไต๋ได้ด้วยกรรมวิธีการยืนยันตัวตนแบบนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ถูกร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์เล่นงาน

ฝูงชนที่อยู่รอบตัวจางเซวียนค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาแท่นนั้น ไม่ช้าก็ถึงตาของจางเซวียนในการรับตราหยก เขาหยดเลือดลงไปบนแท่นและรับตราหยกมาได้สำเร็จ

จากนั้น ฟ่านเฉี่ยวชิงกับวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง คือฟ่านเฉี่ยวเฟิง ก็ก้าวเข้าไป

ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการทดสอบกว่าสองพันคนก็ได้รับตราหยกที่พวกเขาจะต้องมอบชีวิตเพื่อปกป้องมันตลอดระยะเวลาของการทดสอบ

“ดีมาก รีบมุ่งหน้าไปยังภูเขา ทันทีที่ผู้เข้ารับการทดสอบคนสุดท้ายเหยียบย่างเข้าสู่ภูเขา เราก็จะเริ่มนับถอยหลังเป็นเวลา 6 ชั่วโมง!” ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกโบกมืออย่างวางมาด

ฟึ่บ!

ฉนวนที่ปิดกั้นภูเขาถูกเปิดออก ทุกคนพุ่งขึ้นสู่ยอดเขาทันที

ผู้ที่ไปถึงก่อนจะมีสิทธิ์เลือกชัยภูมิที่ได้เปรียบ ทำให้มีโอกาสสูงกว่าเดิมที่จะผ่านการทดสอบ

ฟ่านเฉี่ยวชิงกับฟ่านเฉี่ยวเฟิงตั้งใจจะรีบไป แต่แล้วก็รู้สึกว่าถูกดึงชายเสื้อไว้

ผู้นั้นคือฟ่านเฉี่ยวฉู

“พวกเราน่าจะถูกบังคับให้แยกกันหลังจากที่เข้าสู่ภูเขา เพราะฉะนั้น รีบหาที่ซ่อนก่อนนะ แล้วผมจะไปตามหาพวกคุณ!”

จางเซวียนรู้ว่ามีค่ายกลทะลุมิติถูกติดตั้งไว้ในอาณาบริเวณรอบภูเขา จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้เข้ารับการทดสอบจะถูกส่งทะลุมิติแบบสุ่มไปยังพื้นที่ต่างๆกัน

ไม่อย่างนั้น หากผู้ที่มาจากตระกูลเดียวกันสามารถรวมหัวกันต่อสู้ได้ ก็จะเป็นการสู้รบที่ไม่ยุติธรรม

“ซ่อนตัว?” ฟ่านเฉี่ยวชิงกับฟ่านเฉี่ยวเฟิงขมวดคิ้ว

อันที่จริง ทั้งสามไม่ได้ทรงพลังมากนัก ต่อให้ผนึกกำลังกันก็ตาม และมีแต่จะกลายเป็นเป้านิ่งที่ชัดเจนขึ้นให้คนอื่นโจมตีหากยังเกาะกลุ่มกันแบบนี้ จึงน่าจะดีกว่าหากเข้าไปโดยทางใครทางมัน

“ฟังผมก่อน ผมแน่ใจว่าพวกเราทุกคนจะผ่านการทดสอบไปได้!” จางเซวียนพูดอย่างมั่นใจ

ในเมื่อเขาเล่นงานฟ่านเฉี่ยวฉูตัวจริงไปและสวมรอยเป็นอีกฝ่ายแล้ว ก็ควรจะมอบบางอย่างกลับคืนให้กับทายาทของนักปราชญ์โบราณจื้อฉื่อบ้างเป็นการชดใช้

เห็นฟ่านเฉี่ยวฉูยืนกราน ฟ่านเฉี่ยวชิงกับฟ่านเฉี่ยวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “…อย่างนั้นก็ได้!”

จางเซวียนไม่ยอมอธิบายว่าเขาจะไปตามหาทั้งคู่อย่างไรหลังจากที่ทั้งคู่ซ่อนตัว เขายิ้มน้อยๆ จากนั้นก็โผขึ้นสู่ภูเขาอย่างรวดเร็ว

วิ้งงงง!

ค่ายกลทะลุมิติเรืองแสงจางๆออกมาคลุมร่างของเขาไว้ ทำให้เขาหายวับไป

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset