เหตุผลที่จางเซวียนพยายามจะเข้าสู่อาณาจักรคุนฉื่อให้ได้ก็เพื่อค้นหาเส้นทางสู่มิติเบื้องบนที่นำไปสู่การได้พบหลัวลั่วชิง
ในเมื่อมีเส้นทางอยู่เหนือแท่นบูชา และ ‘เทพเจ้า’ ผ่านลงมาได้ ยังไม่ต้องพูดถึงพลังงานหน้าตาเหมือนปรอทที่เล็ดลอดออกจากความว่างเปล่าซึ่งมาจากมิติเบื้องบนโดยตรง จะเป็นไปได้ไหมว่า เส้นทางที่เขาพยายามเสาะหามาตลอดจะมีอยู่จริง?
“บอกตามตรงนะ ผมเองก็ไม่รู้” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงส่ายหน้า
“ผมเข้าใจ…ถ้าอย่างนั้น คุณรู้ไหมว่าปรมาจารย์ขงออกจากอาณาจักรคุนฉื่อแล้วเข้าสู่มิติเบื้องบนได้อย่างไร?”
“เรื่องนั้นน่ะ…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
อันที่จริง แม้ศิษย์สายตรงส่วนใหญ่ของปรมาจารย์ขงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำตอนที่อีกฝ่ายจากไป นับประสาอะไรกับศิษย์รุ่นหลังอีกหลายชั่วคนอย่างตัวเขา
“มีแค่บันทึกสั้นๆอยู่ในหนังสือว่าปรมาจารย์ขงจากโลกนี้ไปหลังจากที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้สำเร็จ แต่ส่วนเขาจะไปที่ไหนนั้น ฉันเกรงว่าจะไม่มีบันทึกไว้ แต่บรรดานักประวัติศาสตร์ของเราที่พยายามสืบเสาะเรื่องราวเหล่านี้สันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การหายตัวไปของปรมาจารย์ขงจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับฉนวนนี้”
คราวนี้ เป็นขงซือเหยาที่ตอบคำถามของจางเซวียน
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เท่าที่ดู มีความเป็นไปได้สูงที่ความว่างเปล่าซึ่งอยู่เหนือแท่นบูชาจะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่มิติเบื้องบน แต่ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหากถูกโอบล้อมด้วยพลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอท บางที เงื่อนไขขั้นแรกที่เขาต้องผ่านไปให้ได้ก็คือต้องสำเร็จวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติให้ได้เสียก่อน
เห็นได้ชัดว่าตัวเขาในตอนนี้ยังต้องทำอะไรอีกมากมาย!
“ขอโทษเถอะ ปรมาจารย์จาง…แต่ผมมีคำถาม ฉนวนของอาณาจักรคุนฉื่อเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขงสร้างขึ้นเอง ทำให้ไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาหรือออกไปได้ เหตุผลที่ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ก็เพราะเราใช้พลังจากวิหารแห่งขงจื๊อทำลายฉนวนเป็นการชั่วคราว…แล้วคุณเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำถามนี้ทำให้คนอื่นๆหันมามองด้วยความสงสัย
ข้อเท็จจริงที่พวกเขารู้กันดีก็คือไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาหรือออกจากอาณาจักรคุนฉื่อได้ การปรากฏขึ้นอย่างปุบปับของวิหารแห่งขงจื๊อเป็นเพียงข้อยกเว้นข้อเดียวสำหรับกฎเกณฑ์ที่ใช้กันมานานหลายหมื่นปี แต่วิหารแห่งขงจื๊อก็ปิดตัวไปหลายเดือนแล้ว จึงไม่มีทางทำลายช่องโหว่ของมิติได้
ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น จางเซวียนเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?
รู้ดีว่าไม่มีเหตุผลที่จะปิดบัง จางเซวียนตอบตามตรง “ตอนที่ผมมาเยือนอาณาจักรเทียนเซวียน ผมพบฉนวนที่อยู่รอบๆร่างของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ด้วยความอยากรู้ ผมจึงทำลายฉนวนโดยไม่ได้ตั้งใจ และยังไม่ทันจะรู้ตัว ผมก็มาอยู่ที่อาณาจักรคุนฉื่อแล้ว”
“รอเดี๋ยว คุณพูดว่าคุณทำลายฉนวน? คุณทำลายฉนวนจริงๆหรือ?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆตัวสั่นอย่างร้อนใจ
“มีอะไร?”
“เร็วเข้า รีบไปดู!”
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงไม่มีเวลาอธิบาย เขารีบเปิดรอยแยกแห่งมิติและกระโจนเข้าไป คนอื่นๆตามไปติดๆ
เพียงครู่เดียว ทุกคนก็มาถึงบริเวณที่จางเซวียนเข้าสู่อาณาจักรคุนฉื่อ ฉนวนยังมั่นคงดี แต่รูที่จางเซวียนกับศิษย์ของเขาผ่านเข้ามายังคงขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเห็นเปลวเพลิงสีดำลุกโพลงบริเวณอาณาเขตรอบนอกของอาณาจักรคุนฉื่อ พยายามจะหาทางเข้ามาข้างใน
จางเซวียนชะงัก “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
เขารู้ดีว่าฉนวนทรงพลังแค่ไหน และถึงกับต้องใช้พละกำลังจากการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าเพื่อเปิดรูขนาดเล็กให้เล็ดลอดเข้าไปได้ แล้วทำไมจู่ๆถึงมีเปลวเพลิงสีดำลุกโพลงและกดดันฉนวนอยู่แบบนี้?
แถมพวกมันยังมีหน้าตาเหมือนเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดด้วย
“นี่คือแรงตีกลับจากสวรรค์” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงอธิบายอย่างเคร่งเครียด
“แรงตีกลับจากสวรรค์?”
“ถึงพวกเราจะแยกอาณาจักรคุนฉื่อออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์แล้ว แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองอาณาจักรยังคงเป็นหนึ่งเดียวกัน อะไรก็ตามที่เราทำที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะข้าวสาลีแตกยอดหรือการพัฒนาสภาวะร่างกายพื้นฐานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ก็ล้วนแต่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติทั้งนั้น โลกใบนี้จึงเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นมา”
“เหตุผลที่ร่างของนักปราชญ์โบราณหรันชิวถูกทิ้งไว้ด้านนอกไม่ใช่เพียงเพื่อพยุงกำลังให้ฉนวน ที่นอกเหนือไปจากนั้นก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้สวรรค์เข้ามาสอดส่องด้วย! แต่ตอนนี้ สวรรค์รับรู้แล้วว่าพวกเราทำอะไรลงไปบ้างในอาณาจักรคุนฉื่อ จึงได้ส่งการลงทัณฑ์จากสวรรค์มาลงโทษพวกเราและทำลายสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ไม่ช้าอาณาจักรคุนฉื่อจะต้องถูกเปลวเพลิง สวรรค์อันเกรี้ยวกราดนี้กลืนกินแน่” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงอุทานอย่างกังวลใจ
จางเซวียนตัวแข็ง
โลกทุกใบมีกฎกติกาของมัน และกฎกติกาเหล่านี้ก็ถูกบังคับใช้โดยสวรรค์ ใครก็ตามที่พยายามฝ่าฝืนกฎจะต้องเผชิญหน้ากับความพิโรธของสวรรค์
ในอีกแง่หนึ่ง ก็เหมือนกับการที่นักรบสักคนพยายามฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นที่สูงกว่า ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์จากสวรรค์เช่นกัน
อย่างในโลกเก่าของเขา หวังหมางซึ่งเป็นผู้อพยพเคยพยายามจะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ลงท้าย สวรรค์ก็ได้ส่งหลิ่วซิ่ว, บุตรแห่งสวรรค์ลงมาเพื่อตอบโต้ ซึ่งหลิ่วซิ่วได้ทำลายทุกอย่างที่หวังหมางสร้างไว้อย่างง่ายดาย
กฎกติกาของโลกไม่ใช่สิ่งที่จะละเลยได้ ซึ่งแม้แต่นักปราชญ์โบราณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
จางเซวียนเคยคิดว่าเหตุผลที่ไม่มีใครค้นพบอาณาจักรคุนฉื่อก็เพราะเหล่าสมาชิกของร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์พยายามจะแยกตัวออกจากโลก แต่กลับกลายเป็นว่าเป้าหมายหลักของพวกเขาก็คือเพื่อปกปิดตัวเองจากการตรวจจับของสวรรค์
หากผู้คนเข้านอกออกในอาณาจักรคุนฉื่อได้อย่างอิสระ ไม่ช้าไม่นานสวรรค์จะต้องรับรู้การมีอยู่ของอาณาจักรคุนฉื่อ และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ทุกอย่างจะถูกทำลายจนราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีแตกยอด, ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ หรือแม้แต่ทั้งอาณาจักร
เมื่อรู้แล้วว่าตัวเขาได้สร้างหายนะครั้งใหญ่ จางเซวียนหันไปถามนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง “คุณมีพิมพ์เขียวของค่ายกลเพื่อให้ผมซ่อมแซมค่ายกลไหม? ผมจะปิดตายอาณาจักรคุนฉื่อเดี๋ยวนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สวรรค์เข้ามาสอดส่องได้!”
“เรามีพิมพ์เขียวของค่ายกล แต่ไม่มีประโยชน์หรอก” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงส่ายหน้า “ที่ถูกทำลายไปแล้วน่ะไม่ใช่เพียงแค่ฉนวน แต่เป็นค่ายกลลวงตาที่ถูกติดตั้งไว้ด้านนอกด้วย ก่อนหน้านี้ ถ้าสวรรค์พยายามสอดส่องเข้ามาในโลงศพ ร่างของปรมาจารย์ขงจะปรากฏ ซึ่งจะทำให้สวรรค์คิดว่าปรมาจารย์ขงจากไปแล้ว และหยุดการสืบเสาะต่างๆไป แต่การที่เปลวเพลิงสีดำเข้ามาถึงฉนวนได้ก็หมายความว่าค่ายกลลวงตาถูกทำลายและสวรรค์รับรู้ทุกอย่างแล้ว การซ่อมแซมใดๆก็ตาม ตอนนี้ก็ทำได้แค่ยื้อทุกอย่างให้เกิดช้าลงเท่านั้น!”
จางเซวียนเงียบกริบ
ระหว่างทางที่เขาเดินทางมาอาณาจักรคุนฉื่อ มีโลงศพอยู่ 2 ใบ หนึ่งในนั้นบรรจุร่างของนักปราชญ์โบราณหรันชิวไว้ และถูกใช้เพื่อพยุงกำลังให้กับค่ายกลลวงตา
ส่วนโลงศพใบที่สอง สิ่งที่เจิ้งหยางเห็นคือศพของปรมาจารย์ขง ขณะที่คนอื่นๆเห็นร่างของเจิ้งหยาง เป็นเพราะการทำลายค่ายกลลวงตาที่ทำให้ฉนวนที่แยกอาณาจักรคุนฉื่อออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ถูกเปิดเผย
เมื่อมาตรการป้องกันสองอย่างนี้ถูกทำลาย ‘ดวงตา’ สวรรค์จึงจับจ้องอยู่ที่อาณาจักรคุนฉื่อ ต่อให้ตอนนี้พวกเขาซ่อมแซมทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ก็ไม่ช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
“พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยหรือ?”
“มีทางเดียวเท่านั้น…เราต้องล่อลวงสวรรค์ให้ได้อีกครั้ง เหมือนอย่างที่ปรมาจารย์ขงเคยทำ!”
“ล่อลวงสวรรค์?”
“ใช่ ในครั้งนั้น ตอนที่ปรมาจารย์ขงก่อตั้งอาณาจักรคุนฉื่อขึ้นเป็นครั้งแรก มีเศษเสี้ยวของพลังงานภายในรั่วไหลออกไป ซึ่งดึงดูดความสนใจของสวรรค์ในทันที เป็นเพราะการเสียสละของนักปราชญ์โบราณหรันชิวเพื่อพยุงกำลังให้ค่ายกลลวงตา ที่ทำให้สุดท้ายพวกเขาล่อลวงและตบตาสวรรค์ได้สำเร็จ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบอย่างเคร่งขรึม
“มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่พวกเราจะแก้ไขปัญหาได้ เราต้องเสาะหานักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติสักคนที่เต็มใจสละชีวิตเพื่อตายภายใต้น้ำมือของสวรรค์ เมื่อมีความตายของเขาเป็นสิ่งกระตุ้น เราจะสามารถสร้างภาพลวงตาของอาณาจักรคุนฉื่อที่กำลังล่มสลายได้ แม้สวรรค์จะลงทัณฑ์ผู้ที่ไม่ยอมทำตามกฎกติกาของโลก แต่มันก็ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง ตราบใดที่วิธีการของเราเบี่ยงเบนความสนใจได้มากพอ ก็มีโอกาสที่เราจะทำสำเร็จ”
คำบอกเล่านั้นทำให้จางเซวียนเลิกคิ้ว
ไม่ว่าจะเป็นทวีปแห่งปรมาจารย์หรืออาณาจักรคุนฉื่อ ก็ไม่เหลือนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติแม้สักคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงพละกำลังของเขาผนวกกับหอกสวรรค์กระดูกมังกรจะถือว่าใกล้เคียงมากกับนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ แต่แก่นสารของวรยุทธของเขายังคงห่างไกลจากนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติตัวจริง สวรรค์ย่อมมองทะลุการตบตาของเขาได้อย่างง่ายดาย!
“ผมจะทำเอง ผมเหลือเวลาไม่มากอยู่แล้ว ต่อให้ล่อลวงสวรรค์ไม่ได้เต็มที่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็พอยื้อเวลาได้บ้าง!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถอนหายใจขณะมองฉนวนด้วยสายตามุ่งมั่น
“คุณ?”
“ใช่ ถึงวรยุทธของผมจะยังไม่ถึงขั้นผู้ทำลายล้างมิติ แต่ก็ใกล้เคียง ด้วยการแผดเผาจิตวิญญาณและกายเนื้อ ผมจะสามารถดึงพละกำลังขึ้นมาให้เทียบเท่ากับนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติได้ชั่วคราว และบางที อาจใช้วิธีนั้นล่อลวงสวรรค์ได้สักระยะหนึ่ง” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ
“แผดเผาจิตวิญญาณและกายเนื้อของคุณ?” ขงซือเหยาชะงัก “แต่ทันทีที่จิตวิญญาณและกายเนื้อของคุณถูกทำลาย คุณจะจบชีวิตทันทีนะ ไม่มีทางที่คุณจะฟื้นคืนชีพได้อีก!”
เมื่อสำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด ต่อให้กายเนื้อของนักรบผู้นั้นถูกทำลาย ก็ยังมีโอกาสที่เขาจะฟื้นคืนชีพได้ แต่หากแผดเผาทั้งจิตวิญญาณและกายเนื้อ ก็ถือว่าถึงแก่ความตายอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะนำจิตวิญญาณที่แหลกสลายไปแล้วกลับมาได้ แม้แต่นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ
“ผมรู้ แต่ขอแค่ผมปกป้องอาณาจักรคุนฉื่อไว้ได้ ความตายของผมก็ไม่สูญเปล่า!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นนักปราชญ์โบราณ เขาพร้อมเสียสละทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถ้าความตายของเขาจะช่วยชีวิตผู้คนมากมายไว้ได้ ก็ควรค่ากับการเสียสละครั้งนี้
“ระงับความคิดนั้นไว้ก่อน ขอผมพิจารณาสักหน่อย เราอาจคลี่คลายสถานการณ์นี้ด้วยวิธีอื่นได้”
เห็นนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงร้อนรนตัดสินใจพลีชีพเพื่อมวลมนุษย์ จางเซวียนเดินเข้าไปเพ่งมองเปลวเพลิงสีดำ เขาขมวดคิ้วและเคาะนิ้วลงไปบนนั้นเบาๆ