เขาได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วจากการชนะดวลติดต่อกัน 7 รอบ แต่ก็ยังไม่มากพอให้จ่ายค่ายาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน ถ้าไม่มีใครตอบรับคำท้าดวลของเขา การจะหาเงินให้ได้ครบตามจำนวนก็คงลำบาก
ไม้ไผ่ยืนนิ่งบนสังเวียน ประเมินชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
อีกฝ่ายดูธรรมดาสามัญเหลือเกิน ไม่มีอะไรเตะตาหรือเป็นที่สังเกต หมอนี่เอาชนะศิษย์พี่ทั้งสองคนของเขาได้อย่างไร?
“นักดาบอีกคนหรือ?” จางเซวียนเปรยเมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาชักดาบออกมา
ไม้ไผ่พยักหน้าขณะชักดาบออกจากฝัก เขารี่เข้าใส่โดยไม่ลังเล
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอวิ๋นเฟยหยางและหวงเทา ก็ชัดเจนว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เขาจึงตัดสินใจออกตัวก่อน
แต่ยังไม่ทันที่ดาบของเขาจะเข้าถึงตัวคู่ต่อสู้ ก็เกิดแสงสว่างวาบตรงหน้า มันเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์ขึ้น รังสีของมันทำให้เขาจังงังไปครู่หนึ่ง
พลั่ก!
อีกร่างหนึ่งทรุดฮวบลงกับพื้น
หน้าเหลี่ยมอ้าปากค้าง
เขาเคยคิดว่าหวงเทากับอวิ๋นเฟยหยางยกยอพละกำลังของอีกฝ่ายเกินจริง แต่เท่าที่เห็น ที่พูดมายังน้อยไปด้วยซ้ำ!
ความสามารถในการป้องกันตัวของอวิ๋นเฟยหยางถือเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดบรรดาของศิษย์สายตรงฝ่ายนอก แต่ถ้าเป็นการโจมตี ไม้ไผ่รั้งอันดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้แตะแม้กระทั่งแขนเสื้อของอีกฝ่าย
ใช้คำว่าน่าสะพรึงก็ยังน้อยไป!
หวงเทามองหน้าเหลี่ยม “คุณจะลองไหม?”
“ผม…” หน้าเหลี่ยมส่ายหัวและพูดเสียงอ่อย “ขนาดพวกคุณสามคนยังสู้เขาไม่ได้ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำได้ดีกว่านั้นหรอก…ผมขอผ่าน!”
เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา แต่เพราะขนาดไม้ไผ่กับอวิ๋นเฟยหยางที่เป็นสองผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายนอกก็ยังเทียบชั้นกับอีกฝ่ายไม่ได้ เขาคงต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกันหากเข้าไปท้าทายหมอนั่น!
“ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งขนาดนี้ปรากฏตัวในเมืองแสงดาวตั้งแต่เมื่อไหร่? เราต้องรายงานเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสลู่รับทราบ” หน้าเหลี่ยมพูด
“ถูกต้อง!”
ทุกคนพยักหน้า จากนั้นก็รีบออกจากหอนิรันดร์และหายวับไป
…..
“ในที่สุด เราก็เล่นงานคู่ต่อสู้คนที่ 8 ได้สำเร็จ…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขากังวลอยู่ว่าการไม่มีคู่ต่อสู้อาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการหาเงินของเขา แต่โชคดีที่มีเจ้าโง่อีกคนหนึ่งกระโจนขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย โลกนี้มีคนใจกว้างอยู่มากมายเหลือเกิน!
จางเซวียนรีรออยู่บนสังเวียนประลองอีกครู่หนึ่ง แต่ไม่มีใครอยากดวลกับเขาในรอบที่ 9 จึงจำใจต้องลงจากสังเวียนอย่างผิดหวัง
เขากลับไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า และเมื่อพบเจ้าหน้าที่ชายคนนั้นอีกครั้ง ทีท่าของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยวีรกรรมอันโด่งดังของจางเซวียนในสังเวียนประลอง เจ้าหน้าที่ชายจึงรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
เขาเคยคิดว่าหมอนี่เป็นแค่เจ้าหนุ่มจนกรอบที่ยกหางตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!
เหงื่อเย็นๆผุดออกจากหน้าผากของเจ้าหน้าที่ชาย เกรงว่าลูกค้าจะเอาคืนเรื่องกิริยามารยาทอันไม่สุภาพของเขาที่ทำไปเมื่อครู่ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนไม่ได้คิดจะตำหนิเขาแต่อย่างใด ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผู้อาวุโสเจ้าโลก คุณยังเหลือเงินอยู่ 105,500 เหรียญนิรันดร์นะหลังจากจ่ายค่ายาเม็ดตะวันสีน้ำเงินแล้ว” เจ้าหน้าที่ชายพูดหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขาย
“ผมยังเหลือเงินมากกว่า 100,000 เหรียญนิรันดร์หรือ?” จางเซวียนชะงัก
สำหรับค่าตอบแทนจากการดวลเมื่อครู่ รวมแล้วก็น่าจะตกราว 25,000 เหรียญนิรันดร์ ด้วยเหตุนี้ เขาก็ควรเหลือเงินเพียง 5,500 เหรียญนิรันดร์เท่านั้น แล้วอีก 100,000 เหรียญมาจากไหน?
“ผู้อาวุโส, คู่ต่อสู้ในรอบที่ 5 และรอบที่ 6 ของคุณใช้อาวุธที่พวกเขาซื้อหามาเป็นพิเศษ เพราะทั้งคู่เสียชีวิต ดาบนั้นจึงถูกส่งคืนกลับสู่หอนิรันดร์ ซึ่งแต่ละเล่มมีมูลค่า 50,000 เหรียญนิรันดร์ ในเมื่อคุณคือผู้สังหารพวกเขา เงินนั้นจึงเข้าบัญชีของคุณ ทำให้คุณมีเงินเพิ่มมาอีก 100,000 เหรียญ” เจ้าหน้าที่ชายอธิบาย
“พวกเขาซื้อดาบ แต่คุณสมบัติของดาบนั่นไม่ต่างกับดาบที่จัดไว้บนสังเวียนประลองเลยนะ…”
ดาบของพวกเขาไม่ได้คมกว่าหรือมีอานุภาพพิเศษกว่า ทำไมถึงแพงนัก?
“แม้ดาบทุกเล่มจะมีองค์ประกอบพื้นฐานเหมือนกัน แต่ดาบของพวกเขาถูกจารึกและออกแบบมาเป็นพิเศษ สีของด้ามจับก็ไม่เหมือนกัน ลำพังแค่การออกแบบก็ทำให้มีมูลค่าเล่มละ 50,000 เหรียญนิรันดร์แล้ว…”
จางเซวียนอ้าปากค้าง
เพราะฉะนั้น ซื้อ ‘ความมีหน้ามีตา’ ก็ได้ แถมราคาไม่ถูกด้วย
พวกองค์กรทุนนิยม!
ก็อีกนั่นแหละ มีคนแบบนี้อยู่มากมายทั่วโลก คนที่มีเงินเยอะก็มักทำตัวให้โดดเด่นแตกต่างจากคนทั่วไป ถึงจะไม่อาจปรับเปลี่ยนวรยุทธและองค์ประกอบของข้าวของที่ใช้ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำตัวให้แตกต่างได้ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์และอาวุธ
“ผมจะนำยาเม็ดที่ผมซื้อออกไปได้อย่างไร?” จางเซวียนถาม
“ผู้อาวุโสเจ้าโลก คุณก็แค่ใช้โทรจิตสื่อสารกับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของคุณก่อนจะออกจากหอนิรันดร์ และเปิดใช้ค่ายกลทะลุมิติ แล้วของที่คุณซื้อจะถูกส่งถึงคุณทันที” เจ้าหน้าที่ชายตอบ
“ก็สะดวกสบายดีนะ!”
นึกไม่ถึงว่าจะได้รับบริการดีๆแบบนี้ จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็รีบออกจากหอนิรันดร์และกลับสู่ห้องเงียบห้องนั้น
จางเซวียนทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ เขาวางตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้ตรงหน้าและใช้โทรจิตสื่อสารกับมัน
เกิดเสียงหึ่งเบาๆ ขวดหยกใบหนึ่งปรากฏตรงหน้า ในขวดหยกใบนั้นคือยาเม็ดตะวันสีน้ำเงิน
เราคงจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากกินยานี้ จางเซวียนคิดขณะเปิดจุกขวดแล้วเทยาเม็ดลงบนฝ่ามือ
เขากำลังจะกลืนมันเข้าไป ก็พอดีกับที่รู้สึกถึงความเย็นเยือกบนฝ่ามือ น้ำเต้าลูกหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันแล้วกินยาเข้าไปทั้งเม็ด
“เวรละ…” จางเซวียนหน้าแดงก่ำ
น้ำเต้าลูกนี้คือน้ำเต้าตงฉู่ที่เข้าไปเกลือกกลิ้งอยู่ในจุดตันเถียนของเขาอย่างหน้าไม่อาย และไม่ยอมออกมาด้วย ล่าสุด มันกระโจนออกมากลืนกินเลือดมังกรที่เขาได้จากอำมาตย์เฉินหลิง และคราวนี้เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดซ้ำอีก…
มีเวลาให้ปรากฏตัวตั้งมากมาย ทำไมต้องโผล่มาตอนนี้ แถมขโมยกินยาเม็ดฟื้นฟูสภาพร่างกายที่เขากำลังต้องการมาก?
ชาติก่อนฉันทำร้ายแกไว้หรือไง?
มันเรื่องอะไรฉันถึงต้องมาติดแหงกอยู่กับไอ้ตัวหน้าไม่อายอย่างแกด้วย?
จางเซวียนตัวสั่นจนหยุดไม่ได้ เขาคำรามลอดไรฟัน “อ้วกมันออกมา เดี๋ยวนี้! เร็วๆเข้า!”
เขาคว้าตัวน้ำเต้าไว้แน่นและปล่อยพละกำลังออกมาด้วยความโมโห แต่โชคร้ายที่พละกำลังที่จางเซวียนสำแดงถูกจำกัดไว้ด้วยอาการบาดเจ็บของเขา
“ก็กลืนลงไปแล้วนี่ แต่ผมอึมันออกมาได้นะถ้าคุณต้องการ” น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้นอย่างเบิกบานใจ
“อึบ้านแกสิ!” จางเซวียนทุ่มน้ำเต้าตงฉู่ลงกับพื้นแล้วกระทืบมันสองหนด้วยความโมโหเดือด ก่อนที่ความโกรธจะทุเลาลงเล็กน้อย “ฉันขอเตือนแกนะ ถ้าแกกล้ารบกวนการฟื้นฟูสภาพร่างกายของฉันอีกหนเดียว ฉันจะโยนแกลงในบ่อเกรอะ!”
“คุณได้รับบาดเจ็บจากคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติและเวลา พละกำลังทำลายล้างของมันยังตกค้างอยู่ในร่างกายนะ แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าการกินยาเม็ดนั่นน่ะจะทำให้คุณต้องใช้เวลาฟื้นฟูสภาพร่างกายนานแค่ไหน?” น้ำเต้าพรั่งพรูอย่างหมดความอดทน
“แกกำลังจะบอกฉันว่ายาเม็ดตะวันสีน้ำเงินไม่ดีพอจะเยียวยาอาการบาดเจ็บของฉันหรือ?”
จางเซวียนไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบสภาพสภาพร่างกายของเขา อีกทั้งขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อสำรวจอาการของอวัยวะภายในก็ไม่ได้ จึงประเมินไม่ถูกว่าอาการบาดเจ็บของตัวเองสาหัสแค่ไหน
“โธ่! มันรักษาได้แค่อาการบาดเจ็บทั่วไปเท่านั้น…แต่ถ้าเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติและเวลาล่ะก็ ต่อให้คุณกินยานั่นเป็นตันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก” น้ำเต้าตอบ
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันต้องกินยาชนิดไหน?” จางเซวียนถาม
เขารู้ว่าน้ำเต้าตงฉู่จะต้องมีความพิเศษบางอย่าง คราวนี้จึงตัดสินใจถามความคิดเห็นของมัน บางทีอาจได้อะไรดีๆก็เป็นได้
“คุณต้องกินยาที่มีอานุภาพรักษาบาดแผลจากคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติและเวลาโดยเฉพาะ แต่ยาชนิดนี้ก็หายากและแพงมาก คนอย่างคุณน่ะไม่มีปัญญาหาได้หรอก…แต่คุณก็ยังโชคดีนะ ถ้าคุณนำยาแบบเมื่อครู่นี้มาให้ผมอีกสัก 2-3 เม็ดแล้วปล่อยให้ผมกินล่ะก็ ผมจะบอกให้ว่าคุณจะรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างไร…” น้ำเต้าคุยเขื่อง
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ จางเซวียนก็กระเสือกกระสนไปจนถึงประตูห้องและตะโกนเรียก “ตั้นเฉี่ยวเทียน เอาเครื่องตัดมา!”
“เครื่องตัด?”
ผมมีน้ำเต้าอยู่ลูกหนึ่งที่ต้องผ่าครึ่ง ถ้าคุณไม่มีเครื่องตัดล่ะก็ เอาขวานมาก็ได้!” จางเซวียนตะโกน
ทันทีที่ขวานถึงมือ จางเซวียนเล่นงานน้ำเต้าตงฉู่ทันที เขาใช้ขวานจามมันอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับคนคลุ้มคลั่ง
เห็นจางเซวียนเอาจริง น้ำเต้ารีบยอมแพ้ “ก็ได้…ก็ได้! ผมจะบอกให้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร อันที่จริง เหตุผลที่ผมอยากได้ยาเม็ดนั้นน่ะไม่ใช่เพราะผมตะกละหรือโลภมากนะ แต่เป็นเพราะพลังงานของผมร่อยหรอและต้องการยาเม็ดเพื่อเข้าไปฟื้นฟูสภาพของมันสักเล็กน้อยก่อนที่ผมจะเยียวยาบาดแผลให้คุณได้!”
“อย่าเล่นตุกติกกับฉัน…” จางเซวียนจ้องหน้าน้ำเต้าตงฉู่ขณะกดคมขวานลงที่ตัวน้ำเต้า
“มะ-ไม่หรอกน่ะ! ผมจะทำแบบนั้นทำไม…” น้ำเต้าตงฉู่ละล่ำละลัก
จางเซวียนส่งสายตาเชือดเฉือนใส่น้ำเต้าตงฉู่เป็นการทิ้งท้าย เขากลับไปที่หอนิรันดร์และใช้เงินที่เหลืออยู่ 100,000 เหรียญนิรันดร์ซื้อยาเม็ดตะวันสีน้ำเงินมา 5 เม็ด ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง
หลังจากได้กินยาทั้ง 5 เม็ด น้ำเต้าตงฉู่เรออย่างพออกพอใจก่อนจะสั่งการอย่างยืดยาด “เตรียมหม้อใส่น้ำมาใบหนึ่งและนำผมลงไปต้มให้เดือด…2 ชั่วโมงหลังจากนั้นให้ดื่มน้ำนั้นลงไป แล้วบาดแผลของคุณจะดีขึ้น”
“แกจะให้ฉันดื่มน้ำที่แกอาบหรือ?”จางเซวียนถึงกับอึ้ง
นี่มันใช่วิธีการรักษาที่ถูกที่ควรไหม?
“ใช่แล้ว!” น้ำเต้าตงฉู่พูดขณะนอนเหยียดยาวอยู่กับพื้น “เร็วเข้าเถอะ ถ้าไม่รีบทำ ผมจะกลับไปพักผ่อนแล้วนะ…”
รู้ดีว่าเจ้าน้ำเต้าตงฉู่หน้าด้านหน้าทนนี่จะต้องทำอย่างที่พูด จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ค่อยเชื่อถือกรรมวิธีที่น้ำเต้าตงฉู่แนะนำ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ จึงตัดสินใจลองดู
จางเซวียนรีบสั่งการตั้นเฉี่ยวเทียนซึ่งรออยู่ด้านนอกให้นำหม้อใส่น้ำใบหนึ่งเข้ามาในห้อง
ไม่ช้า ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เข้ามาพร้อมกับหม้อใบหนึ่งที่ใส่น้ำเต็ม เขากำลังสงสัยว่าท่านอาจารย์จะทำอะไร…ตอนแรกท่านอาจารย์ก็เรียกหาเครื่องตัดและขวาน มาตอนนี้ก็ต้องการหม้อใส่น้ำ…คิดจะเตรียมชาบูหรือ?
เมื่อคิดขึ้นได้ ตั้นเฉี่ยวเทียนผู้เอาใจใส่ก็ถามทันที “ท่านอาจารย์…คุณอยากได้เนื้อแกะ ลูกชิ้นปลา หรืออะไรทำนองนั้นไหม? ผมเตรียมให้ได้ตอนนี้เลยนะ!”
“….” จางเซวียน
ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะพูดจาให้ตั้นเฉี่ยวเทียนที่แสนมีน้ำใจเข้าใจว่าเขาไม่ได้คิดจะกินชาบู และหลังจากส่งศิษย์สายตรงคนที่ 10 ของเขาออกจากห้องแล้ว จางเซวียนก็จุดไฟที่ก้นหม้อก่อนจะโยนน้ำเต้าตงฉู่ลงไป