“อย่างที่รู้กันทั่วไป มี 2 เส้นทางหลักในการก้าวไปสู่วรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง เส้นทางแรกคือผ่านสายเลือดบริสุทธิ์ ด้วยสายเลือดอันบริสุทธิ์ ต่อให้นักรบผู้นั้นไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธสักเท่าไหร่ ก็จะยังฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างคือเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์มังกรแห่งน่านฟ้ามังกรเมฆ ผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์จะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างเมื่ออายุล่วงเข้าวัยผู้ใหญ่ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเป็นที่อิจฉาตาร้อนของนักรบที่เป็นมนุษย์ทั่วไป เช่นเดียวกันกับทายาทรุ่นแรกผู้สืบเชื้อสายจากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ พวกเขาจะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนทายาทรุ่น 2 ความเป็นไปได้จะลดลงไปอยู่ที่ 90% และรุ่น 3 ความเป็นไปได้จะลดลงจนเหลือเพียง 80%…โดยทั่วไป เมื่อสายเลือดถูกส่งต่อสืบทอดกันไปเรื่อยๆ ก็มีแต่จะเบาบางลง จนกระทั่งเมื่อถึงวันหนึ่ง โอกาสของการได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็ไม่ต่างอะไรกับนักรบทั่วไป”
“สายเลือดของนักรบคนหนึ่งถูกกำหนดไว้แต่กำเนิด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้ ดังนั้นนักรบส่วนใหญ่จึงพึ่งพาได้เฉพาะเส้นทางที่ 2 ในการฝ่าด่านวรยุทธ ซึ่งก็คือการฝึกฝนวรยุทธนั่นเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการฝึกฝนวรยุทธเพื่อก้าวไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งผมก็มั่นใจว่าพวกคุณส่วนใหญ่เห็นด้วยในข้อนี้ ไม่เพียงแต่นักรบจะต้องเสาะหาเทคนิคที่เหมาะสมกับตัวเอง ยังต้องมีความมั่นใจและความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอย่างไม่คลอนแคลน ทั้งยังต้องอาศัยความโชคดีไม่น้อย รวมแล้ว มีนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงไม่ถึงหนึ่งในร้อยคนที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้สำเร็จ”
“ด้วยเหตุนี้ วรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างจึงไม่ใช่สิ่งที่ได้กันมาง่ายๆ อันดับแรก ผมจะขอกล่าวถึงกรรมวิธีที่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงทั่วไปใช้ในการยกระดับวรยุทธ…”
ฟ่านเจ๋อตั้งต้นบรรยาย
หลังจากฟังไปได้ครู่หนึ่ง จางเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
แม้บทเรียนที่ฟ่านเจ๋อเตรียมไว้ออกจะหนักทฤษฎีไปสักหน่อย ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการเบื่อได้ง่าย แต่ความรู้ที่เขาถ่ายทอดออกมานั้นถือว่าตรงประเด็น เขาแสดงให้เห็นภาพรวมก่อนจะวิเคราะห์รายละเอียดทีละจุด อีกทั้งข้อมูลที่รวบรวมมาก็ละเอียดถี่ถ้วน สำหรับผู้ที่ใกล้จะฝ่าด่านวรยุทธได้แล้วย่อมได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากการฟังบทเรียนของเขา
หลังจากฟังการบรรยายไปสักครู่ จางเซวียนก็ได้รับความเข้าใจเพิ่มขึ้นว่าการได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างนั้นมีความสำคัญอย่างไร
แต่นอกเหนือจากนั้น เนื้อหาการบรรยายส่วนใหญ่คือสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว จึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ฟังต่อ
จางเซวียนลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวจะออกจากห้องบรรยาย แต่แล้วประตูที่ปิดสนิทก็ระเบิดตูม
ฟึ่บ!
จากนั้น สองร่างก็ก้าวเข้ามาในห้องบรรยาย คนที่เดินนำหน้าเป็นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ สวมชุดเกราะสีเงิน การเคลื่อนไหวของเขาดูขึงขัง สายตาเฉยชาสอดส่ายไปทั่วห้อง
มองแวบเดียวก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคือนายทหารผู้ช่ำชองสนามรบ
ที่เดินตามหลังคือชายหนุ่มหน้าตาซีดเซียวคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างบอบบาง รังสีของเขาอ่อนระโหยโรยแรง บ่งบอกว่าได้รับความบอบช้ำภายในอย่างสาหัส แม้เขาจะยังไม่ใกล้ตาย แต่ความบอบช้ำที่ได้รับก็น่าจะทำให้การยกระดับวรยุทธในอนาคตเป็นไปได้ยาก
“นายพลเกราะเงินแห่งกองทัพ!”
“เขาจะต้องมีวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลางเป็นอย่างน้อยถึงจะได้เป็นนายพลเกราะเงินใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิงนะ นอกจากวรยุทธที่ทรงพลัง ยังต้องสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นและทำคุณงามความดีอย่างใหญ่หลวงต่อกองทัพ…”
“แล้วคนระดับนั้นมาที่นี่ทำไม?”
“นั่นลูกชายของเขา เพราะลูกชายของเขาไม่เชี่ยวชาญวรยุทธสักเท่าไหร่ จึงถูกสถาบันการศึกษาต่างๆในเมืองหลวงปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจพาลูกชายมาร่ำเรียนกับอาจารย์ฟ่านเจ๋อ…”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วห้อง
“นายพลเกราะเงิน?” จางเซวียนพึมพำขณะประเมินชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
ก็จริง เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่สั่นระริกอยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เขาน่าจะทรงพลังกว่าหมิงไล่เชียงกับคนอื่นๆหลายเท่า
“คุณคือฟ่านเจ๋อใช่ไหม?”
นายพลเกราะเงินเดินตรงไปที่ใจกลางห้องบรรยายขณะหรี่ตามองฟ่านเจ๋อ การปรากฏตัวของเขาฉายความโกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน
“ใช่ ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง?” ฟ่านเจ๋อตอบ
“คุณมันอาจารย์ห่วยแตก! วันนี้แหละ ผมจะสั่งสอนบทเรียนให้คุณที่พาลูกชายของผมไปในทางผิดๆ!”
นายพลเกราะเงินคำรามกร้าว เขากระโจนพรวดเข้าไปและปล่อยหมัดใส่ฟ่านเจ๋ออย่างจัง
แม้ยังอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหว แต่พละกำลังจากหมัดของเขาก็บีบอัดอากาศโดยรอบอย่างหนัก จนถึงขนาดที่เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง
“คุณ…”
ฟ่านเจ๋อผงะ เขารีบถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว
โครมมมม!
คลื่นความสั่นสะเทือนของหมัดนั้นทรงพลังถึงขนาดทำลายโพเดียมไม้ด้านข้างจนยับเยิน ฟ่านเจ๋อรีบยกแขนขึ้นเพื่อตอบโต้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ถึงกฎเกณฑ์ของสภาปรมาจารย์ ก็กัดฟันและเปลี่ยนไปใช้ท่าเตรียมพร้อมเพื่อการป้องกันตัว
พลั่ก!
เขาถูกเล่นงานอย่างจังที่หน้าอก และกระเด็นไปจนหลังกระแทกกำแพง เลือดสดๆกระอักออกมา
ในแง่พละกำลัง ตัวเขาถือว่าทัดเทียมกับนายพลเกราะเงิน แต่สำหรับประสบการณ์ในสนามรบ นายพลเกราะเงินผ่านความโหดร้ายกระหายเลือดมามากมายจนทำให้ยากที่ใครจะเล่นงานเขาได้
ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากับอสูรที่กำลังคลุ้มคลั่ง
“ช้าก่อน!”
“ถ้าคุณมีปัญหาอะไร เราคุยกันได้นะ”
“คุณทำอะไรน่ะ? นี่มันผิดกฎ!”
ถึงตอนนี้ คนอื่นๆในห้องบรรยายต่างก็หายจากอาการตกตะลึง พ่อแม่ 2-3 คู่รีบพุ่งออกไปเพื่อรั้งตัวนายพลเกราะเงินไว้
นายพลเกราะเงินตวาดก้องด้วยความโมโห “พวกคุณคิดว่ากำลังทำอะไร? อาจารย์ห่วยแตกคนนี้ไม่คู่ควรจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว!”
ฟ่านเจ๋อกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เขารีบสูดหายใจลึกเพื่อเรียกพลังงานกลับคืนมาก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับนายพลเกราะเงิน
“ขออภัยด้วยเถอะ คุณพ่อ, แต่ถ้าคุณอยากฆ่าผม อย่างน้อยก็ควรบอกผมให้รู้ตัวว่าผมทำอะไรผิด และเปิดโอกาสให้ผมอธิบาย!”
เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้มาก่อน
ส่วนนายพลเกราะเงินก็โมโหหนักกว่าเดิมเมื่อพบว่าฟ่านเฉิงไม่รู้สักนิดว่าตัวเองทำอะไรผิด เขาชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มอาการสาหัสที่ยืนอยู่ด้านหลังและตั้งคำถาม “คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด? เฮอะ! คุณรับลูกชายของผม, จัวเหยียน เป็นลูกศิษย์ของคุณใช่ไหม?”
ฟ่านเจ๋อพยักหน้า
“ผมไว้ใจฝากฝังลูกชายกับคุณ แต่ดูซิว่าคุณทำอะไรลงไป? แทนที่จะสั่งสอนเขาให้ดี คุณกลับบีบบังคับให้เขาเรียนพิเศษหลังจากจบชั้นเรียนปกติ และเก็บค่าเรียนพิเศษด้วย ผมพอเข้าใจว่าคุณอาจเดือดร้อนเรื่องเงิน จึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย แต่อย่างน้อยที่สุด คุณก็ควรจะสั่งสอนเขาให้ถูกต้อง! แต่แล้วคุณก็กลับถ่ายทอดเทคนิควรยุทธผิดๆให้เขา ทำให้วรยุทธของเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรก คุณจะมีหน้ามองใครต่อใครในโลกใบนี้ต่อไปได้อย่างไร?” นายพลเกราะเงินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
“วรยุทธของจัวเหยียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก?” ฟ่านเจ๋อถึงกับผงะ
เขารีบหันไปมองชายหนุ่ม และรู้ทันทีว่าอาการบอบช้ำภายในของอีกฝ่ายเป็นเรื่องผิดปกติ มีร่องรอยของการที่วรยุทธถูกธาตุไฟเข้าแทรกจริงๆ ฟ่านเจ๋อสายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อและพูดต่อ “สิ่งที่ผมสอนเขาคือเทคนิควรยุทธขั้นพื้นฐาน ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดหรอก แล้วกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ฟ่านเจ๋อระงับความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บไว้ จากนั้นก็เดินไปหาจัวเหยียนและทาบนิ้วลงบนชีพจรของอีกฝ่าย
ระหว่างนั้น จางเซวียนที่ก่อนหน้านี้คิดจะกลับไปก็ตัดสินใจรั้งรอเพื่อดูว่าเรื่องนี้จะลงเอยแบบไหน
เขาอดนึกถึงตัวตนเก่าของเขาไม่ได้ หมอนั่นก็เคยถ่ายทอดความรู้ผิดๆให้ลูกศิษย์เช่นกัน ทำให้วรยุทธของอีกฝ่ายถูกธาตุไฟเข้าแทรก แต่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ครูบาอาจารย์มีสถานภาพสูงส่งเสียจนแม้แต่พ่อแม่ก็ยังต้องใคร่ครวญให้ดีหากจะมาเอาเรื่องหรือเล่นงานอีกฝ่าย
แต่นายพลเกราะเงินบุกพรวดพราดเข้ามาในสภาปรมาจารย์เพื่อเล่นงานอาจารย์ดาวเด่น…
ดูเหมือนสถานภาพของปรมาจารย์ที่นี่จะไม่ได้สูงส่งนัก
บางที อาจเป็นเพราะปรมาจารย์ขงเพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์ได้เพียงไม่กี่สิบปี ถ้ามรดกตกทอดของเขาถูกส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นได้ราวพันปีหรือมากกว่านั้น ผู้คนก็คงเริ่มเห็นคุณค่าของปรมาจารย์และให้ความเคารพพวกเขามากกว่านี้
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าสิ่งที่นายพลเกราะเงินพูดเป็นความจริง ฟ่านเจ๋อก็ทำผิดกฎของปรมาจารย์อย่างร้ายแรง ครูบาอาจารย์ควรเต็มใจถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ แต่ฟ่านเจ๋อกลับจงใจขยักบทเรียนไว้และบีบบังคับให้ลูกศิษย์ของเขาจ่ายค่าเรียนพิเศษเพื่อให้ตัวเองร่ำรวยกว่าเดิม
หากมองเรื่องนี้จากจุดยืนทางศีลธรรม ฟ่านเจ๋อก็ขาดคุณสมบัติในการเป็นอาจารย์
ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าครูบาอาจารย์จะต้องไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวและความโลภอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ควรรักษาความเป็นมืออาชีพไว้ ความกระหายเงินไม่ควรเป็นเหตุที่ทำให้ละเลยหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง
“วรยุทธของเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกจริงๆ” ฟ่านเจ๋อพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณยอมรับออกมาเสียทีก็ดี ผมจะสังหารคุณเสียวันนี้แหละ กำจัดครูห่วยแตกให้สิ้นซากไปจากโลก!” ได้ยินคำนั้น นายพลเกราะเงินเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ฟ่านเจ๋ออีกรอบ
“ใจเย็น ใจเย็นก่อน!”
พ่อแม่คนอื่นๆ รีบเข้ามารั้งนายพลไว้ไม่ให้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น
ที่นี่คือเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน ดินแดนที่จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่มกุมอำนาจ ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะต้องทำตามคำสั่งของเขา แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ไม่อย่างนั้นก็อาจถูกเนรเทศ
“ท่านพ่อของจัวเหยียน กรุณาใจเย็นก่อน เป็นไปไม่ได้ที่สิ่งที่ผมถ่ายทอดให้เขาจะมีข้อผิดพลาด เหตุผลที่วรยุทธของเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกอาจเป็นเพราะความผิดพลาดบางอย่างที่เขาทำให้เกิดกับวรยุทธของตัวเอง ค้นหาให้เจอก่อนเถอะว่าเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไร และรีบแก้ปัญหา ดีไหม?” ฟ่านเจ๋อพูดพร้อมกับโบกมือ
จากนั้นเขาก็หันไปหาชายหนุ่ม “บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่วรยุทธของคุณจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก เล่าให้ละเอียดนะ…”
“เมื่อวานนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนพิเศษกับท่านอาจารย์ ผมก็กลับบ้านและฝึกฝนวรยุทธตามที่คุณสอน…แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ลงท้ายก็กลับกลายเป็นแบบนี้!” ชายหนุ่มพูดไปตัวสั่นไป
“มันเกิดขึ้นหลังจากคุณฝึกฝนตามเทคนิควรยุทธของผม? บอกผมมาว่าคุณทำอะไรบ้าง? ทีละขั้นนะ” ฟ่านเจ๋อสั่งการ
“ก็อย่างที่คุณสอน ผมถ่ายทอดพลังงานสวรรค์ของผมผ่านสามทางเดินพลังปราณตะวันฉายในฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยมันเข้าสู่จุดชีพจรฉงหยาง…สุดท้าย ผมก็เก็บมันไว้ในจุดตันเถียน!” ชายหนุ่มรีบลำดับขั้นตอนการฝึกฝนเทคนิควรยุทธตามที่ได้ร่ำเรียนมา
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนขมวดคิ้ว