อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2254 นักปรุงยาจาง

ที่สมาคมนายแพทย์ของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน

“ขอแสดงความยินดีด้วย นายแพทย์จ้าวชง!”

หลังจากผ่านการคัดเลือกไป 2-3 รอบ ผู้ถูกเสนอชื่อที่ได้เป็นตัวแทนของพวกเขาก็คือนายแพทย์จ้าวชง

แม้ชื่อเสียงของอีกฝ่ายจะไม่ได้ลือกระฉ่อนเท่าผู้ได้รับการเสนอชื่อคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทักษะการรักษาโรคของเขานั้นน่าทึ่ง กรรมวิธีการรักษาที่เขาสำแดงออกมาระหว่างการทดสอบทำให้ฝูงชนต่างอัศจรรย์ใจ

“ใช่ นายแพทย์จ้าวชงคือของจริง เขาไม่ใช่คนที่นักปรุงยาจะมาเทียบชั้นได้!”

“คุณหมายถึงจางเซวียนสินะ? ฮ่าฮ่า ผมยอมรับว่าเขาคืออัจฉริยะเรื่องการหลอมยา แต่เรื่องการรักษาโรคน่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า! ยังอีกไกล!”

“ทุกอาชีพมีความท้าทายของตัวเอง โชคดีแล้วที่พวกเราตัดเขาออกไปได้ ไม่อย่างนั้น ผมคงต้องเดือดร้อนทุกครั้งที่เขาทำผิดพลาด!”

เห็นฝีมืออันน่าทึ่งของจ้าวชง ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายหนุ่มโอหังที่เข้ามาเมื่อครู่ หลายคนหัวเราะลั่น

ต่อให้หมอนั่นหลอมยาเก่ง ก็แล้วอย่างไร? นายแพทย์ไม่ได้แข่งขันกันเรื่องการหลอมยาเสียหน่อย!

หากพวกเขาปล่อยให้นักปรุงยาได้เป็นตัวแทน คนอื่นๆคงเย้ยหยันสมาคมนายแพทย์ไปอีกนานว่าสิ้นคิดถึงขนาดต้องส่งสมาชิกของวิชาชีพอื่นมาขัดตาทัพ

ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็กระหืดกระหอบเข้ามา

“มีอะไร?” ประธานซุนเชี่ยนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“กลุ่มนายแพทย์ของน่านฟ้ามังกรเมฆกลับไปแล้ว!”

“กลับไปแล้ว? หมายความว่าไง? พวกนั้นจะมาท้าดวลกับเราไม่ใช่หรือ?” ประธานซุนเชี่ยนชะงัก

อีกฝ่ายตั้งใจมาที่นี่เพื่อใช้พวกเขาเป็นหินรองฝ่าเท้า แล้วทำไมถึงกลับไปตั้งแต่การดวลยังไม่เริ่ม?

“พวกน่านฟ้ามังกรเมฆบอกว่าในเมื่อทักษะของพวกเขายังอ่อนด้อย ดวลกันไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงตัดสินใจกลับ” ชายวัยกลางคนตอบ

“ทักษะของพวกเขายังอ่อนด้อย? พูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร?”

ทุกคนถึงกับงง

ยังไม่ได้สู้กันเลยด้วยซ้ำ! ทำไมจู่ๆฝ่ายตรงข้ามถึงได้ข้อสรุปแบบนั้น?

“เท่าที่ผมรู้ ดูเหมือนนายแพทย์คนหนึ่งจากน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนของพวกเราจะเข้าไปที่บ้านพักของพวกน่านฟ้ามังกรเมฆและเอาชนะประธานเลี่ยวได้อย่างง่ายดาย พวกนั้นยำเกรงในความเชี่ยวชาญเรื่องวิธีการรักษาโรคที่อีกฝ่ายสำแดงออกมา จึงตัดสินใจยอมแพ้!” ชายวัยกลางคนบอกเล่าเรื่องที่เขารู้

“ใครคนหนึ่งท้าทายประธานเลี่ยวและเอาชนะเขาได้?”

“คุณแน่ใจหรือ? ทักษะการรักษาโรคของประธานเลี่ยวน่ะถือเป็นแถวหน้าของทั้งเก้าน่านฟ้าเชียวนะ!”

“จริงด้วย เขาคือคนที่ผมยกย่อง คุณรู้ไหม?”

“เดี๋ยวก่อน! แล้วใครกันที่เอาชนะประธานเลี่ยว?”

ทุกคนมองหน้ากันอย่างงุนงงก่อนที่นายแพทย์คนหนึ่งจะโพล่งออกมา “ตอนนี้นายแพทย์ทุกคนของเมืองหลวงรวมตัวกันอยู่ที่นี่ และไม่มีใครออกไปไหนสักคน มันดูแปลกๆอยู่นะ เราหลงลืมใครไปหรือเปล่า?”

“ผมก็สงสัย เมื่อครู่นี้จึงถามพวกเขา ดูเหมือนนายแพทย์คนนั้นจะชื่อ…จางเซวียน!” ชายวัยกลางคนตอบ

“จางเซวียน?”

“คนที่เราเพิ่งกดดันให้เขาออกไปนี่…นักปรุงยาจาง?”

“คุณแน่ใจหรือเปล่า? นั่นคือนายแพทย์ที่ปราบประธานเลี่ยวผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ! ผมไม่อยากเชื่อว่านักปรุงยาจางจะเก่งกาจขนาดนั้น…”

“หรือว่าข่าวของคุณคลาดเคลื่อน?”

ฝูงชนต่างงุนงง เมื่อหวนนึกถึงตอนที่พวกเขากดดันชายหนุ่มให้ออกไป ทุกคนก็หน้าแดงก่ำราวกับเพิ่งถูกใครตบหน้ามาหมาดๆ

เมื่อครู่นี้เองที่พวกเขาเย้ยหยันนักปรุงยาจางที่อยากเข้าร่วมการคัดเลือก แต่ใครจะไปคิดว่านักปรุงยาคนหนึ่งจะมีทักษะเหนือชั้นกว่าประธานเลี่ยวที่ได้รับความเคารพอย่างสูงเสียอีก?

ประธานซุนเชี่ยนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เขาอยากจะขุดหลุมและลงไปซ่อนตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องอับอายและกระอักกระอ่วนขนาดนี้

…..

จางเซวียนไม่รับรู้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสมาคมนายแพทย์ของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน เขาจ้องมองตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและตั้งคำถาม “นี่คือตราสัญลักษณ์สำหรับการใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ใช่ไหม?”

เมื่อ 2-3 นาทีก่อน ประธานเลี่ยวเพิ่งมอบมันให้เขากับมือ

ตราสัญลักษณ์มีขนาดราวกำปั้นเด็ก มีอักษรจารึกอยู่บนนั้น เมื่อจ้องดูมัน ก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางถึงพลังที่อบอวลอยู่ภายใน สร้างความยำเกรงเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณ

“นี่คือตราสัญลักษณ์ที่จอมราชันย์ผู้หนึ่งแกะสลักด้วยตัวเอง มันมีอำนาจต้านทานคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติที่เกิดจากค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่” ฉีหลิงเอ๋ออธิบายขณะแอบมองตราสัญลักษณ์ด้วยความอิจฉา

แม้เธอจะเป็นสมาชิกสายหลักของตระกูลฉีและมีอำนาจล้นมือ แต่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เป็นเจ้าของตราสัญลักษณ์ระดับนี้

ตราอันนี้จะทำให้ผู้ครอบครองมันเดินทางจากน่านฟ้าหนึ่งไปอีกน่านฟ้าหนึ่งได้ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที ขอแค่มีเงินมากพอ ก็เดินทางสำรวจได้ทั่วทั้ง 9 น่านฟ้าโดยไม่มีปัญหาใดๆ

จางเซวียนพยักหน้า

เขาเองก็ดูออกว่าอักษรจารึกบนตราสัญลักษณ์มีพลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังที่เขาสัมผัสได้จากราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติฉีเหมิงเสียอีก

“เอาล่ะ ผมจะมอบหมายให้คุณดูแลเรื่องการจำหน่ายยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธต่อไปนะ จำไว้ให้ดีว่าเป้าหมายของผมคือทำให้ผู้คนเกิดความอยากได้ยาเม็ดให้มากที่สุด อีกอย่าง ผมหวังว่าคุณจะช่วยดูแลท่านพ่อกับท่านแม่ของผมกับซุนฉางด้วย ถ้าพวกเขาต้องการสิ่งใดสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ก็พยายามจัดหามาให้ได้” จางเซวียนสั่งการ

เพราะเขากำลังจะเดินทางสู่น่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดซึ่งเป็นดินแดนต่างถิ่น มีความเป็นไปได้สูงที่อาจพบอันตรายที่นั่น จึงย่อมดีกว่าหากไม่พาท่านพ่อท่านแม่ของเขาไปด้วย

หลังจากเซียนดาบชิงเหมิงได้รับคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญของกระท่อมดาบ ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของทั้งคู่ก็ล้ำลึกกว่าเดิมมาก ส่งผลให้วรยุทธพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น จางเซวียนยังมอบทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธทุกชนิดให้ตามแต่ทั้งคู่จะต้องการ แถมได้กินยาเม็ดเพิ่มความงามและยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธตามสบายราวกับพวกมันเป็นแค่ลูกอมราคาถูก

ด้วยเหตุนี้ เซียนดาบชิงเหมิงจึงสามารถยกระดับวรยุทธจนได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ

ด้วยอัตราการพัฒนาที่เป็นอยู่ ไม่ช้าไม่นานก็คงได้เป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง

หลังจากสั่งการกิจธุระที่คั่งค้าง จางเซวียนรีบหาตำแหน่งของค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่ก่อนจะขี่อสูรสวรรค์สร้างบินได้ตรงไปที่นั่น

ขอแค่ตระกูลฉียังคิดว่าเขาคือจอมราชันย์ พวกนั้นก็จะปกป้องท่านพ่อท่านแม่ของเขากับซุนฉางอย่างดี ทั้งสามจึงน่าจะปลอดภัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน

แต่ความปลอดภัยแบบนั้นไม่อาจรับประกันได้หากออกมาพ้นกำแพงเมือง

ตลาดยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธและยาเม็ดเพิ่มความงามที่แสนจะอู้ฟู่ทำให้กลุ่มอำนาจหลายกลุ่มเกิดความละโมบ ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้ามาในเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อนเพราะเกรงอิทธิพลของตระกูลฉี แต่หากพวกเขาอยู่นอกอาณาเขตการปกป้องของตระกูลฉีเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มอำนาจเหล่านั้นจะต้องหาทางโจมตีแน่

อันที่จริง จางเซวียนรู้สึกได้เลยว่าการเดินทางโดยใช้ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่มุ่งหน้าไปยังน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดนั้นไม่น่าจะราบรื่นอย่างที่คิด

เขานั่งอยู่บนอสูรสวรรค์สร้างบินได้…หลับตา และเริ่มพิจารณาสภาวะปัจจุบันของตัวเอง

เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกลาง ค่ายกลทะลุมิติขนาดใหญ่จึงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ไกลออกไปหลายร้อยลี้

ดังนั้น หากใครสักคนต้องการใช้ค่ายกลทะลุมิติ ก็จะต้องออกจากเมืองหลวงเสียก่อน นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จางเซวียนอาจถูกลอบโจมตีระหว่างเดินทางไปยังจุดที่ค่ายกลตั้งอยู่

ในฐานะผู้รู้สูตรยาของยาเม็ดฝ่าด่านวรยุทธและยาเม็ดเพิ่มความงาม จะต้องมีหลายคนเห็นเขาเป็นบ่อเงินบ่อทอง พวกนั้นย่อมคิดว่าหากจับตัวเขาได้ ก็คงมีเงินทองไหลมาไม่สิ้นสุด

อีก 15 นาทีก็จะพ้นอาณาเขตเมืองแล้ว จางเซวียนคิด ควรใช้เวลานี้ทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างของเราเสียก่อน…

เขาเพิ่งเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้ไม่นาน และมัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่นจนไม่ได้ใส่ใจศิลปะเพลงดาบของตัวเอง ในเมื่อตอนนี้พอมีเวลา ศึกษาเสียหน่อยก็คงดี

จางเซวียนรู้ว่าในการทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบของเวทนาสวรรค์ เขาจะต้องทำตัวให้กลมกลืนและดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมของสรวงสวรรค์เสียก่อน

หากเขาเพ่งสมาธิเข้าสู่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง แม้จะได้ประโยชน์จากกระแสกาลเวลาที่เร็วกว่าถึง 10 เท่า แต่ก็คงไม่อาจช่วยอะไรเขาได้ในเรื่องการทำความเข้าใจ

“เวทนาสวรรค์ระดับ 1 คือความจงรักภักดี ศิลปะเพลงดาบที่ใช้คือหัวใจเส้นด้ายสอดประสานพันปม”

“เวทนาสวรรค์ระดับ 2 คือสายสัมพันธ์พี่น้อง ศิลปะเพลงดาบที่ใช้คือความสวามิภักดิ์ไม่คลอนแคลน”

“ส่วนเวทนาสวรรค์ระดับ 3 คือความผูกพันของอาจารย์กับศิษย์”

เทคนิควรยุทธและศิลปะเพลงดาบที่จางเซวียนได้จากเวทนาสวรรค์เริ่มปรากฏในหัวสมองของเขา มันค่อยๆหลอมรวมเข้าด้วยกันจนดูคล้ายภาพวาดที่แสดงให้เห็นการเดินทางที่ผ่านมา

ช่วงเวลาเหล่านั้น…บางช่วงก็ตื่นเต้น บางช่วงก็แสนหวาน มีบางเวลาที่น่าสะพรึง และบางเวลาก็สุดจะบีบคั้นหัวใจ…

มันคือภาพใหญ่ที่ประกอบด้วยทุกอารมณ์ความรู้สึก สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ตัวเขาเป็นตัวเขาอย่างในเวลานี้

ความรักและความปรารถนาคืออารมณ์

ความรังเกียจและความเกลียดชังคืออารมณ์

ความสุขและความเจ็บปวดก็คืออารมณ์เช่นกัน

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่มีจิตใจไม่มีทางหนีพ้นจากอารมณ์เหล่านี้ได้ ซึ่งหากโลกนี้ปราศจากอารมณ์ต่างๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่สรวงสวรรค์จะต้องดำรงอยู่

อารมณ์และความรู้สึกเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ของสรวงสวรรค์ พวกมันขัดขวางการใช้เหตุผล แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของโลก

บางที อาจมองอารมณ์เหล่านี้ว่าเป็นพละกำลังที่เหนือชั้นรูปแบบหนึ่งก็ได้ เพราะสรวงสวรรค์อาจถูกทำลาย แต่อารมณ์และความรู้สึกจะยังคงอยู่ ตราบใดที่ชีวิตยังไม่ดับสิ้น

อาจารย์กับลูกศิษย์คือคนสองคนที่แปลกหน้าต่อกันอย่างสิ้นเชิงหากปราศจากการให้คำชี้แนะ ความสัมพันธ์นี้คือการถ่ายทอดความรู้ ภูมิปัญญา และค่านิยมอย่างต่อเนื่อง ผูกพันทั้งคู่เอาไว้ด้วยความใกล้ชิดเหนียวแน่น

ความสัมพันธ์ทางใจก็ไม่ได้เป็นมากกว่าค่านิยมทางสังคม แต่อาจเหนียวแน่นพอจะเทียบชั้นกับความสัมพันธ์ของเครือญาติได้เลยทีเดียว

“เราเข้าใจแล้ว…”

จางเซวียนใจสั่นขณะที่อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา เขากำลังจะสำแดงศิลปะเพลงดาบ แต่แล้วก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว

เขากระโจนลงจากอสูรสวรรค์สร้างบินได้โดยไม่ลังเล

พริบตาต่อมา อสูรสวรรค์สร้างบินได้ที่เขาขี่ก็ระเบิดตูม จางเซวียนร่วงลงมาจากกลางอากาศ

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset