ตอนที่ 55 ใครคือแม่ของพวกเขากัน
ถังซั่วค่อนๆย่อตัวลง ดวงตาสีพีชของเขานั้นกำลังจับจ้องไที่อันหน่วน ดวงตาคู่นั้นของเขาพลันส่องเป็นประกาย ก่อนจะสว่างวาบขึ้น แม้ว่าตัวเขานั้นจะเคยเห็นลูกครึ่งสาวสวยมามาก แต่เขาเองก็ไม่เคยเห็นลูกครึ่งสาวคนไหนที่งดงามเช่นนี้มาก่อนเลย
“แล้วพวกหนูให้เงินเขาไปเท่าไหร่เหรอ?”
“แปดสิบหยวน นั้นเป็นเงินค่าขนมที่พี่ชายของหนูเก็บออมมานาน”
ถังซั่วมีจิตใจที่แน่วแน่และชัดเจน แน่นอนว่าย่อมเข้าใจในความหมายลึกๆแบบนี้ เขาลุกขึ้นยืน และมองไปยังอันหยาง ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างเหยียดหยามเชิงหัวเราะ “ไม่ว่าจะเฝ้าระวังขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี นายถูกโกงทั้งนายเองก็ยังไม่มีความสามารถปกป้องน้องได้เท่าไหร่นัก แต่ก็ยังฝืนพาน้องสาวของตนออกมาแบบนี้อีกนะ! ดูท่านายคงไม่ใช่พี่ชายที่มีความสามารถเท่าไหร่นัก ”
อันหยางตกใจกับสิ่งที่เขาพูด ถึงอย่างก็พอเข้าใจได้ ทั้งยังไม่แสดงอะไรออกมา ก่อนจะเอื้อมมือลดหมวกออกมาเพื่อปกปิดใบหน้า ละพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกที่จะออกห่างจากแม่จ๋า ทั้งยังพาหน่วนหน่วนออกจากบ้าน อีกทั้งยังทำให้หน่วนหน่วนต้องเจ็บปวดอีก คุณลุงพูดได้ถูกต้อง ผมเป็นพี่ชายที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย!”
อันหยางเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มีความรู้ทั้งด้านดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ แต่เขาไม่รู้วิธีคำนวนค่าใช้จ่ายแท็กซี่
ดวงตาสีพีชของถัวซั่วหรี่ตาลงครึ่งนึง ตุ้มหูสีเงินสะท้อนแพรวพราย ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สอดส่อง จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มไปว่า “ไม่ว่ายังไง คนเราก็มักมีจุดผิดพลาดได้ คนฉลาดเองก็ย่อมมีจุดอ่อน”
ทันทีที่เขาพูด อันหยางก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าเล็กๆที่รำคาญนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ท่าทีที่ระวังลุงคนนี้ค่อยๆเริ่มจางหายไป
ถังซั่วเอื้อมไปยังหัวของอันหน่วนและพูดว่า “ไปกันเถอะ เดี๋ยวลุงพาไปเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าหญิงนะ”
ถัวซั่วสังเกตเห็นอันนวลดึงกระโปรงของเธอสักพัก ชุดกระโปรงเจ้าหญิงของเธอนั้นคงขาดเพราะตอนลงจากลุงรถแท็กซี่แน่ๆ
เด็กสาวเบ้ปากเล็กน้อย พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่แสดงความเสียใจ
แต่เมื่ออันหน่วนได้ยินว่าจะเปลี่ยนชุดเจ้าหญิงให้ ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มใส่ถังซั่ว ก่อนจะกระโดดขึ้นไปที่อ้อมแขนของถังซั่ว และยื่นมือไปจับอันหยาง
“อะไรกัน ไม่เชื่อใจฉันเหรอ” ถังซั่วเลิกคิ้วและเหล่ไปที่อันหยาง
“พี่ชาย ชุดหจ้าหญิงของหนูขาดแล้ว คุณลุงคนนี้ต้องเป็นคนดีแน่ๆ” อันหน่วนอดไม่ได้ที่จะยื่นมืออกไปให้อันหยางจับ
ด้วยความสิ้นหวัง ในตอนนี้ อันหยางเลยเอ่ยออกไปว่า “พี่เชื่อน้อง”
ห้องรับรองส่วนตัวของประธานจิ่ง บริษัทสื่อมวลชนของสกุลจิ่ง
อันหยางกับอันหน่วนถูกถังซั่วพาเข้ามาที่บริษัทสกุลถัง ตลอดทางพนักงานในบริษัทสกุลถังต่างก็กระซิบไปมาในเรื่องส่วนตัวของพวกเขา
อันหยางนั่งอยู่บนโซฟา กำลังรอให้น้องสาวของตนเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าหญิง และก็จำได้ว่าคุณลุงคนนี้เอาน้องสาวของเธอไปด้วยท่าทีที่ร้ายกาจ ภายในใจของเขาก็เริ่มเป็นห่วงถึงความปลอดภัย และอธิบายเอ่ยออกมาไม่ได้ว่าคุณลุงคนนี้ใจดีหรือไม่ใจดี
ถังซั่วพาอันหน่วนไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว ซึ่งชุดนี้ถูกเลขาส่วนตัวที่ชื่อลิลลี่ซื้อมาให้ ชุดของมันเป็นสีขาวตัดกับลูกไม้หน่อย ตรงเกาะอกเองก็ดูเหมือนกับนางฟ้าน้อยที่หลงทางสู่โลกใบนี้
“เปลี่ยนเสร็จแล้ว ฉันจะพาเธอออกไปน่ะ” ถังซั่วยิ้มออกมา ก่อนจะจับมือเล็กๆของเธอเดินออกไป
อันหน่วนเดินออกไป มันคล้ายกับบินไปหาอันหยาง และทำท่าทางยิ้มสดใสออกมา “พี่ชาย ชุดเจ้าหญิงอันนี้สวยมากเลย หนูชอบมันจัง”
อันหยางเหลือบมองไปยังน้องสาวของตน ด้วยท่าทีที่อ่อนโยนนั้น ก็อดไม่ได้จะเอามือน้อยๆไปลูบหัวของเธอ
จากนั้นก็หันมามองที่ถังซั่ว และโค้งคำนับอย่างสุภาพเพื่อขอบคุณ “ขอบคุณครับคุณลุง”
ถังซั่วมองไปที่อันหยางมันเหมือนกับจิ่งเป่ยเฉินมากนัก และเมื่อเห็นว่าเขานั้นยังสวมใส่ชุดสีดำอยู่ เขาจึงยกมือขึ้นเพื่อหวังจะถอดแว่นกันแดดออก แต่อันหยางบ่ายเบียงและหลบศีรษะเอา
“อยู่ในที่ร่มต้องใส่แว่นดำด้วย?”
อันหยางใบหน้าเล็กๆของเขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจัดสินใจว่าจะถอดหรือไม่ถอดดี ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่ถอดมันออก และเอ่ยกับถังซั่วไปว่า “อยู่ในที่ร่มทำไมถึงใส่มันไม่ได้ล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ทำให้ถังซั่วถึงกับพูดไม่ออก
“พี่ชาย พวกเราจะไปหาแม่จ๋าต่อเลยไหม?” อันหน่วนยื่นมือดึงไปยังเสื้อของอันหยางและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว อันหยางก็ตัดสินใจที่จะส่ายหัวไปและพูดขึ้น “ไม่ไปแล้ว ไว้ครั้งหน้าค่อยไปหาแม่เถอะ”
ถังซั่วเอนพิงไปยังโซฟา ก่อนจะงอข้อศอกขึ้นและก้มหัวคิดนิดหน่อย ได้ยินที่เด็กทั้งสองพูดขึ้น ก็พอจะรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงออกจากบ้านกัน
ตามหาแม่? ผู้หญิงคนไหนกันที่ให้กำเนิดลูกสองคนแบบนี้มาได้ และยังเป็นแบบนี้อีก
ถังซั่วอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น แต่เขาก็ไม่ถามอะไรให้มากความ
….
ตอนที่ 56 นั้นน่ะเหรอความสามารถของคุณ
ในบริษัทสกุลจิ่ง อันโหรวไม่สบายใจตลอดทั้งเช้า รู้สึกราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เปลือกตาของเธอกระตุกไปมาตลอด มันช่างรบกวนจิตใจของเธอมากนัก
ฉิวซีจับจ้องไปที่อันโหรว ดวงตาที่ลงอายแชโดว์สีม่วงหรี่ตาคู่นั้นลง ก่อนจะพลันบิดตัวไปที่ข้างหน้า และหยิบแฟ้มแผนการวางแผนไปยังโต๊ะทำงานของอันโหรว “อันนี้ใช้ไม่ได้ ทำใหม่ดู”
ฉิวซีเป็นถึงหัวหน้ากลุ่ม A แน่นอนความสามารถของเธอนั้นไม่ได้เทียบเท่ากับอันโหรวหรอก แม้ว่าจะสูงกว่าอันโหรวหนึ่งระดับ แต่ก็ยังควบคุมเธอไม่ได้ นี่ก็ถูกนับว่าเป็นความผิดพลาดของการทำงานแล้ว
แผนนี้ถูกทำใหม่ขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่าย นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว
อันโหรวทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าที่ยิ้มเยาะ “ถ้าหากหัวหน้าฉิวไม่พอใจฉันละก็ ควรพูดมาดีกว่านะ!”
“ฉันพอใจคุณอยู่แล้ว” ฉิวซีเผยรอยยิ้มกึ่งไม่ยิ้มตอบกลับไปและเอ่ยออกไปว่า “นี่เป็นแผนที่เธอวางมา แต่มันทำออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าหากเป็นแบบนี้ถูกส่งออกไปยังท่านประธานจิ่ง มีหวังได้ถูกตีกลับมาพอดี”
“ใครบอกกัน?” จิ่งเป่ยเฉินเดินออกมาจากลิฟต์ของท่านประธาน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ มันแฝงไปด้วยความมืดมนและเย็นชา
“ประ…ประธานจิ่ง……….” ฉิวซีถึงกับผงะ และก็พูดอะไรไม่ออก
อันโหรวๆค่อยเหลือบมองเขา ก่อนจะไม่ได้อะไรมาก ก้มหัวมองต่ำทำธุระของตัวเองต่อ
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่อันโหรวที่ยามนี้เธอนั้นไม่ได้สนใจท่าทางของเขาแต่อย่างใด ภายในใจกลับเกิดไฟลุกโชนขึ้น มองไปที่ดวงตาของเธอแล้วก็เกิดไฟปะทุขึ้นเล็กน้อย
หลังจากเดินผ่านฉิวซีไป จิ่งเป่ยเฉินก็เอื้อมมือไปหยิบแผนบนโต๊ะของอันโหรว พลิกดูสองสามที จากนั้นก็ใส่กลับเข้าไป ก่อนจะแสดงสีหน้าที่ดูเรียบเฉย
“ฉิวซี หัวหน้ากลุ่ม A ”
ฉิวซีรีบก้าวข้าวไปข้างหน้าอย่างสั่นๆ ก่อนจะโค้งคำนับ “ค่ะ”
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้เหลือบมองเธอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เป็นเธอบอกว่า แผนอันนี้ผมจะไม่ดูมันยังงั้นสินะ?”
“ฉัน… ฉัน…..” ฉิวซีพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเหงื่อเย็นๆก็เริ่มไหลรินออกมาที่หน้าผากของเขา พูดไม่ศัพท์จับไม่ได้ความ[1]โดยทันที
“อา—–” จิ่งเป่ยเฉินหัวเราะหึด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในช่วงขณะนั้นฉิวซีคิดว่าตัวเองคงตายแล้วแน่ๆ จิ่งเป่ยเฉินก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูรุนแรงเข้าไป “แผนนี่ ดูไปแล้วก็ไม่เข้าตาฉันจริงๆนั้นแหล่ะ”
อันโหรวที่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลาก็เงยขึ้นมองหน้าเขา นี่เขาหมายความว่ายังไงกันแน่?
ฉิวซีมองไปจิ่งเป่ยเฉิน หัวใจเธอยามนี้เรียกได้ว่าความสุขล้นปี่ มันเหมือนกับได้รับเชื้อเพลิงที่เติมเต็ม ใบหน้ามีความสุขเย้ยหยันมองไปที่อันโหรวตลอดหัวยันเท้า
“ประธานจิ่ง คุณมีอะไรไม่พอใจกับแผนของฉันเหรอค่ะ?” อันโหรวลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างค้ำโต๊ะเอาไว้
ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ก็พลันอ้าปากค้าง นี่เป็นครั้งแรกของฉิวซีด้วยที่เห็นอันโหรวกับจิ่งเป่ยเฉินกำลังเผชิญหน้ากันและกัน หัวใจของพวกเขากลับตกใจอย่างสุดขีด
จิ่งเป่ยเฉินเอามือล้วงกระเป๋า พร้อมกับเปิดแผนก่อน และชี้นิ้วไปยังตัวเลขและตัวอักษร “แม้ว่านี่จะเป็นการซื้อกิจการ แต่ในแง่ของบริษัทเล็กๆ ถ้าหากเป็นเช่นนี้กลุ่มบริษัทจิ่งก็ต้องเอาชนะให้ได้ในราคาที่ต่ำสุดขีด แต่เรื่องพวกนี้คุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงบประมาณพวกนี้ได้เท่านี้จริงๆหรือ?”
อันโหรวตกใจ และมองไปยังทิศทางของนิ้วมือของเขา หลังจากนั้นก็เห็นจำนวนเงินที่ผิดปกติ เธอก็พลันทำหน้าซีดขาวโดยทันที
“จุดทศนิยมที่ถูกใส่ผิดมาแบบนี้ นับว่าเป็นความสามารถของคุณด้วยใช่ไหม?” จิ่งเป่ยเฉินมองไปยังอันโหรวที่ตอนนี้กลับทำสีหน้าซีดเซียว และยังคงพูดเสริมกระแทกเข้าไปอีก
“ขอโทษค่ะประธานจิ่ง เป็นฉันผิดพลาดเอง ฉันขอทำใหม่นะคะ” อันโหรวขอโทษอย่างจริงใจ
วันนี้ช่วงเช้านั้นเธอรู้สึกกระวนกระวายใจ จนทำผิดพลาดชนิดเกือบที่ว่าจะร้ายแรงมากนัก ส่งผลให้เธอทำผิดไปเสียได้
ฉิวซีไม่ได้อ่านแผนของเธอเลยด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าอันโหรวจะทำผิดขึ้นมาจริงๆ แต่เธอก็ดีใจมากที่อันโหรวคนนี้ทำผิดพลาด หัวใจเธอก็พลันเต้นไปด้วยความสุข
จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้คาดหวังอะไรกับการที่เธอขอโทษเช่นนี้ ตอนนี้มันเหมือนปิดท่าทีแต่ละอย่างเขาก็ไม่คิดอะไร
“อันอีหาน มาหาผมที่ห้องทำงานที” จิ่งเป่ยเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ ก่อนจะเดินออกไป
อันโหรวในใจนั้นยังเป็นห่วงเด็กๆ เพราะตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดไปว่า “ประธานจิ่งค่ะ ฉันขอโทรหาลูกก่อนได้ไหม”
จิ่งเป่ยเฉินหยุดฝีเท้าลง เขาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพงกหัวให้และพูดขึ้น “ผมให้เวลาคุณห้านาที”
เมื่อพูดเสร็จ อันโหรวก็รีบเดินตามเข้าไปทันที
อันโหรวรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ส่งผลให้จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกแปลกๆ และเดินตามเธอไป
อันโหรวเดินมายังที่ห้องพักรับรอง ก่อนจะโทรศัพท์ไปยังที่บ้านอพาร์ตเมนต์ของหลินจือเซี๋ยว โทรศัพท์โทรไปตั้งนานแต่ก็ไม่มีใครรับเลยสักคน
ครั้งนี้เลยทำให้อันโหรวเป็นกังวลมากขึ้น ความวิตกกังวลในใจของเธอกลับขยายมากขึ้นเช่นกัน
[1] สำนวน ฟังไม่ได้ความแจ่มชัด พูดผิดๆพลาดๆ