ตอนนี้ไม่มีความต่างอะไรนะครับ ถ้าเคยอ่านของเพจคนเหงาและง่วงแล้ว จะข้ามไปก็ไม่ห้ามนะครับ
ในที่สุดโคโตเนะกับผมก็เดินมาถึงสถานที่ปากทางเข้าดาดฟ้า
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมของพวกนักเรียน ฉะนั้นจะไม่มีใครผ่านมาเห็นและเผยแพร่ข่าวลือแน่นอน
“อ๊ะ คาสึคุง ไม่เจอซะนานเลย”
คุณคุรุมิซากะเห็นพวกผมมาปุ๊บ เธอกระโดดลงมาจากบันไดขั้นต้นๆของทางเข้าดาดฟ้า จังหวะนั้นเองกระโปรงของเธอเลิกสูงขึ้นเองจากการกระโดด เล่นเอาผมรีบเบือนหน้าหนี
“หือ เป็นอะไรไปเหรอ คาสึโตะคุง”
“ม..ไม่มีอะไรครับ”
“งั้นเหรอ ขอบคุณที่อุตส่ามาตามคำเชิญนะคาสึโตะคุง”
คุณคุรุมิซากะเผยสีหน้าดีใจขณะกล่าว ยื่นมือทั้งสองข้างจับมือผม
…มืออย่างนุ่มเลย
“เท่านี้ก็หมดหน้าที่ชั้นแล้วเนอะ”
“อืม ขอบคุณนะโคโตเนะจัง”
โคโตะเนะที่รับคำขอบคุณจากคุรุมิซากะ กำลังจะเดินหายลับไป ทว่าก่อนจะหาย เธอหันกลับมากล่าวว่า
“อายาโนะโคจิ คาสึโตะเขาน่าจะเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์นะ”
“อืม รู้อยู่แล้วล่ะ”
คุณคุรุมิซากะพูดตอบกลับเหมือนเป็นเรื่องปกติ
และถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่ปล่อยมือผมซะด้วย
“อืม อย่างนี้เองสินะ”
โคโตเนะหันกลับมามองผมอีกรอบด้วยสายตาประเมินของ
รู้สึกอึดอัดกับสายตาเจ๊แกจริงๆ
แต่สงสัยเหมือนเธอจะยอมรับอะไรบางอย่าง พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะลงบันไดหายลับตา
“ตะกี้เธอทำอะไรเหรอครับ”
“อธิบายยังไงดีน้า โคโตเนะจังชอบพูดหรือทำตัวแปลกโดยไม่มีเหตุผล เอาเป็นว่าอย่าไปใส่ใจเลยละกัน”
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่เอาเหอะ ถ้าคุณคุรุมิซากะว่าไงก็ว่าตามนั้นละกัน ลืมๆมันไปเสียดีกว่า
“เอ่อ คุณคุรุมิซากะครับ”
ผมก้มหน้ามองมายังมือของคุรุมิซากะที่ยังจับมือผมอยู่ เธอเห็นกริยาของผมคงเข้าใจแล้วว่าผมลำบากใจตอนนี้
“อ๊ะ ขอโทษด้วยนะ ลืมตัวไปหน่อย..”
หน้าเธอแดงก่ำก่อนจะปล่อยมือและถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ผมเองก็ทำตัวไม่ต่างจากเธอ เสต็ปถอยก้าวหนึ่งเหมือนกัน
“…จะว่าไป คุณคุรุมิซากะเรียกผมมา มีธุระอะไรรึครับ”
“อืม คือว่า..ชั้นมีเรื่องจะขอร้องคาสึคุงน่ะ”
“เรื่องขอร้อง?”
เน็ตเกมเมอร์ง่อยๆอย่างผมจะไปทำความปรารถนาอะไรให้ไอดอลสุดฮิตเป็นจริงได้หว่า
ไม่ใช่ว่าเธอจะขอร้องให้ผมซื้อซีดีแถมบัตรจับมือหนึ่งร้อยใบนะ เกิดพูดขึันมาจริง งานเข้ากระเป๋าตังค์ผมแน่นอน
“อยากให้เธอสนิทกับรินจังมากกว่านี้ได้มั้ยคะ”
คุณคุรุมิซากะกล่าวจบ ก้มหน้าโค้มตัวขอร้องอย่างขึงขัง
“สนิทกันมากกว่านี้เหรอ…ผมกับรินจังเป็นเพื่อนในเกมออนไลน์อยู่แล้วก็คิดว่าสนิทกันดีอยู่แล้วนะครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้หมายถึงเพื่อนในเกม สิ่งที่อยากจะสื่อคือ ชั้นอยากให้เธอสนิทกับรินจังมากกว่านี้ในโลกความจริงน่ะ”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็นะ…”
ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากจะคุยกับคุณมิสึกิในทุกๆวันอยู่แล้ว แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างนัั้นนี่สิ
“แน่นอนว่าพวกชั้นเป็นไอดอล ฉะนั้นถ้าเรื่องสนิทกับผุ้ชายคนไหนเป็นพิเศษคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่ว่าชั้นก็อยากให้เธอช่วยน่ะ…”
“ผมว่าเข้าขั้นพังพินาศเลยล่ะครับถ้าเรื่องหลุดไปถึงคนอื่น เพราะงั้นผมเลยตั้งใจไว้ว่าจะไม่คุยกับคุณมิสึกิในโรงเรียนครับ”
“อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะหมู่นี่รินจังถึงจะดูร่าเริงแต่ก็แอบดูเหงาๆด้วยเหมือนกัน”
“…..?”
ร่าเริงแต่แอบดูเหงา มันเป็นยังไงหว่า
“ชั้นอยากให้คาสึคุงลองพยายามเข้าหารินจังมากกว่านี้หน่อย ถ้าทำได้ คิดว่ารินจังต้องดีใจมากแน่นอน”
“ถ้าผมคุยกับเธอ มันจะไม่กลายเป็นข่าวลือในโรงเรียนหรือสื่อเหรอครับ”
“เพื่อไม่ให้เป็นอย่างนั้น ก็แค่เก็บเรื่องเธอสนิทกับรินจังไว้เป็นความลับไม่ให้เรื่องนี้หลุดไปถึงทุกคนสิ”
“ห๊ะ?”
คุรุมิซากะเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายขณะกล่าว
ส่วนทางผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่เชื่อว่าสีหน้าท่าทางผมคงอึดอัดใจจนปิดซ่อนไม่มิดแน่ เพราะเธอถามต่อมาว่า
“หรือจริงๆแล้วคาสึคุงเกลียดรินจังเหรอ”
“เปล่าครับ ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่”
“ขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วยสนิทกับรินจังมากกว่านี้ด้วยเถอะ”
คุณคุรุมิซากะขอร้องซ้ำอีกครั้งอย่างจริงจังสุดชีวิต
ผมเห็นสภาพเธอแล้วก็นึกสงสัยว่า เหตุใดเธอถึงต้องลงทุนขอร้องขนาดนี้
“ทำไมคุณคุรุมิซากะถึงอยากให้ผมสนิทกับคุณมิสึกิมากกว่านี้เหรอครับ”
สนิทกับเด็กผู้ชายนี่มันเสี่ยงกับชีวิตไอดอลของพวกเธอสุดๆเลยนะ มันต้องมีอะไรสักอย่างแล้วล่ะ
ตามหลักการ มันควรจะเป็นว่าผมโดนเอาเงินฟาดหัวแล้วบอก “เลิกเข้ามาใกล้รินจังได้แล้วนะ” มันถึงจะสมเหตุผลมากกว่าสิ
ผมคิดว่าไม่ได้พูดเวอร์เกินไปนะ เพราะวงการไอดอล ยิ่งในยุคนี้ ถ้าใครรู้ว่าเมมเบอร์ในวงมีเรื่องเชิงชู้สาวกับผู้ชายนี่แทบจะจบชีวิตในวงการนี้เลย
“คือว่า…จะว่าไงดี ควรจะบอกว่าชั้นมีสิทธิ์จะพูดได้หรือเปล่า หรือห้ามบอกดีล่ะ”
เธอหลบสายตาผมขณะพูด ถูฝ่ามืออย่างกังวล
“แสดงว่าเรื่องนี้เป็นคำขอจากคุณมิสึกิเหรอครับ”
“เปล่านะ! รินจังไม่ได้เอ่ยปากเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว ชั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายทำตามอำเภอใจเอง”
“ง..งั้นเหรอครับ”
น้ำเสียงบวกท่าทีที่เธอปฏิเสธอย่างแข็งขันสุดชีวิตเมื่อครู่เล่นเอาผมตกใจเล็กน้อย
“ชั้นน่ะนะ อยากให้รินจังมีความสุขมากกว่านี้ เพราะกว่าที่จะเป็นอยู่ในปัจจุบันเธอผ่านอะไรหนักหนาสาหัสเอาเรื่องเลย”
คำว่า ผ่านอะไรหนักหนาสาหัสนี่ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความหมายในเชิงไอดอลม.ปลายอย่างเดียว ผมรู้สึกว่าคำนี้ที่เธอพูด มันมีความหมายแฝงมากกว่านั้น
“รินจังน่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะไอดอลหรือในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็ตาม ชั้นอยากให้เธอมีความสุขทั้งสองอย่าง ไม่ใช่ว่าต้องยอมยกธงขาวอย่างใดอย่างหนึ่ง”
“อย่างนี้นี่เอง…”
เอาจริงก็ไม่เข้าใจหรอก แต่พอเห็นท่าทางและความจริงจังของคุณคุรุมิซากะ ผมรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเธอผ่านทางภาษากาย
“คิดว่าจะสนิทกับรินจังในชีวิตจริงได้มากกว่านี้รึเปล่า”
“ม่า อืม…ผมคิดว่าต่อจากนี้จะสนิทกับคุณมิสึกิให้มากกว่าที่เป็นอยู่ครับ”
“พูดจริงนะ โล่งอกไปที”
คุณคุรุมิซากะถอนใจอย่างสบายใจ
ดูแล้วเธอให้ความสำคัญกับคุณมิสึกิสุดๆเลย
“ทีนี้มาว่ากันเรื่องความสนิทสนม คิดว่าผมควรจะทำไงต่อจากนี้ดีครับ”
“อืม..เริ่มจากลองเปลี่ยนวิธีเรียกเธอก่อนละกัน”
“วิธีเรียก?”
“อืม จริงๆแล้วรินจังน่ะนะไม่อยากให้คาสึคุงเรียกเธอเหมือนเรียกคนไม่เคยรู้จักกันน่ะ”
“เอ๋? งั้นเหรอครับ”
“อืม เพราะฉะนั้นคาสึคุงก็ลองเรียกเธอว่ารินกะนะ”
“เอาจริงเหรอครับ? เรื่องน้ันมัน…”
เริ่มมาก็ล่ออุปสรรคอันเป้งเลย
ไอ้เรื่องเรียกชื่อ เพื่งจะคุยกับทาจิบานะและไซโต้ด้วยว่า กุมีความกล้าขนาดนั้นที่ไหนล่ะ
“กะแล้วเชียว เขินสินะ”
“ใช่ครับ ถูกเผงเลย”
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเรียกนะ แต่แค่คิด หัวใจก็เต้นตึกระรัวแล้ว
“ถ้างั้นถือโอกาสลองในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ดูสิ เริ้่มเรียกชื่อผ่านทางแชทในเกมก่อน ถ้าเรียกในเกมได้ เดี๋ยวต่อไปก็น่าจะเคยชินจนเรียกในโลกความจริงได้แหละ”
“ไม่น่าจะชินน้า?”
เรียกชื่อเธอว่า ริน กับ เรียกชื่อเธอว่า รินกะ มันคนละเรื่องเลยนะ ความหมายมันลึกซึ้งจนเทียบไม่ติดเลย
“ชั้นจะตามไปดูในเกมด้วย พยายามเรียกชื่อรินจังดูนะ”
“….เข้าใจละครับ”
โดนกดดันซะขนาดนี้ จะให้ทำยังไงนอกจากพยักหน้ารับล่ะ
ไอ้นิสัยกดดันกึ่งบังคับชาวบ้านนี่ เอาจริงๆก็มีความคล้ายคลึงกับคุณมิสึกิแฮะ
“ขอบคุณนะ สมแล้วที่เป็นคาสึคุง”
“คุณคุรุมิซากะแข็งแกร่งกว่าที่ผมคิดไว้นะ”
สรุปว่าสิ่งที่เธอขอร้องคือ ให้ผมเป็นเพื่อนสนิทกับรินกะในโลกความจริง
เอาเหอะ ขี้หมูขี้หมาผมกับเธอก็มีงานอดิเรกตรงกันคือเล่นเกม ก็ต้องหลอกตัวเองให้เชื่อว่ามันคงไม่ยากหรอกมั้ง
“ถ้างั้นก็ คาสึคุง ขอแลกเปลี่ยนช่องทางติดกันหน่อยนะ”
“เอ๋ จะดีเหรอครับ”
“แน่นอนสิ ชั้นตั้งใจจะจับคู่รินจังกับคาสึคุง….เอ๊ย ไม่ใช่ ชั้นต้องคุยกับคาสึคุง แลกเปลี่ยนข้อมูลวางแผนเรื่องทำยังไงให้คาสึคุงกับรินจังสนิทกันมากกว่านี้ ถ้าได้เบอร์ติดต่อ ยังไงก็สะดวกกว่า เพราะเรื่องนี้จะให้รู้ถึงหูรินจังไม่ได้ด้วย”
“นั่นสินะ..”
ก็ถือว่ามีเหตุผล ถ้ามองจากจุดยืนของคุณคุรุมิซากะ หากเรื่องนี้หลุดไปถึงหูคุณมิสึกิอาจจะเป็นเรื่องแย่ ยังไงก็ต้องช่วยปกป้องความลับเธอด้วย
“งั้นลงมือแลกกันเลยมั้ย”
ผมหยิบโทรศํพท์ออกมากดเมมเบอร์แลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยไม่ได้เกิดอุปสรรคอะไร
“โอเค เรียบร้อยละจ้า”
สรุปเครื่องผมมีเบอร์มือถือไอดอลสุดปังถึง2คน นี่น่าจะทำให้โทรศัพท์ผมมีราคาสูงที่สุดในโลกเลยก็ได้นะ
“เริ่มปฏิบัติการ พัฒนาความสัมพันธ์รินจังกับคาสึคุง ณ.บัดนี้”
“ย..เย้”
ผมเชียร์คำพูดเธอไปแบบมึนๆ คิดดูแล้วเรื่องมันมาถึงจุดนี้ได้ไงฟะ
แต่ก็นะ ถ้าหากสนิทสนมกับคุณมิสึกิมากขึ้น ยังไงผมก็ดีใจมากกว่าอยู่แล้ว
ปัญหาคือเรื่องนี้ห้ามหลุดให้ใครรู้นี่แหละ
พอคิดแล้วก็รู้สึกแย่เหมือนกัน นี่สินะความรู้สึกของพี่ป๊อบว่าเรามีโลกสองใบ
แต่ก็นะ ตราบใดที่ความลับยังไม่แตก ทุกอย่างคงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
***
จบCH2-2
ตอนนี้ก็เหมือนเว็บโนเวล ตอนหน้าก็ยังคงเหมือน ไม่มีอะไรเปลี่่ยนนะครับ
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon