พวกผมเดินเคียงข้าง จูงมือกันบนทางเดินโดยไม่พูดกันเลย
กะแล้วว่าถึงจะบอกว่าตั้งใจเป็นสามีภรรยา แต่พอมาเดทจริง มันก็มีความต่างที่ยังสามารถบอกได้ชัดเจนว่าพวกเรายังไม่เป็นสามีภรรยาแท้จริง เพราะขาดประสบการณ์หวานแหววในช่วงคบกันนี่แหละ
“คาสีโตะคุง..”
“ว่าไงครับ”
“ไม่มีอะไร…แค่อยากลองเรียกชื่อเธอน่ะ”
“ง..งั้นเหรอครับ”
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ผมคิดว่า หากความสัมพันธ์เราคืบหน้าไปยิ่งกว่านี้ เราสองคนจะเป็นไงบ้างนะ .. ไม่สิ นี่กุคิดไรอยู๋ฟะ
แต่ว่า ผมอยากเห็นสีหน้ารอารมณ์ของรินกะมากกว่านี้ ใบหน้ารินกะที่ไม่สามารถเห็นได้ในโลกออนไลน์
“อ๊ะ”
จู่ๆรินกะเหมือนสังเกตอะไรบางอย่าง สีหน้าซีดลง รีบหลบมาอยู่หลังผม เกิดอะไรขึ้นหว่า
ขณะที่เกิดข้อสงสัย ไม่นานก็ได้คำตอบกระจ่าง เพราะว่า ผมเห็นกลุ่มผู้ชายสามคน มองมาที่ผม ไม่สิ มองที่รินกะล้วนๆแล้วซุบซิบกัน
งานน่าจะหยาบแล้วล่ะ
ผมรีบพารินกะเดินตัดเลาะเข้าซอยลัดที่คนไม่นิยมเดิน หนีออกไปให้ห่างเป้าสายตาจากกลุ่มคนพวกนั้น
“ตะกี้..ความแตกรึเปล่า”
“ไม่หรอก พวกนั้นอาจจะสงสัยนิดหน่อยว่าชั้นเป็นคนหน้าเหมือน..ล่ะมั้ง”
รินกะกล่าวด้วยสีหน้าเก็บซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด
“ถ้าความไม่แตกก็สบายใจได้ครับ ผมคิดว่าไม่มีปัญหาแล้วล่ะ”
“นั่นสินะ งั้นเราเลือกเดินทางที่คนไม่ค่อยอยู่กันเยอะละกัน”
ไอ้การเดทกับไอดอลสุดฮอต หากแฟนคลับคนอื่นรู้เข้า มันคงเป็นเรื่องยาวแน่ พวกเขาจะโกรธเกรี้ยวและตัดการสนับสนุน นั่นย่อมหมายความว่าชีวิตไอดอลของรินกะจะจบลงทันที
ผมรู้ว่าวงสตาร์มายไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องคบแฟน แต่มันก็เป็นเรื่องที่รู้กันดีโดยไม่ต้องตั้งกฏว่าอย่าให้เรื่องมีแฟนหลุดไปถึงหูสาธารณะชน
ผมสนุกกับการเดทกับรินกะมาก แผนเดทของผมคิดเผื่อไว้ยันเย็นเลย แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ จะเดทต่อคงไม่ดี
“ผมว่าวันนี้พอดีกว่าครับ”
“เอ๋?”
“ถ้าเราอยู่ด้วยกันต่อ ผมว่าอันตราย วันนี้เราพอแค่นี้ดีกว่าครับ”
ผมพูดให้รินกะที่ยังคงหลบอยู่ด้านหลังผมฟัง
ผมไม่อยากให้ชีวิตไอดอลของเธอต้องจบลงโดยที่สาเหตุเกิดจากผม
ถึงโลกความจริงจะเดทไม่ได้ แต่คิดแง่ดี เรายังมีโลกออนไลน์อยู่นะ
…….
ถึงตอนนี้ รินกะก็ยังคงไม่พูดตอบผม ผมคงทำได้แค่ฝืนใจกล่าวยอมรับความเป็นจริง
“ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่วันนี้ผมสนุกมาก ขอบคุณนะครับ รินกะ”
ผมกล่าวจบรวดเดียว ส่งรอยยิ้มให้เธอ
รินกะอยู่ด้วยกันกับผม ยังไงก็เสี่ยง ผมไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงไปมากกว่านี้
ถึงเธอจะชอบผมมากแค่ไหน แต่ถ้ารินกะตัดสินใจด้วยตรรกะ ยังไงเธอก็น่าจะยอมรีบสิ่งที่ผมพูด
“อย่าไปนะ..”
รินกะคว้าแขนเสื้อผม
หากผมแใส่แรงสักนิดก็สามารถกระชากแขนเสื้อจากมือเธอได้ไม่ยาก แต่ท่าทางอ่อนแอของเธอทำให้ผมไม่ขยับ
เธอก้มหน้าลง ทำให้ผมไม่เห็นสีหน้ารินกะ เธอกล่าวขอร้องด้วย้ำเสียงแผ่วเบาราวกับอ้อนวอนสิ่งศักสิทธิ์
“…อยากจะอยู่ดัวยกัน..ให้นานกว่านี้อีกนิด”
“..ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ”
“คาสึโตะคุงอุตส่าชวนชั้นออกเดทแท้ๆ”
“รินกะ..”
“ทั้งที่เป็นเดทแรกแท้ๆ..”
น้ำเสียงไพเราะของรินกะตะกุกตะกัก เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
ถ้าผมรู้ว่าผลลัพธ์ของการชวนเธอออกเดท แล้วเห็นเธอต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้ ผมคิดว่าไม่ควรจะชวนเธอเดทตั้งแต่แรกเลย
รู้อยู่แก่ใจว่าการเดทในโลกความจริงมันมีความเสี่ยงที่ความลับจะแตก แต่ความปรารถนาที่อยากจะอยู่ด้วยกันกับคนที่ชอบ มันคือความปรารถนาบริสุทธิ์ เลยมโนเข้าข้างตัวเองด้วยว่าหากรินกะปลอมตัวมา ความลับคงไม่แตก
“ไปสถานที่ที่ไม่มีคนเห็นกันเถอะ..บ้าน..ใช่แล้ว..บ้านไง คาสึโตะคุง มาบ้านชั้นมั้ย”
รินกะเงยหน้าสบตาผม ยื่นข้อเสนอ
“บ้านเหรอครับ”
“วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่จนถึงเย็น ถ้าเดทที่บ้านชั้น เธอคิดว่าไง”
แน่นอนว่า ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ
ถึงแผนเดทของผมจะต้องพับเก็บเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่นั่นมันเรื่องเล็กน้อยมาก
ผมพยักหน้ากับคำขอเธอ รินกะจึงส่งรอยยิ้มโล่งอก
*******
ผมมาถึงบ้านรินกะประมาณเที่ยง
ด้วยความที่มีหลายเรื่องเกิดขึ้นเลยลืมหิว พอมาถึงบ้าน รินกะเลยจะไปเตรียมทำอาหารให้
เธอสวมผ้ากันเปื้อน มัดผมหางม้า ท่าทางคล่องแคล่ว ภาพรินกะที่ผมเห็น ทำเอาใจเต้นตึกตักไม่เปลี่ยนแม้ว่าผมจะเคยเห็นครั้งก่อนหน้าแล้วก็ตาม
รินกะบอกให้ผมดูทีวีรอไปก่อนขณะทีผมนั่งรอที่โซฟา
ผมเปิดทีวี รายการที่ฉายตอนนี้คือ รายการทีวีที่กำลังกล่าวถึงความโด่งดังของวงสตาร์มาย การพัฒนาของวง ตอนนี้รายการพูดถึงความร่าเริงของคุณคุรุมิซากะ และประเมินว่าน้ำเสียงของรินกะตอนร้องเพลงทรงพลังมากขนาดไหน
“เจ๋งไปเลยแฮะ”
ไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ ว่าผม คือคนที่ช่วยวง และผมในตอนนี้กำลังอยู่ในบ้านของไอดอลสุดฮอตด้วย วันเวลาที่ได้ใช้ชีวิตและเจอเธอมีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นไม่เว้นวัน
หลังจากนั่งดูรายการทีวีได้พักหนึ่ง รินกะตะโกนมาว่า อาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ผมจึงลุกจากโซฟาไปที่โต๊ะกินข้าว
เมนูที่รินกะทำคือข้าวผัดส่งกลิ่นหอมฉุย จัดหนักวัตถุดิบและเครื่องแบบเต็มๆ เห็นหน้าตาอาหารนึกว่ากินที่ร้านเลย
“สุดยอดเลยครับ แค่เห็นก็รู้เลยว่าอร่อยสุดๆแน่”
“งั้นเหรอ ตอนเด็กๆชั้นชอบทำอาหารอยุ๋แล้ว มั่นใจได้เรื่องรสชาติแน่ๆ”
รินกะเลื่อนจานข้าวมาที่ตรงหน้าผม
“คาสึคุง ทานได้เลยนะ”
“โอ้ จะทานละนะครับ”
ผมตักข้าวผัดเข้าปาก
“โว้ว อร่อยสุดๆ”
มันอร่อยจริงๆไมาได้แกล้งยอ
“ดีใจที่รสชาติถูกปากนะ”
“อร่อยจริงๆครับ นี่เป็นข้าวผัดที่ร่อยที่สุดในบรรดาข้าวผัดที่ทานตลอดชีวิตตั้งแต่ผมเกิดมาเลย”
“ฮะฮะ ที่จริงแล้ว ข้าวผัดจานนั้นชั้นใส่อะไรดีๆเข้าไปด้วยนะ”
“…อะไรดีๆที่ว่าคือ?”
ผมวางช้อนลง เงยหน้ามองรินกะ
รินกะเผยรอยยิ้มปลื้มปิติ นัยตาเธอเป็นประกายวิบวับ
“ใช่แล้ว อะไรดีๆนั่นแหละ ฮะฮะ”
“…..”
ชิบหายละ นี่กุควรจะแดกต่อดีมั้ยวะ
ถึงจะมีคำถาม แต่สุดท้าย ความหิวจนท้องว่างก็เอาชนะข้อสงสัย
ไม่หรอกมั้ง เธอคงไม่ใส่อะไรแปลกๆลงไปหรอก
ให้ผมเดา คงเป็นอะไรดีๆน่ารักประมาณว่า “ชั้นใส่ความรักลงไปในอาหารให้คาสึโตะคุง ทานให้เยอะๆนะ”
ผมเดาไม่ผิดแน่
ไม่สิ มันถูกชัวร์ๆไม่ต้องคิดต่อให้รกหัว
“เป็นอะไรเหรอคาสึโตะคุง ไม่ทานต่อละเหรอ”
“อ.. เดี๋ยวทานต่อครับ”
“ทานในส่วนของชั้นด้วยก็ได้นะ”
“ไม่ดีหรอกครับ รินกะก็ควรจะทานข้าวด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงชั้นหรอกค่ะ แค่ชั้นเห็นคาสึโตะคุงทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ชั้นก็อิ่มใจแล้ว”
รินกะส่งรอยยิ้มยินดีจากก้นบึ้งหัวใจ
เห็นรอยยิ้มเธอ สิ่งที่ผมทำได้มีทางเดียวคือ ทานต่อนั่นแหละ
ผมสลัดความคิดแง่ลบก่อนจะลงมือทานข้าวผัดฝีมือรินกะต่อจนหมด
***
จบCH7*2
รีบแปลให้จบๆ จะได้กินเหล้าและทำงานสบายใจ ตอนนี้เนื้อหาก็เข้าสู่ 90%ละ บอกเลยว่าตอนหลังสนุกและฮาทุกตอนแน่นอน
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon