หลินชิงเวยเพิ่งจะพบว่าค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะเงียบสงัดผิดธรรมดา ราวกับแสงไฟจากโคมไฟของตลาดนัดกลางคืนนั้นถูกแยกออกจากที่นี่เสมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
หลินชิงเวยไม่พูดจา โสตประสาทตื่นตัวด้วยท่าทีสงบนิ่ง
สายลมพัดกรรโชกผ่านรอบตัวพวกเขา ต่อมาเกิดได้ยินเสียงราวกับฝนตกลงบนแผ่นกระเบื้องบนหลังคาอย่างถี่รัว
หลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นเห็นเงาร่างสีดำราวกับอินทรีย์ในยามราตรี เงาร่างนั้นปรากฏกายอย่างรวดเร็ว ลำคอนางแห้งผาก สมองขาวโพลนในชั่วขณะ
ความคิดหนึ่งพลันแวบเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว
นี่…นางกำลัง…พบกับมือสังหารในยุคสมัยโบราณเข้าแล้ว?
หลินชิงเวยชิงชังยิ่งนักที่ไม่อาจซัดฝ่ามือใส่ตนเองหมดสติให้สิ้นเรื่องสิ้นราว นางต้องมาพบกับเรื่องเหล่านี้ นางควรจะซื้อลอตเตอรี่ให้กับตนเองใช่หรือไม่?
คิดจะออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายความเครียดก็หาอย่าได้ออกมากับท่านผู้นำระดับประเทศสิ อีกทั้งนี่ยังเป็นถึงเซ่อเจิ้งอ๋องที่มีฐานะเทียบเท่านายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ เขาเป็นเช่นต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางลม ในยามปกติมีศัตรูมากมาย เมื่อออกมาข้างนอกโดยเปิดเผยร่องรอยย่อมต้องถูกคนปองร้ายแทบทุกนาที!
ทว่าเป้าหมายของมือลอบสังหารคือเขา แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับตนด้วยเล่า? หลินชิงเวยคิด ไม้ซีกเช่นนางจะไปงัดไม้ซุงของผู้อื่นได้อย่างไร เซ่อเจิ้งอ๋องมีวรยุทธ์ แต่นางไม่มีนี่นา นี่ไม่เท่ากับเป็นการส่งอ้อยเข้าปากช้างหรือ
ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน หากนางยังฝืนปรากฏตัวมีแต่จะกลายเป็นภาระของเซียวเยี่ยน
หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เวลานี้ข้าหนีไปได้หรือไม่?”
น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนที่กล่าวออกมาแต่ละคำนั้นเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร “เจ้าลองดู”
ลอง ย่อมต้องลองดูแน่นอน! นางไม่หนีก็โง่แล้ว!
ดังนั้นหลินชิงเวยจึงยกชายกระโปรงขึ้นหันหลังแล้วออกแรงวิ่ง หวังว่ามือสังหารเหล่านั้นจะเห็นนางเป็นเพียงสตรีบอบบางคนหนึ่งและปล่อยนางไป
ทว่านางวิ่งออกไปยังไม่ถึงสามจั้ง พลันมีเงาร่างดำมืดสายหนึ่งเหินกายลงมาจากอากาศ ขวางทางหนีรอดของนาง คนสวมชุดดำปิดหน้ามีทั้งหมดหกคน ในมือของคนชุดดำทุกคนล้วนมีดาบยาวสีเงินวับวาว
หลินชิงเวยหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นทางด้านเซียวเยี่ยนถูกคนชุดดำสกัดปิดล้อมเอาไว้เช่นกัน จำนวนหกคนเท่ากัน ในมือล้วนถือดาบส่องประกายวิบวับ
นี่ นี่จะต้องมีคนตาย
นางไม่เหมาะกับสถานการณ์ตีรันฟันแทงกันบนถนนเช่นนี้เด็ดขาด
หลินชิงเวยกล่าวเสียงอ่อนว่า “พี่ชายทุกท่าน ข้าเป็นเพียงคนที่สัญจรไปมา…คิดจะไปเดินเล่นทางนั้น”
อีกฝ่ายไม่ส่งเสียง และไม่เอ่ยวาจาว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะปล่อยนางไป
หลินชิงเวยจึงลองเดินไปข้างหน้าก้าวเล็กๆ ก้าวหนึ่ง ปรากฏว่าคนชุดทั้งแถวก้าวขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าวใหญ่ๆ หลินชิงเวยรู้สึกเย็นเยียบบริเวณต้นคอของตนจึงหันแล้ววิ่งเข้าไปหาเซียวเยี่ยน แผ่นหลังของทั้งคู่แนบชิดกันอย่างนี้จึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นบ้าง
ให้ตายสิ แม้กระทั่งคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ปล่อย
หลินชิงเวยถาม “ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดต้องการสังหารท่าน?”
เซียวเยี่ยน “ไม่รู้ มีศัตรูมากเกินไป”
“…” หลินชิงเวยถาม “เวลานี้ข้าชี้แจงความสัมพันธ์ให้ชัดเจนเวลานี้ได้หรือไม่? ข้าไม่รู้จักท่าน”
เซียวเยี่ยน “ดูท่าแล้วน่าจะไม่ได้ เปิ่นหวางตายแล้วเจ้าย่อมมิอาจชีวิตเพียงลำพังได้ ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดหากเจ้าหวังว่า…”
คำพูดยังกล่าวไม่จบ คนในชุดดำจากสองทิศทางก็พุ่งเข้ามาหาเซียวเยี่ยนพร้อมๆ กัน หวังว่า แน่นอนว่าหวังว่า! แต่ไรมาหลินชิงเวยไม่เคยหวังว่าจะให้เซียวเยี่ยนมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัยมากไปกว่ายามนี้อีกแล้ว!
ชีวิตน้อยๆ ของนางตกอยู่ในมือของเขาแล้ว
เซียวเยี่ยนถอยออกไปด้านข้างหลายก้าวพร้อมกับดึงหลินชิงเวยมาด้วย คนทั้งสองถอยร่นกระทั่งชิดติดขอบกำแพง ด้วยไม่อาจหันหลังให้กับศัตรูเซียวเยี่ยนก้าวออกมายืนข้างหน้าหลินชิงเวย เขาต้านรับการโจมตีของมือสังหารทั้งสิบสองคนเพียงลำพัง
เขาประมือกับมือสังหารคนแรกและหักแขนของศัตรู เซี่ยวเยี่ยนตอบโต้และช่วงชิงดาบในมือของศัตรูมาฟาดฟันกับมือสังหารคนอื่นๆ เสียงอาวุธที่ทำมาจากโลหะปะทะกันดังเคร้งๆ คมดาบบางเฉียบนั้นเสียดสีกันก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งใจ
ต่อให้หลินชิงเวยกล้าหาญเพียงใดก็ไม่เคยได้พบกับสถานการณ์เยี่ยงนี้มาก่อน ขาทั้งสองข้างของนางอ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่ได้ ร่างของนางแนบติดไปกับกำแพงพร้อมตลอดเวลาที่จะไถลลงมาบนพื้น
โลหิตอุ่นๆ สายหนึ่งสาดมาถูกใบหน้าของหลินชิงเวย นางไม่รู้ว่าเป็นโลหิตของมือสังหารหรือเซียวเยี่ยน ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองไปนั้นชัดเจนยิ่งนักว่าแม้วรยุทธ์ของเซียวเยี่ยนจะร้ายกาจยิ่ง หากมือสังหารเหล่านี้เข้ามาท้าประลองกับเขาตัวต่อตัวย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน แต่เวลานี้มือสังหารลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน ตัวเขาก็มิได้มีสามเศียรหกกร เมื่อต้องรับมือทางด้านนี้ย่อมต้องละเลยอีกทางหนึ่ง
ที่สำคัญก็คือเขายังต้องคุ้มกันหลินชิงเวย
ราวกับมือสังหารอ่านความคิดของเซียวเยี่ยนออกจึงเริ่มให้ความสำคัญกับหลินชิงเวย มือสังหารสามถึงห้าคนโจมตีรั้งตัวเซียวเยี่ยนเอาไว้ จากนั้นมือสังหารอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างเริ่มมุ่งหน้าเข้าโจมตีหลินชิงเวย
หัวใจของหลินชิงเวยแทบจะกระโดดออกมาอยู่แล้ว แต่เมื่อกระวนกระวายลนลานจนถึงที่สุดกลับทำให้คนสงบจิตสงบใจลงได้ รู้สึกเหมือนขวดแก้วที่ถูกทุบจนแตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เซียวเยี่ยนปกป้องนาง ด้านหนึ่งต้านรับและตอบโต้การโจมตีของศัตรูอย่างดุเดือด อีกด้านหนึ่งใช้ร่างกายของตนเองบดบังร่างของหลินชิงเวยเอาไว้
นางได้ยินเสียงร้องอึกอักครั้งหนึ่ง เซียวเยี่ยนดูเหมือนโอบกอดนางเข้าไปปกป้องไว้ในอ้อมกอด กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งเข้มข้นกระจายไปทั่ว เซียวเยี่ยนไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่คำเดียว รังสีสังหารปรากฏในดวงตานิ่งลึกของ เขาลงมือโหดเหี้ยมยิ่งขึ้นแทงดาบทะลุลำคอของมือสังหารสองคนโดยไร้ความปรานี
ทว่านางรู้สึกได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว ดูเหมือนเขาจะถูกดาบของมือสังหารแทงเข้าเสียแล้ว
แขนของเซียวเยี่ยนโอบนางเอาไว้แน่นราวกับจะรัดเอวคอดกิ่วของนางให้หักลง เขาหอบหายใจหนักขึ้นเป็นลำดับ เส้นผมของเขาสะบัดไปมายุ่งเหยิง
เส้นผมของเขาตวัดไล้ใบหน้าของหลินชิงเวยตามท่วงท่าของเขาให้ความรู้สึกลื่นเย็นราวกับเป็นเส้นไหมก็มิปาน
ทันใดนั้นมีมือสังหารลอบโจมตีจากทางด้านหลังของเซียวเยี่ยน นางไม่รู้ว่าตนเองทำได้อย่างไร นางรู้เพียงว่าหากกระบวนท่าของเซียวเยี่ยนช้าไปเพียงเล็กน้อย หรือเขาถูกจู่โจมซึ่งหน้าทำให้ไม่อาจปลีกตัวมาได้ มือสังหารย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นางปรารถนาเพียงให้เขามีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ตายไม่ได้ ถ้าจะตายทุกคนล้วนต้องตายด้วยกัน
ยามนั้นหลินชิงเวยอาศัยรูปร่างเล็กบอบบางของตน สลัดตัวหลุดออกจากอ้อมกอดของเซียวเยี่ยนโดยไถลตัวออกจากใต้วงแขนของเขา ในมือของนางมีเข็มเงินสองเล่ม เพียงยกมือขึ้นนางก็ปักเข็มเงินลงไปบนจุดชีพจรของมือสังหารคนนั้น ท่วงท่าในการยกดาบของมือสังหารเริ่มติดขัด นางตวัดสายตามองไปด้วยแววตาอันเย็นเยียบ และปักเข็มเงินอีกเล่มลงไปบริเวณลำคอของมือสังหาร
มือสังหารชักกระตุกทั้งร่างแล้วล้มลงไปบนพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้
มือสังหารสิบสองคน ถูกเซียวเยี่ยนสังหารไปเหลือเพียงสามถึงห้าคน พวกเขาพบว่าสตรีบอบบางไร้เรี่ยวแรงเช่นหลินชิงเวยกลับไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อยก็สามารถสังหารสหายของพวกเขาได้ มือสังหารสองคนจึงพุ่งเข้าหาหลินชิงเวย
เซียวเยี่ยนกุมดาบทั้งสองมือ เขาฆ่าฟันประหัตประหารอย่างดุเดือด โลหิตสดๆ กระจายหยดลงบนร่างกายและใบหน้าของหลินชิงเวย ความอุ่นร้อนของโลหิตนั้นทำให้นางสะท้านเยือก
หลินชิงเวยไม่ได้ลนลานจนทำให้เสียการ นางฉวยโอกาสความได้เปรียบจากความโกลาหลแล้วใช้เข็มเงินในมือลอบโจมตีสังหารมือสังหารได้อีกหนึ่งคน
ยามนี้เหลือมือสังหารเพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นหันหน้ากลับมาพร้อมดาบในมือที่ฟาดฟันเข้าใส่หลินชิงเวยตรงๆ
นางไม่ถนัดการโจมตีระยะประชิดเช่นนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายโจมตีด้วยพละกำลังที่ต้องการสังหารนางจริงๆ นางไม่มีความสามารถในการต้านรับแม้แต่น้อย
เห็นกับตาว่าคมดาบกำลังฟาดฟันลงบนร่างของหลินชิงเวยกลับมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาขวางไว้ มือข้างนั้นกุมคมดาบนั้นไว้ด้วยมือเปล่า หลินชิงเวยหันกลับไปมองจึงเห็นว่าโลหิตสดๆ ไหลออกจากมือข้างนั้น นางเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าของเซียวเยี่ยนกลับเย็นชาดังเดิมราวกับเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดจากคมมีดที่บาดเข้าไปในผิวเนื้ออย่างไรอย่างนั้น