เล่มที่ 4 บทที่ 2 เริ่มการคัดเลือก
วันเวลาผ่านไป ในที่สุดการประลองเพื่อหาผู้เข้าร่วมการคัดเลือกก็มาถึง ลูกศิษย์สำนักวิหารสวรรค์ต่างตื่นตัวกันอย่างมาก ความตื่นเต้นเช่นนี้มิใช่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ แม้แต่ลูกศิษย์สายในระดับต่ำๆก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย เหล่าศิษย์อันโดดเด่นของสำนักใหญ่เหล่านี้ล้วนพบเจอได้ยาก ต่างคนต่างปิดด่านบำเพ็ญเพียรบ่มเพาะพลัง บ้างปลีกวิเวก บ้างออกไปทำภารกิจนอกสำนัก
คนเหล่านี้ล้วนเดินตามวิถีทางที่ตนเชื่อมั่น ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการแข็งแกร่งขึ้นทำให้มิมีเวลาออกมาเตร็ดเตร่ กระทั่งบางคนอาจเคยปรากฏตัวปีละครั้งสองครั้งหรือปิดด่านไปหลายปี ทิ้งไว้เพียงรายนามอันเป็นเกียรติยศที่สลักลงบนผังฟ้าดินเท่านั้น
ในยุคที่ความแข็งแกร่งเป็นที่สุดเช่นนี้ การที่ผู้อ่อนแอชมชอบและยึดผู้ที่แข็งแกร่งเป็นแบบอย่างนั้นมีให้เห็นได้ทั่วไป และที่วิหารสวรรค์เองก็เช่นกัน การประลอง 5 จักรวรรดินั้นกำหนดไว้เพียงผู้เข้าร่วมจะอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งนับเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ ดังนั้นการปรากฏตัวของอัจฉริยะรุ่นเยาว์พวกนี้ทำให้ทั้งสำนักต้องสั่นสะเทือน แม้แต่ศิษย์มีอันดับของเขาทดสอบก็เข้าร่วมชมการประลองเช่นกัน
ณ เขาบรรพชน อันเป็นที่ตั้งของที่อยู่เจ้าสำนัก ในเวลาปกติลูกศิษย์ของสำนักไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาบริเวณนี้ แม้กระทั่งผู้อาวุโสระดับคลุมเงินก็เช่นกัน แต่ว่าเวลานี้ ณ ยอดเขาบรรพชน สถานที่ศักสิทธิ์ของสำนัก ถูกจัดให้เป็นสนามคัดเลือก บริเวณยอดเขา แต่เดิมมีลานประลองสวรรค์ตั้งอยู่แล้ว มันคือลานประลองที่ใช้จัดพิธีต่างๆของสำนัก และเวลานี้ก็ใช้ในการคัดเลือกเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลให้เขาบรรพชนเปิดออกในวันนี้
และอีกสาเหตุคือเขาบรรพชนนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล อันเป็นหนึ่งในยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของสำนัก ปกติแล้วแม้เป็นชนชั้นปฐพีขั้น 1 ก็ยากที่จะขึ้นมาถึงยอด ในเวลานี้ ทางขึ้นยอดเขาถูกแบ่งออกเป็นสองทาง หนึ่งคือประตูกลทางเข้าปกติ ซึ่งมีการจัดให้สำหรับลูกศิษย์ที่ต้องการชมการประลอง อีกทางคือสำหรับผู้ต้องการเข้าร่วมการประลองคัดเลือก แต่ค่ายกลประตูนี้มีไว้สำหรับเพิ่มแรงกดดันตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ กล่าวคือผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมการประลองได้คือคนที่ผ่านทางประตูนี้ไปถึงยอดเขาเท่านั้น หากมิทำเช่นนี้แล้วคงกินเวลานานเกินไป รุ่นเยาว์ของสำนักที่โดดเด่นนั้นมีอยู่มากมายจึงจำเป็นต้องตั้งกฎขึ้นมา
สำหรับปีนี้ ผู้ที่ผ่านประตูกลถึงยอดเขาได้ 32 คนเท่านั้นจึงจะมีสิทธิเข้าร่วมและต้องอายุไม่เกิน 25 ปี ตามกำหนด เนื่องด้วยงานคัดเลือกของจริงนั้นแต่ละสำนักใหญ่จะส่งตัวแทนเข้าร่วม 4 คน เพื่อคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด 5 คนเข้าร่วมการประลอง 5 จักรวรรดิ ดังนั้นใน 32 คนนี้จะมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ได้รับบัตรผ่านเข้าสู่การคัดเลือกที่เมืองหลวง
จักรวรรดิเมฆาหวนนั้นพ่ายแพ้ติดอันดับรั้งท้ายมาอย่างยาวนาน ขึ้นชื่อว่าอ่อนแอที่สุด สำหรับร้อยปีหลังนี้มีเพียงรุ่นของ 5 ตำนานเท่านั้นที่สามารถกู้ชื่อเสียงกลับมา ได้รับอันดับที่ 3 ของการประลอง ก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้นก็ไม่มีการขยับจากอันดับที่ 5 อีกเลย
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ทุกคนก็ยังสนใจกับการประลองครั้งนี้ การจัดอันดับของจักรวรรดินั้นนับผลคะแนนรวม ทว่าสำหรับตัวบุคคลนั้นแค่เพียงเข้าร่วมก็จะได้รับทรัพยากรมากมายเป็นรางวัลแล้ว อีกทั้งหากติด 10 อันดับแรกได้ย่อมต้องได้รับรางวัลอีกมากมายตามมา ในยุคที่ความแข็งแกร่งเป็นเลิศใครบ้างเล่าไม่ต้องการทรัพยากร อีกทั้งยังนับเป็นวีรบุรุษเฉกเช่น 5 ตำนานที่เลื่องชื่ออีกด้วย
ขณะที่เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ตีนเขาบรรพชนต่างเต็มไปด้วยหมู่ศิษย์ทั้งสายในและศิษย์หลัก ต่างคนต่างพูดคุยคาดเดาสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกันอย่างสนุกปาก และคงหนีไม่พ้นการปะทะคารมซึ่งมีหัวข้อเป็นอัจฉริยะที่ตนชื่นชอบ
“นั่นศิษย์กู่ผาน ลูกศิษย์เขากระบี่ รั้งอันดับ 8 ของผังฟ้า เจ้าดูสิเพียงปราณกระบี่ที่แผ่ออกมาก็ยอดเยี่ยมแล้ว น่าเกรงขามยิ่งนัก”
ชายหนุ่ม 2 คนกำลังพูดคุยกันถึงกู่ผานศิษย์ยอดเยี่ยมของเขากระบี่ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกัน ในบริเวณตีนเขานั้นยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่พูดคุยเรื่องราวเช่นนี้ ทว่าหลังจากเขากล่าวจบด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ เสียงเย้ยหยันด้านข้างก็ดังออกมาแทบจะในทันที
“เฮอะ ยอดเยี่ยม? ข้าเพิ่งรู้ว่าศิษย์ของเขากระบี่นิยมปอปั้นพวกเดียวกันเองเช่นนี้ หน้าพวกเจ้าคงทำด้วยหินปูนกะมัง”
ชายหนุ่มกลุ่มที่กล่าวชมกู่ผานต่างมีใบหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะหันมาปะทะคารมกับอีกฝ่ายในทันที สำนักใหญ่เช่นวิหารสวรรค์นั้นเต็มไปด้วยการแข่งขัน แม้จะได้ชื่อว่าสำนักเดียวกันทว่าพื้นที่ภายในกลับแบ่งออกเป็น 48 ยอดเขาหลัก ตามเขตชั้น จึงทำให้ต่างคนต่างชื่นชมแต่พวกตนเองและกดข่มฝ่ายตรงข้าม สำหรับยอดเขาอื่นๆนั้นแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท เช่น เขาโอสถและเขาเตาหลอม ทว่าภายในสำนักวิหารสวรรค์นั้นมียอดเขาที่เป็นเชิงต่อสู้อยู่ทั้งหมด 5 ยอดเขา ประกอบไปด้วย ดาบ กระบี่ ธนู หอก และมือเปล่า สำหรับยอดเขาทั้ง 5 นี้ มีการแข่งขันกันดุเดือดเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยปัญหาเดิมๆที่ซ้ำซากคือทักษะวิชาของพวกข้านั้นยอดเยี่ยมที่สุด
เหตุการณ์เช่นนี้มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องและยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อศิษย์ผู้นำของแต่ละยอดเขาปรากฏตัว โดยเฉพาะศิษย์ของศาสตร์การต่อสู้ทั้งห้า แต่ละคนล้วนอยู่ในสิบอันดับแรกทั้งนั้น
“น่าเสียดายที่การคัดเลือกรับเพียงศิษย์ที่อายุไม่เกิน 25 ปี มิฉะนั้นแล้วบางทีอาจจะได้เห็นคนเหล่านั้น”
มีบางคนพูดขึ้นมาพลางถอนหายใจ คนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกัน สำหรับสำนักวิหารสวรรค์แล้วคนเหล่านั้นนับเป็นอนาคตที่ค้ำยันสำนักโดยแท้ เหล่าศิยษ์ในรายชื่อกองกำลังหลักของสำนักที่นำโดยอ้าวเทียนจ้าวสวรรค์หนึ่งในห้าตำนานของจักรวรรดิเมฆาหวน ทว่ากองกำลังนี้ล้วนแข็งแกร่งและโดดเด่นมากกว่าธรรมดาจริง แต่อายุส่วนใหญ่ก็เกิน 30 ปีไปหมดแล้ว น้อยสุดก็คือ 28 ปี หากพูดให้ถูกต้องกองกำลังสวรรค์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการฟันฝ่าของอ้าวเทียน ทั้ง 50 รายชื่อล้วนเป็นดั่งพี่น้องของจ้าวสวรรค์ที่รวบรวมมาเมื่อครั้งตระเวนออกสร้างชื่อสมัยวัยเยาว์
ขณะที่เหล่าอัจฉริยะเริ่มปรากฏตัวไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าด้านบนยอดเขาบรรพชน ชนชั้นปกครองสำนักแห่งนี้ต่างเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย ชายชราทั้ง 3 ถอนหายใจออกอย่างพร้อมเพรียงเมื่อได้รับคำตอบจากข่งยี่จาง
“เจ้าหนูนั่นหายไปไหนกัน นี่จะได้เวลาแล้ว โหลวหลินเอาอย่างไรดี”
บรรพชนกล่าวออกมาเพื่อขอความเห็น อย่างไรตอนนี้ข่งโหลวหลินก็เป็นเจ้าสำนักแม้ว่าทุกคนในที่นี้ต่างสนับสนุนหยางอี้ แต่ก็ไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของเจ้าสำนักมากเกินไป
“ยี่จาง เจ้าตรวจดูจนแน่ใจแล้วหรือไม่”
“ท่านพี่ ข้าตรวจสอบทุกที่แล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของนายน้อยแล้ว จากที่ถามศิษย์แถวเรือนพักพวกเขาบอกว่านายน้อยปิดด่านฝึกตนตั้งแต่ 3 วันก่อนและไม่ได้ออกมาอีกเลย”
ข่งโหลวหลินขมวดคิ้วแน่น พวกเขาต่างไม่เข้าใจ หากเป็นเช่นนั้นทำไมภายในเรือนของหยางอี้จึงว่างเปล่าไร้ผู้คน
“เช่นนั้นก็ดำเนินการไปก่อน แล้วค่อยยื้อเวลาเอาไว้ เรื่องของหยางอี้ถือเป็นความลับระดับสูงเราไม่อาจปล่อยให้เกิดการขัดแย้งกันเองภายในสำนักได้”
ข่งโหลวหลินกล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด นี่เป็นเพราะเจ้าหนูนั่นออกปากมาเองว่าต้องการเข้าร่วมประลอง 5 จักรวรรดิ แต่กระนั้นหากจะเลื่อนเวลาออกไปหรือกระทำการออกหน้ามากกว่านี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสำนัก เพราะนอกจากผู้อาวุโสระดับสูงแล้วคนอื่นๆล้วนไม่รู้ถึงเบื้องหลังของหยางอี้ การที่คนทั้งหมดต้องรอศิษย์เพียงคนเดียวที่เข้ามาไม่ถึง 3 เดือนต้องทำให้เกิดปัญหาแน่นอน
เมื่อได้เวลาผู้อาวุโสเหล่ยโหลวก็ทะยานขึ้นเหนือฟากฟ้าในทันที ด้วยเสียงอันแผ่วเบาแต่ได้ยินชัดเจนไปทั่วทั้งภูเขาทำให้ศิษย์ทุกคนเข้าใจกฎได้ในไม่ช้า เมื่อเห็นการแข่งขันกำลังจะเริ่มคนอื่นๆที่ไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบก็ทยอยขึ้นสู่ยอดเขาทันทีเพื่อจับจองที่นั่ง เหตุผลที่พวกเขารั้งอยู่จนบัดนี้ก็เพื่อเฝ้าชมเหล่าคนโดดเด่นที่นานครั้งจะปรากฏตัว
สำหรับครั้งนี้มีผู้เข้าทดสอบมากกว่าร้อยคน ด้วยรางวัลอันยั่วยวนจึงทำให้ดึงดูดผู้คนมาไม่น้อยเพียงติด 32 อันดับแรกได้ก็ได้รับแต้มมากมายจากสำนักแล้ว อีกอย่างการคัดเลือกครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการจัดอันดับศิษย์รุ่นเยาว์อย่างเป็นทางการเลยก็ว่าได้ เพราะเหล่าแนวหน้าของสำนักล้วนมารวมตัวกันเพื่อไม่พลาดที่จะประกาศศักดาออกไป
ด้วยความรวดเร็วหลังสิ้นคำประกาศศิษย์ที่เข้าร่วมการคัดเลือกกว่าร้อยคนก็ทะยานเข้าสู่ประตูกลทดสอบอย่างขะมักเขม้น พริบตาพื้นที่ด้านตีนเขาบรรพชนที่เคยแออัดก็กลายเป็นว่างเปล่าเหลือไว้เพียงชายชราเหล่ยโหลวที่กำลังยืนรอใครบางคนอยู่
“เจ้าหนู เจ้ามัวทำอะไรอยู่”
หลังจากทอดถอนใจเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองทอดสายตาไปยังทิศทางซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนหยางอี้อย่างรอคอย แม้ข่งโหลวหลินจะช่วยเต็มที่แต่ก็คงยืดเวลาไว้ได้ไม่มากกว่าครึ่งชั่วยาม