กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ – เล่มที่ 4 บทที่ 13 นี่คือทั้งหมด?

กําเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ เล่มที่ 4 บทที่ 13 นี่คือทั้งหมด?

 

เล่มที่ 4 บทที่ 13 นี่คือทั้งหมด?

 

“เจิ้นเอ๋อร์!”

 

ทันทีที่รู้สึกตัว หว่านถูพุ่งเข้าไปหาบุตรชายในทันที หว่านถูตกตะลึงเป็นอย่างมากเนื่องเพราะเขาก็ไม่ต่างไปจากบุตรชายของเขาเลยแม้แต่น้อย หว่านถูอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่จักรพรรดิ สัมผัสย่อมเฉียบคมเหนือธรรมดา ตั้งแต่หยางอี้ละสายตาไปจนถึงการปรากฏตัวต่อหน้าหว่านเจิ้น เขาไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสถึงตัวของชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย

 

หว่านเจิ้นลุกขึ้นมาทันทีก่อนจะเอามือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก หว่านเจิ้นลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้สนใจคําถามของหว่านถูแม้แต่น้อย เขาชําเลืองมองไปยังนิ้วมือที่เปื้อนเลือด นับตั้งแต่เกิด นี่เป็นครั้งแรกที่โดนผู้อื่นสร้างความอัปยศให้เช่นนี้

 

“แก! หาที่ตาย!”

 

หว่านเจิ้นเตรียมตัวจะพุ่งเข้าไปยังหยาง ทว่ากลับถูกบิดาของเขาหยุดไว้ก่อน หว่านถูจ้องมองไปยังชายชราที่ยืนอย่างเงียบๆด้านหลังหยางอื้อย่างพินิจ ทีแรกเขามิได้สนใจชายชราผู้นี้และคิดว่าเป็นผู้อาวุโสของวิหารสวรรค์เท่านั้น ทว่าชั่วครู่ที่ผ่านมาหว่านถูพลันจดจําใบหน้าของชายผู้นี้ได้ในทันที

 

“ท่านพ่อ! ท่านกําลังหยุดข้า? หรือท่านไม่เห็นมันทํากับข้า?”

 

“เงียบก่อน เรื่องนี้ไม่ง่ายแล้ว รีบไปตามปู่เจ้ามา”

 

หว่านเจิ้นมองไปยังหยางอื้อย่างเกลียดชังอีกครั้งก่อนจะจากไป เขาแทบอดทนไม่ไหวที่จะฉีกชายหนุ่มให้ขาดเป็นชิ้นๆ หว่านถูเดินเข้าไปหากลุ่มของหยางอี้ช้าๆ ก่อนจะกล่าวออกมาเบาๆ “สารเลว เจ้าทําได้ดี” หว่านถูมองไปยังชายชราเบื้องหลังด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนจะกล่าวออกมาพร้อมกับป้องมือขึ้น

 

“ไม่คิดว่าท่านบรรพชนของวิหารสวรรค์จะมาด้วยตนเอง ช่างเป็นเกียรติแก่ข้ายิ่งนัก”

 

“เฮอะ! ป้อมปฐพี่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไง?”

 

“ฮ่าๆ ท่านบรรพชนล้อเล่นแล้ว”

 

หว่านเพียงหัวเราะกลบเกลื่อนออกมา บิดาของเขาแม้จะเข้าใกล้ระดับปราณจักรพรรดิขั้นที่3เต็มทนแล้วก็ตาม แต่การต่อกรกับขั้นที่ 3 เช่นบรรพชนผู้นี้ก็มิใช่เรื่องง่าย อีกทั้งฝ่ายนั้นยังมีข่งยี่จางที่เป็นระดับจักรพรรดิอีกคนอยู่ด้วย

 

“ผู้ใดมันกล้าทําร้ายหลานชายข้า”

 

เสียงคํารามของเจ้าสํานักป้อมปฐพี่ดังออกมาทันที่ด้วยความโกรธ หว่านูยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะถอยกลับไป ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับหว่านเจิ้น กลิ่นอายจักรพรรดิแผ่ออกมาสร้างแรงกดดันให้กับคนอื่นๆในทันที หว่านป้อมองไปยังบรรพชนครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

“บรรพชนสํานักวิหารสวรรค์ไม่กลัวเสียหน้าหรืออย่างไรถึงได้รังแกคนอื่นเช่นนี้?”

 

“รังแก? สุนัขเฒ่าเจ้าพล่ามอะไรอยู่? มิใช่คนของเจ้าหรือไงที่มาทําร้ายตระกูลข้าก่อน?”

 

หยางอี้กล่าวขึ้นมาทันที มีหรือชายหนุ่มจะกลัวชายแก่ผู้นี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเบื้องหลังเขามีสองคนในระดับจักรพรรดิคุ้มกันอยู่ ตัวเขาเองยังมีไม้ตายอีกมากที่จะจัดการเรื่องนี้

 

“บังอาจ! สารเลวนี้เจ้าเป็นใคร ตายซะ!”

 

หว่านป้อตวัดมือครั้งหนึ่งเกิดเป็นพลังปราณกระแสใหญ่พุ่งเข้าหาหยางอี้ ทว่าชายหนุ่มมิได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใด เพียงยืนมองยิ้มอย่างสมเพชไปยังหว่านป้อ

 

ปัง! ม่านพลังบางอย่าก่อตัวขึ้นด้านหน้าของหยางอี้ก่อนที่จะปัดป้องพลังปราณของหว่านป้อให้หายไป หว่านป้อมองไปยังบรรพชนด้วยใบหน้าแดงก่ำ เขาเป็นถึงเจ้าสํานักป้อมปฐพีเมื่อถูกเด็กรุ่นหลานกล่าววาจาดูถูกเช่นนี้แต่ไม่อาจทําอะไรนับเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

 

“หว่านป้อ นี่เป็นเรื่องของเด็กๆชายแก่ผู้นี้ก็มิได้อยากจะยุ่งนัก แต่หากเจ้ายังไม่เลิกราเห็นที่ชายแก่ผู้นี้คงต้องลงมือสักเล็กน้อย”

 

“ฮึ่ม! ดี ดีในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ข้าก็จะไม่ยุ่ง แต่ความผิดของสารเลวนี่ต้องได้รับโทษ มิเช่นนั้นป้อมปฐพีจะไม่ยอมเด็ดขาด อย่าคิดว่าวิหารสวรรค์จะมีบรรพชนเพียงสํานักเดียว!”

 

หว่านป้อกล่าวออกมาเสียงต่ำ อย่างไรเขารู้สถานการณ์ตอนนี้ดี การดึงดันต่อไปไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายเขา การยอมถอยคนละก้าวนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หว่านป้อมองไปยังหยางอี้และกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“ตัดแขนเจ้าขอทานนี่ซะแล้วป้อมปฐพี่จะปล่อยเรื่องนี้ไป”

 

“ตัดแขนข้า? ฮ่าๆ เพียงเพราะข้าลงมือกับมดปลวกเช่นมัน? หรือนี่เป็นวิธีของหนึ่งในสี่สํานักใหญ่ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”

 

“เจ้า!”

 

หว่านป้อคํารามออกมาพร้อมกับเพลิงโทสะที่โหมกระหน่ำ ก่อนเขาจะพูดหยางอี้ได้กล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“เจ้าเป็นอัจฉริยะใช่หรือไม่? มาต่อสู้เป็นอย่างไร หากเจ้าชนะข้าจะมอบแขนข้างนี้ให้กับเจ้า!”

 

คนอื่นๆเงียบกริบในทันที หว่านเจิ้นนั้นอยู่ในระดับปฐพีขั้นปลายแล้ว การที่หยางอี้ท้าทายเช่นนี้ออกไปนั้นไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย มีเพียงคนของวิหารสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งแค่ไหน

 

“ฮ่าๆ สารเลวเจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้เพียงเพราะลงมือทีเผลอกับข้าเมื่อก่อนหน้านี้?”

 

หว่านเจิ้นยิ้มออกมาอย่างยินดีก่อนหน้านี้เขาเพียงโดนลอบโจมตีทีเผลอเท่านั้น อีกอย่างเขาคิดว่าหยางอี้ใช้วิชาประหลาดทําให้เขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังภายในได้ หากมิเช่นนั้นด้วยปราณคุ้มกายของเขาหยางอี้ไม่ทางโจมตีเขาได้แน่นอน

 

“อย่ามากความ กล้าหรือไม่กล้า เพียงพูดมาแค่นั้น”

 

“ดี ดี สารเลวข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ หากเจ้าชนะข้าได้แขนข้างนี้จะเป็นของเจ้า!”

 

เมื่อเรื่องจบลงเช่นนี้คนอื่นๆจึงไม่กล่าวอะไรอีก ทั้งหมดย้ายไปยังสนามประลองของพระราชวังทันที ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่ใช้ในการคัดเลือก คนของสํานักร้อยตะวันและปราการอัคคีก็เข้ามาชมด้วยเช่นกัน การเดิมพันและกฎการแข่งขันถูกประกาศขึ้นอย่างชัดเจน หยางจื่อส้งเป็นกังวลไม่น้อยพยายามโน้มน้าวบุตรชาย ทว่าหยางอี้กล่าวเพียงว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจึงได้แต่ปล่อยไป

 

“ ท่านบรรพชนหวังว่าท่านจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องของเด็กๆตามที่ท่านได้พูดไว้”

 

หว่านป้อกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด ในที่นี้มีคนของ 5 มหาอํานาจอยู่ครบหากบรรพชนผิดคําพูดจะเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างแน่นอน

 

“ฮ่าๆ แน่นอนข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง พวกเจ้าเองก็ควรเข้าใจกับเรื่องนี้ ให้พี่น้องทุกท่านเป็นพยาน”

 

“ดี เช่นนั้นก็เริ่มได้”

 

บนลานประลองหว่านเจิ้นยิ้มเหี้ยมก่อนจะจ้องมองไปยังหยางอี้ด้วยระดับของหยางอี้เขาไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยในหัวเขาตอนนี้คิดว่าจะทรมานอีกฝ่ายอย่างไรเท่านั้น

 

“สารเลว ข้าจะทําให้เจ้าเข้าใจถึงความต่างระหว่างข้าและขอทานเช่นเจ้า!”

 

หว่านเจิ้นหยิบขวานเล่มเขื่องออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาหยางอี้ เจตนาฆ่าอันรุนแรงโหมกระหน่ำออกมาราวกับจะฉีกกระชากร่างของเขาให้ขาดสะบั้น หยางอี้คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะนําดาบออกมารับการโจมตีของหว่านเจิ้นและเคลื่อนไหวออกไปรอบๆ

 

การปะทะกันดําเนินไประยะหนึ่งหว่านเจิ้นยิ้มออกมาอย่างลําพองใจ สถานการณ์โดยรวมเป็นเขาที่กดดันอีกฝ่ายอย่างชัดเจน สารเลวนี่จะสิ้นท่าเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

 

“ดิ้นรนเข้าไป ดิ้นรนให้มากกว่านี้ ข้าจะทรมานเจ้าจนต้องสํานึกเสียใจที่กล้าท้าทายข้าคนนี้”

 

แยกธรณี!

 

หว่านเจิ้นใช้ออกด้วยกระบวนท่าประจําตัวของเขา ขวานเล่มใหญ่ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่ง! หนึ่งขวานที่จามลงสู่พื้นเพียงพอให้เกิดการระเบิดจากพลังทําลายจนพื้นสนามกลายเป็นหลุมลึกถึง 2 เมตร ไม่ต้องคิดถึงว่าหากหยางอี้โดนเข้าไปจะต้องกลายเป็นเศษเนื้ออย่างแน่นอน

 

ใบหน้าหยางจื่อส้งและราชายหลงกลายเป็นขาวซีด ความกังวลพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ฝ่ายป้อมปฐพี่เองก็ยิ้มออกมาอย่างสําราญใจ พวกเขาทั้งหมดรวมถึงผู้ชมจากสองสํานักล้วนคิดว่าหยางอี้ต้องจบสิ้นแล้ว หว่านเจิ้นไล่ต้อนหยางอี้จนถึงมุมของสนาม เขายิ้มเหี้ยมออกมาพร้อมกับแววตาอันเกลียดชัง พลังปราณภายในร่างระเบิดมาจนถึงขีดสุด ใช้ออกด้วยกระบวนท่าขั้นสูงสุดเพื่อให้มั่นใจว่าหยางอี้ต้องแหลกเป็นชิ้นๆ กระทั่งระดับสวรรค์ชั้นต้นก็ไม่แน่ว่าจะรับขวานนี้ได้! แขนข้างเดียว? นั่นไม่เพียงพอต่อความโกรธของเขา สารเลวบัดซับนี่ต้องตาย

 

ขวานรบกวาดผ่านอากาศจนสั่นสะเทือนราวกับจะปริแตกออกทุกคนต่างคิดว่ามันจบแล้ว

 

“ตายซะไอ้ตัวบัดซบ ข้าจะขยี้เจ้าไม่ให้เหลือซาก!”

 

ชั่วขณะที่ขวานรบของหว่านเจิ้นกําลังจะสับลงบนร่างหยางอี้ ชายหนุ่มพลันเก็บดาบเข้าสู่แหวนมิติในทันที พลังปราณในร่างโคจรฉับพลันร่างกายปรากฏสีแดงวับขึ้นฉากหนึ่ง กายาตะวันอมตะถูกเปิดใช้งานถ่ายพลังทั้งหมดไปยังมือขวาพร้อมกับแสงจางๆสีเหลืองนวลจากหัตถ์คว้าจันทร์

 

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง หนึ่งมือของหยางอี้คว้าจับไปยังขวานรบอย่างธรรมชาติ พลังทําลายอันเกรี้ยวกราดก่อนหน้านี้ถูกหยุดไว้อย่างสมบูรณ์ก่อนจะกระจายออกไปรอบข้างก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า

 

นี่คือทั้งหมดของเจ้า?”

 

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

Status: Ongoing
อ่านนิยาย กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์หยางอี้เด็กหนุ่มอัจฉริยะที่พลิกผันจมลงสู่จุดต่ำสุดของชีวิตเพราะบังเอิญไปเจอกับหินลึกลับอันหนึ่ง แต่ในเวลาต่อมาด้วยความเพียรพยายามไม่ย่อท้อก็ทำให้เขาได้พบกับความลับของหินลึกลับก้อนนั้นและความลับนี้เองที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปยืนอยู่เหนือยุทธภพ! ขันพลังต่างๆ *ระดับผู้ฝึกยุทธ์ -ก่อกำเนิด (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวเบิกนภา -เบิกนภา (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวปฐพี -ปฐพีต้นกำเนิด (1-7) ??? -นภาศักดิ์สิทธิ์ (1-5) ??? -เนมิต (1-3) แบ่งเป็น 3 ขั้น -ขั้น 1 ราชา ,ขั้น 2 ราชัน ,ขั้น 3 จักรพรรดิ ดับสูร (ไร้ระดับ) ??? *มรรคาแบ่งเป็น 7 ระดับ -ความลี้ลับระดับต่ำ (1-10) -ความลี้ลับระดับกลาง (1-10) -ความลี้ลับระดับสูง (1-10) -มรรคาเล็ก (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคากลาง (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคาใหญ่ (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -บรรลุสรรพสิ่ง *วิชาต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท -วิชาปราณ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชายุทธ์ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชาจิต –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับวัตถุ/ทรัพยากร/อาวุท –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับ สำนัก/ตระกูล/ประเทศ/ -แบ่งเป็นระดับ 1-10 (ระดับหนึ่งแข็งแกร่งที่สุด จำแนกระดับตามผู้ปกครอง) หากมีเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้ภายหลังตามเนื้อเรื่อง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset