กําเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ เล่มที่ 4 บทที่ 17 เทียนหอม
เล่มที่ 4 บทที่ 17 เทียนหอม
สามวันผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ภายในเมืองหลวงก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที ด้วยหลุมขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาจากการโจมตีของหยางอี้ทําให้มันยากเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ และในที่สุด มันได้กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งที่สองของเมืองหลวง โดยผู้คนได้ขนานนามว่าหลุมแห่งการชําระบาป
โดยผู้คนที่เห็นเหตุการณ์วันนั้นต่างเชื่อไปในทิศทางเดียวกันและทางราชวงศ์เองก็มิได้ออกมาพูดอันใด มีเพียงคนในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ตระกูลหยางถูกย้ายจากตําหนักเพิ่มเข้าไปอยู่ภายในพระราชวังขององค์กษัตริย์ เหตุการณ์ครั้งนี้ทําให้อีกสองสํานักใหญ่ที่เหลือต่างรีบส่งข่าวกลับไปทันที
ภายในเมืองหลวงการประลองเพื่อคัดเลือกนั้นต้องหยุดชะงักกันชั่วคราวเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น หยางอี้ใช้เวลาสามวันในการพักผ่อนเพื่อฟื้นพลังโดยตลอดเวลามีตู่หลินคอยดูแล ชายหนุ่มเองก็มิได้ขัดข้องอันใด เขาและนางเดิมทีความสัมพันธ์ก็อยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว
หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นหว่านป้อได้นําทัพป้อมปฐพีกลับไป ทันทีโดยทิ้งจดหมายไว้ว่าจะส่งของขวัญเพื่อกล่าวขอโทษแก่ตระกูลหยางในภายหลัง และการตายของหว่านถูนั้นถือเป็นความผิดที่เขาสมควรได้รับ สําหรับหว่านป้อแม้ลูกชายของเขาจะตายไปก็จริง ความเสียใจย่อมบังเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ยังเหลือหว่านเจิ้นที่แม้จะยังไม่อาจเทียบกับบิดาของเขาได้ในทุกๆด้านแต่หากยังดึงดันต่อไปเขารู้ดีว่าแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็จะไม่มีเหลือ ไม่ต้องกล่าวถึงป้อมปฐพีอาจจะถึงจุดจบลงได้ในยุคนี้
สําหรับหว่านเจิ้นไม่พูดถึงเรื่องแก้แค้นให้บิดา ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีความกล้าแม้แต่น้อยที่จะมองหน้าหยางอี้ด้วยซ้ํา ชื่อของหยางอี้แทบจะเป็นสิ่งต้องห้ามของเขาเลยก็ว่าได้ ทั้งการทรมานอันโหดร้ายและความเลือดเย็นของชายหนุ่ม เขาล้วนได้สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว
ในค่ําคืนอันสงบสุข เป็นดั่งเช่นทุกวันหยางอี้นั่งอยู่ภายในห้องพร้อมกับมองไปยังดวงจันทร์สีนวลบนท้องฟ้า ชายหนุ่มคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นมาตลอดสองปีที่ผ่านมา กาลเวลาช่างเดินไปอย่างรวดเร็ว จนบัดนี้แม้ว่าตัวเขาจะแข็งแกร่งขึ้น และมีอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังก็ตาม แต่ทว่าเป้าหมายของชายหนุ่มกลับยังไม่ได้เข้าใกล้มันเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างหยางอี้กําลังทอดอารมณ์อยู่นั้น หญิงรับใช้วัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา เขาจําได้ว่านางเป็นพระนมของตู่หลินจึงเอ่ยทักทายขึ้นมาเล็กน้อย ทุกวันนางจะเข้ามาเปลี่ยนดอกไม้ และเทียนหอมภายในห้อง ถึงแม้ว่าชายหนุ่มไม่ต้องการสิ่งยุ่งยากพวกนี้แต่ก็มิอาจขัดได้เมื่อเจ้าบ้านตั้งใจจะดูแลเขาเป็นอย่างดี
“คุณชายเป็นยังไงบ้างเจ้าคะ”
นางกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น หยางอี้ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน
“แผลข้าหายดีหมดแล้ว ในวันพรุ่งนี้ก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ในห้องอีกต่อไป ขอบคุณท่านป้าเหลียงที่เป็นห่วง”
ป้าเหลียงยิ้มขึ้นมาพร้อมกับจุดเทียนหอมที่นางนําเข้ามาวางไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของชายหนุ่ม
ที่ด้านนอกห้องของชายหนุ่ม ตู่หลินกําลังเดินเข้ามา เพื่อเยี่ยมอาการของหยางอี้ ทุกวันเวลานี้นางจะต้องเข้ามาเพื่อพูดคุยกับชายหนุ่มเป็นประจํา ก่อนจะกลับไปยังห้องของนางโดยมีถ้อยคําสารพัดจากป้าเหลียงคอยกระตุ้นให้นาง รุกคืบเข้าหาชายหนุ่ม
ตู่หลินนั้นรู้ดีว่านางมีใจให้กับชายผู้นี้เข้าเสียแล้ว แต่อย่างไรนางก็เป็นองค์หญิง เรื่องที่ป้าเหลียงพูดนางไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก อีกอย่างบางคําแนะนําของป้าเหลียงนั้นถึงขั้นทําให้นางอายจนหน้าแดงก่ํา
ระหว่างทางเดินเหมือนรู้ล่วงหน้าเป็นป่าเหลียงที่กลับมา จากการเปลี่ยนเทียนหอมในห้องของหยางอี้ นางยิ้มขึ้นมาก่อนจะทักทายกับตู่หลิน
“วันนี้องค์หญิงมาช้านะเจ้าคะ”
“ท่านพ่อเรียกข้าไปคุยบางอย่างน่ะป้าเหลียง ข้าเลยเพิ่งปลีกตัวออกมาได้”
ป้าเหลียงพยักหน้าพร้อมกับเดินสวนนางไป ก่อนที่จะพ้นทางเดินป้าเหลียงหันกลับมาพูดกับนางอีกครั้ง
“องค์หญิงนี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว สู้ๆ นะเจ้าคะ อย่าลืมว่าอีกไม่นานคุณชายจะต้องไปต่างแดน หากท่านมีอะไรอยากจะพูดก็อย่าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป”
เมื่อพูดจบนางก็เดินจากไปทิ้งให้ตู่หลินยืนอยู่หน้าห้องของหยางอี้เพียงคนเดียว ทําไมนางจะไม่รู้ว่าเขาจะจากไปแล้ว? ทําไมนางจะไม่รู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้าย? แต่ถ้าหากเขาไม่ได้มีความคิดเช่นเดียวกับนางล่ะ! นางจะยอมรับความจริงได้ไหม?
“ตู่หลิน เจ้ามัวคิดอะไรอยู่ หากเจ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว! แล้วไงหากผิดหวัง? ยังไงมันก็ดีกว่าเจ้าต้องมาเสียใจที่ไม่ได้พูดออกไป!”
ด้วยการตัดสินใจอันเด็ดขาดนางเดินเข้าไปในห้องของหยางอี้ กลิ่นหอมหวานของเทียนเล่มใหม่ที่ถูกเปลี่ยนโชยเข้ามาแตะจมูกของนางทันที นางมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับคิดว่า “ข้าจะทําสําเร็จหรือไม่นะ?
“อาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยางอี้หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม ตลอดสามวันที่ผ่า นมาทําให้เขาค่อนข้างรู้สึกดีกับหญิงสาวคนนี้ไม่น้อย
“พรุ่งนี้ก็หายดีแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่ลําบากท่านในสามวัน ที่ผ่านมานี้”
“ไม่ได้ลําบากซักหน่อย ข้าเต็มใจ ย-อยู่แล้วว”
นางพูดออกมาด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งข้างเตียงของหยางอี้ พร้อมกับมองไปยังใบหน้าของเขา
“ข้าได้ยินมาว่าท่านจะออกจากจักรวรรดิเมฆาหวน?”
“ใช่แล้ว โลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ ข้าจะไม่จํากัดตัวเองอยู่สถานที่แห่งนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องทําให้สําเร็จลุล่วง”
“ข้าเข้าใจ… ”
ในจังหวะเดียวกันนั้นทั้งสองต่างสบตากันโดยบังเอิญ หัวใจของตู่หลินเต้นสั่นระรัวพร้อมกับใบหน้าของนางที่แดงก่ํา เรื่องราวที่พูดไปเมื่อครู่ต่างระดมเข้ามาพอนึกว่าอีกไม่นานชายหนุ่มต้องจากไปที่ดวงตาของนางจึงบังเกิดน้ําตาเคล้าคลอขึ้นเล็กน้อย
หยางอี้เองก็ร่างกายร้อนผ่าวเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอะไร แต่เมื่อได้สบตากับนางความรู้สึกบางอย่างจึงพลันได้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเทียนหอมที่ถูกจุดไว้ในวันนี้ดูเหมือนว่ามันจะเผาไหม้ได้รวดเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย เพียงผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็หดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวเสียแล้ว
“หยางอี้ ข้ามีบางอย่างจะบอกท่าน”
ตู่หลินกล่าวขึ้นมาพร้อมกับน้ําเสียงอันแผ่วเบา นางตัดสินใจแล้วว่าจะต้องบอกเรื่องนี้กับชายหนุ่ม! นางค่อยๆยืนขึ้นจนศีรษะอยู่ในระดับเดียวกับหยางอี้ที่นั่งอยู่บนเตียง หยางอี้เกิดอาการงุนงงเล็กน้อยแต่ก็มิได้กล่าวอะไรออกมาเขาเพียงรอฟังถ้อยคําจากตู่หลินเท่านั้น
“ข้ารักท่าน!”
“ ห้ะ? ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ด้วยน้ําเสียงอันแผ่วเบานางกล่าวออกไปด้วยความเอียงอาย แต่นางตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเขา ด้วยกลิ่นหอมที่มาจากเทียนได้กระตุ้นให้ทั้งคู่อยู่ในสภาพที่อ่อนไหว ประกอบกับเสียงธรรมชาติยามราตรีอันเงียบสงบ ระหว่างที่หยางอี้ยังคงสับสนอยู่นั้น ตู่หลินไม่รู้ว่าตัวนางเป็นอะไร ทําไมร่างกายจึงร้อนรุ่มไปหมด ความหิวกระหายที่นางไม่เคยสัมผัสพลันบังเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นางคว้าเข้าไปที่คอของชายหนุ่มก่อนจะประทับริมฝีปากอันอ่อนนุ่มเข้ากับปากของเขา นางหลับตาปี๋ ขณะที่น้ําตาได้ไหลออกมาเล็กน้อย
แม้ว่าอาการของตู่หลินจะเป็นเช่นนั้น ด้วยปัจจัยหลายอย่างรวมกับกลิ่นหอมของเทียนไขจึงทําให้นางกล้าที่จะจูบเขา แต่ทว่า…กับหยางอี้ การจูบของหญิงสาวผู้นี้นั้นเป็นดั่งตัวกระตุ้นที่ทําให้ความรู้สึกของเขาที่อดทนมาตลอดระเบิดขึ้นทันที
หยางอี้คว้าไปที่ตัวของนางก่อนจะดึงร่างอันบอบบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากที่เพียงประกบกันก่อนหน้านั้นได้ เปิดออกทันทีพร้อมกับลิ้นของชายหนุ่มที่บุกเข้าจู่โจมไปยังตู่หลิน จากการต่อต้านกลายเป็นเคลิบเคลิ้ม ด้วยความเร่าร้อน ทําให้ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม
อ่าห์….
(จริงๆจบตอนแต่ไม่อยากขัด555เลยรวบไปสองเลยแล้วกัน)
ร่างของตู่หลินสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสอันหยาบกร้านจากมือของชายหนุ่มรุกเข้ามาที่ตัวนาง มือของเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดมันได้วางลงที่ข้อเท้าของนางก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาด้านบนพร้อมกับชุดคลุมของนางที่เกิดขึ้น
อ้าห์
ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายของนางจนมิอาจควบคุมได้ ขณะเดียวกันลิ้นของหยางอี้ก็ยังคงรุกล้ําอยู่ภายในปากของนางอย่างบ้าคลั่ง ด้วยชุดคลุมที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาอันขาวเนียนราวกับหิมะ จากขาขึ้นมาถึงหัวเข่า ขึ้นมายังต้นขา ตู่หลินพลันหัวขาวโพลนจนไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกมีเพียงความ สุขและความเร่าร้อนเท่านั้นที่นางสัมผัสได้
อร้า…
ผ้าคาดเอวของนางถูกกระชากออกทันทีพร้อมกับชุดของนางที่คลายออก จากชุดที่พากันปกปิดจนถึงลําคอได้เผยให้เห็นถึงลําคออันขาวเนียนมาจนถึงเนินอกอันอวบอิ่มของนาง หยางอี้ขยับใบหน้าออกจากริมฝีปากของนางเลื่อนไปยังใบขมและข่มลงเล็กน้อย แต่มันก็มากพอที่จะทําให้นางร้องครางออกมาอย่างสุดเสียว
เขาค่อยๆเลื่อนลงไปยังซอกคอพร้อมกับไซร้ไปมาจนร่างของนางบิดกระตุกอย่างไม่อาจควบคุม สัมผัสจากมืออันหยาบกร้านรุกล้ําเข้ามาอีกครั้ง จากต้นขาผ่านขึ้นมายังหน้าท้อง แม้ว่าหยางอี้เพียงลากผ่านเบาๆแต่มันก็มากพอที่จะทําให้ร่างบอบบางของนางโค้งแอ่นขึ้นมาตามมือ
อร้า ซี๊ดดด
มืออันแข็งแรงของเขาบีบขยําลงไปบนเนินเขาปทุมถันของนางอย่างรุนแรง ตู่หลินร้องครางออกมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหยางอี้สัมผัสตัวนางเท่าไหร่นางยิ่งเสียวซ่าน ยิ่งเขาบีบขยําลงไปยังหน้าอกของนางมากเท่าไหร่ นางยิ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
หยางอี้เลื่อนต่ําลงมาก่อนจะระดมจูบไปยังต้นคอของนาง ไล่ลงมายังยอดเขาทั้งสองลูกของตู่หลิน แค่เพียงอยู่ในระยะปะชิดตู่หลินก็มิอาจอดทนได้อีก มือทั้งสองข้างของนางจิกขยําไปยังหัวของหยางอี้ขณะที่เขาใช้ลิ้นสัมผัสกับยอดปทุมทั้งสองข้างของนาง
อร๊า… ซี้ด…
มือของหยางอี้ด้วยความรวดเร็วเลื่อนต่ําลงไปพร้อมกับสัมผัสไปยังจุดซ่อนเร้นของนางที่เปียกชุ่มไปด้วยของเหลวบางอย่าง เขาสอดนิ้วเข้าไปเล็กน้อย ทําให้ร่างของตู่หลินกระตุกขึ้นมาทันที
อร้ายย อร้า อย่าห์
ร่างของนางโก่งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเกร็งไปทั่วทั้งตัว นางหอบหายใจแฮ่กๆ กลิ่นของกามารมณ์คุกรุ่นไปทั่วทั้งมุมห้อง นางลืมตาขึ้นมาด้วยใบหน้าแดงก่ําพร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มด้วยความรัก หยางอี้จึงประทับริมฝีปากเข้าหานางอีกครั้ง
ตู่หลินราวกลับถูปลดปล่อยนางพลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมบนร่างของหยางอี้ ด้วยอาภรณ์ที่หลุดรุ่ยออกไปหมดแล้วเผยให้เห็นถึงใบหน้าอันงดงามที่เต็มไปด้วยความเอียงอายและเสน่ห์อันเหลือล้น หน้าอกทั้งสองข้างเมื่อไม่มีสิ่งปกปิดก็ผงาดขึ้นชูชันอย่างงดงาม
หยางอี้ไม่อาจทนต่อไปได้อีกเขาลุกขึ้นมาประทับริมฝีปากไปยังยอดของมันอีกครั้งอย่างดูดดื่ม จนนางร้องครางออกมา มือของตู่หลินเลื่อนลงไปยังด้านล่างก่อนจะปลดชุดของเขาออก นางสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่นุ่มนิ่มแต่ตั้งโด่จนเป็นแท่งตรง นางจับมันและรูดไปมาช้าๆ ก่อนที่หยางจะทนไม่ไหวยกร่างของนางขึ้นและเสียบมันเข้าไปทันที
อร้า
แฮ่ก.. แฮ่ก..
อร้ายยย ย้าห์
อิห์ย้า….
จวบจนรุ่งสางทั้งราตรีนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขอันศุกรุ่นและเสียงครวญครางของทั้งคู่ที่ดังไปตลอดทั้งคืน ร่างของทั้งสองยังคงนอนพัวพันกันด้วยความเปลือยเปล่า
หยางอี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังสตรีในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาเป็นอะไร หรือเพราะเหตุใดเขาจึงทําเรื่องเช่นนี้ แต่สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้คือความรู้สึกที่เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
“ท่านตื่นนานแล้วทําไมไม่ปลุกข้า”
หยางอี้กล่าวออกมาพร้อมกับมองไปยังใบหน้าแดงระเรื่อของนางที่ยังคงแกล้งหลับตาอยู่ ก่อนที่ดวงตากลมโตฉายแววแห่งความสุขจะลืมขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของเขา
“ข้าแค่เพียงอยากอยู่อย่างนี้ไปอีกสักพัก”
นางพูดขึ้นพร้อมซบลงบนหน้าอกอันผ่าเผยของเขาอีกครั้ง หยางอี้ยิ้มออกมาพร้อมกับโอบกอดนางไว้ ถึงแม้เขาจะพูดได้ว่ารักนาง แต่เขาก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยที่จะกล่าวบางสิ่งออกมาต่อจากนั้น
“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว?”
“ข้ารู้! แต่ข้าไม่ได้สนใจมัน ท่านพ่อยังมีพระชายาตั้งหลายคน ดังนั้นข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก”
หยางอี้ชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะกล่าวเรื่องเช่นนี้ออกมา เขายิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะพูดต่อว่า
“ท่านรอข้าได้หรือไม่ ขอให้ข้าจัดการเรื่องงานประลองเสร็จสิ้นเสียก่อนและได้บอกนางถึงเรื่องนี้ ข้าไม่ได้ใส่ใจว่าจําเป็นจะต้องแต่งงานกับนางก่อนจึงจะสามารถแต่งงานกับท่านได้ แต่อย่างไรข้าก็จําเป็นต้องบอกให้นางรับรู้ก่อนเพื่อให้เกียรติแก่นาง หลังจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะกลับมาสู่ขอท่านทันที”
ตู่หลินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา ความจริงนางมิได้สนใจเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย แต่เมื่อชายหนุ่มให้ความสําคัญกับนางมากขนาดนี้นางจึงอดไม่ได้ที่มีความสุข
“เมื่อท่านพร้อมข้าขอตามไปพร้อมกับท่านลุงหยางได้หรือไม่?”
“แน่นอน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะกลับมารับท่านพ่อ และท่านไปด้วยกัน”
หยางอี้ยิ้มออกมาก่อนจะจูบไปยังหน้าผากของตู่หลิน และกิจกรรมความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง