ลิขิตรักสมรสพระราชทาน – ตอนที่ 0 บทนำ : เริ่มที่รัก จากด้วยชัง

บทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง

“ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย”

เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป

 

นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด

 

หนึ่งปีก่อนหน้านี้

 

“มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ”

 

หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!!

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

คืนวันเเต่งงาน

ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี

กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ

 

เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ

หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้

“สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ”

“ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก

“ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ”

“เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม

“ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….”

“ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น”

 

‘ปั่ง!! ‘

เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ..

บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ

ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่??

เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่…

 

……………

โรงเตี้ยมฟูหลัว

 

“ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ”

“จะพูดถึงนางทำไมกัน”

“อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ”

“หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย”

“ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น”

“ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ”

 

 

สามวันต่อมา

 

หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ…

กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ

หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม

ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง

สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง

“ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน”

“ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก”

 

“ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ”

“ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด”

“เอ้?? ”

“ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ”

“ได้.. ได้เจ้าคะ”

หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ

อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง

น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น

 

สามเดือนผ่านไป

หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง

คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

 

วันหนึ่งเกิดความไม่สงบทางด้านชายเเดน หลู่เมิ่งต้องจากจวนไปถึงหกเดือน

เเม้นกระนั้นเขายังคิดว่าเป็นการดีเสียอีกที่ต้องอยู่ห่างจากนาง

เเต่กลับตรงกันข้าม.. รสชาดอาหาร สัมผัวหอมนุ่มของอาภรณ์ที่เขาสวมใส่.. น้ำที่เขาใช้อาบ

 

เป็นนางที่ทำได้ดีมิบกพร่อง หน้าที่ภรรยาอย่างเดียวที่นางยังมิได้ทำก็คือทำหน้าที่ภรรยาบนเตียง!!

 

หกเดือนต่อมา

 

 

 

เขากลับถึงจวน เช่นเคยหยาเหยาเฝ้ารอเขาอยู่ที่หน้าประตูด้วยใจที่จดจ่อ

เมื่อเขากลับถึงจวนเห็นใบหน้านวลยืนยิ้มให้กับเขาวูบหนึ่งก็เกิดประกายเเห่งความดีใจอยู่ไม่น้อย

หลังจากที่เขากลับมาก็พบว่าจวนเเม่ทัพนั้น เจริญหูเจริญตาขึ้นมาก… มีการปลูกดอกไม้หลากสี ให้กลิ่นหอม ซ้ำความเป็นระเบียบสัดส่วนก็เหมาะสม นางจัดการเรือนได้ดีจริงๆ

 

หยาเหยายังคงเฝ้าคอยปรนนิบัตรสามีของนางอย่างดีเช่นเดิม ทุกประการมิเคยขาด

 

หนึ่งเดือนต่อมา

 

หลู่เมิ่งได้รับข่าวว่าทางใต้มีการก่อกบฎเล็กๆ จึงนำทัพไปอีกครั้ง

เเต่ครั้งนี้ไปไม่นาน เพียงหนึ่งเดือนก็กลับ

หากเเต่คราวนี้กลับมามิได้กลับเปล่า กลับมาพร้อมกับสตรีนางหนึ่ง บุตรสาวนายอำเภอที่ตายเพราะช่วยชีวิตเขา…

คำสั่งเสีย ของชายผู้นั้นคือบุตรสาว ฝากฝั่งบุตรสาวให้เขาดูเเล หลู่เมิ่งบุญคุณต้องตอบเเทน มิอาจขัด

รู้ทั้งรู้แก่ใจ หากนำนางกลับจวน.. กยาเหยาอาจจะไม่พอใจ.. เเต่อย่างไรก็ต้องทำ เเละคงจะดีเสียอีกเขาก็ได้รักหยาเหยาเสียหน่อย ให้นางโกรธเป็นฟืนไฟ หนีกลับไปหาบิดานางเลยยิ่งดี

หยาเหยายังคงยืนรอสามีนางกลับมาจากปราบกบฎด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม..

 

จนกระทั่ง

 

เห็นสตรีที่เดินตามสามีนางเข้ามาที่จวน สตรีใบหน้าธรรมดาท่าทางน่าสงสารนางนั้น??

 

หยาเหยาลดรอยยิ้มเเละก้มหน้าลงชั่วครู่…. ก่อนที่จะกลับมายิ้มอีกครั้ง

 

“ท่านพี่.. ข้าเตรียมน้ำกับอาหารไว้รอท่านเยอะเลยเจ้าคะ” หยาเหยากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม เเต่น้ำเสียงสั่นเคลือ

“ดีเหมือนกัน.. จูเอ่อร์ ตามข้าไปกินข้าว”

.

.

.

.

 

‘จูเอ่อร์งั้นหรือ ข้าเป็นภรรยาท่านมาเกือบปี สตรีนางนั้นใช้สิทธิ์อะไรกัน?? ‘

ภายในโต๊ะอาหาร

 

 

“จูเอ่อร์ เจ้ากินให้มากๆ นะ ” หลู่เมิ่งกล่าว

“นั้นสิน้องจู เจ้ากินให้มากๆ นะ”

“ขอบคุณท่านพี่ทั้งสองเจ้าค

 

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่า

 

หลู่เมิ่งต้องการยั่วให้หยาเหยาทนไม่ได้เเสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวออกมาเเต่ทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล หยาเหยานางรักของนาง อย่างไรนางก็ทนได้

 

เเม้นเขาจะกระทำต่อนางมิต่างไปจากบ่าวรับใช้คนสนิทนางหนึ่ง.. สองมือมิเคยจับต้อง!!

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง

 

 

 

 

 

หยาเหยานางนั่งเย็บปักอยู่ในสวน..

หลู่เมิ่งเเละหลงจูก็ได้เดินเข้าในสวนเช่นเดียวกับนาง ราวกลับจะจงใจให้นางเห็น

หลู่เมิ่งทำเสื้อของหลงจูเปื้อน ….. เเสร้งสำเท่านั้น

“จูเอ่อร์ ข้าไม่ตั้งใจ เเต่เสื้อเจ้าเลอะหมดเเล้ว”

 

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านเเม่ทัพ”

“อะไรกัน ทำไมยังเรียกข้าท่านเเม่ทัพ ไม่เรียกท่านพี่”

‘อ่อนโยนกับนางจริง?? ท่านพี่?? ‘

“หยาเหยา.. ข้าทำเสื้อจูเอ่อร์เปื้อน ถือเป็นความรับผิดชอบข้า เจ้าก็นำเสื้อนางไปซักด้วยเเล้วกัน”

“เจ้าคะ” หยาเหยากล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม.. เเต่สองมือนางกลับจิกผ้าจนเเน่น

“ท่านเเม่ทัพ!! เจ้าคะ เเต่มือ….” ชิงชิง สาวใช้ที่ติดตามหยาเหยามาตั้งเเต่ยังเด็กเอ่ยขึ้น เพราะทนต่อความอยุติธรรมความอัปยศที่นางตนได้รับมิได้เเล้วจริงๆ เเต่ก็ถูกหยาเหยาห้ามไว้เสียก่อน

“ชิงชิง.. กลับเรือนเหยาเหยาเหนื่อยเเล้ว” หยาเหยาเอ่ยกับชิงชิงอย่างนุ่มนวล

ก่อนที่นางจะเดินจากไป

ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นกลับทำให้หลู่เมิ่งเจ็บปวดอย่างประหลาด

เช้าวันต่อมา..

ขณะที่หยาเหยากำลังเลือกชมดอกไม้ที่นางปลูกอยู่ในสวน.. กลับต้องมีอันให้อารมณ์สุนทรีย์ของนางต้องหยุดลง

เพราะเสียงของชิงชิง.. เสียงของชิงชิงที่กรีดร้องดังลั่น

“ชิงชิง”

เรือนกลาง

“ท่านพี่ ชิงชิงนางทำสิ่งผิดจึงต้องทารุณนางเช่นนี้

 

“บ่าวเจ้ากล่าววาจาไม่สมควรกับหลงจู.. ”

“ชิงชิง.. เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?? ”

“บ่าวเพียงไปบอกนางว่าเสื้อนั้นอย่าส่งมาให้นายหญิงของข้าซักเลย เพียงเท่านั้น”…

“ชิงชิง…”

 

“เช่นนั้นก็ถือว่ามากเพียงพอเเล้ว ขัดคำสั่งข้า ลบหลู่ข้า ไม่เคารพหลงจู!! ” หลู่เมิ่งมองที่หยาเหยาด้วยสายตาท้าทาย

ความสะกดกลั้น.. นางกำลังจะหมดความอดทน ฟางเส้นสุดท้ายของนางเเละเขากำลังจะขาด

“ชิงชิงเป็นคนของข้า.. นางทำผิดข้าจะเป็นคนลงโทษนางเอง เจ้าคะ”

“เช่นนั้นหรือ”

“เจ้าคะ”

 

“ตบปากนาง!! ”

“อะไรเจ้าคะ?? ”

“ตบปากนาง!! ”

หลู่เมิ่งตะคอกใส่หยาเหยา

หยาเหยามองหน้าชิงชิง.. อย่างสุดจะเวทนา เเววตาของนางเกิดประกายที่เปลี่ยนไป

แทนที่หยาเหยานางจะกระทำตามวาจาของผู้เป็นสามีนางอย่างว่าง่ายดั่งเคย นางกลับกระทำในสิ่งตรงข้าม หยาเหยาค่อยวางมือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลของตนวางไปบนใบหน้าของชิงชิงอย่างถนอม

“ชิงเอ่อร์เป็นข้าที่พาเจ้ามารับความลำบากด้วย เจ้าดูเเลข้ามาตั้งเเต่ยังเล็ก ข้าไม่เคยไม่มองว่าเจ้านั้นเป็นบ่าว มองเจ้าเป็นพี่สาว.. พี่สาวคนดีของข้า หยาเหยาผู้นี้คิดได้เเล้ว”

 

สิ้นคำหยาเหยาก็ทรุดลงคุกเข่า…

เเละใช้มือตบไปที่ใบหน้าของตนเองเสียงดั่งลั่น!!

“หยาเหยาเจ้าทำอะไรของเจ้า”

“ตบนี้เป็นข้าที่สั่งสอนบ่าวไพร่ไม่ดีให้ไปรบกวนคนของท่าน”

‘เพี๊ยะ’

“ตบสองนี้เป็นข้าที่โง่งมมาถึงหนึ่งปี.. ”

“เหยาเหยา.. ” ชิงชิงที่ถูกมัดด้วยเชือกร้องลั่น ร่ำไห้อย่างน่าเวทนา

‘เพี๊ยะ’

“ตบสามนี้ให้กับความรักที่ข้ามอบให้กับคนที่ไม่คู่ควร!! ข้ามองคนผิดไป”

สิ้นคำหยาเหยาจึงลุกขึ้นไปดึงดาบออกจากฝักขององครักษ์ภายในจวนมา.. ตัดเชือกที่มัดชิงชิงอยู่จนขาด

“ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน” หยาเหยาเอ่ยทั้งน้ำตา

“จะไปไหน!! ” หลู่เมิ่งเอ่ยขึ้น

“ท่านจะเอาอะไรกับข้าอีก?? ” หยาเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เเข็งกร้าว

“นี้สินะธาตุเเท้ของเจ้า คุณหนูผู้อ่อนโยน”

“ข้าทำดีเฉพาะกับคนที่เห็นค่าข้า.. ซึ่งท่าน หาไม่!! ”

“ดี!! … ปากกล้านัก ”

หลู่เมิ่งคล้ายจะเดินเข้าไปหาหยาเหยาเพื่อเอาเรื่อง.. เเต่เมื่อผจญกับสายตาคู่นั้นของนางทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาก้าวไม่ออก

นางร้องไห้?? เเววตาที่เคยอ่อนโยน.. ใบหน้าที่มีเพียงรอยยิ้มมอบให้เขา กลับกลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก..

“ท่านเเม่ทัพโปรดระงับโทสะ.. คุณหนูของข้า.. มือของคุณหนู..”

ชิงชิงจับมือของหยาเหยายื่นไปให้หลู่เมิ่งได้ดูชัดๆ

 

“ทำไมเต็มไปด้วยบาดเเผล?? ” หลู่เมิ่งกล่าว

“คุณหนูของข้า ซักเสื้อผ้าให้ท่าน ด้วยตนเองมาตลอด บางครั้งเสื้อผ้าท่านเปื้อนดินโคลนมามาก คุณหนูข้ามือต้องเเช่น้ำทุกวัน จนเดิดเป็นบาดแผล เลือดไหล ข้าทนเห็นคุณหนูลำบากอีกไม่ได้จึงไปขอน้องมิให้หลงจูท่านส่งเสื้อผ้ามาให้คุณหนูเจ้าคะ”

“ชิงชิงเจ้าพูดมากไปแล้ว!! ” หยาเหยาเอ่ย

“ท่านอยากให้ข้าไปจากจวนท่าน….. วันนี้สมใจท่านเเล้ว”

หยาเหยาหมุนกายเดินจากไป ก่อนที่มือนางจะถูกมือของหลู่เมิ่งรั้งไว้

 

เมื่อเขาสัมผัสมือของนางเขารู้ได้โดยทันทีว่า มันทั้งสากเเละหยาบกร้าน….. มิเหมือนมือคุณหนูสกุลใหญ่เลยเเม้นเเต่น้อย

ก็เกิดเเววความรู้สึกผิดขึ้นมาให้หัวใจ…

ที่ผ่านมาเขาทำอะไรลงไป.. นางจริงใจต่อเขามาก

ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำใดๆ ๆ …

หยาเหยาก็สลัดมือของนางออกจากมือเขาอย่างสิ้นเยื่อใยเเละเดินจากไปโดยทันที!!

 

.

.

.

.

.

.

.

 

“ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย”

.

.

.

.

เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป

นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

ลิขิตรักสมรสพระราชทาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย ลิขิตรักสมรสพระราชทานบทนำ เริ่มที่รัก จากด้วยชัง “ข้าซื่อหยาเหยา มีค่าเกินกว่าจะให้ใครหรือเเม้นเเต่ท่านดูถูกเหยียดหยาม ตัวข้าก็คนมีหัวใจ ไม่ต่างอะไรกับท่านเลย” เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่นางจะเดินหันหลังให้กับจวนเเม่ทัพใหญ่ไป นางสู้อดทนมาเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่เคยปริปากบ่น แม้นสักคำก็มิมีบอกให้ซื่อเฟิงมู่บิดาตนรู้ว่า ตลอดเวลาที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่จวนเเม่ทัพเเห่งนี้ต้องทนรับความอัปยศเพียงใด หนึ่งปีก่อนหน้านี้ “มีราชโองการเเม่ทัพใหญ่ สกุลหยาง นามหลู่เมิ้ง มีความชอบใหญ่หลวงต่อแผ่นดิน จึงประทานสมรสให้เเต่งกับ สตรีสกุลซื่อ นามหยาเหยา เป็นภรรยา จบราชโองการ!! ” หลู่เมิ้งโค้งคำนับรับราชโองการ….. ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ การเเต่งงานการเมืองเช่นนี้ผู้ใดจะพึงใจกัน!! . . คืนวันเเต่งงาน ภายในห้องหอหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่างามล้ำซ้ำยังเป็นหยกล้ำค่าเเห่งจวนอัครเสนาบดี กำลังนั่งใบหน้าเเดงกล่ำมีเพียงพัดเป็นฉากกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษที่นางรักเเละหมายปอง สตรีเช่นนางหากเเต่งเข้าจวนอ๋องหรือวังไท่จื่อ เกรงว่าจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ เเต่นางหยาเหยา… รักบุรุษผู้นี้มาตั้งเเต่เเรกพบสบตา ใช้วิธีการต่างๆ นาๆ สุดท้ายให้บิดาผู้เป็นเอกอัครเสนาบดี ทูลต่อฮองเต้ ให้เเต่งนางเข้าจวนเเม่ทัพ หลู่เมิ้งในวัยยี่สิบเจ็ดปี.. มีรูปกายเป็นทรัพย์อันลำค่า บุรุษในวัยหนุ่มร่างกายกำยำ มากด้วยสติปัญญา ซ้ำยังมิเคยยุ่งเกี่ยวสตรี รอยยิ้มอันงดงามตราตรึงใจนางไว้ได้ “สมใจเจ้าเเล้วสินะ?? ” “ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หร่งเหยาเอ่ยขึ้น ทั้งที่บุรุษผู้นั้นเพิ่งเปิดประตูเข้ามาเเท้ๆ กลับเอ่ยวาจาประหลาดนัก “ก็ที่เเต่งเข้าจวนข้าได้ คงสมใจเจ้าเเล้ว?? ” “เรื่องนั้น….” หยาเหยายิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะไปไหนเจ้าคะ ยัง.. ยังไม่ได้….” “ราชโองการเพียงให้ข้าเเต่งเจ้าเข้าจวน.. มิได้บอกให้รักเจ้า ให้ดีต่อเจ้า หรือห้ามให้ข้าออกจากห้องหอไปเสพสุขกับสตรีนางอื่น” ‘ปั่ง!! ‘ เสียงประตูปิดดังลั่นจนร่างบางต้องสะท้านด้วยความตกใจ.. บุรุษผู้นี้ใช่บุรุษที่นางเฝ้ารัก ที่นางถนอมกายใจ ไว้มอบให้เขาจริงหรือ ใช่บุรุษที่มีรอยยิ้มงดงามที่นางพบวันนั้นใช่หรือไม่?? เหตุใดเขาจึงใจร้ายต่อนางนักหยาเหยา ผู้ไม่เคยถูกกระทำรุนเเรงต่อจิตใจเช่นนี้ถึงกับกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่… …………… โรงเตี้ยมฟูหลัว “ท่านเเม่ทัพวันนี้เป็นคืนเข้าหอเเท้ๆ เหตุใดท่านจึงออกมาดื่มเหล้ากับพวกข้าเช่นนี้เล่า ฮูหยินมิเคืองท่านเเย่หรือ” “จะพูดถึงนางทำไมกัน” “อ่าว.. นางเป็นภรรยาท่าน?? ” “หึ… นางเพียงเเต่งเพื่อเสริมอำนาจให้บิดานางเพียงเท่านั้น อย่าได้สนใจเลย” “ท่านเเม่ทัพ เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น” “ให้ข้าคิดเป็นอื่นได้อย่างไรเล่า หน้าก็มิเคยพบ.. จะให้รักหรืออย่างไร?? ” สามวันต่อมา หลู่เมิ่งออกจากจวนไปสามวันพึ่งกลับ… กลับมาเขาคิดว่าหยาเหยามิพ้นต้องโกรธเป็นฟืนไฟ หากเเต่ตรงกันข้าม.. พอถึงจวนนางกลับยกอาหารยกน้ำชามาต้อนรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ใบหน้าของหญิงสามวัยเเรกเเย้ม….. งดงาม งดงามสมคำร่ำลือ กริยาอ่อนหวานอ่อนโยนน่าถนอมยิ่ง สายตาที่นางมองเขาราวกับกระต่ายน้อยเเสนเชื่อง “ท่านพี่ ท่านกลับมาเเล้ว ข้าทำอาหารไว้รอท่าน” “ไม่ต้องลำบากหรอก บ่าวไพร่ในจวนก็ออกมาก” “ไม่ลำบากเจ้าคะ เพื่อท่านพี่ น้องเต็มใจ” “ดี!! เช่นนั้น.. นับจากวันนี้ไปงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า ไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารการกิน น้ำที่ข้าอาบ ให้เจ้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด” “เอ้?? ” “ทำไม.. ทำไม่ได้หรือ” “ได้.. ได้เจ้าคะ” หลังจากวันนั้นเสื้อผ้าทุกตัวของหลู่เมิ่งก็ต้องให้หยาเหยาเป็นคนจัดการซักเองกับมือ อาหารทุกอย่างก็เป็นหยาเหยาที่เป็นคนจัดเเจง น้ำที่เขาใช้อาบก็เป็นนางตระเตรียมให้ทุกเย็น.. นางคอยเติมน้ำปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะเพื่อให้ หลู่เมิ้ง สุดที่รัก ดวงใจของนางพอใจ.. ลำบากเพียงใดนางมิเคยปนิปากบ่น สามเดือนผ่านไป หยาเหยาทำหน้าที่ทุกอย่างมิขาดตกบกพร่อง.. อีกฝ่ายกับคิดไปอีกทาง คิดว่านางทนทำเช่นนี้ก็เพราะเพื่ออำนาจของตระกูลนางจะได้มั่นคงเพียงเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset