“เจ้านั่งลงอาจารย์จะช่วยขับเคลื่อนพลังทิพย์ที่ติดขัดให้เจ้า”
เป่ยฟางหรงมองพื้น กระทั่งดวงตาเบิกโพลง ร่างกายที่อ่อนล้าเพราะธาตุไฟเข้าแทรกกลับมีเรี่ยวแรง นางกระโดดคาบเอวหลี่จิ้งพร้อมกับกรีดร้องออกมา
“นะ หนู กรี๊ดดดด หนูยักษ์ ข้าเกลียดหนู อาจารย์ข้าเกลียดหนู”
หลี่จิ้งกลอกตาบน มองนางปีนร่างของเขาเพื่อหนีซากปีศาจหนูที่ตายเกลื่อนทำผมเผ้าเขาพังกระทั่งกวานบนหัวก็แทบจะหลุดลงมาแล้ว
เขาจะไล่นางลงมาก็ไม่ได้จึงได้แต่กระโดดขึ้นขี่ฮวาเปียวแล้วสั่งให้มันพาพวกเขาเข้าเมืองโดยที่เป่ยฟางหรงยังปีนแทบจะขี่คอเขาอยู่แล้ว
เป่ยฟางหรงมองซากหนูตายจากเบื้องบน รู้สึกขนพองสยองเกล้า พวกมันส่วนมากจะถูกเผาจนเกรียมแต่ก็มีอีกหลายส่วนที่ถูกฟันจนไส้ทะลัก ดูสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกว่าโชคดีที่มีหมอกหนาจนมองไม่เห็นสิ่งใด
ไม่เช่นนั้นคนกลัวหนูเข้ากระดูกดำเช่นนาง นางคงวิ่งหนีไปก่อนที่จะได้ต่อสู้เป็นแน่
เช่นนั้นก็ขายหน้าแล้ว
กระทั่งมองไปมองมาเป่ยฟางหรงพลันรู้สึกคลื่นไส้เป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ภาพพวกนั้นจะพ้นสายตา อาจารย์ผู้น่าสงสารของนางก็ต้องเปรอะเปื้อนด้วยคราบอาเจียนของนางจนใบหน้าดำทะมึน
เบื้องหน้าของหลี่จิ้งมีข่ายอาคมขนาดใหญ่ล้อมรอบจวน ๆ หนึ่งอยู่ เป็นข่ายอาคมของสำนักซินเซวียนหลี่จิ้งจึงขี่กระบี่ตรงไปที่นั่น
เมื่อมาถึงจวนของท่านเจ้าเมือง คนหนุ่มผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับหลี่จิ้งท่าทางองอาจและมีสง่าราศี เขาคือเจ้าเมืองหูโจวนาม เล่าฉิน คนผู้นั้นเห็นหลี่จิ้งท่าทางองอาจหล่อเหลาอยู่ในอาภรณ์สีแดงเลือดหมูแถมยังขี่กระบี่มาด้วยถึงแม้บนศีรษะของเขาจะมีสตรีผู้หนึ่งปีนป่ายไม่ค่อยน่าดูชม แต่ก็ไม่อาจกลบรัศมีของเซียนผู้สูงส่งไปได้
เห็นเช่นนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นเจ้าสำนักหลี่แห่งหุบเขาซินเซวียน ท่านเจ้าเมืองเล่าฉินจึงต้อนรับขับสู้อย่างดี
“ผู้น้อยเล่าฉิน เป็นเจ้าเมืองหูโจวแห่งนี้รบกวนท่านเซียนแล้ว ศิษย์ของท่านบอกข้าน้อยว่าท่านจะมาถึงในไม่ช้าแต่ดูเหมือนว่าจะล่าช้าไปเล็กน้อย”
หลี่จิ้งอารมณ์ไม่ดีเพราะเป่ยฟางหรง ใบหน้าจึงบึ้งตึงอยู่มากกระนั้นก็ยังพยายามตอบรับท่านเจ้าเมืองผู้นี้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาเพียงแต่จับนางโยนโครมลงบนพื้นเหมือนกระสอบนุ่นใบหนึ่ง
เป่ยฟางหรงถึงจะธาตุไฟเข้าแทรกก็ยังคล่องแคล่วว่องไว ขยับม้วนตัวหลบหลีกการกระแทกได้อย่างน่าดูชม ท่าทางของนางพลิ้วไหวอีกทั้งนางยังงดงามยิ่ง
บัดนี้รอบกายของพวกเขานอกจากจะมีท่านเจ้าเมืองแล้ว ยังมีชาวบ้านหลายคนที่มาอาศัยพักพิงหลบหนีปีศาจในข่ายอาคมอีกทั้งบ่าวไพร่มุงดูพวกเขายังกับคณะกายกรรม พวกเขาตบมือกันอย่างชอบใจ ทั้งยังกล่าวชื่นชมถึงฝีมือและความงามของนางไม่ขาดปาก
เป่ยฟางหรงแย้มยิ้ม พลางยืดอกแล้วโค้งกายอย่างสวยงาม นางรู้สึกว่าการโดดเด่นท่ามกลางผู้คนนี้ทำให้รู้สึกดีเสียจริง ยิ่งเห็นสายตาชื่นชมของคนเหล่านี้ยิ่งทำให้นางอยากช่วยพวกเขาจากปีศาจร้าย
“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ….”
กระทั่งเจอเข้ากับสายตาอำมหิตของอาจารย์นางจึงไอออกมา แต่เป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น เหตุใดเลือดจึงไหลออกมาอีก เป่ยฟางหรงแอบเช็ดเลือดไม่ให้ผู้ใดเห็น
“หยุดทำเรื่องเหลวไหลได้แล้ว”
หลี่จิ้งกล่าวเสียงเบาในลำคอ แต่เป่ยฟางหรงกลับได้ยินชัดเจน นางโต้ตอบเขาไปทันใด
“อาจารย์หรือท่านอิจฉาข้า ศิษย์แค่เด่นดังเล็กน้อยไม่คิดเด่นดังไปมากว่าท่านหรอกเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งถอดถอนใจ
หลี่จิ้งดึงข้อมือของนางมาแล้วจับชีพจร ภายในของนางค่อนข้างสับสนติดขัดอยู่หลายจุด ดูท่าหากไม่รีบรักษาอาจส่งผลให้พลังทิพย์ของนางติดขัด
เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“ท่านเจ้าเมืองคนของข้าต่อสู้กับปีศาจจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย รบกวนท่านเตรียมถังน้ำอุ่นให้ข้าสักถังจะได้หรือไม่”
เจ้าเมืองรีบร้อนกล่าว
“อย่าได้เกรงใจ พวกท่านมาช่วยแท้ ๆ จะเกรงใจไปไย” จากนั้นก็หันไปสั่งบ่าวไพร่
“พวกเจ้ามามุงสิ่งใด ไปเร็วไปรีบไปจัดเตรียมห้องและเตรียมน้ำพร้อมอาภรณ์สะอาดให้หลี่เซียนซือกับฮูหยินของท่าน อย่าได้ชักช้า เห็นหรือไม่ว่าฮูหยินอาการไม่ดีแล้ว”
หลี่จิ้ง “…”