ภายในมิติของดินแดนลับ
“ในครั้งนี้ แดนลับนี้จะเป็นแบบเปิดตลอดเวลา ระยะของผลไม่ควรจะจํากัดแค่เฉพาะในแดนร่งตะวันออกควรจะส่งผลต่อแดนอื่นด้วยเช่นกัน”
ฉันม่แตะคางแล้วครุ่นคิด
ในการออกแบบดินแดนลับครั้งนี้ ในความคิดของฉันม่ มันคงจะต้องใช้แต้มตกใจเป็นจํานวนมหาศาล
ดังนั้นแล้ว เขาอาจจะหาแต้มตกใจเหล่านั้นจากแดนร้างตะวันออกไม่ได้เพียงอย่างเดียวและหากเขาสามารถทําให้พื้นที่อื่นตกใจได้เช่นกัน แต้มตกใจที่เขาจะได้นั้นจะต้องพุ่งกระฉูดอย่างแน่นอน!
“แลกเปลี่ยนแต้มตกใจกับเศษเหรียญทองเปื้อนเลือดแดง”
“แลกเปลี่ยนแต้มตกใจกับเศษเสี้ยวสายเลือดจอมยุทธ์!”
“แลกเปลี่ยน…”
ภายในแดนลับ ทุกสิ่งเป็นไปดั่งใจของฉันม่ สิ่งที่เขาต้องการปรากฏขึ้นมาต่อหน้า
ในที่สุด แดนลับทั้งหมดก็เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของจอมจักรพรรดิโบราณน่าสะพรึงกลัวหาที่เทียบมิได้
ก่อนหน้านี้ แดนลับวังจอมจักรพรรดิอสูรได้ทําให้ฉันม่มีแต้มตกใจมาหลายสิบล้านแต้ม
ในตอนนี้ มีมนุษย์มากมายที่บูชาจอมจักรพรรดิอู่จื่อ นั่นทําให้เขามีแต้มนับล้านไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และในตอนนี้ ในการจัดเตรียมแดนลับนี้นั้น แต้มตกใจของฉันม่ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และในที่สดมันก็เหลือต่ํากว่าสิบล้านแต้ม และยังลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง!
ในท้ายที่สุด เมื่อแดนร้างนี้เสร็จสิ้น แต้มตกใจที่ฉันม่มีก็เกือบจะหมดเกลี้ยง!
“ในครั้งนี้ ในการสร้างแดนลับแห่งนี้ ข้าพยายามอย่างเต็มที่โดยใช้แต้มตกใจทั้งหมดอย่าทําให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน”
ฉันม่พึมพํากับตัวเอง
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ฉินมู่ก็ยังมั่นใจมาก
แดนลับที่ใช้แต้มตกใจจํานวนมหาศาลเช่นนี้จะต้องเกิดผลกระทบที่ไม่เคยมีมาก่อนในแดนหลักทั้งห้าอย่างแน่นอน!
ในแดนร้างตะวันออก ภายในเมืองเล็กๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
หยุนรั่วซีถอนหายใจเบาๆ
“ข้าพึ่งจะสังหารเผ่าหมื่นเซียนที่ไล่ตามข้ามา คาดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พบร่องรอยของข้าไปอีกสักพักข้าจะได้มีเวลาพักหายใจบ้าง”
หยุนรั่วซีพึมพํากับตัวเอง
ในช่วงเวลานี้ ชีวิตของนางไม่ง่ายดายเลยสักนิด
ในฐานะผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิ แผนปัจจุบันของนางจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งหากนางต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น มีเพียงเฉพาะการต่อสู้เท่านั้นนางจึงจะแข็งแกร่งขึ้นได้
ดังนั้นแล้ว ในช่วงเวลานี้ของชีวิต หยุนรั่วซีจะต้องเรียนรู้จากเผ่าพันธุ์มนุษย์ ต่อสู้กับเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนและประจัญหน้ากับเหล่าผู้ฝึกยุทธไม่หยุดหย่อนในแดนร้างตะวันออกใช้ชีวิตอยู่กับการต่อสู้เกือบตลอดเวลา!
และผลประโยชน์จากสิ่งนี้นั้นก็ไม่อาจจะคํานวนได้
ครั้งล่าสุดที่นางไปยังเมืองเชิงหยาง นางยังเป็นเพียงจอมยุทธ์ในเขตแดนสะพานศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นเพียงเท่านั้น
แต่ช่วงเวลานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ระดับของนางได้ก้าวกระโดดไปถึงสองขั้นใหญ่และในตอนนี้ นางอยู่ในขั้นสูงสุดของเขตแดนสวรรค์นิมิต!
เมื่อรวมกับความน่าสะพรึงกลัวของสายเลือดกายาจักกรพรรดิแล้ว แม้ว่านางจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เขตแดนมังกรแปลง นางก็สามารถเอาชนะได้
นั่นเป็นเพราะเขตแดนพลังยุทธ์ของนางนั้นเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับหน่อไม้ไผ่และด้วยความที่เหล่าเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนนั้นอิจฉาพวกมันจึงส่งเหล่าจอมยุทธ์ชั้นสูงมาจัดการนางและส่วนมากนั้นอยู่ในเขตแดนมังกรแปลง
แม้ต้องเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนมากมาย หยุนรั่วซีก็ต่อสู้จนสุดกําลังไม่เพียงแค่ศัตรูนั้นจะล้มเหลวทั้งยังสูญเสียกําลังมากมายแก่หยุนรั่วซีทําให้เกิดความปั่นป่วนอย่างยิ่งในแดนร้างตะวันออก
“โชคดีที่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์วันนั้น ท่านจอมยุทธ์ได้ปรากฏตัวขึ้นและสังหารเหล่าราชนและผู้ทรงอํานาจทําให้กระทั่งเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนต้องล่าถอยและไม่กล้าจะแตะต้องข้ามิฉะนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ก็คงยากลําบากกว่าเดิมมาก” หยุนรั่วซีกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
ในวันนั้นในเมืองเชิงหยาง ฉินมู่ปรากฏตัวด้วยร่างในชุดสีขาว และสังหารเหล่าผู้ทรงอํานาจมากมายจนทําให้หลายคนต้องตกตะลึง
กระทั่งผู้ทรงอํานาจของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนก็ยังกลัวและไม่กล้าที่จะหาเรื่อง มีเพียงยอดยุทธ์ในเขตแดนมังกรแปลงเท่านั้น
นั่นเป็นโอกาสให้หยุนรั่วซีได้หลบหนีและพักหายใจ หากเป็นเช่นครั้งล่าสุดที่เหล่าจอมยุทธ์ในเขตแดนสวรรค์ถูกส่งออกมาไล่ล่านางทั้งหมดนางคงลําบากเป็นอย่างมากแน่
“ช่วงนี้พี่หลิงเสวียเองก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายในแดนร้างตะวันออกด้วยเช่นกันนางเองก็เจอความกดดันเช่นเดียวกันกับข้า ไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง”
แววตาของหยุนรั่วซีมีประกายความโหยหาขึ้นมา
ในวันนั้น ทั้งสองได้พบกันที่เมืองเชิงหยาง และด้วยแนวคิดเดียวกันและเป็นผู้สืบทอดมรดกของเหล่าจอมยุทธ์ขั้นสูงในอดีต พวกนางทั้งสองจึงมีสายสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้และใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่พวกนางจะเป็นสหายที่ดีต่อกัน
และเมื่อพวกนางแยกจากกัน เย่หลิงเสวี่ยเองก็เป็นผู้ที่ทําให้แดนร้างตะวันออกสั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน
หากเทียบกับหยุนรั่วซีแล้ว อาจะเป็นเพราะมรดกของนาง เย่หลิงเสวี่ยต้องสังหารเหล่าเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนเป็นจํานวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
และเนื่องจากการต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทุกรูปแบบ นั่นทําให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และนั่นยังทําให้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนบางตนเกลียดเย่หลิงเสวียมากกว่าหยุนรั่วซี
อย่างไรกตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการล้อมและจู่โจมของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนมากมายเย่หลังเสวี่ยไม่เพียงแต่จะสร้างเส้นทางที่นองเลือดขึ้นแต่ยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนทําให้แดนร้างตะวันออกสั่นสะเทือน
“ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ข้าจะปล่อยให้พี่หลิงเสวี่ยเปล่งประกายอยู่คนเดียวมิได้”
จิตใจของหยุนรั่วซีผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะหยิบคัมภีร์โบราณที่บันทึกวิชากายาจักรพรรดิออกมาก่อนจะศึกษาอีกครั้งในตอนนี้เขตแดนพลังยุทธ์ของนางอยู่ในจุดสูงสุดของเขตแดนสวรรค์นิมิตและในคัมภีร์ไม่ได้มีการเขียนบอกการไปถึงขั้นต่อไป
แต่หยุนรั่วซียังคงพยายามทําความเข้าใจและไตร่ตรองคัมภีร์โบราณนี้ทุกวัน หวังว่าสักวันหนึ่งจะเรียนรู้ถึงหนทางในการก้าวต่อไปข้างหน้าในเส้นทางของนางเอง
อย่างไรก็ตาม ในคราวนี้ เมื่อหยุนรั่วซีกางม้วนคัมภีร์ออกมานางก็อดตกใจไม่ได้
มีแสงระยิบเป็นประกายส่องออกมาจากคัมภีร์โบราณ ดูสว่างระยิบตา!
“เกิดอะไรขึ้นกัน ทําไมคัมภีร์โบราณจึงเรืองแสง?”
มีประกายความตกใจบนใบหน้าอันงดงามของนาง ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้เกิดขึ้นกับคัมภีร์มาก่อน
นางรีบจ้องมองไปที่คัมภีร์โบราณ ต้องการที่จะรู้ว่าสิ่งใดเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลง
และนางก็เห็นมัน
มันคือกระจกโบราณที่ถูกสลักไว้ตรงส่วนสุดท้ายของคัมภีร์โบราณ!
มันส่องแสงสว่างออกมา!
ก่อนหน้านี้ หยุนรั่วซี่ได้ทําการตรวจสอบกระจกโบราณที่สลักไว้ด้านหลังนี้หลายต่อหลายรอบและรู้สึกว่าผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิได้สลักสิ่งนี้ลงไปด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
แต่น่าเสียดายที่หยุนรั่วซีไม่รู้อะไรเลยสักนิดจากกระจกโบราณนี้
แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป กระจกโบราณที่สลักอยู่บนม้วนคัมภีร์นี้กลับดูราวกับมีชีวิตเปล่งประกายเจิดจ้า!
กระจกโบราณนั้นเรียบง่ายและงดงาม ภายในกระจกโบราณนั้นมีประกายสีแดงดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และจักรวาลปรากฏขึ้นมาภายในกระจกจักรวาลนั้นดูโกลาหลราวกับจะบ่งบอกวันเวลและความลับ
หยุนรั่วซีคาดเดาได้ลางๆ ภายในใจ ในตอนที่กระจกโบราณกลับฟื้นขึ้นมานี้ นางรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง
นางสัมผัสได้ว่ากระจกโบราณนี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงและกําทอนกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ห่างไกลออกไป
สิ่งใดกันที่กระจกบานนี้กําทอนอยู่?
หยุนรั่วซีสับสน
อย่างไรก็ตาม แม่ในใจจะสับสน แต่นางก็ตัดสินใจออกเดินทางต่อไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่กระจกโบราณนั้นก่าทอน
และตลอดการเดินทาง มีประกายความคาดหวังอยู่บนใบหน้าของนาง
นางมีลางสังหรณ์ว่า บางสิ่งบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังกระจกโบราณนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
มิฉะนั้น มันคงไม่ถูกจารึกไว้บนม้วนคัมภีร์โบราณของผู้สําเร็จวิชากายาจักรพรรดิ