ณ มุมหนึ่งของป่าหนาทึบ การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด
สิงโตปีศาจขนทองดุร้ายอย่างที่สุด ความเร็วและความแข็งแกร่งของมันก็เหนือกว่าสิงโตขนทองธรรมดาทั่วไปถึงหลายเท่าตัว
แม้ฉินอวี้โม่และมารยาจะรวมพลังกัน ทั้งสองก็เพียงต่อสู้กับมันได้อย่างสูสีเท่านั้น
หากมิใช่เพราะสิงโตปีศาจขนทองสูญเสียสติปัญญาไปแล้ว เกรงว่าฉินอวี้โม่และมารยาก็อาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน
สิงโตปีศาจขนทองตัวนี้ก็มิใช่สิ่งมีชีวิตที่จะถูกสยบหรือทำพันธสัญญาด้วยได้ เพราะฉะนั้น ฉินอวี้โม่จึงจำต้องตัดความคิดที่จะสยบมันเพื่อสืบหาข่าวเกี่ยวกับสมรภูมิรบเดนตาย
กระบี่ยาวในมือของนางส่องประกายสว่างจ้าและจ้วงแทงโจมตีอสูรตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
มารยาก็วางข่ายอาคมจำนวนมากไว้รอบตัวซึ่งมีทั้งข่ายอาคมประเภทป้องกันและประเภทโจมตี ซึ่งจะช่วยป้องกันการโจมตีจากสิงโตปีศาจขนทองและโจมตีตอบโต้มันไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดดำเนินไปหนึ่งก้านธูป ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างกายของสิงโตปีศาจขนทองก็เต็มไปด้วยบาดแผลแล้ว
ฉินอวี้โม่ก็พลาดท่าไปครั้งหนึ่งเช่นกันโดยถูกกรงเล็บของมันตะปบเข้าที่หัวไหล่ส่งผลให้อาภรณ์บริเวณหัวไหล่ขาดวิ่นและเกิดเป็นรอยแผลจากกรงเล็บอย่างชัดเจน
“ไม่แปลกใจเลยที่จะถูกเรียกว่าสมรภูมิรบเดนตาย เพียงแค่สิงโตปีศาจขนทองตัวนี้ คาดการณ์ได้ว่าเก้าในสิบของผู้เข้าร่วมการคัดเลือกทั้งหมดก็คงจะสู้มันไม่ได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกซับซ้อน ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่อยู่เฉยและหลบหลีกกรงเล็บขนาดใหญ่ของอสูรตรงหน้า
ต้องกล่าวเลยว่าพลังการต่อสู้ของสิงโตปีศาจขนทองน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง อีกทั้งมันยังไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือกลัวตายแต่อย่างใด หากประมาทเพียงชั่วขณะ ฉินอวี้โม่และมารยาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้
แม้จอมยุทธ์ที่สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้ายนี้ล้วนแข็งแกร่งพอสมควร พวกเขาก็อาจไม่มีโอกาสเอาชนะสิงโตปีศาจขนทองตัวนี้ได้ด้วยซ้ำ
ตูมมม !
มารยาปล่อยก้อนพลังมายาออกไปยังร่างของอสูรขนาดใหญ่จนมันเซถอยหลังกลับไปชั่วขณะ
“นายหญิง เกรงว่าอสูรส่วนใหญ่ในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้คงจะถูกกัดกร่อนโดยพลังงานปีศาจแล้ว และเจ้าสิงโตตัวนี้อาจมิใช่อสูรระดับสูงสุดที่เราต้องเผชิญด้วยซ้ำ”
นี่คือสิ่งที่มารยากังวลมากที่สุด เดิมทีสิงโตขนทองมีความแข็งแกร่งในระดับที่ธรรมดาเท่านั้น แม้หลังจากถูกครอบงำโดยพลังงานปีศาจและมีพลังที่เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว ทว่ามันก็ยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงนัก
อย่างไรก็ตาม หากในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ยังมีอสูรมายาตัวอื่น ๆ ที่ทรงพลังเป็นทุนเดิมและถูกกัดกร่อนโดยพลังงานปีศาจอีกนั้น การที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันจะเป็นอันตรายต่อพวกนางอย่างถึงที่สุดและพวกนางอาจถูกฝังอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
“หรือว่าสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้จะเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจ ?”
ฉินอวี้โม่ยังคงโจมตีสิงโตปีศาจขนทองต่อไปและไม่คิดล่าถอยแม้แต่น้อย
บังเอิญว่าพลังของนางที่อยู่ในสภาวะติดขัดมานานและการต่อสู้อันดุเดือดเข้มข้นนี้จะสามารถช่วยพัฒนาพลังของนางได้เร็วยิ่งขึ้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนาง
“ก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายปีศาจของที่นี่ก็เจือจางอย่างมาก หากเคยเป็นอาณาเขตของปีศาจจริง มันก็คงจะผ่านมานานมากแล้ว”
มารยาเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่ที่ว่ามิติพิเศษแห่งนี้อาจจะเป็นอาณาเขตของประชากรจากโลกปีศาจ ทว่าไม่อาจทราบได้เลยว่าเหตุใดมันจึงตกเป็นของจอมยุทธ์จากดินแดนมหาเทพและถูกใช้เพื่อการทดสอบคัดเลือกเช่นนี้
จากนั้นหนึ่งมนุษย์และหนึ่งอสูรก็รวมพลังกันต่อสู้กับสิงโตปีศาจขนทองอย่างไม่ยอมแพ้และต้องใช้เวลากว่าสองก้านธูปในการสังหารมันได้ในที่สุด
“ฮู้~ สำเร็จสักที”
ฉินอวี้โม่ใช้กระบี่เล่มคมตัดศีรษะของสิงโตปีศาจขนทองก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายหญิง ดูนั่นเร็วเข้า”
มารยาชี้ไปที่ลำตัวของสิงโตปีศาจขนทองและกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ลำตัวของสิงโตปีศาจขนทองที่ถูกฉินอวี้โม่ตัดศีรษะเมื่อครู่สลายกลายเป็นเถ้าถ่านลอยละล่องไปในอากาศต่อหน้าต่อตา และส่วนศีรษะที่ถูกตัดออกก็ค่อย ๆ สลายหายไปเช่นกัน ภายในเวลาเพียงครู่เดียว สิงโตปีศาจขนทองขนาดมหึมาก็หายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ?!”
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่นทันที นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ การที่ซากศพของอสูรมายาเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายไปในอากาศตรงหน้าเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริง
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน…”
มารยาส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา นี่เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน
หากสิงโตปีศาจขนทองเป็นเพียงร่างจิต การที่มันสลายหายไปก็มิใช่เรื่องที่ต้องคำนึงถึง อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้เมื่อครู่ ทั้งสองรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้ามีตัวตนอยู่จริงและไม่ต่างจากการประจันหน้ากับอสูรมายาในช่วงเวลาปกติ มันไม่มีทางเป็นเพียงร่างจิตอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากสังหารมัน ซากศพกลับสลายหายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำความเข้าใจได้
“เราไปกันต่อเถอะ”
ฉินอวี้โม่เงยหน้าขึ้นและกวาดสายตามองป่าทึบรอบตัวขณะกล่าวอย่างใจเย็น
สมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้แปลกพิลึกอย่างที่สุด ที่นี่ไม่มีรุ่งเช้าหรือพลบค่ำ ไม่มีเวลากลางคืน อสูรมายาของที่นี่ก็ถูกกัดกร่อนโดยพลังงานปีศาจ และซากศพก็ยังสลายเป็นเถ้าถ่านเองได้ ทุกอย่างล้วนประหลาดอย่างแท้จริง…
ทั้งสองเดินหน้าต่อไปในทิศทางหนึ่งขณะแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจรอบตัวในระยะไม่ไกลนักทว่าก็ยังไม่พบร่องรอยของมนุษย์คนอื่นเช่นเดิม
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สองวันที่ผ่านมานี้มีแต่ความเงียบสงบและฉินอวี้โม่ก็ไม่พบอสูรมายาตัวใดอีก เว้นเพียงแต่ภาพต้นไม้เรียงรายรอบตัวไม่เปลี่ยนแปลง นางก็ไม่พบกับสิ่งมีชีวิตอื่นใด
ตั้งแต่ที่เข้ามาในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ นางยังไม่มีโอกาสได้พบกับผู้เข้าร่วมการคัดเลือกผู้ใดที่เข้ามาในที่แห่งนี้ด้วยกันจนให้ความรู้สึกราวกับมีนางเพียงคนเดียวในผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ยิ่งอาศัยอยู่ที่นี่นานเพียงใด ฉินอวี้โม่และมารยาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นเท่านั้น สมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องแปลกพิลึกและทำให้ทั้งสองสัมผัสได้ถึงวิกฤตร้ายแรงที่มิอาจอธิบายได้
“นายหญิง มีบางสิ่งบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา”
เวลานี้ ฉินอวี้โม่และมารยากำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ใหญ่
ทว่าจู่ ๆ มารยาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังใกล้ตัวและกล่าวเตือนผู้เป็นนายทันที
ฉินอวี้โม่เองก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนดังกล่าวเช่นกัน ดูเหมือนจะมีใครสักคนมุ่งหน้าเข้ามาในทิศทางของพวกตน
พลั่ก !
เสียงกระแทกดังขึ้นในขณะที่บุรุษคนหนึ่งกระเด็นกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่ทั้งสองนั่งพักอยู่และล้มลงไป
“บัดซบเอ๊ย เป็นกระทิงที่ทรงพลังยิ่งนัก !”
เสียงของบุรุษหนุ่มดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และเมื่อทั้งสองก้มลงมองก็เห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เขาคือบุรุษหนุ่มที่ดูมีอายุประมาณยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปีซึ่งสวมอาภรณ์สีน้ำเงินและมีดวงตาคู่สวย กล่าวได้ว่าเขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างมาก ทว่าในเวลานี้เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาก็มีรอยขาดหลายส่วนและดูน่าสงสารไม่น้อย
เขาทรงตัวลุกขึ้นพร้อมกับปัดเศษฝุ่นเศษดินบนร่างกายขณะมองไปในทิศทางหนึ่งและสบถออกมาเบา ๆ
โครม โครม โครม !!!
เสียงกระแทกดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่อีกครั้ง เมื่อมองตามต้นเสียงดังกล่าว นางก็พบว่าต้นไม้หลายต้นที่อยู่ไม่ไกลออกไปล้มลงไปทีละต้น ๆ และฝุ่นจากพื้นดินก็ตลบอบอวลขึ้นมา
ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างขนาดมหึมากำลังมุ่งหน้าเข้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็วและทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ยังตามมาอีกรึ ?!”
บุรุษหนุ่มใต้ต้นไม้ได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกันและใบหน้าบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ร่างของเขาก็พุ่งตรงขึ้นมาบนต้นไม้และปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่โดยบังเอิญ
อย่างไรก็ตาม เขาหันหลังให้ฉินอวี้โม่และไม่เห็นนางแม้แต่น้อยขณะก้มมองลงไปยังต้นเสียงเมื่อครู่โดยไม่กะพริบตาและไม่ทราบเลยว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างหลังตน
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และลำตัวขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏให้เห็น
มันคือกระทิงดุดันที่มีเขาขนาดใหญ่เท่าร่างเด็กเจ็ดถึงแปดขวบและมีนัยน์ตาสีแดงก่ำที่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอสูรที่ถูกครอบงำโดยพลังงานปีศาจเช่นเดียวกันกับสิงโตขนทองก่อนหน้านี้
“โฮกกก !”
กระทิงตัวใหญ่วิ่งผ่านใต้ต้นไม้ที่ฉินอวี้โม่อยู่และคำรามเสียงดังลั่น
เนื่องจากไม่เห็นคนทั้งสองที่อยู่บนต้นไม้ อสูรขนาดใหญ่จึงวิ่งหายไปในเวลาเพียงไม่นาน
“ฮู้~ ในที่สุดก็รอดตัวไป”
บุรุษหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระทิงเมื่อครู่ไล่ล่าเขามาไกลพอสมควร หากมิใช่เพราะความรวดเร็วคล่องแคล่วของตัวเขา เกรงว่าเขาคงจะตายไปแล้ว
“เฮ้ เจ้ามาจากเมืองไหนรึ ?”
ฉินอวี้โม่มองบุรุษหนุ่มตรงหน้าและเอ่ยถาม
“อ๊ะ !”
ตุบ !
“โอ๊ยยย !”
บุรุษหนุ่มสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตนส่งผลให้ร่วงลงจากต้นไม้ไปโดยตรง
จากนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างของเขากระแทกลงพื้นดินอย่างแรงและเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา