ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อมือสองข้างโผล่ขึ้นจากใต้ดินและคว้าเข้าที่ข้อเท้าของฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของโต๊ะ
ฉินอวี้โม่คาดการณ์และเตรียมวิธีรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ไว้แล้วและเปลวเพลิงทรงพลังก็ปรากฏขึ้นห่อหุ้มรอบข้อเท้าของนางก่อนที่จะถูกมือคู่นั้นดึงไป
แน่นอนว่าทันทีที่สัมผัสกับเปลวเพลิงร้อนระอุ มือประหลาดคู่นั้นก็เหมือนจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากก่อนกลับลงสู่ใต้ดินและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“คิดไว้ไม่มีผิด เพลิงอสูรของพี่ซิวก็ยังมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเนตรปีศาจเช่นกัน !”
เสียงของมารยาดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และฟังดูฮึกเหิมมีกำลังใจมากขึ้น
แม้เนตรปีศาจจะเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัว ทว่าเพลิงแห่งชีวิตของซิวก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ในเมื่อสามารถทำให้เนตรปีศาจหวาดหวั่นได้ อย่างน้อยที่สุดมารยาก็มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ตูมมม !
ฉินอวี้โม่ปล่อยฝ่ามือวายุตรงไปยังพื้นดินใต้เฝ่าเท้าของตนและหลุมลึกขนาดใหญ่ยักษ์ที่ดูไร้จุดสิ้นสุดก็ปรากฏขึ้นมาทันที ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าหลุมดังกล่าวคงอยู่มานานเพียงใด
จากนั้นทุกคนก็หันมองหน้ากันและกระโดดลงในหลุมนั้นตาม ๆ กัน
สิ่งแวดล้อมรอบตัวมืดลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ทุกคนดำดิ่งลึกลงเป็นระยะทางกว่าสองลี้แล้ว
“สวรรค์ ! ข้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองอู๋เริ่นมานานหลายพันปีแต่ไม่เคยทราบด้วยซ้ำว่ามีพื้นที่ใต้ดินเช่นนี้อยู่”
ยินรุ่ยอดอุทานออกไปไม่ได้ เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าหลังภัตตาคารในเมืองที่ตนอยู่มานานจะมีหลุมลึกที่ไร้ที่สิ้นสุดซ่อนอยู่
“ด้วยพลังของเนตรปีศาจ มันก็คงมิใช่เรื่องแปลกหรอก หากมิใช่เพราะซิวตื่นขึ้นมาและบอกเรื่องนี้กับข้า ข้าก็คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จะค้นพบที่นี่ได้ด้วยตัวเอง”
ฉินอวี้โม่กล่าวอธิบายและยอมรับว่าเนตรปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง นางเองก็เคยมาที่ลานหลังภัตตาคารก่อนหน้านี้แล้วทว่าไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติใด ๆ
ฟุ่บ !
ในที่สุดฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ลงเหยียบบนพื้นราบและเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง พวกนางก็ไม่เห็นปากหลุมที่พวกตนกระโดดลงมาหรือแม้แต่แสงสว่างใด ๆ ด้วยซ้ำ
“ทุกคนระวังตัวด้วยล่ะ”
ฉินอวี้โม่หยิบไข่มุกราตรีออกมาด้วยหมายที่จะใช้มันเพื่อเพิ่มความสว่างในที่แห่งนี้ แต่แล้วนางก็ต้องพบว่าแสงของไข่มุกราตรีมอดดับไปและไม่มีผลใด ๆ กับหลุมลึกนี้แม้แต่น้อย
ฟึ่บ !
จู่ ๆ แสงลึกลับก็ฉายวาบขึ้นมาและทั้งหลุมลึกขนาดใหญ่ก็สว่างขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ บนผนังรอบตัวเต็มไปด้วยดวงตานับพันดวง แม้แต่พื้นดินที่เหยียบย่ำอยู่ก็มีเช่นกัน ทุกคนรู้สึกราวกับถูกสายตาประหลาดจับจ้องจากทุกทิศทาง
ดวงตาเหล่านั้นดูเหมือนเป็นดวงตามนุษย์ ทว่ามีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าตัวและยังกลอกกลิ้งไปมาอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นภาพที่ประหลาดชวนขนลุก
“เอ่อ…”
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปยังดวงตานับพันดวงรอบตัวด้วยความหวาดหวั่นใจ
ขาเรียวยาวของจางซือฉีในตอนนี้ก็อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงและทรุดเข่าลงไปกับพื้นอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ ดวงตารอบตัวเหล่านี้น่าหวาดกลัวและชวนขนลุกจนเกินไป
“แกว๊กกก ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาเขตของข้า !”
เสียงประหลาดและน่าขนลุกดังขึ้นในหูของทุกคนอย่างชัดเจนและสะท้อนไปมาในหลุมลึกแห่งนี้จนทุกคนรู้สึกปวดแก้วหูขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ้าคือเนตรปีศาจสินะ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางใจเย็นขณะกวาดสายตามองดวงตานับพันดวงรอบตัวโดยที่รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก หากเป็นคนธรรมดาที่หลงเข้ามาที่นี่ ด้วยการที่มีดวงตาน่าขนลุกจำนวนมากรายล้อมรอบตัวเช่นนี้ เกรงว่าคนผู้นั้นอาจหวาดกลัวจนเป็นลมหมดสติไปแล้ว
“แม่สาวน้อย เพลิงแห่งชีวิตของเจ้าถือว่าไม่เลวทีเดียว แต่น่าเสียดายที่มันยังอ่อนแอเกินไป”
อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธทว่าตอบกลับไปเช่นนี้
เพลิงแห่งชีวิตของซิวทำให้เนตรปีศาจรู้สึกหวาดหวั่นได้จริง ๆ ทว่าน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของซิวในตอนนี้ยังด้อยกว่ามันมากจึงไม่เป็นภัยต่อเนตรปีศาจจนเกินไป
อย่างมากที่สุดมันก็คงจะรู้สึกตึงมือเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าสุดท้ายมันก็มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับเพลิงนั้นได้
“จางซือถงอยู่ที่ใด ?”
ฉินอวี้โม่มองไปรอบตัวและไม่พบร่องรอยของจางซือถง นางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามออกไป
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่ออยู่ในเงื้อมมือของข้าผู้นี้ เจ้าคิดว่านางจะไปที่ใดได้อีกล่ะ ?”
เนตรปีศาจหัวเราะเบา ๆ และกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ
“การที่เมืองอู๋เริ่นกลายเป็นเมืองต้องสาป การที่ผีดิบในเมืองไม่อาจหลุดพ้นไปเกิดใหม่ได้ รวมถึงการที่วิญญาณร้ายปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างเป็นฝีมือของเจ้าใช่รึไม่ ?”
เมิ่งเยี่ยอดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ สิ่งที่เขาสงสัยใคร่รู้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือสถานการณ์ของเมืองอู๋เริ่น
“ถูกต้อง มีเพียงมนุษย์ต่ำต้อยอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่เชื่อในเรื่องคำสาปไร้สาระพวกนั้น”
เนตรปีศาจยอมรับโดยตรงว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองอู๋เริ่นอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้ก็ยังทำให้มันประหลาดใจไม่น้อย
“ถ้าเช่นนั้น…การทำลายเจ้าก็จะหมายถึงการทำลายคำสาปของเมืองอู๋เริ่นแห่งนี้”
ยินรุ่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ และค้นพบว่าการสังหารเนตรปีศาจจะคลี่คลายสถานการณ์ทั้งหมดของเมืองได้
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดถูกแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ายังด้อยเกินไปนัก หากคิดที่จะสังหารข้าผู้นี้ เชิญพวกเจ้าเพ้อฝันต่อไปเถอะ !”
เนตรปีศาจกล่าวเย้ยหยันและไม่เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“ถ้าเช่นนั้นก็ลองดูก่อนเถอะ !”
ฉินอวี้โม่เพียงกล่าวสั้น ๆ และไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป นางสัมผัสได้ว่าพลังมายาในร่างของตนกำลังหายไปอย่างต่อเนื่อง รังของเนตรปีศาจแห่งนี้น่าจะมีขอบเขตพลังพิเศษบางอย่างที่สามารถดูดกลืนพลังมายาในร่างกายของพวกนางได้
ปลายนิ้วมือของนางขยับเล็กน้อยและเพลิงร้อนระอุก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งก่อนพุ่งตรงออกไปด้านข้าง
ฟึ่บ !
ส่วนหนึ่งของผนังด้านข้างลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงอย่างรวดเร็วและดวงตาหลายดวงหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็หวาดกลัวต่อเพลิงของซิวเช่นกัน
เมื่อเห็นการกระทำของฉินอวี้โม่ เมิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลอีกและปลดปล่อยการโจมตีออกไปรอบตัวเช่นกัน
กระบวนท่าโจมตีของพวกเขาก็กระหน่ำออกไปรอบทิศทางไม่ว่าจะเป็นผนังด้านข้างหรือว่าพื้นใต้ฝ่าเท้าจนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง
ภายในเวลาเพียงไม่นาน ดวงตาทั้งหมดรอบตัวและบนพื้นดินก็หายไปพร้อมกับความมืดมิดที่กลับคืนสู่ถ้ำแห่งนี้อีกครั้ง
“ข้าบอกไปแล้ว พวกเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก !”
น้ำเสียงเยาะเย้ยของเนตรปีศาจดังขึ้นและดวงตาหลายพันดวงก็ปรากฏขึ้นรอบตัวอีกครั้งขณะจับจ้องตรงมาที่ฉินอวี้โม่และทุกคนอย่างใกล้ชิด
“บัดซบ !”
สีหน้าของเมิ่งเยี่ยบิดเบี้ยวเหยเกอย่างมากก่อนกระโดดเข้าไปที่ผนังด้านซ้าย อึดใจต่อมา กระบี่ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาและจ้วงแทงเข้าไปที่ผนังอย่างไม่ลังเล
เพ้งง!
กระบี่เล่มยาวดูราวกับแทงเข้าไปที่หินแข็งโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ ในทางกลับกัน ลำแสงสว่างจ้าก็พุ่งออกมาจากผนังและพุ่งตรงเข้าที่หน้าอกของเมิ่งเยี่ยอย่างรวดเร็ว
ชิ้งงง !
เมิ่งเยี่ยไม่รอช้าและยกกระบี่ในมือขึ้นเพื่อปัดป้องมัน ทว่าลำแสงดังกล่าวก็กระทบตรงเข้าที่กระบี่เล่มนั้นจนเกิดเป็นรอยเสมือนบาดแผลบนร่างของจอมยุทธ์ทั้งสามและอสูรมายาทรงพลังก่อนหน้านี้
“เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ มันคือฝีมือของเนตรปีศาจจริง ๆ !”
ทุกคนก็มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าคนเหล่านั้นตายไปด้วยเงื้อมมือของเนตรปีศาจตรงหน้านี้
“หึหึ เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะทำอะไรพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเช่นนี้ อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน หลังจากวันนี้ไป…เมืองอู๋เริ่นจะได้มีผีดิบเพิ่มมากขึ้น !”
เมื่อสิ้นเสียงเย้ยหยันนั้น ลำแสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาจำนวนมากบนผนังและพุ่งตรงไปยังฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ โดยที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลจนทุกคนต้องหวั่นใจ
“ทุกคนระวัง!”
ฉินอวี้โม่กล่าวเตือนทุกคนขณะร่างของตนปกคลุมไปด้วยเพลิงร้อนระอุและเหาะขึ้นกลางอากาศ
ยินรุ่ยและคนอื่น ๆ ก็รีบสร้างม่านป้องกันรอบตัวทันทีเพื่อต้านทานพลังจากลำแสงเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับลำแสงหลายพันเส้น ม่านป้องกันของพวกเขาก็อ่อนแอเกินไปและใกล้จะพังทลายภายในเวลาเพียงไม่นาน หากลำแสงเหล่านี้พุ่งตรงเข้าไปที่ร่างของพวกเขาได้ พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“อัคคีแผดเผาพันนภา!”
ฉินอวี้โม่ซึ่งอยู่กลางอากาศกล่าวขึ้นเบา ๆ และเปลวเพลิงหลายชั้นปรากฏขึ้นรอบตัว
จากนั้นเพลิงร้อนระอุก็กระจายตัวพุ่งออกไปทั้งผนังด้านข้างและพื้นดินเพื่อขวางกั้นลำแสงเหล่านั้นไว้
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อการโจมตีของฉินอวี้โม่ทำให้เนตรปีศาจบาดเจ็บขึ้นมา