ตอนที่ 1922 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (1)
ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงเข้ามาในห้องของฉีซู นางก็เห็นผู้ติดตามของตระกูลฉีกำลังเดินออกมา หลังจากที่หันกลับไปดูชายคนนั้นแล้ว นางก็ย้ายสายตามาที่ฉีซู “ฉีซู โถงโอสถยังมีโอสถพลังฌานเหลืออีกเท่าไหร่”
ฉีซูมองด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วตอบว่า “น่าจะสักประมาณหนึ่งพันขวด”
“เข้าใจแล้ว ช่วงนี้โถงโอผสานฌานจะหยุดขายโอสถพลังฌานให้คนภายนอก ข้าต้องการให้เจ้าเตรียมน้ำยาผสานฌานให้กองทัพขององค์ชายรอง!”
เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงเคร่งเครียดมากจนทำให้ฉีซูเกร็ง “เกิดอะไรขึ้น”
อวิ๋นลั่วเฟิงลูบจมูกและตอบอย่างเฉยชาว่า “อันที่จริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ข้าพึ่งทำให้องค์ชายสามพิการมา”
มุมปากของฉีซูกระตุกและชะงักไป
นางทำให้องค์ชายสามพิการแต่นางยังบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกหรือ นิสัยของนายหญิงของข้าคล้ายกับของอาจารย์ของข้าเลย…
เมื่อก่อนอาจารย์ของเขาก็จะใจเย็นและมีสติไม่ว่าศัตรูของพวกเขาจะทรงพลังสักแค่ไหนก็ตาม ราวกับว่านางสามารถใช้มือของตัวเองยันท้องฟ้าที่กำลังถล่มลงมาได้
“เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดสรรโอสถพลังฌานมาให้องค์ชายรองเดี๋ยวนี้เลย” ฉีซูสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ทำสีหน้าไร้หนทาง
“นอกจากนั้นแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังนาง “ผู้ชายคนนี้จะคอยติดตามข้า ปล่อยเขานอนบนพื้นก็ไม่เป็นไร” ตอนนี้เองที่ในที่สุดฉีซูก็เห็นชายหนุ่มผมสีเงินที่เดินตามอยู่ข้างหลังของอวิ๋นลั่วเฟิง
เขาดูหล่อเหลามาก จนแม้แต่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งของเขายังไม่สามารถปกปิดมารยาทที่ถูกอบรมมาอย่างดีของเขาได้
“เขาคือ…” ฉีซูหันสายตาสงสัยไปอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนต้องการจะถามว่าพื้นเพของเขาเป็นใคร แต่ว่าเขาก็โดนเสียงเศร้าโศกของชายหนุ่มขัดขึ้นเสียก่อนที่จะพูดจบ
“ข้าไม่อยากนอนในห้องกับบุรุษ! อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าอยากนอนกับเจ้า!” ต่อให้เขาต้องนอนอยู่หน้าห้องนางก็ได้ ตราบใดที่เขาสามารถอยู่ใกล้ๆ นางได้ก็เพียงพอ
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาอย่างอันตรายขณะที่หัวเราะเบาๆ อย่างชั่วร้าย “เจ้าคิดว่าตัวเองมีทางเลือกหรือ”
ชายหนุ่มเงียบไปทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจขณะที่จ้องอวิ๋นลั่วเฟิงราวกับภรรยาที่คร่ำครวญ
ฉีซูสังเกตว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลระหว่างพวกเขา โดยเฉพาะสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูราวกับเป็นภรรยาที่กำลังเศร้าโศกเสียใจที่โดนสามีไร้หัวใจทอดทิ้ง ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาดูน่าสงสารขนาดไหน
“ถ้าอย่างนั้น…เจ้าจะไม่แอบทิ้งข้าไว้ใช่หรือไม่” ชายหนุ่มถามอย่างอ่อนแรง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทิ้ง เพราะเขาสามารถไล่ตามนางไปได้ทุกที่
“ทิ้งให้เจ้าโดนยอดฝีมือของแคว้นเฟิงอวิ๋นรังแกและจากนั้นเจ้าก็จะสามารถปลดผนึกตัวเองน่ะหรือ ข้าไม่ได้เบาปัญญาขนาดนั้น!” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “ฉีซู ข้ามอบหมายให้เจ้าจับตาดูเขาเอาไว้ ถ้าเขากล้าทำอะไรแปลกๆ ก็มาแจ้งข้าทันที!”
อวิ๋นลั่วเฟิงเดินมาหาโม่เชียนเฉิงช้าๆ นางหลุบตาแล้วค่อยๆ ปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา
“โม่เชียนเฉิง ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าไม่สามารถสังหารข้าได้! แต่ว่าถ้าเจ้ากล้าแตะต้องอวิ๋นเซียว ข้าจะสู้กับเจ้าแม้ว่าจะต้องเสียสละชีวิตและทุกอย่างก็ตาม!”
นางไม่เคยเชื่อใจโม่เชียนเฉิง! ตั้งแต่วินาทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้น เขาก็ต้องการจะสังหารนางและจีจิ่วเทียน ถ้านางไม่ได้แกล้งทำตัวเป็นเจวี๋ยเชียน นางก็จะถูกเขากำจัดไปแล้ว
พูดให้ชัดเจนก็คือเพราะว่านางแกล้งทำตัวเป็นเจวี๋ยเชียนทำให้เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับอวิ๋นเซียวและยังต้องการเอาชีวิตเขา! ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงสั่งให้ฉีซูจับตาดูเขาไม่คลาดสายตา!
โม่เชียนเฉิงตัวสั่นเพราะคำพูดของนาง
ตอนที่ 1923 จุดอ่อนการปกป้องของฮ่องเต้ (2)
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหวาดกลัวแต่เป็นเพราะ…คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้เขาเจ็บปวด
เจวี๋ยเชียนเป็นคนที่เขาไม่คิดจะทำร้ายมากที่สุด ดังนั้นวินาทีสุดท้ายเขาถึงกลับคำแต่เขาก็ยังโดนเจวี๋ยเชียนขังไว้ในมิติลวงตาอยู่ดี
แม้แต่ตอนที่ในอดีตเขาโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงกับจีจิ่วเทียนก็ไม่ใช่เพราะว่าความเกลียดชังแต่เป็นเพราะเขาโทษเจวี๋ยเชียน! เขาโทษเจวี๋ยเชียนที่ขังเขาไว้นานเกินไปและ…ยังไม่มาเยี่ยมเขาหลายหลายปี
แต่ว่าโม่เชียนเฉิงก็เข้าใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนผิดล่ะก็ เจวี๋ยเชียนก็คงไม่ทำตัวโหดร้ายกับเขาดังนั้นเขาจึงยินดีใช้ทั้งชีวิตเพื่อชดเชย!
จนกระทั่ง…เมื่อเขาคิดถึงคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ความรู้สึกของโม่เชียนเฉิงก็เต็มไปด้วยความริษยา เขาอิจฉาอวิ๋นเซียวที่สามารถทำให้นางยกหัวใจให้และปฏิบัติตัวกับเขาอย่างดี
ตอนนั้นเองเสียงอึกทึกก็ดังขึ้นด้านนอก อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วและเหลือบมองโม่เชียนเฉิง “เจ้ารออยู่ที่นี่ ฉีซู ออกไปดูกับข้า”
ฉีซูพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมอวิ๋นลั่วเฟิง
ภายในโรงเตี๊ยมมีทหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาล้อมทั้งโรงเตี๊ยมเอาไว้
ผู้นำของกลุ่มทหารสวมชุดเกราะทำให้เขาดูเกรงขาม “พวกเรามาจับอาชญากรที่ทำร้ายองค์ชายสาม ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากพูดจบ คนที่ยืนอยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมก็หนีหายไป เวลาเดียวกันบนระเบียงชั้นสองก็ปรากฏภาพสตรีในชุดสีขาวสะท้อนเข้าสู่ตาเขา
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเทียนฉีเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มทหารแล้วเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงทันที เขารับชี้นิ้วไปที่นางแล้วตะโกนเสียงดัง “สตรีผู้นั้น นางเป็นคนที่ทำร้ายองค์ชายสามขอรับ”
“ทหาร จับตัวสตรีผู้นั้นมา!” หัวหน้าหน่วยโบกมือแล้วสั่งด้วยเสียงอันดัง
ทันใดนั้นทหารก็ชักอาวุธออกมาพร้อมกันแล้วโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงกับฉีซูที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสอง
เมื่อเห็นว่าทหารเหล่านี้พุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว เสียงชั่วร้ายของนางก็ดังขึ้นเข้าสู่หูของทุกคน
“ถูกแล้ว ข้าเป็นคนทำให้องค์ชายสามพิการเอง เพราะว่า…เขาสมควรโดนแล้ว!”
หัวหน้าหน่วยใกล้จะระเบิดด้วยความโกรธ เขาหัวเราะเยาะแล้วมองสตรีในชุดสีขาวอย่างเหยียดหยามขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
สตรีผู้นี้กล้าทำตัวโอหังในอาณาจักรเทียนฉีของพวกเราหรือ นางไม่รู้จริงๆ หรือว่าการพูดแบบนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายเพราะความไม่ยั้งคิด
เมื่อเห็นทหารพุ่งเข้ามาที่ชั้นสอง แขกที่ซ่อนอยู่ห้องตัวเองก็เปิดประตูเป็นช่องเล็กน้อยเพื่อส่องดูสถานการณ์ข้างนอก
ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงเพลิงก็ลุกขึ้นจากร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง ไม่นานเปลวไฟพวกนี้ก็เปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเพลิงแปดหาง จิ้งจอกเพลิงพ่นลูกไฟออกมาและทหารที่พุ่งเข้ามาก็หายไปในเพลิงนั้นทันที
เวลาเดียวกัน…หนูหาทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมาแล้วส่งเสียงร้อง พวกมันกัดใครก็ตามที่พวกมันเจอและฟันแหลมคมของพวกมันก็กัดเข้าไปในเนื้อของพวกเขาอย่างโหดร้ายทันที ฉาฉาเองก็ตามออกมาและร่างใหญ่โตของเขาก็ดันกลุ่มทหารลงไป ฉาฉาตะโกนอย่างดุร้ายแล้วปล่อยเปลวไฟที่คล้ายลูกไฟออกมาโจมตีเข้าที่หน้าอกของพวกเขา เสี่ยวซู่และเสี่ยวฉงไม่ได้ออกมาเพราะสำหรับพวกเขาแล้วการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีค่าพอให้พวกเขาช่วย
เสี่ยวโม่เป็นคนขี้เกียจและตั้งแต่วันที่เริ่มติดตามอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็ร่วมการต่อสู้น้อยมากแต่ว่าเขาก็ยังปรากฏตัวและนั่งอยู่บนราวบันไดขณะที่ดูการแสดงไปด้วย
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแม้แต่ฉีซูเองก็ตะลึง เขาติดตามอวิ๋นลั่วเฟิงมาสองสามเดือนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสัตว์วิญญาณอสูรเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นทุกตัวยังแข็งแกร่งมาก!
ใบหน้าหัวหน้าหน่วยแสดงความประหลาดใจขณะที่เหงื่อเย็นๆ ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา เขากัดฟันแล้วพูดว่า “นังเด็กสวะ ที่นี่คืออาณาจักรเทียนฉีและเจ้าก็ทำร้ายองค์ชายสามภายในเขตของพวกเรา ฮ่องเต้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่! ทุกคน ถอย!”