เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 286 นางมารลิ้นอสรพิษ

 

“คิดที่จะให้พวกข้าไปนั้นย่อมได้ ขอเพียงเจ้ารับปากเรื่องๆหนึ่งกับข้าก่อน”

 

“เรื่องอันใด ? ” ถู่ฟางกล่าวขึ้นมาเสียงเย็นเยียบ

 

ถู่ฟางนั้นมีโทสะสุมอยู่ในอกแทบทนไม่ไหว บังเกิดความคิดที่จะฟาดสตรีผู้นี้ให้ตายคามืออยู่เป็นระยะ แต่ทว่าเขาเกิดความแปลกใจขึ้นมาอยู่อย่างหนึ่ง สตรีผู้นี้ เหตุใดถึงได้ลำบากลำบนเดินทางหลายหมื่นลี้เพื่อมาหาเรื่องถึงที่เช่นนี้กัน

 

“ง่ายดายยิ่ง นั้นก็คือให้ศิษย์ของพวกเจ้ามาทำการแลกเปลี่ยนวิชากับศิษย์ของข้าไงละ” โล่วปิงกล่าว

 

“นี่มิใช่คิดจะรังแกกันมากเกินไปหรือ ? หมู่ตึกของพวกเจ้าถูกจัดอยู่อันดับที่สามสิบหก แต่ส่วนของพวกเรานั้นรั้งอันดับสุดท้าย

 

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้ากำลังคิดที่จะรังแกพวกข้า ข้ารู้แค่ว่าฝีปากของเจ้านั้นเลวร้ายจนทำให้ผู้คนนึกรังเกียจ แต่นึกไม่ถึงว่าแม้แต่หน้าของเจ้าก็ยังหนาได้ถึงเพียงนี้ด้วย เหตุใดเจ้าไม่ไปขอแลกเปลี่ยนวิชากับหมู่ตึกที่หนึ่งเล่า ? ” ถู่ฟางมีโทสะยกใหญ่ กล่าววาจาเผ็ดร้อนตอบกลับโล่วปิง

 

เพราะในเบื้องลึกแล้วขุมกำลังระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น ต่างก็มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นการที่ผู้มีพลังเหนือกว่ามาท้าประลองกับผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่าด้อยกว่านั้น แทบจะไม่ได้ต่างอะไรไปจากการตั้งใจรังแกผู้คนเลยทีเดียว

 

“ข้าไม่ไปหาลำดับที่หนึ่ง เพราะข้าตั้งใจที่จะมาจัดการกับสุกรที่เลี้ยงเสียข้าวสุกอย่างพวกเจ้าโดยเฉพาะ พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ ?

 

พวกเจ้ามันก็แค่ก้อนขยะไร้ประโยชน์ กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายศิษย์สายตรงของพวกเราไปถึงสามคน คิดหรือว่าข้าจะยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไปได้โดยง่าย ? ” โล่วปิงทอสีหน้าดุร้ายแล้วกล่าวขึ้นมา

 

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุผลใด หมู่ตึกอันดับที่หนึ่งร้อยแปดนั้น ในปีนี้เพียงปีเดียวถึงกับรับผู้มีพรสวรรค์มาได้มากถึงเพียงนี้

 

แต่เดิมที่หมู่ตึกมีศิษย์สายตรงที่มีการตื่นขึ้นของพลังอักขระแห่งต้นตระกูลเพียงแค่สี่คน แต่ว่าหลังจากผ่านศึกครั้งใหญ่ธรรมะและอธรรมไป ก็พบว่าศิษย์สายตรงทุกคนสามารถกระตุ้นพลังจากต้นตระกูลขึ้นมาได้ทั้งหมด

 

หากว่ากล่าวกันตามกฎระเบียบที่บัญญัติโดยสาขาหลักนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ศิษย์สายตรงที่สามารถปลุกพลังแห่งต้นตระกูลขึ้นมาได้ จะได้รับแผ่นป้ายเก้าอัตลักษณ์หนึ่งชิ้น เพื่อเบิกทางเข้าไปยังภายในขอบเขตแดนลับนพเก้าได้

 

ซึ่งก่อนหน้านี้หมู่ตึกที่หนึ่งร้อยแปดมีศิษย์สายตรงอยู่ทั้งหมดสิบเจ็ดคน ทว่าชีซิ่งกลับถูกหลงเฉินจัดการจนสิ้นชีวาวายไปแล้ว เหร่ยเชียนซังเองก็ได้ตายตกไปในสนามรบเช่นกัน ดังนั้นขณะนี้ศิษย์สายตรงจึงมีเหลืออยู่เพียงสิบห้าคน

 

อีกส่วนหากเป็นไปตามการจัดอันดับผู้ที่ได้รับค่าสวัสดิการตามแต่ละสาขา ก็จะได้ป้ายเก้าอัตลักษณ์เพิ่มขึ้นอีกชิ้นหนึ่ง และจะให้ทางหมู่ตึกแต่ละสาขาเป็นผู้ตัดสินใจเอง ว่าจะมอบเป็นรางวัลให้แก่ผู้ใด

 

ดังนั้นหากเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งเข้าไป สำหรับหมู่ตึกอันดับร้อยแปด ก็จะต้องได้รับป้ายถึงสิบหกชิ้น และสาขาย่อยนี้จึงยื่นคำขอแผ่นป้ายไปทั้งหมดสิบหกชิ้น ซึ่งหลังจากที่ถู่ฟางได้แจ้งคำขอไปแล้ว แม้แต่ทางสาขาหลักเองก็ยังต้องหน้าเปลี่ยนสี

 

หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ถือได้ว่าตกอยู่ในสภาพอเนจอนาจอย่างถึงที่สุด ทุกคนในนี้โดยส่วนมากต่างก็พึ่งสวัสดิการ ใช้ชีวิตผ่านเลยไปในแต่ละวันเท่านั้น

 

ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกเอาไว้ ทุกครั้งที่มีศิษย์สายตรงของทางหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดได้เข้าไปยังขอบเขตแดนลับนพเก้านั้น มักจะมีเพียงคนเดียว หรือมากที่สุดก็เพียงสองคนเท่านั้น ยังไม่เคยมีครั้งใดที่มีมากถึงสามคนมาก่อนเลย

 

แต่ในตอนนี้เพียงระยะเวลาไม่นานก็เกิดยอดฝีมือขึ้นมากมายเพียงนี้ แน่นอนว่าสำนักย่อมต้องทุ่มเทการสนับสนุนทั้งหมดให้หมู่ตึกสาขานี้ แต่ว่าแผ่นป้ายเก้าอัตลักษณ์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ ก็ใช่ว่าจะมีอยู่อย่างไม่จำกัด เนื่องจากการเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้านั้น มีการจำกัดจำนวนคนที่เข้าไป เมื่อจำนวนคนมากถึงจุดๆหนึ่ง ทางเข้าก็จะปิดไปในทันที

 

เพียงไม่นาน แผ่นป้ายที่หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดจะได้รับก็กลายเป็นจำนวนที่มากมายขึ้นมา ถึงแม้ว่าเมื่อลองมาคิดทบทวนดูแล้วจะพบว่าเรื่องนี้ไม่นานจะเป็นไปได้เลยสำหรับหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด แต่อย่างไรเสียก็จำเป็นที่จะต้องให้การสนับสนุนให้แก่พวกเขาอยู่ดี

 

เรื่องนี้นั้นเบื้องบนมีมติเห็นชอบว่า ให้ทำการคัดเลือกหมู่ตึกมาหลายๆแห่ง แล้วทำการแบ่งเอาจำนวนป้ายจากหมู่ตึกเหล่านั้นมาหมู่ตึกละเล็กน้อย รวบรวมเพื่อชดเชยให้แก่จำนวนคนที่ต้องได้รับป้ายของหมู่ตึกที่ร้อยแปด หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายก็คือ ขอให้ทุกหมู่ตึกที่ได้รับคัดเลือกเสียสละแผ่นป้ายออกมาชิ้นหนึ่ง

 

แม้มติดังกล่าวจะดูแล้วสวยหรู ทว่าใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง ยังไงเสียก็ต้องก่อให้เกิดความแค้นขึ้นมา เมื่อมีความแค้นแล้ว ก็ย่อมที่จะมีอะไรตามมาเล่า……

 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีหมู่ตึกหลายแห่งได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นหมู่ตึกที่ไม่ได้มีอันดับโดดเด่น ซึ่งแต่ละหมู่ตึกถูกเฉือนเนื้อไปคนละดาบ

 

แน่นอนว่าการจะคัดเลือกหมู่ตึกที่จะลงดาบ ก็จำเป็นที่จะต้องมีเงื่อนไขกำกับไว้เล็กน้อย ในส่วนของหมู่ตึกที่จัดอยู่ในสิบอันดับแรกนั้นย่อมไม่ถูกเลือกอยู่แล้ว เพราะภายในนั้นมีบุคคลใหญ่โตมากมายจนเกินไป อีกทั้งแต่ละคนยังมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง หมู่ตึกเหล่านั้นจึงไม่ต่างอะไรไปจากถ้ำพยัคฆ์ เรื่องที่จะเอาตัวเองไปผูกอยู่กับเส้นด้ายแล้วหย่อนลงถ้ำพยัคฆ์นั้นอย่าได้เอ่ยถึง

 

และในส่วนอันดับที่รั้งท้ายทั้งห้าสิบอันดับนั้น ก็อย่าได้นึกถึงเช่นกัน เพราะจำนวนป้ายในมือของพวกเขาแต่เดิมก็มีอยู่น้อยมากกันอยู่แล้ว ยังคิดที่จะไปลดทอนจำนวนป้ายของพวกเขาลงอีก ก็คงเป็นการไปจุดไฟโทสะของหมู่ตึกเหล่านั้นขึ้นมาแล้ว

 

ดังนั้น หมู่ตึกที่อยู่นอกเหนือจากสิบอันดับแรกและห้าสิบอันดับรั้งท้ายแล้วนั้น เป็นกลุ่มที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เบื้องบนจึงได้เลือกให้พวกเขากลายเป็นผู้เสียสละแทน

 

ซึ่งการเสียสละแผ่นป้ายไปชิ้นหนึ่ง ก็หมายความว่า ศิษย์สายตรงที่ปลุกพลังแห่งต้นตระกูลได้ ในหมู่ตึกของพวกเขาหนึ่งคน จะไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้าได้

 

และหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกก็ถือเป็นผู้ที่โชคร้ายที่สุด เพราะผู้ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการแบ่งสรรค์ปันส่วนจำนวนป้ายให้แก่แต่ละสาขานั้น มักจะถูกโล่วปิงเย้ยหยันอยู่บ่อยครั้ง ในยามปกติเขาไม่อาจที่จะทำอะไรโล่วปิงได้ ได้แต่สะสมความคับแค้นไว้ในใจ

 

ทว่าเวลานี้ โอกาสที่ยากจะพบเจอได้ในรอบแปดสิบปีเช่นนี้ไดมาถึงมือแล้ว ผู้คนรับผิดชอบนั้นถ้าหากไม่ฉวยโอกาสนี้เอาคืนโล่วปิงทั้งต้นทั้งดอก เขาก็คงจะกลายเป็นคนที่โง่งมอย่างแท้จริงแล้ว

 

แม้จะมีหมู่ตึกอื่นๆที่ได้รับคัดเลือกอีกหลายแห่ง แต่ทุกแห่งต่างก็ถูกร้องขอให้มอบแผ่นป้ายให้เพียงหมู่ตึกละชิ้นเท่านั้น แต่สำหรับหมู่ตึกที่สามสิบหกกลับต้องส่งมอบให้มากถึงห้าแผ่นป้ายเลยทีเดียว

 

หลังจากได้ฟังข่าวลือเช่นนี้ เจ้าสำนักของหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหก ก็มีโทสะแทบเป็นแทบตาย นี่ถือวิสาสะอะไรกัน ? จึงได้ไปไถ่ถามถึงเหตุผลกับผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้

 

เมื่อเขาได้พบเห็นสีหน้าของผู้ดูแลคนนั้น ก็ทราบได้ทันทีว่าต้นสายปลายเหตุนั้นแท้จริงแล้วคืออะไร และผู้รับผิดชอบคนนั้น ยังได้อธิบายบอกกล่าวกับเขาอีกว่า

 

หมู่ตึกพวกเขาที่แล้วมา ได้เข้าไปยังแดนลับมากมายหลายต่อหลายครั้งแล้ว อีกทั้งผู้ดูแลคนนั้นยังนำเอาจำนวนรวมที่ผ่านมาทั้งหมดสองพันกว่าปีก่อน มาเพื่อทำการเปรียบเทียบให้ดู

 

แต่มีหรือที่เจ้าสำนักของหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกจะสามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่ผู้รับผิดชอบคนนั้นยืนกรานว่าเขานั้น ‘ยึดมั่นในคุณธรรม’ และปฏิเสธที่จะรับสินบน และบอกกล่าวต่อเจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกอีกด้วยว่า : แผ่นป้ายทั้งห้าชิ้นนั้น ต่อให้พวกท่านทำตกหล่นในซอกฟัน ก็ต้องเก็บกลับมาให้แก่ข้า

 

เจ้าสำนักผู้นั้นหลังจากที่ได้กลับมาที่หมู่ตึกของเขา ก็เกิดโทสะอย่างหนัก เขาทราบดีว่าสาเหตุที่แท้เกิดจากโล่วปิง จึงด่าทอโล่วปิงไปยกใหญ่ จนนางไม่กล้าที่จะโต้ตอบแม้ซักคำเดียว

 

เรื่องนี้นั้น เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่า เป็นผู้อื่นจงใจที่จะกลั่นแกล้งพวกเขา ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่สามารถที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้ จึงเดินทางไปเยี่ยมเยือนหมู่ตึกที่หนึ่ง เพื่อที่จะไปขอร้องอ้อนวอน ดูว่าพอที่จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้หรือไม่

 

หมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกกับหมู่ตึกที่ลำดับที่หนึ่งนั้นถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อกัน ทว่ากลับมิได้มีความสนิทชิดเชื้อมากมาย แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงหมู่ตึกที่หนึ่ง ซึ่งมีพลังแข็งแกร่งที่สุด และโดดเด่นที่สุด ก็ย่อมต้องเป็นพลังที่จะช่วยเหลือเขาได้อยู่แล้ว

 

แต่หากมีเพียงพลังแต่ไม่ได้จัดอยู่ในสิบอันดับแรก ก็คงไม่สามารถจะช่วยสะสางเรื่องราวนี้ให้เป็นผลได้ หมู่ตึกลำดับอื่นๆจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยเขาให้เป็นผลได้ ดังนั้นแล้วต่อให้มีความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นแฟ้นมากแค่ไหน ก็คงต้องอ้อนวอนเจ้าสำนักหมู่ตึกที่หนึ่งให้ได้ ดั่งคำที่มักกล่าวกันว่า แม้จะมีความหวังเพียงสายเดียวก็ต้องช่วงชิงมาให้ได้

 

ครั้งเมื่อเจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกร้องเรียนจะขอเข้าพบเจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่หนึ่ง เจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่หนึ่งนั้นคร้านที่จะพบเขา จึงได้ส่งผู้อาวุโสผู้หนึ่งมาเพื่อรับหน้า

 

ผู้อาวุโสผู้นั้นออกหน้าต้อนรับเจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกพอเป็นพิธีอยู่ครู่หนึ่ง และก็ได้รับคำว่าจะช่วยถามไถ่ให้เขา จากนั้นก็เดินจากไป

 

เจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกเดิมในตอนนั้นคิดว่าไม่มีความหวังอีกแล้ว แต่ในขณะที่กำลังตระเตรียมที่จะกลับไปนั้น ผู้อาวุโสคนเดิมก็กลับมาพบ และบอกต่อเขาว่า เรื่องนี้ท่านเจ้าสำนักให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จะต้องช่วยเหลือเขาไกล่เกลี่ยอย่างแน่นอน

 

ผลสุดท้ายหมู่ตึกที่หนึ่งยังไงเสียก็ยังคงเป็นหมู่ตึกที่หนึ่ง ย่อมต้องมีอำนาจมากอยู่แล้ว คนรับผิดชอบผู้นั้น ยังไงเสียก็ย่อมต้องเห็นแก่หน้าของเขาอยู่ดี

 

หลังจากที่ผ่านไปได้สองวัน หมู่ตึกที่สามสิบหกของพวกเขาก็ได้รับข่าวแจ้งกลับมา เพียงแค่เสียสละแค่สามชิ้นก็เพียงพอแล้ว

 

ใช้เวลาไม่นานก็ลดน้อยลงไปได้ถึงสองชิ้น นั่นแสดงว่าผู้รับผิดชอบผู้นั้นเห็นแก่หน้าหมู่ตึกลำดับที่หนึ่งมากมายยิ่งนัก และอำนาจของหมู่ตึกลำดับที่หนึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าได้แผ่มาถึงหมู่ตึกของเขา เจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกเกิดความลิงโลด คิดเอาว่าที่ตนเองทำไปนั้นถูกต้องแล้ว

 

ทว่าเรื่องราวพึ่งผ่านไปได้เพียงแค่สามวัน ผู้อาวุโสผู้หนึ่งของหมู่ตึกที่หนึ่งก็ได้มาเยื่ยมเยือน โดยที่มาเป็นแขก โดยที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ เท่านั้น ทั้งยังได้เอ่ยถึงเรื่องหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดโดยที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ อีกด้วย

 

ในคำบอกเล่าที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ที่ได้แสดงออกมาของผู้อาวุโสผู้นั้น จับความได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดในช่วงนี้ ได้ทำให้เจ้าสำนักของพวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

 

เจ้าสำนักหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกได้ฟังเรื่องเล่าที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ เพียงครู่เดียว ก็ทำให้เขาเข้าใจขึ้นมาได้ ในเวลานี้เขาทราบเหตุผลที่แท้จริงแล้วว่าเหตุใดหมู่ตึกที่หนึ่งจึงให้การช่วยเหลือ นั่นก็เพื่อซื้อใจเขาเอาไว้เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งพวกนั้นแท้จริงแล้วก็มีเป้าหมายแอบแฝงเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง

 

ในตอนนั้นโล่วปิงได้แสดงท่าทีออกมาว่า จะทำให้หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดได้เห็นดีกัน นั่นทำให้ผู้อาวุโสผู้นั้นอมยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมายอีกต่อไป

 

ถึงแม้จะรู้สึกได้ว่าการทำเช่นนี้จะไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าในเมื่อหมู่ตึกที่หนึ่งก็ช่วยเหลือพวกเขาไปแล้ว ถ้าหากไม่ตอบแทน ก็คงเสมือนเป็นคนอกตัญญูไป

 

และถ้าหากเรื่องเช่นนี้สามารถจบลงได้อย่างงดงาม ก็เท่ากับว่าสามารถสานความสัมพันธ์กับหมู่ตึกที่หนึ่งให้แน่นแฟ้นขึ้นมาได้ อย่างไรเสียนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว

 

อีกทั้งคนอย่างเจ้าสำนักของหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหก ก็เห็นด้วยกับการกระทำของโล่วปิง แต่ก็ได้กำชับเอาไว้ว่า จงอย่าได้ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตมาจนเกินไป

 

สำหรับโล่วปิง การไปหาเรื่องผู้อื่นถือเป็นเรื่องที่นางชื่นชอบที่สุดอยู่แล้ว ทั้งยังสามารถนำพาศิษย์ของทางหมู่ตึก ไปช่วยเหยียบย้ำผู้อื่นถึงที่ได้โดยไม่ถือเป็นความผิดอีก นี่นับว่าเป็นเรื่องน่าสนุกเลยทีเดียว

 

“เจ้าเจตนาที่จะก่อกวนอย่างไร้เหตุผลแล้ว นี้มันข่มเหงกันมากเกินไปแล้ว” ถู่ฟางเกิดโทสะสุ่มจนแทบจะทนไม่ไหว แม้จะเคยถูกข่มเหงมาก่อน แต่ยังไม่เคยมีครั้งใดที่ถูกข่มเหงมากถึงเพียงนี้เชียว

 

“เชอะ การคงอยู่ในโลกแห่งวิทยายุทธ์ ไม่สมควรที่จะต้องมาสูญทรัพยากรกับผู้ที่อ่อนแอ แท้จริงแล้วจะสามารถพึ่งพาพวกชนชั้นสวะอย่างพวกเจ้าให้ไปต่อกรกับฝ่ายอธรรมได้จริงอย่างนั้นหรือ ?

 

น่าขำนัก! ผ่านศึกครั้งใหญ่มาได้เพียงแค่ครั้งเดียว ทั้งหมู่ตึกก็มีศิษย์เหลืออยู่ไม่ถึงพันคนแล้ว พวกเจ้าน่ะที่แท้แล้วถูกไล่ฆ่าดั่งสุกรมาใช่หรือไม่?” โล่วปิงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว

 

หมู่ตึกลำดับที่สามสิบหกนั้น ในทุกครั้งที่เปิดรับศิษย์ใหม่ ก็มีคนมาเพิมมากถึงสามหมื่นกว่าคน นั่นเป็นเพราะพวกเขานั้นมีพื้นที่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ อีกทั้งยังมีทรัพยากรจำนวนมาก เพียงพอต่อการเลี้ยงดูคนทั้งหมดได้อย่างสบาย

 

ผิดกับหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดมากมายนัก หลิงหวินจื่อไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย หลายพันปีที่ผ่านมานี้ ตกอยู่ในอันดับรั้งท้ายมาโดยตลอด และยิ่งนานวันก็ยิ่งไต่เต้าขึ้นไปไม่ไหว ทรัพยากรที่สาขาใหญ่แบ่งก็ยิ่งลดน้อยลงไปทุกที ตกอยู่ภายใต้วัฎจักรที่เลวร้ายเช่นนี้เรื่อยมา จึงทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถผงาดขึ้นมาได้

 

ดังนั้นที่ผ่านมานี้หลิงหวินจื่อจึงมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบอยู่เต็มอก แต่น่าเสียดายว่าพลังในการวิเคราะห์ของคนเรานั้นยังมีข้อจำกัดอยู่ จึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงเช่นนี้ไปได้

 

กล่าวกันว่าหมู่ตึกที่หนึ่งนั้นทวีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่เปิดรับศิษย์ใหม่ ซึ่งในแต่ละครั้วก็มีมากถึงร้อยหมื่นคนขึ้นไป ซึ่งถึงแม้ว่าจะผ่านการคัดสรรค์อย่างดีแล้ว ก็ยังพบว่ามีจำนวนศิษย์ที่มีความโดดเด่นอยู่มากถึงหลายสิบหมื่นคนที่ผ่านการคัดสรรค์มาได้

 

เมื่อเทียบกับหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด ทั้งสองฝ่ายนั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว ดังนั้นโล่วปิงจึงไม่กลัวเกรงสิ่งใด พากองกำลังมุ่งหน้ายังหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด เพื่อที่จะได้มาชมดูความสิ้นหวังของหมู่ตึกแห่งนี้ บนใบหน้าของนางนั้นไม่ปรากฏสีหน้าของความเมตตาสงสาร หรือแม้แต่แยแสสนใจใดๆทั้งสิ้น

 

ก็คล้ายกับผู้หนึ่งเป็นราชา มาถึงรังของขอทานก็มิปาน ความรู้สึกที่สูงศักดิ์เหนือกว่าเช่นนั้น พองขยายอย฿ในอกของนางมากเรื่อยๆ

 

กลุ่มศิษย์ที่อยู่ทางด้านหลังของนางนั้นก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างก็เชิดจมูกขึ้นสูงมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับทอแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามและไม่เห็นค่า

 

“ข้าก็ไม่ได้อยากจะทำให้พวกเจ้าลำบากใจไปหรอกนะ พวกเจ้าก็ให้ศิษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน มาต่อสู้กับคนของข้าสักสิบรอบก็พอ แต่พวกเจ้าวางใจเถอะ เหล่าศิษย์ของข้าอย่างไรก็เป็นศิษย์ที่สูงส่ง ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตของพวกเจ้าไปหรอก เพียงแต่อาจจะพลั้งมือทำร้ายพวกเจ้าไปบ้าง และถ้าถึงขั้นที่พิกลพิการ พวกเจ้าก็อย่าได้โทษว่าพวกข้าไปละ

 

หรือถ้าหากพวกเจ้ากลัว ก็รีบคุกเข่าต่อหน้าพวกเรา ยอมรับว่าตนเองเป็นสุกร เท่านั้น พวกเราก็จะจากไปทันที ว่าอย่างไร ? จะสู้หรือว่าไม่สู้ พวกเจ้าเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกัน” โล่วปิงกอดอก กล่าวขึ้นมาอย่างวางอำนาจ

 

“ผู้อาวุโสถู่ พวกเราต้องสู้ พวกเขาเหยียดหยามกันมากเกินไปแล้ว”

 

“ใช่แล้ว พวกเราต้องสู้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ถูกหยามอยู่ฝ่ายเดียวแน่”

 

“แม้แต่การเผชิญหน้ากับศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่โหดร้าย พวกเราก็ยังไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว มีหรือพวกเราจะเกรงกลัวพวกเขากัน ? ”

 

ศิษย์ของหมู่ตึก โกธรแค้นแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว โล่วปิงผู้นั้นกล่าวถึงพวกแต่ละคำก็มีแต่คำว่าสุกร นั่นเป็นการเหยียบหยามผู้คนเป็นอย่างยิ่ง

 

และถึงแม้ศิษย์ของทางหมู่ตึกที่สามสิบหก จะมิได้กล่าวอะไรออกมา แต่ว่าด้วยท่าทีที่ใช้แต่เพียงปลายจมูกมองดูพวกเขา ที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับมองดูเศษก้อนหินก้อนดินที่อยู่บนพื้น นั่นยิ่งทำให้ศิษย์ของหมู่ตึกยิ่งรู้สึกเคียดแค้นขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้น

 

“ชิ คิดไม่ถึงว่าเจ้าพวกสุกรพวกนี้ ยังมีความเที่ยงตรงเช่นนี้ได้ ว่ายังไงละ? ถู่ฟาง จะสู้หรือไม่? ” โล่วปิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

 

“ผู้อาวุโสถู่ฟาง รับคำท้าเถอะ ถ้าหลงเฉินอยู่ที่นี่ด้วย คงจะมีคนเลือดโชกตั้งแต่แรกไปแล้ว”

 

หากว่าพวกเราไม่ตอบรับ พอหลงเฉินกลับมา ทุกคนก็คงจะไม่มีหน้าไปพบเขาแล้ว” ถังหว่านเอ๋อกล่าว

 

ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะ และนางก็ไม่อาจที่อยู่ในสภาวะที่สง่าผ่าเผยเช่นหลงเฉินได้เลย น้ำเสียงยังติดจะสั่นเครือขึ้นมาแล้วด้วย เรียกว่าแทบจะไม่อาจซุกซ่อนโทสะไว้ต่อไปได้อีกแล้ว

 

“หลงเฉินงั้นหรือ ? คนที่คิดที่จะสวมรอยว่าเป็นสุดยอดฝีมือผู้นั้นสินะ ก็แค่เจ้าโง่ที่คิดจะมาหลอกลวง ปล้นเอาสวัสดิการจากทางสาขาหลักเท่านั้นมิใช่หรือ ? ” ศิษย์สายตรงของหมู่ตึกที่สามสิบหกคนนึ่ง ทอสีหน้าเย้ยหยัน แล้วกล่าวขึ้นมา

 

“มารดาเจ้าเถอะ!”

 

วาจาของคนผู้นั้นพึ่งจะจบลง ศิษย์ขอหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ถังหว่านเอ๋อก็ระเบิดพลังออกมา ภายในพริบตา ทุกคนต่างก็ชักดาบ ชักอาวุธ กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง มุ่งหน้าเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อฆ่าสังหาร

 

หากเป็นผู้อื่นเหยียดหยามพวกเขา ก็คงทำให้พวกเขาแค่มีโทสะขึ้นมา แต่หากว่ามีคนเหยียดหยามหลงเฉิน เช่นนั้นก็มีแต่ทำให้พวกเขาคลั่งขึ้นมาเท่านั้น

 

หลงเฉินถือได้ว่าเป็นเหมือนกับเทพสวรรค์ที่สถิตย์อยู่ภายในจิตใจของพวกเขา หากมีคนคิดที่จะถ่มน้ำลายใส่หลงเฉิน พวกเขาย่อมตามราวีไม่ขอเลิกราอย่างแน่นอน

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งโล่วปิง และคนของหมู่ตึกที่สามสิบหก ทั้งหมดต่างก็ตกใจกันขึ้นมา เดิมทีพวกเขายังคิดเอาไว้ว่า ศิษย์หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด เป็นเพียงแค่กลุ่มคนขลาดเขลาเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นบรรดาศิษย์ที่พวกเขาเหยียดหยามว่าขลาดเขลาเหล่านั้นกำลังทอแววตาแดงฉาน แสดงใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรังสีการฆ่าฟันหมายจะพุ่งเข้ามา ดูแล้วไม่ต่างไปจากมารร้ายที่ออกมาจากขุมนรก ก็เริ่มนึกหวาดกลัวขึ้นมา ด้วยท่าทีที่โหดเหี้ยมเช่นนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมได้หลายสิบเท่าเลยทีเดียว

 

“หยุดก่อน!”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

 

ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้นมา ทุกคนที่กำลังวิ่งตะบึงกันออกไป ก็ได้หยุดร่างตนเองเอาไว้ในทันที ไม่ก้าวออกไปต่อแม้ซักครึ่งก้าว

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 909 แล้วครับ)

ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset