เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 294 คมวายุม่านฟ้า

 

“ตายซะเถอะ”

 

ถังหว่านเอ๋อตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด ผสานมือทั้งสองข้างขึ้นจนเป็นรอยตรา ภายใต้สภาวะอากาศที่สั่นไหวมีคมวายุปกคลุมเอาไว้ คล้ายกับกระแสน้ำที่ไหลหลากพุ่งเข้าไปทางด้านของทั้งสองคน

 

คมวายุอันน่าหวาดกลัวได้ตัดผ่าอากาศธาตุไป ทำให้ฟ้าดินสั่นไหวเกิดเป็นเสียงระเบิดดังแสบแก้วหู คล้ายกับเหล็กขูดเข้าด้วยกันก็มิปาน ทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปเกิดความหนาวสั่นเข้าไปจนถึงเยื่อกระดูก

 

แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังต้องหวั่นไหวขึ้นมา ขณะนี้คมวายุของถังหว่านเอ๋อคล้ายกับผนึกขึ้นมาได้มาอีกในระดับหนึ่ง ทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นเยือกอยู่อีกชั้น จนทำให้ผู้คนรู้สึกจิตใจร่างกายเต้นระรัวขึ้นมา

 

เดิมทีถังหว่านเอ๋อที่ผนึกคมวายุเอาไว้ทั้งหมด ต่างก็มีขนาดใหญ่หลายฉื่อ แต่ว่าคมวายุที่ผนึกขึ้นมาในขณะนี้ กลับมีเพียงฉื่อเดียวแล้วยังมีลักษณะคล้ายจันทราเสียวเล่มหนึ่งก็มิปาน

 

แต่ว่าคมวายุขนาดเล็กเหล่านี้ที่ด้านบนยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่แข็งแกร่ง เมื่อได้มองดูคมวายุเหล่านั้นก็เกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมาเป็นสาย

 

เดิมทีสองพี่น้องนั้นแทบจะไม่เห็นถังหว่านเอ๋ออยู่ในสายตา จึงกล้าที่จะกล่าววาจาหยาบคายออกมาเช่นนี้

 

แต่ในยามที่พวกเขาเห็นคมวายุปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า ก็ได้ร้องเสียงประหลาดออกมาด้วยความตกใจ และก็ได้ยื่นมือออกไปในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ในมือก็ได้มีโล่ประหลาดเพิ่มขึ้นมา

 

แผ่นโล่นั้นคล้ายกับแผ่นเหล็กกล้า ทั้งสองคนได้หันหลังเข้าชนกัน ที่ดูไปแล้วกลับคล้ายลูกก้อนหนังกลมกลิ้งลูกหนึ่งเลยก็มิปาน

 

“ตึงตึงตึง”

 

เมื่อคมวายุที่ตัดอยู่ทางด้านบนของลูกก้อนหนังกลมกลิ้งชิ้นนั้นได้เกิดเป็นประกายไฟแสบตาขึ้นมา จนเกิดการระเบิดไปทั่วทั้งผืนฟ้าคล้ายกับว่าลูกก้อนหนังเหล็กได้ตกอยู่ภายใต้ท่ามกลางคลื่นมหาสมุทรจนถูกซัดกระเด็นไปในทันที

 

“แย่แล้ว”

คมวายุที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของถังหว่านเอ๋อ ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ถึงแม้ไม่อาจที่จะตัดทำลายลูกก้อนหนังก้อนนั้นได้ แต่ก็ได้ผลักพวกเขาออกไปด้านนอกของเวที

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นลูกก้อนหนังกลมกลิ้งก็ได้แยกออกจากกัน ในมือของทั้งสองคนก็ได้มีกรงเล็บบินเพิ่มขึ้นมา ลอยทะยานเข้าไปทางด้านถังหว่านเอ๋อ

 

กรงเล็บบินนั้นมีขนาดใหญ่เท่าขนาดมือของคน อีกทั้งยังเป็นปลายนิ้วที่มีความคมกล้าที่น่าประหลาด ที่ด้านหลังยังมีห่วงโซ่อยู่เส้นหนึ่งผูกติดเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าน่าประหลาดอย่างถึงที่สุด

 

กรงเล็บบินทั้งสองเล่มก็มุ่งตะปบเข้าไปยังถังหว่านเอ๋อ ทั้งยังเข้าถึงในมุมที่สลับซับซ้อนที่สุด และที่สำคัญก็คือในเวลาที่กรงเล็บบินนั้นเข้ามาถึงยังด้านข้างลำตัวของถังหว่านเอ๋อ ภายในพริบตาเดียวก็ได้แหวกกรงเล็บออกมาผสานรวมเข้าด้วยกันจนคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมา

 

ที่ทำให้ผู้คนตกใจมากที่สุดก็คือ กรงเล็บทั้งสองที่ดูคล้ายกับกำลังโจมตีเข้ามาในเวลาเดียวกัน ความจริงแล้วกลับแบ่งแยกออกเป็นหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง แต่ผสมผสานรวมเข้าด้วยกันได้อย่างดีเยี่ยมโดยที่ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย หากว่าจะหลบเลี่ยงไปก็ยังไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงอีกชิ้นหนึ่งได้

 

ถังหว่านเอ๋อมีสีหน้าเปลี่ยนไป ตวาดขึ้นมาด้วยเสียงที่เย็นเฉียบ

 

“โล่ทลายวายุ”

 

ทันใดนั้นเองร่างกายของถังหว่านเอ๋อก็ได้ปกคลุมไปด้วยคมวายุขึ้นมาอย่างถี่ยิบ กรงเล็บขนาดใหญ่ทั้งสองชิ้น ก็ได้ตะปบเข้าไปที่โล่ที่ถูกผนึกขึ้นมาจากวายุเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ทั้งสองคนนั้นเมื่อเห็นว่าได้ตะปบโดนถังหว่านเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่จะยินดี ในเวลาเดียวกันก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง และระเบิดพลังออกมาทั่วทั้งร่าง

 

พวกเขาทั้งสองถึงแม้ว่าจะเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต แต่ว่าพวกเขาก็ถือได้ว่ามีพลังการต่อสู้อย่างแท้จริง ถือได้ว่าแตกต่างไปจากผู้อยู่เหนือขอบเขตอื่นเป็นอย่างมาก

 

ทว่าจุดที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขาทั้งสองก็คือมีจิตใจที่ผสานเข้าด้วยกันได้ เมื่อร่วมมือกันย่อมไม่มีสิ่งใดทำให้เกิดการแตกแยกขึ้นมาได้

 

ดังนั้นหมู่ตึกที่ทำการเลี้ยงดูพวกเขา ได้วางแผนสร้างอาวุธที่ประหลาดชุดหนึ่งขึ้นมาทำให้พวกเขามีพลังการโจมตีที่เฉียบคมและพลิกแพลงได้อย่างไร้ที่เปรียบ

 

โดยเฉพาะกรงเล็บขนาดใหญ่ในมือของพวกเขา ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ผ่านการทุ่มเทจิตวิญญาณของปรมาจารย์ผู้หลอมศาตราในการสร้างขึ้นมา ภายในกรงเล็บขนาดใหญ่ก็ได้มีพลังแฝงที่เร้นลับด้วยพลังอักขระอยู่อีกชนิดหนึ่ง

 

วันใดที่กระตุ้นพลังอักขระสายนั้นขึ้นมาก็จะทำให้กรงเล็บผสานรวมเข้าด้วยกันได้ จนเกิดความพิสดารที่ยิ่งใหญ่ มันสามารถที่จะฉีกกระชากเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

 

เมื่อทั้งสองคนเห็นถังหว่านเอ๋อถูกกักขังเอาไว้ก็อดไม่ได้ที่จะยินดีขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ไหลเวียนพลังขึ้นมาเพื่อกระตุ้นพลังอักขระที่อยู่ภายในนั้นขึ้น

 

“โครม”

 

เมื่อเสียงระเบิดได้ดังขึ้นมา คมวายุก็ได้ระเบิดเป็นชิ้นๆ

 

“อะไรกัน?”

 

ศิษย์หมู่ตึกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เมื่อถังหว่านเอ๋อบดขยี้กรงเล็บขนาดใหญ่ของทั้งสองคนลงได้จนไม่เหลือแม้แต่ซาก

 

“ระวัง”

 

สองพี่น้องนั้นเมื่อได้พบเห็นกระบวนท่าสังหารของถังหว่านเอ๋อที่โจมตีเข้ามา ก็อดไม่ได้ที่จะยินดี กำลังคิดจะกล่าววาจา แต่ทันใดนั้นเสียงของโล่วปิงก็ร้องตะโกนดังขึ้นมา

 

“ระวัง”

 

ทั้งสองคนแตกตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นเองความรู้สึกที่เหมือนกับมีความตายกำลังคุกคามเข้ามาถึงจิตใจ และในเวลาเดียวกันก็คล้ายกับมีสายลมกรดพุ่งผ่านเข้ามาทางด้านหลังศีรษะ

 

ทั้งสองคนตกใจ แล้วได้รีบยกแผ่นโล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“ตูม”

 

ทั้งสองคนรีบร้อนผสานพลังเข้าต้านทานแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังขุมใหญ่ที่โชยพัดเข้ามา จนทั้งสองคนได้กลิ้งออกไปจนไกล

 

มีคนๆหนึ่งที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนยังไม่อาจที่จะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีคมวายุสายหนึ่งตัดเข้าไปที่ข้างเอวของเขาอย่างไร้ซึ่งสุ่มเสียง

 

“พรวด”

 

คนผู้นั้นกรีดร้องขึ้นมาเสียงดัง เลือดสาดกระเซ็นออกมา ไม่ได้มีแต่เพียงโลหิตฉีดพุ่งออกมา แต่ยังมีบางอย่างที่คล้ายกับดอกๆเขียวๆไหลออกมาอีกส่วน

 

หลงเฉินผ่อนลมหายใจออกมา ในที่สุดถังหว่านเอ๋อก็เข้าใจถึงความหมายในการต่อสู้ขึ้นมาได้ และสามารถที่จะลงมือขั้นเด็ดขาดโดยแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

 

ท่ามกลางสนามมีแต่เพียงถู่ฟาง โล่วปิงกับหลงเฉิน สามคนที่ทราบว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

 

เมื่อลมขนาดใหญ่มาถึงเบื้องหน้าของถังหว่านเอ๋อ จึงได้เข้าใจถึงความแปลกประหลาดของอาวุธชนิดนี้แล้ว ว่าไม่อาจที่จะต่อกรได้ง่าย อีกทั้งนางยังไม่จำเป็นที่จะต้องต่อกรพวกมัน

 

ถังหว่านเอ๋อเมื่อได้กระตุ้นคมวายุปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าขึ้นมา ก็ได้ปิดบังสายตาของทุกคนเอาไว้ ด้วยการผนึกโล่คุ้มกันขึ้นมาอย่างแน่นหนา

 

ตามความเป็นจริงแล้วพื้นที่ที่เป็นแนวป้องกันกลับเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างเท่านั้น เมื่อถังหว่านเอ๋อได้ใช้กระบวนท่าที่เป็นดั่งจักจั่นลอกคราบ หยิบยืมสภาวะที่ซ่อนเร้นจากวายุที่ปกคลุมไปทั่วฟ้า ลอบเข้าไปยังด้านหลังของทั้งสองคน

 

ในระหว่างที่ทั้งสองคนนั้นคิดว่ากำลังจะบรรลุเป้าหมายแล้ว หมายมั่นที่จะลงมืออย่างอุกอาจ ถ้าหากมิใช่เพราะโล่วปิง ทั้งสองคนก็คงจะต้องถูกฆ่าไปแล้ว

 

เมื่อกระบวนท่าแรกของถังหว่านเอ๋อโจมตีไม่โดน เมื่อถูกจ้องมองจากเด็กน้อยเหล่านั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมา จึงได้ชักนำคมวายุแห่งจิตวิญญาณสายหนึ่งขึ้นมาได้ในทันที

 

คมวายุทั่วทั้งผืนฟ้าต่างก็เป็นสิ่งที่ถูกผนวกขึ้นมาจากจิตวิญญาณของถังหว่านเอ๋อ ถังหว่านเอ๋อยังสามารถที่จะใช้เพื่อทำการโจมตีดุจเพียงแค่กระดิกปลายนิ้ว

 

หากเป็นก่อนหน้านี้การโจมตีนั้นยังคงบอบบางมากจนเกินไป แทบจะไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งได้เลย

 

แต่ว่าตอนนี้ต่างกันแล้ว คมวายุของถังหว่านเอ๋อที่ได้ผ่านการผันแปร จนมีพลังทำลายที่ไร้ขีดจำกัด ถึงขั้นตัดผ่าเอวของคนผู้นั้นไปได้ในทันที

 

ถ้าหากมิใช่ว่าในยามที่คนผู้นั้นตกอยู่ภายใต้คมวายุโดยที่ยังเสริมพลังร่างกายเอาไว้อยู่ เดิมทีหากว่ายังมุ่งหน้าถอยไปทางด้านหลัง ร่างก็คงจะขาดเป็นสองท่อนตั้งแต่แรกไปแล้ว

 

ต่อให้เป็นเช่นนี้ในส่วนของหน้าท้องก็ยังได้ถูกตัดออกจนถึงขั้นมีลำไส้ไหลออกมา คนผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา กุมหน้าท้องเอาไว้ พร้อมทั้งถือลำไส้มุ่งหน้าเดินออกไปจากเวที

 

“คิดหนี ก็ทิ้งชีวิตเอาไว้เสียเถอะ”

 

ถังหว่านเอ๋อส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา เรียกได้ว่านางชิงชังสองคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ที่ก่อนหน้านี้ดูแคลนตนเอง ทั้งยังลงมือเผ็ดร้อนอย่างไร้น้ำใจ นางย่อมไม่ยอมที่จะยั้งมืออย่างแน่นอน

 

ทั่วทั้งสนามได้ถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยคมวายุ สถานที่แห่งนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นดั่งอาณาเขตของนางเลยทีเดียว แม้จะไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือ แต่เมื่อกระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา ระยะห่างของคมวายุที่ใกล้ชายหนุ่มผู้นั้นที่สุด ก็ได้ฟาดเข้าไปที่คนผู้นั้นอย่างรุนแรง

 

คนผู้นั้นแตกตื่นตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ จึงได้รีบที่จะยกโล่ขึ้นมาป้องกัน แต่ว่าแผ่นโล่กลับทำได้แต่เพียงแค่ต้านทานได้เพี่ยงด้านหนึ่ง แต่กับอีกด้านหนึ่งกลับไม่สามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้

 

กล่าวได้ว่าฝาแฝดคู่นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ในเวลาที่คิดจะผ่าคนผู้นั้นออกเป็นท่อนๆ พี่น้องของเขาอีกคนก็จะเข้ามา ทั้งสองคนกระชับโล่ขึ้นมาเพื่อต้านทานเอาไว้พร้อมกัน

 

“ตึงตึงตึง”

 

เพื่อป้องกันการโจมตีจากคมวายุที่ฟาดลงมา ด้วยอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาจากปรมาจารย์ผู้หลอมศาตรา

 

พวกเขานั้นใช้พลังฝีมือในการป้องกันสูงสุด ที่เมื่อครู่พวกเขาได้แยกออกจากกันก็เพื่อที่จะลอบทำร้ายถังหว่านเอ๋อ แต่กลับเกือบที่จะถูกถังหว่านเอ๋อฆ่า

 

ตอนนี้พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาพที่กระอักกระอ่วนอย่างถึงที่สุด ถังหว่านเอ๋อที่พลาดท่าไปแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นครั้งที่สองอย่างแน่นอน

 

ขณะนี้ถังหว่านเอ๋อได้ใช้คมวายุที่ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าฟาดใส่ลูกก้อนหนังกลมกลิ้งนั้น ขอเพียงพวกเขาเปิดลูกก้อนหนังกลมกลิ้งออก ก็จะถูกจัดการดุจสายฟ้าฟาดลงไปในกระบวนท่าเดียว

 

ในเวลานี้พวกเขาเองก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง ทั้งยังไม่กล้าที่จะโผล่หัวออกมา เพราะเพียงยื่นหัวออกมาจากภายในกระดอง พวกเขาย่อมต้องถูกผ่าเป็นเสี่ยงๆ อย่างแน่นอน

 

ในเวลานี้ทั้งสองคนนั้นต่างก็แตกตื่นจนขวัญหายกันไปแล้ว การโจมตีของถังหว่านเอ๋อ แทบจะเรียกได้ว่าควบคุมพวกเขาเอาไว้เลยทีเดียว จนแทบไม่มีโอกาสจะสวนกลับได้เลยก็ว่าได้

 

พวกเขาทั้งสองได้พยายามที่จะเคลื่อนไหวลูกก้อนหนังกลิ้งเข้าหาถังหว่านเอ๋อ ทำท่าเหมือนกับจะโจมตี แต่หลังจากที่ได้ถูกถังหว่านเอ๋อโจมตีไปแล้วอีกครั้ง ก็ได้มุ่งหน้ากลิ้งไปอีกทาง หมายที่จะออกไปจากเวที

 

หากเป็นการพ่ายแพ้เช่นนี้ พวกเขายังสามารถที่จะใช้เป็นข้ออ้างได้ว่า ตนเองไม่ระวังกลิ้งออกจากเวทีไปเอง หาใช่ความพ่ายแพ้ที่แท้จริงไม่

 

เมื่อถังหว่านเอ๋อมองไปที่ลูกก้อนหนังกลมกลิ้งที่กำลังกลิ้งไปอีกด้านหนึ่ง ก็ทราบถึงแผนการของพวกเขาได้ มีหรือที่จะปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ปรารถนาได้ ?

 

ไม่ว่าลูกก้อนหนังกลมกลิ้งนั้นจะกระโดดไปยังทางใด ต่างก็มีคมวายุคอยกดดันให้พวกเขากลิ้งกลับ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเนื่องจากโล่ของพวกเขานั้นแข็งจนเกินไป พลังที่พุ่งเข้าใส่จึงแทบจะไม่ระคายเลยด้วยซ้ำ

 

ทุกคนต่างก็ทำสีหน้าประหลาดมองไปทางด้านบนเวที ลูกก้อนหนังกลมกลิ้งลูกหนึ่งที่กลิ้งไปกลิ้งมา สายตาของทุกคนต่างก็เคลื่อนไหวตามลูกก้อนหนังกลมกลิ้งนั้นไป

 

โล่วปิงอดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้วขึ้นมา นางไม่รู้จักสองพี่น้องคู่นี้ดีพอ เนื่องจากส่วนมากพวกเขามักจะเก็บตัวเพื่อฝึกปรือ ทั้งสองคนจึงคุ้นเคยต่ออาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขาเองเสียมากกว่า

 

แต่นางจะทราบว่าถ้าทั้งสองคนได้ร่วมมือกัน จะสามารถใช้วิชาผสานที่ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาได้ ทั้งยังไม่เกรงกลัวที่จะต้องสู้กันเป็นกลุ่ม ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนย่อมสามารถที่จะต้านทานผู้อยู่เหนือขอบเขตที่ร่วมมือกันได้ถึงสี่ห้าคนเลยทีเดียว

 

พวกเขาสองพี่น้องนับตั้งแต่โลดแล่นจวบจนบัดนี้ หากจัดอยู่ในระดับเดียวกัน ที่ผ่านมานี้ถึงกับสร้างประวัติกาลไร้พ่ายได้มาโดยตลอดเลยทีเดียว

 

ดังนั้นทั้งสองคนที่อยู่ในหมู่ตึก นอกจากคนผู้นั้นแล้วก็ถือได้ว่าถูกให้ความสำคัญอย่างถึงที่สุด อีกทั้งในการเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้าในครั้งนี้ ทางหมู่ตึกยังถึงกับคาดหวังในตัวของพวกเขาไว้เป็นอย่างยิ่ง

 

แต่ว่าเมื่อเห็นทั้งสองคนหลบซ่อนอยู่ภายในลูกหนังกลม ทั้งยังไม่อาจที่จะลงมือโจมตีได้อีก ก็อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มขึ้นมา นับตั้งแต่เริ่มยังคิดว่าทั้งสองคนคิดที่จะลองเชิงอยู่ หรือไม่ก็กำลังหาวิธีในการสวนกลับ

 

แต่ตอนนี้กลับกลิ้งไปมานานถึงครึ่งชั่วยามไปแล้ว ต่อให้เป็นผู้ที่ชมการต่อสู้ ก็รู้สึกเมื่อยล้าสายตาขึ้นมา

กัวหรานมองไปที่ลูกก้อนหนังกลมกลิ้งที่กลิ้งไปมาอยู่นั้น ก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว “พี่น้องคู่นี้ ถูกกำหนดให้ต้องมาเล่นละครโศกนาฏกรรมหรือยังไง หรือว่านี้จะเป็นลิขิตสวรรค์กันนะ!”

 

ซ่งหมิงแหย่นกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่ค่อยจะเข้าใจ “เพราะอะไรกัน”

 

“พวกเขาสองพี่น้องชื่อว่าอะไรกันนะ?” กัวหรานกล่าว

 

“คล้ายกับมีคนหนึ่งเรียกว่าป่อซื่อตง อีกคนเรียกว่าป่อซื่อซี”

 

“เช่นนั้นก็ใช่แล้ว คนหนึ่งเรียกว่าป่อซื่อตง คนหนึ่งเรียกว่าป่อซื่อซี รวมกันขึ้นมาแล้วก็คือ ไม่ตงไม่ซี* เจ้าไม่เห็นทิศทางที่พวกเขากลิ้งไปกลิ้งมาหรอกหรือไง หากมิใช่ตง (*ตะวันออก) ) ก็เป็นซี (*ตะวันตก) เอ๊ะ! หรือที่แท้บิดาของเขาจะคาดเดาได้ว่าจะมีวันนี้ได้ตั้งแต่แรกกัน? ถึงกับมีวิชาทายทักที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว” กัวหรานทอสีหน้านับถือขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมา

*不是东西 ไม่ตงไม่ซี หมายความว่าไม่ใช่ตัวดีอะไร

 

ทุกคน “……”

 

การกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนสนามคนภายนอกย่อมไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าทั้งสองคนที่อยู่ภายในกลับไม่อาจที่จะทนทานรับเอาไว้ได้ จึงได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาจนหัวหมุนกัน

โดยเฉพาะอีกคนที่ลำไส้ถูกตัดออกมา ถึงแม้ว่าจะยัดกลับเข้าไปภายในท้องแล้ว แต่ว่าสิ่งที่อยู่ภายในลำไส้ กลับยังคงไหลออกมาอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังส่งกลิ่นเปรี้ยวออกมา จนทำให้ทั้งสองคนยากที่จะทนทานรับไว้ได้ หากกลิ้งไปกลิ้งมาอีกเช่นนี้ คงต้องกลิ้งจนทั้งสองคนอาเจียนออกมากันเลย

 

ทั้งสองคนรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ จะออกไปก็ไม่กล้าที่จะออก ขณะนี้จึงได้แต่คิดหาวิธีที่จะยอมแพ้ขึ้นมาแล้ว

 

แต่ว่าจะให้ยอมแพ้ไปเลย นั้นก็ไม่ได้อย่างแน่นอน หากพวกเขาเกิดยอมแพ้ขึ้นมา ด้วยนิสัยที่ดุร้ายของโล่วปิง จะต้องทำให้พวกเขาปัสสาวะเรี่ยราด จากนั้นคงจับกรอกใส่ปากกลับไปอีกครั้งแน่นอน

 

อีกทั้งเรื่องที่สองคนได้ด่าทอออกไปในตอนเริ่ม สิ่งใดที่ไม่น่าฟังก็ด่าทอสิ่งนั้นออกไป พวกเขาคิดที่จะกระตุ้นโทสะของถังหว่านเอ๋อ ในเมื่อพวกเขาเองก็มีความเชื่อมั่นในกระดองเต่าของพวกเขากันอยู่แล้ว

 

นับตั้งแต่เริ่มถังหว่านเอ๋อยังคิดเอาไว้ว่า ควรทำอย่างไรจึงจะมีวิธีเปิดกระดองเต่าของพวกเขาออกมาได้ แต่ว่าจากการที่พวกเขาด่าทอออกมาทำให้ถังหว่านเอ๋อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที จึงได้ทำการกำหนดตำแหน่งการกลิ้งลูกก้อนหนังนี้ไปแทน

 

เมื่อได้ผนึกมือผสานรวมเข้าด้วยกัน คมวายุทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันขึ้นที่แผ่นหลังของถังหว่านเอ๋อ ดุจดั่งท้องธาราหลายร้อยสายที่ไหลลงสู่มหาสมุทร ที่ด้านหลังของถังหว่านเอ๋อก็ได้ผนึกจนกลายเป็นคมวายุขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่าร้อยจั้ง

 

เมื่อคมวายุขนาดใหญ่นั้นได้ปรากฏขึ้นมา สภาวะอากาศรอบด้านกว่าพันจั้งราวกับว่าถูกผนึกเอาไว้ จนกลายเป็นพลังทำลายที่รุนแรงขุมหนึ่ง จนแผ่กระจายไปทั่วทั้งแปดด้าน

 

เดิมทีที่อยู่ด้านหลังของโล่วปิง ชายหนุ่มที่หลับตาไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น ราวกับมิใช่เรื่องของตนเองมาโดยตลอด ทันใดนั้นก็ลืมตาเบิกกว้างขึ้นมา

 

บนใบหน้าที่ไม่เคยแสดงสีหน้าใดๆให้ได้เห็นมาโดยตลอด ก็ได้ปรากฏสีหน้าที่แตกตื่นขึ้นมา จ้องมองไปที่คมวายุขนาดใหญ่ของถังหว่านเอ๋อ

 

“ครอบพิรุณสังหาร”

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 1000 แล้วครับ)

ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset