“เช่นนั้นหากไม่ตายก็ไม่เลิกรา”
เจียงอี้ฝ่านตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ระหว่างนั้นสภาพอากาศก็สั่นไหวขึ้นมา บรรยากาศที่หนาแน่นขุมใหญ่ก็ได้ก่อตัวขึ้น คล้ายกับแม่น้ำสายหนึ่งที่มุ่งหน้าแผ่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
พลังอันมหาศาลก็ได้ปะทุขึ้นมาคล้ายดั่งคลื่นมหาสมุทรก็มิปาน เหล่าบรรดาศิษย์ที่ยืนอยู่รอบเวที ก็แทบจะไม่อาจทรงกายเอาไว้ได้ ต่างก็แยกย้ายถอยไปทางด้านหลัง
ทางด้านหมู่ตึกนอกเสียจากยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสแล้ว ทุกคนต่างก็ถอยห่างออกไปอยู่หลายร้อยจั่ง แล้วจึงค่อยฝืนต้านกับพลังอันมหาศาลที่รุนแรงนั้นไว้ได้
พลังอันมหาศาลเช่นนั้นมิได้มีไว้เพื่อกดดันอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว ยังสามารถที่จะส่งผลกระทบต่อปราณจิตอย่างหนึ่ง นั่นจึงถือได้ว่าเป็นความแน่วแน่ของสุดยอดฝีมือ
อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นความศรัทธาถึงความไร้ผู้ต้านอย่างหนึ่ง เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับความแน่วแน่เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้ ต่างก็มีแต่ต้อง *ถอยให้เก้าสิบลี้ นี่คือความน่ากลัวของสุดยอดฝีมือ
*退避三舍 ถอยให้เก้าสิบลี้ ไม่สู้รบปรบมือกับผู้อื่น หรือยอมถอยให้อีกฝ่ายด้วยความสมัครใจ
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หมู่ตึก หรือว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายตรงข้าม ต่างก็สามารถสัมผัสถึงแรงกดดันนี้ได้ จนใบหน้าถึงกับขาวซีดขึ้นมา
แม้ว่าศิษย์ของทางหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด ต่างก็เคยผ่านศึกเป็นตายกันมาแล้ว อีกทั้งยังได้เคยพบเห็นการต่อสู้ระหว่างสุดยอดฝีมือกันมาก่อน
แต่เนื่องจากอยู่ในระยะที่ห่างจนเกินไป พวกเขาที่ตกอยู่ภายใต้หมอกควันที่ปกคลุมไปทั้งผืนฟ้าก็ไม่อาจที่จะเห็นทุกสิ่งได้
เมื่อในเวลานั้นพวกเขาเองก็ได้อยู่ในช่วงห้ำหั่นอยู่ จึงแทบไม่มีโอกาสที่จะไปสัมผัสพลังอันแข็งแกร่งที่แท้จริงของสุดยอดฝีมือได้
ขณะนี้ผู้ที่เข้าใกล้ระดับสุดยอดฝีมือ จึงเข้าใจได้ถึงความน่ากลัวของสุดยอดฝีมือ นั่นมิใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถที่จะต้านทานได้เลย
เพียงแค่พลังสภาวะที่แผ่ออกมาจากร่าง ก็สามารถที่จะกดดันทุกคนให้ก้มหัวได้แล้ว ภายใต้การเผชิญหน้ากับความแน่วแน่ที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้น พวกเขาย่อมไม่อาจคิดที่จะต่อต้านเลยด้วยซ้ำ
เหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกที่สามสิบหก ต่างก็แสดงสีหน้าเคารพนับถือเจียงอี้ฝ่านเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสำนักเดียวกัน แต่ว่าเจียงอี้ฝ่านที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือจนถือได้ว่าเป็นการคงอยู่ที่สูงล้ำ อย่าว่าแต่คิดที่จะพบเห็นเขาลงมือเลย ตามปกติหากพวกเขาต้องการเข้าพบสักคราก็ยังยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง
แต่พวกเขาก็ได้พบว่า หลงเฉินที่ได้เผชิญหน้ากับพลังสภาวะที่คลุ้มคลั่ง ด้วยพลังที่หนาแน่นปกคลุมอยู่ด้านบนของเวที แต่กลับทำเหมือนคนที่ไร้ความรู้สึก
หลงเฉินที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในเวลานี้ ก็ได้มีพลังสภาวะที่พวยพุ่งเข้าใส่ไม่หยุด คล้ายกับผาศิลาอยู่ในที่ตรงนั้นก็มิปาน
เส้นผมพริ้วไสว แววตาทั้งคู่ทอประกายระยิบระยับ หาได้เกิดผลกระทบต่อความแน่วแน่และพลังสภาวะเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่จ้องมองไปที่เจียงอี้ฝ่านด้วยความเฉยชาอยู่เช่นนั้น
ด้วยความแน่วแน่ของหลงเฉิน ก็ได้ทำให้โล่วปิงต้องเบิ่งนัยน์ตากว้างขึ้น หลงเฉินถึงกับไม่เห็นพลังสภาวะกับความแน่วแน่ของเจียงอี้ฝ่านอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ เช่นนี้ก็บอกได้ว่าหลงเฉินเองก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นสุดยอดฝีมือเช่นกัน
โล่วปิงใจเต้นระรัวขึ้นมา ที่แท้หลงเฉินก็เป็นถึงสุดยอดฝีมือผู้หนึ่ง หาใช่ไม่มีมูลไม่และยังเป็นความจริงอีกด้วย
การต่อสู้ระหว่างสุดยอดฝีมือ คุณสมบัติที่จำเป็นที่จะต้องมีก็คือความแน่วแน่ที่ไร้ผู้ต้าน และความแน่วแน่เช่นนี้จะถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดชัยชนะที่สูงขึ้นได้
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศตลอดชีวิตมานี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ยังไม่เคยลิ้มรสความพ่ายแพ้กันมาก่อนเลยก็ว่าได้ ความแน่วแน่ของพวกเขาต่างก็เกิดขึ้นมาจากการสะสมชัยชนะที่ผ่านมา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยิ่งมีความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างความเชื่อมั่นและความแน่วแน่อย่างไร้ผู้ต้านของพวกเขาได้ ยามใดที่ต่อสู้ก็จะปลดปล่อยความแน่วแน่เช่นนี้ขึ้นมา จนสามารถที่จะบดขยี้ความแน่วแน่ของผู้อื่น แม้แต่จิตใจที่คิดจะลงมือก็ยังไม่อาจที่จะเกิดขึ้นมาได้
อะไรที่เรียกว่าไร้ผู้ต้านงั้นหรือ ? นี่เรียกว่าไร้ผู้ต้านได้แล้วอย่างงั้นหรือ หากไม่ลองสู้แล้วจะทราบได้อย่างกัน
การมองว่าคนๆนั้นมีพรสวรรค์พอที่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้หรือไม่นั้น จำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงทำให้ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศนั้นเรียกได้ว่ายากที่จะได้พบเจอเลยทีเดียว
หลังจากที่พรสวรรค์ของคนผู้หนึ่งเข้าไปจนถึงระดับผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องทะนุทนอมต่อความเติบโตของเขา ทำให้เขาอยู่ในสภาวะที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังไม่อาจที่จะปล่อยให้ถูกศัตรูมาทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นไปได้
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศหากวันใดที่พ่ายแพ้ ก็ง่ายที่จะพบกับอุปสรรคทางด้านของความเชื่อมั่น นับตั้งแต่สูญเสียความแน่วแน่ที่ไร้ผู้ต้านเช่นนั้นไปแล้ว การที่จะขึ้นสู่ระดับสูงสุดก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากการปีนขึ้นสู่สวรรค์
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศแตกต่างไปจากผู้อื่นก็คือ เมื่อวันใดที่ได้พบเจอกับอุปสรรค ก็ยากที่จะลุกกลับขึ้นมายืนได้ โดยส่วนมากก็ถือได้ว่าไร้ค่าไปเลยทีเดียว
เพราะหากว่ายิ่งปีนสูงขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ตกลงมาอย่างสาหัส เมื่อเทียบเปรียบกับบุคคลที่เติบโตขึ้นมาด้วยการล้มลุกคลุกคลาน ด้านของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากดอกไม้อ่อนแอที่อยู่ภายในขวดแจกัน
ดังนั้นวันหนึ่งเมื่อมีการปรากฏตัวขึ้นของสุดยอดฝีมือ แต่ละสำนักต่างก็จะปกป้องพวกเขาจนแทบจะไม่ต่างอะไรกับสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะให้พวกเขาได้รับรู้ถึงการต่อสู้ที่ไม่เป็นธรรมได้อีกด้วย
สิ่งที่เรียกกันว่าอยุติธรรมของการต่อสู้ ก็คล้ายกับการประลองในตอนนี้ หลงเฉินที่เพิ่งจะอยู่ในขอบเขตขั้นก่อโลหิต แต่คู่ต่อสู้ของเขากลับเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนกลาง
การแสดงออกของหลงเฉินได้ทำให้โล่วปิงกับศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ทางด้านหลังของนางต้องตกตะลึง เพราะพวกเขาในตอนแรกที่ได้พบเห็นหลงเฉิน ทำให้คิดว่าการที่หลงเฉินทำการสังหารยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงไปได้ เป็นเพียงแค่ลมปากที่คุยโวเท่านั้น
แต่ว่าขณะนี้เมื่อเห็นว่าหลงเฉินยังมิได้ปล่อยพลังสภาวะอันใดออกมา คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของเจียงอี้ฝ่าน จนผู้คนอดที่จะแตกตื่นกันไม่ได้
เจียงอี้ฝ่านเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกใจ ถึงแม้จะรู้สึกได้ว่าหลงเฉินน่าจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่แน่นอนเขาย่อมต้องคิดไม่ถึง ว่าหลงเฉินในตอนนี้สามารถที่จะต้านทานพลังสภาวะของเขาเอาไว้ได้
สิ่งที่ทำให้เขาต้องแตกตื่นที่สุดก็คือ สภาวะราชาความแน่วแน่ของเขาไม่อาจที่จะผนึกหลงเฉินเอาไว้ได้ หลงเฉินที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นคล้ายกับว่าไม่ได้มีการคงอยู่เลย ทั้งยังสัมผัสความแน่วแน่ของหลงเฉินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ซูม”
ทันใดนั้นเจียงอี้ฝ่านก็ได้เคลื่อนไหวขึ้นมา ย่างก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แล้วก็ได้ปล่อยหมัดออกไปทางหลงเฉิน
เมื่อได้ปล่อยหมัดออกไปตามสายลม ก็ได้แผ่กระจายออกไปทั้งสี่ด้าน สภาวะอากาศก็ได้ถูกหมัดของเขากระตุ้นแฝงไปด้วย จนเกิดเสียงดังผึ่งผึ่งขึ้นมาดั่งค้อนยักษ์ทุบที่เข้ามา
เมื่อเห็นคมหมัดของเจียงอี้ฝ่านทุบเข้ามา หลงเฉินก็ได้สวนหมัดออกไปกระแทกเข้ากับหมัดของเจียงอี้ฝ่านอย่างรุนแรง
“โครม”
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นมา เวทีขนาดใหญ่ก็สั่นสะเทือนขึ้น ฝ่าเท้าของทั้งสองคนได้จมลึกเข้าไปบนเวทีเนื่องจากเป็นเพราะไม่อาจทนรับแรงปะทะของทั้งสองคนเอาไว้ได้
หลังผ่านไปหนึ่งหมัด ทั้งสองคนต่างก็ทำให้อีกฝ่ายต่างก็กระเด็นออกไปหลายก้าว เจียงอี้ฝ่านสะบัดมือไปมาแล้วกล่าว “ไม่เลวเลย การต่อสู้เช่นนี้จึงถือว่ามีความหมาย ไม่เช่นนั้นหมัดนี้ก็คงจะทำให้เจ้าตายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะไร้ซึ่งความหมาย”
“มารับหมัดที่สองไปซะ”
เจียงอี้ฝ่านส่งเสียงดังลั่น แล้วก็ได้พุ่งออกไปอีกหนึ่งหมัด หมัดนี้เปี่ยมไปด้วยพลังที่มากยิ่งกว่าหมัดแรกเป็นอย่างยิ่ง จนเกิดพลังสภาวะปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า
“ตูม”
ทันทีที่ได้ปะทะเข้าหากัน เวทีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองคน ก็ไม่อาจที่จะทนรับพลังอันมหาศาลเอาไว้ได้ ถึงกับแตกแหลกลานจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
เวทีที่ใช้เหล็กกล้าในการตีขึ้นมา กลับแหลกกลายเป็นเพียงเศษเหล็ก ด้วยแรงหนุนของสายลมกรรโชกก็ได้พัดลอยออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ศิษย์ที่มองดูกันอยู่รอบด้านต่างก็แตกตื่นตกใจ แยกย้ายกันหลบเลี่ยงเศษเหล็กเหล่านี้ มีศิษย์บางส่วนที่มีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน ก็ได้ถูกเศษเหล็กกระแทกชนเข้า จมลึกเข้าไปภายในน่องขา จนโลหิตไหลรินออกมา
ที่ทำให้ศิษย์ทั้งหมดมีสีหน้าเปลี่ยนไปจนต้องถอยไปกันอีกครั้ง ก็เนื่องจากว่าระยะห่างเพียงแค่นี้ไม่อาจจะปลอดภัยได้อีกแล้ว
นี้เพิ่งจะเริ่มต้นการต่อสู้เท่านั้น ยังกินอาณาเขตได้มากถึงเพียงนี้ ไม่ทราบว่าเมื่อการต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มขึ้น จะมีความน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน หากว่าจะต้องถูกลูกหลงจากทั้งสองคนจนตายขึ้นมา เช่นนั้นก็คงจะต้องตายตาไม่หลับอย่างแท้จริงแล้ว
ทุกคนจึงได้ถอยห่างออกไปอีกพันจั่งในทันที ถึงค่อยรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมา ระยะห่างขนาดนี้หากเกิดความเคลื่อนไหวที่รุนแรงขึ้นมา พวกเขาเองก็ยังพอจะมีเวลาต้านรับเอาไว้ได้
“ยอดมาก เช่นนี้จึงถือได้ว่ามีความหมาย มารับอีกหมัด” เมื่อพบว่าหลงเฉินสามารถที่จะต้านหมัดของเขาเอาไว้ได้ เจียงอี้ฝ่านก็ได้ปล่อยออกไปอีกหนึ่งหมัด
“โครม”
เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้งทั่วทั้งเวทีตกอยู่ภายใต้การโจมตีของทั้งสองคน ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกร้าว พร้อมที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเวลา ถือว่าน่าตกใจยิ่งนัก
“ไม่เลวเลยจริงๆ ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าที่แท้แล้ว……”
“เพียะ”
คำพูดของเจียงอี้ฝ่านพึ่งจะกล่าวมาได้เพียงครึ่งเดียว เงาคนขยับเคลื่อนไหว ที่เบื้องหน้าสายตากลับรู้สึกตาลายขึ้นมา มือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็ได้ฟาดเข้าไปที่เขาอย่างรุนแรง ใบหน้ารูปไข่ของเขาได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา จนถึงกับทำให้เจียงอี้ฝ่านลอยออกไปในทันที
“ข้าทนรับสภาพเสแสร้งไม่เลิกไม่ราของเจ้ามาพอแล้ว” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
หลงเฉินที่ต้านทานทั้งสามหมัดของเจียงอี้ฝ่านติดต่อกัน ก็ทราบว่าเจียงอี้ฝ่านผู้นี้แท้จริงแล้วแข็งแกร่งมากเพียงไร หากอีกฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเขาเองก็ย่อมที่จะรุนแรงขึ้นตาม
ถึงเป็นสุดยอดฝีมือ หลงเฉินเองก็ยังไม่กล้าที่จะได้ใจมากเกินไป
ที่ทำให้หลงเฉินรับไม่ได้ก็คือเมื่อเขาปล่อยหมัดออกมาจนสิ้น ก็ได้เพิ่มพลังให้มากขึ้นไปอีกแต่ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ก็ยังแล้วไป
แต่นี่หลังจากที่ปล่อยหมัดไปแล้ว ยังจะเพิ่มเสริมปรุงแต่งด้วยวาจาที่เสแสร้งขึ้นมาอีกเพื่อให้เห็นว่าตนเองนั้นร้ายกาจถึงเพียงใด ด้วยท่าทีที่ไม่สนใจอะไรเช่นนั้น คล้ายกับแมวกำลังไล่จับหนูก็มิปาน
ที่หลงเฉินคิดเอาไว้นั้นถือว่าไม่ผิด แน่นอนว่าเจียงอี้ฝ่านกำลังคิดว่าเล่นแมวจับหนูอยู่ก็ว่าได้ ที่พยายามค่อยๆไล่ล่าเขาจนตายไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เขาได้ทราบถึงการดิ้นรนในความสิ้นหวัง
นี้คือภารกิจที่โล่วปิงได้มอบหมายให้แก่เขา แท้จริงแล้วความเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ต่อให้ไม่ล้มเหลว ก็ต้องดูรอบของเจียงอี้ฝ่านในครั้งนี้อยู่แล้ว
ดังนั้นเจียงอี้ฝ่านไม่เพียงแต่ต้องชนะ ยิ่งต้องชนะให้ได้อย่างงดงาม ชนะได้อย่างสบาย วิธีที่ดีที่สุดก็คือการทรมานหลงเฉินไปจนตาย
ดังนั้นนับตั้งแต่เริ่มเขาจึงไม่ใช้พลังทั้งหมดออกมา เพื่อที่จะให้ความหวังแก่หลงเฉิน จากนั้นก็ค่อยๆบดขยี้ความหวังของหลงเฉินทิ้งไป ทำให้เขาสิ้นหวังไปอย่างช้าๆ แล้วค่อยฆ่าเขาทิ้งอีกครา
แต่ว่าในหมัดที่สามนี้ แม้เขาจะมีความอดทนแต่ด้วยทางด้านของหลงเฉินกลับหาได้รอคอยไม่ ฉวยโอกาสในเวลาที่เขาไม่ใส่ใจ ตบเข้าไปที่ปากอย่างรุนแรงในทันที
ที่ริมฝีปากกำลังเอ่ยอันใดอยู่นั้นเอง รอบบริเวณหลายร้อยลี้ต่างก็สามารถที่จะได้ยินกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นเสียงที่ดังกังวาน มีหรือที่จะไม่ได้ยิน
จะถกถึงวิชาเทพเซียนในการตบกรอกหูงั้นหรือ ? ถ้าเป็นหมู่ตึกพลิกสวรรค์ก็เสาะหาหลงเฉินได้เลยย่อมไม่ผิดอย่างแน่นอน วิชาตบกรอกหูของหลงเฉินนั้นเรียกได้ว่าเข้าสู่ระดับเทพเทวะแล้วก็ว่าได้
ความเร็ว พลัง องศา ทั้งสามสิ่งรวมเข้าด้วยกัน ย่อมไร้ซึ่งจุดอ่อนเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องลงมือดุจสายฟ้าแลบ ทั้งไม่มีสัญญาณเลยแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ถังหว่านเอ๋อเองก็เลื่อมใสจนถึงขั้นขอฝากตัวเป็นศิษย์ ทว่าหลงเฉินกลับหาได้คิดสอนไม่
นี้ถือได้ว่าเป็นวิชาทักษะระดับเทพสวรรค์มาจุติ บวกกับการลับฝีมือฝึกฝนไม่หยุด เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น สามารถที่จะจัดได้ว่าหลงเฉินเป็นบุคคลระดับเจ้าสำนักได้เลยทีเดียว
เจียงอี้ฝ่านที่เพิ่งจะกล่าววาจาออกมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าสมองเกิดเสียงอลวนขึ้นมาครู่หนึ่ง จนตกอยู่ในอาการสลึมสลือ เมื่อมีปฏิกิริยากลับคืนมา ก็ได้ลอยออกไปไกลหลายสิบจั้งแล้ว
กระทั่งล่องลอยกลับยังตราตรึงเอาไว้ ดูจากสภาพความรุนแรงจากการลอยกระเด็น หากกล่าวกันตามหลักพลังเช่นนี้ เขาก็คงจะต้องกระเด็นลอยออกไปหลายพันจั้งไปแล้ว
“แย่แล้ว”
เจียงอี้ฝ่านตกใจขึ้นมายกใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาก็คงจะต้องลอยออกไปจากเวที แล้วเขาก็คงต้องพ่ายแพ้ ถ้าหากจะพ่ายแพ้เช่นนี้ เขาย่อมต้องคิดฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน
การที่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ แต่กลับต้องมาถูกผู้อื่นตบหน้าจนกระเด็นตกจากเวทีไป อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นเพียงผักปลาที่ยังอยู่เพียงแค่ขอบเขตขั้นก่อโลหิตเท่านั้น เขาก็คงไม่รอดพ้นจากการเป็นตัวตลกของศิษย์ทั่วทั้งหมู่ตึกพลิกสวรรค์ทุกสาขาแล้ว
ด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้ง ทำให้เท้าทั้งสองข้างของตนเองเหยียบลงไปบนพื้นจนจมลึกลงไป หลงเฉินมีพลังที่มหาศาลมากจนเกินไปแล้ว แม้ว่าทั้งสองเท้าจะแตะถูกพื้นได้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตามที แต่ก็ยังไม่อาจที่จะทรงกายไว้ได้
“ครืดดดด”
ทันใดนั้นใจกลางฝ่ามือของเจียงอี้ฝ่านก็ได้มีสิ่งที่มีความเรียบเนียนดุจไข่ห่านปรากฏขึ้นมา พลองยาวที่มีความยาวกว่าหนึ่งจั้ง ก็ได้ทิ่มเข้าไปบนพื้นเอาไว้ ด้วยพลังอันมหาศาล ก็ได้ทำให้พลองยาวจมลึกเข้าไปในเนื้อเหล็กที่ด้านบนของเวที
ภายใต้การเผชิญหน้ากับพลังอันรุนแรง ด้วยความหนาของเวทีแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเม็ดทรายเลย ขณะนี้ได้ถูกพลองยาวใจกลางฝ่ามือของเจียงอี้ฝ่าน ไถจนเป็นทางยาวออกไปสิบกว่าจั้ง
เมื่อเจียงอี้ฝ่านหยุดเอาไว้ได้หลังเท้าก็ได้เหยียบเข้ามาจนถึงขอบเวทีไปเสียแล้ว อีกเพียงแค่หนึ่งฉื่อเท่านั้น เจียงอี้ฝ่านก็คงต้องตกเวทีอย่างแน่นอน
ทั่วทั้งสนามต่างก็เงียบสงัดขึ้นมา ผู้ใดต่างก็นึกไม่ถึงว่าผู้ที่มีบารมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นจนคล้ายกับเป็นดั่งราชาเต็มผู้ที่เปี่ยมไปด้วยพลังของสุดยอดฝีมือแห่งยุคไม่เป็นรองใคร ถึงขั้นที่ถูกตบกรอกหน้าจนเกือบตกจากเวทีไป
ไม่เว้นแม้แต่หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ศิษย์ของทางหมู่ตึกที่สามสิบหกต้องมองไปที่ใบหน้าของเจียงอี้ฝ่านด้วยความตื่นตะลึง หากกล่าวกันตามรูปธรรม รอยฝ่ามือยังปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ในชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงกับกล่าวอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
“หลงเฉิน เจ้าหาที่ตายซะแล้ว”
พริบตานั้นเจียงอี้ฝ่านก็มีเพลิงโทสะคุกรุ่นขึ้น และระเบิดเสียงตะโกนออกมา พลองยาวในมือก็ได้ตวัดอยู่ตามอากาศ และกระแทกเข้าใส่หลงเฉิน
.
.