ชายหนุ่มผู้นั้นแท้จริงแล้วคือหยินหลอนั่นเอง ที่ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับชุดคลุมสีดำประดุจดั่งเช่นเทพมารลงมาจุติ หยินหลอในขณะนี้ทวีความน่าหวาดกลัวขึ้นมายิ่งกว่าเดิมแล้ว
“หลงเฉิน พบเห็นสหายเก่าไม่คิดจะกล่าวอะไรขึ้นมาบ้างหรือไง ? ” ใบหน้าของหยินหลอปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเย็นเยียบเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งน้ำเสียงยังเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง จนทำให้เกิดความหนาวสั่นเข้าไปถึงกระดูก
หยินหลอที่ยืนอยู่ในระยะห่างเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจั่ง ศิษย์สายตรงฝ่ายธรรมะก็รู้สึกเนื้อเต้นหัวใจสั่นระรัวกันขึ้นมา ต่างก็แยกย้ายถอยออกไปทางด้านหลัง
กระทั่งผู้อยู่เหนือขอบเขต ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอยไปทางด้านหลัง เพราะพวกเขาสามารถที่จะสัมผัสได้ว่า คนผู้นั้นมีจิตใจที่เกลียดชังเทียบฟ้าอยู่ ทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอยู่เต็มหัวใจ
“หยินหลอ เจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ไม่พบไม่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่เดือน ขาที่สามของเจ้า ก็งอกเงยได้ยาวมากถึงเพียงนี้แล้ว”
การปรากฏตัวของหยินหลอ ทำให้หลงเฉินเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะหยินหลอในตอนนี้ เมื่อเทียบกับตอนที่สู้กับเขาในครั้งที่แล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในระดับพลังสภาวะที่แตกต่างกัน ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ทว่าในมุมมองของศัตรูที่ตนเองเกลียดชังจนเข้ากระดูกคนหนึ่ง หลงเฉินกลับเชื่อในวลีประโยคหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า หากสามารถที่จะใช้เพียงประโยคเดียวในการเอาเจ้าให้ตายได้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ประโยคที่สองแล้ว
“หยินหลอ ? ”
ศิษย์ฝ่ายธรรมะเหล่านั้นต่างก็มีสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมามองไปที่หยินหลอ ภายในแววตาทั้งคู่ก็ได้เปี่ยมไปด้วยความหวาดผวาและความหวาดกลัวไปจนสิ้น
นามอันเกรียงไกรของหยินหลอ ศิษย์ฝ่ายธรรมะย่อมไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบ ก่อนหน้านี้ในศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรมเคยได้ยินมาว่าฝ่ายอธรรมได้มีการกำเนิดขึ้นของสุดยอดฝีมือแห่งยุคขึ้นมาผู้หนึ่ง
หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดเองก็ได้ยื่นคำร้องขอกับทางหมู่ตึกที่หนึ่ง หมู่ตึกที่หนึ่งเองก็ได้ส่งสุดยอดฝีมือออกไปผู้หนึ่งเพื่อที่จะให้การสนับสนุน
ทว่าก็ได้มีข่าวลือที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเปิดเผยออกมา ศิษย์ผู้นั้นเพิ่งจะเดินทางไปได้เพียงครึ่งทาง ก็ได้ถูกหมู่ตึกที่หนึ่งรั้งตัวกลับมา
กล่าวกันว่า เมื่อหมู่ตึกที่หนึ่งได้ยินข่าวลือว่าท่ามกลางฝ่ายอธรรมได้มีการปรากฏขึ้นมาของศิษย์ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งผู้หนึ่ง ที่เรียกได้ว่ายากที่จะพบพานได้ในรอบพันปี
เดิมทีบุคคลเช่นนี้มีแค่เพียงยอดฝีมืออย่างหานเทียนหวู่เท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นศัตรูด้วยได้ ทว่าเมื่อเวลานั้นหานเทียนหวู่ยังอยู่ในระหว่างการเก็บตัวอยู่ จึงไม่อาจที่จะออกไปรับศึกได้
ดังนั้นศิษย์ผู้นั้นจึงได้ยกหาข้ออ้างขึ้นมา รอคอยจนจบศึกครั้งใหญ่จึงค่อยได้ปรากฏกาย ตามความเป็นจริงถือได้ว่าไปถึงได้ช้าเป็นอย่างยิ่งจนเห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งใจ
นี่ก็ถือได้ว่าเป็นคำสั้งของหมู่ตึกที่หนึ่งเช่นกัน เพราะพวกเขาต่างก็ทราบได้ถึงยอดฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกับหานเทียนหวู่นั้นมีความน่าหวาดกลัวถึงเพียงใด ความเป็นความตายของหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดจะอย่างไรก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอยู่ดี พวกเขายังไงก็ไม่ต้องการที่จะสูญเสียผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศไปอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องในภายหลัง ผู้อาวุโสถู่ฟางที่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปผลสุดท้ายกลับถูกหมู่ตึกที่หนึ่งใช้มือข้างเดียวบดบังท้องนภาเอาไว้เพื่อบดบังเรื่องนี้เอาไว้
ทว่าใต้ฟ้าบนดินแห่งนี้หาได้มีหน้าต่างที่ไม่มีสายลมพัดผ่านไม่ ที่น่าแปลกก็คือจิตใจของคนเราที่ยากจะคาดเดาได้ โดยเฉพาะเหล่าพวกที่กินอิ่มหลับสบายแล้วหากไม่มีอันใดทำ ก็ได้นำเรื่องราวเหล้านี้ยกมาเป็นหัวข้อในการสนทนา
เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายในได้ถูกเปิดเผยออกมา ภายใต้ศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรม ก็ได้มียอดฝีมือจากภายนอกปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อรับมือกับหยินหลอไว้
จนกระทั่งเมื่อมีข่าวลือเช่นนี้ออกไป ว่าหลงเฉินและม่อเนี่ยนได้ผนึกกำลังกันเพื่อโค่นล้มหยินหลอ ทั้งยังมีเรื่องที่หยินหลอถูกตัดขาจนขาดไปข้างหนึ่ง ทุกคนต่างก็ได้ยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่น่าขบขันขึ้นในทันที
ที่สำคัญก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบ ได้ถูกหลิงหวินจื่อซ่อนเร้นเอาไว้ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะให้หลงเฉินกลายที่ถูกจับตามองจนเกินไป มิเช่นนั้นจะกลายเป็นไม่ยุติธรรมต่อหลงเฉินเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่ได้ผ่านการต่อสู้ครั้งนั้นไปแล้ว ทั่วทั้งฝ่ายธรรมะหาได้มีผู้ใดที่ไม่ทราบนามของหยินหลอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหานเทียนหวู่ เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่ยากจะพบพานได้ในรอบพันปี ซึ่งในระดับพลังเดียวกันยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถต้านทานได้ภายในสิบกระบวนท่ามาก่อน
และชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือแห่งฝ่ายอธรรม การฆ่าศิษย์สายตรงอย่างพวกเขาเหล่านี้ก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากการเชือดไก่เลยด้วยซ้ำ มีหรือที่พวกเขาจะไม่กลัวได้?
แม้แต่ผู้อยู่เหนือขอบเขต เมื่อต้องมาอยู่เบื้องหน้าหยินหลอเช่นนี้ ต่างก็ต้องถูกฆ่าตายภายในเสี้ยววินาทีเช่นกัน แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าแตกตื่นตกใจขึ้นจนหน้าซีดเผือด
พวกเขาถึงแม้จะอยากหนี แต่ว่าภายในจิตใจกลับไม่ยินยอมถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงยอดฝีมือฝ่ายธรรมะ ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา มีหรือที่จะถูกข่มขู่จนต้องหลบหนี
พวกเขาได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าหนี แต่ว่าขาของพวกเขากลับหาได้เชื่อฟังไม่ ภายใต้การถอยหลังไม่หยุด ก็ถอยไปแล้วถึงหลายลี้ จึงค่อยได้สงบจิตสงบใจเอาไว้ได้
ทว่าเมื่อได้ยินคำตอบของหลงเฉิน ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา ที่แท้ข่าวลือที่ได้ยินมาก็เป็นความจริง ที่ว่าหยินหลอได้เสียขาข้างหนึ่งไปเป็นจริงอย่างงั้นหรือ ?
“ปากของเจ้ายังน่ารังเกียจไม่เปลี่ยนไปเลยนะ เจ้าจงใจที่จะกระตุ้นโทสะของข้าอย่างงั้นหรือ ? ”หยินหลอยืนกอดอก จ้องมองไปที่หลงเฉินอย่างเย็นชา
“อย่าได้เอาแต่คิดว่าตัวเองอยู่สูงเหมือนกับเทพไปเลย เทพมีหรือที่จะปล่อยให้ขาอันขาวผ่องข้างหนึ่งของตนเอง ถูกปล่อยทิ้งอยู่ท่ามกลางสนามรบได้” หลงเฉินได้กล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่แยแส ที่เขาชิงชังที่สุดก็คือการแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาทราบดีว่าวันนี้ตนเองก็คงไม่อาจที่จะหนีรอดไปได้แล้ว มีแต่ต้องทำเช่นนี้แล้ว ต่อให้ต้องทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสู้กับหยินหลอก็ตาม
“เฮอะ ขณะนี้ไม่มีม่อเนี่ยนมาช่วยเจ้าแล้ว แล้วก็ไม่มีวิชาลับของสตรีผู้นั้นอีก ข้าเองก็อยากที่จะดูว่าเจ้าจะรับได้กี่กระบวนท่ากัน ? ”
“ซูม”
หยินหลอส่งเสียงเย็นเยียบขึ้นมา ทางด้านหลังก็ได้มีเงาพยัคฆ์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาคล้ายกับมีเทพมารมาสิง พื้นดินอันกว้างใหญ่ก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง
ถึงแม้ว่าหยินหลอจะเกลียดชังหลงเฉินเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเขาก็หาได้ดูแคลนหลงเฉิน ในครั้งนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้า ในช่วงเวลานับตั้งแต่แรกก็ได้วิ่งตะบึงเข้ามาจนถึงยังทางด้านของทางเข้าของฝ่ายธรรมะ หมายที่จะดูว่าจะสามารถหาหลงเฉินได้หรือไม่
ทว่าเขาก็ช่างมีโชคเสียเหลือเกินเพิ่งจะมาทางด้านนี้ ก็ได้ถูกการต่อสู้ชักนำเข้ามาแล้ว เพียงครู่เดียวก็ได้พบว่าเป็นหลงเฉิน
ถึงแม้หลงเฉินจะยังคงอยู่ในขอบเขตก่อโลหิต แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะดูแคลนหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย ยังไงซะก็ต้องทำสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาสั้นๆ
ไม่เช่นนั้นถ้าปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป ก็มีแต่จะกลายเป็นชักนำยอดฝีมือฝ่ายธรรมะเข้ามากันมากยิ่งขึ้น ต่อให้เขาจะสามารถรับผิดชอบได้ ก็ไม่อาจที่จะกล้าบังอาจท้าสู้กับผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมู่ตึกไปได้อยู่แล้ว
หากว่ากลายเป็นชักนำหานเทียนหวู่เข้ามาด้วยแล้ว ถึงแม้การต่อสู้กันเพียงตัวต่อตัวจะหาได้หวาดกลัวไม่ แต่ว่าการที่ถูกสุดยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ปิดล้อมเอาไว้ เขาก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงได้กระตุ้นพลังสภาวะขึ้นมาจนอยู่ในระดับของขีดสุด
หลงเฉินไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย ภายในเสี้ยววินาทีที่หยินหลอได้ระเบิดพลังออกมา ก็ได้กระตุ้นวงแหวนแห่งเทพขึ้นมาในทันที ในเวลาเดียวกันภายในแววตาทั้งคู่ก็ได้ปรากฏห้วงอวกาศแห่งดวงดาราขึ้น
หลงเฉินก็ได้พบว่าเมื่ออยู่ภายในท่ามกลางขอบเขตแดนลับนพเก้า เมื่อได้กระตุ้นกายาศึกกักวายุออกมาจนสิ้น ทั่วทั้งฟ้าดินราวกับว่ากำลังอวยพรเขาอยู่ก็มิปาน พลังอันมหาศาลถึงกับมากมายกว่าที่โลกภายนอกเป็นอย่างมาก
ภายใต้การกระตุ้นกายาศึกกักวายุออกมาของหลงเฉินในขณะนั้น พลังความน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งก็ได้พวยพุ่งกันออกมาดุจดั่งลำแสง ทำให้บริเวณนับพันลี้ต่างก็สามารถที่จะพบเห็นความแปลกประหลาดของฟ้าดินขึ้นมาได้
“สวรรค์ ช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว”
ศิษย์ฝ่ายธรรมะที่กำลังถอยกันอยู่บนใบหน้าก็ได้ทอสีหน้าหวาดผวามองไปทางด้านหน้า นั่นเป็นเพียงแค่การปลดปล่อยพลังสภาวะจากทั้งสองคนเท่านั้น
แต่ว่าสภาวะอากาศทั้งฟ้าทั้งดินต่างก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง ที่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองคน ก็ได้เกิดรอยแตกคล้ายกับใยแมงมุมขึ้นมา แผ่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน พริบตาเดียวก็ได้ปกคลุมอาณาบริเวณไปหลายลี้แล้ว
เมื่อได้รับผลกระทบจากพลังอันรุนแรงเช่นนั้น ศิษย์เหล่านั้นก็ได้ถอยหลังไปอีกหลายก้าว ขณะนี้ผลกระทบที่ได้รับก็ยิ่งทำให้มีศิษย์มากมายมุ่งหน้ามาทางด้านนี้แล้ว
ทั้งสองคนต่างก็เร่งระดับพลังของตนเองขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จนคล้ายกับสัตว์ประหลาดดึกดําบรรพ์กำลังขู่คำรามต่อกัน หมายที่จะใช้พลังสภาวะกดดันอีกฝ่ายเอาไว้
แต่ที่ทำให้หยินหลอต้องตกใจขึ้นมาก็คือ เขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่เก้า ถึงกับต้องหยิบยืมพลังมาเพื่อกดดันหลงเฉิน
สิ่งที่เรียกกันว่าพลังสภาวะที่คอยค้ำจุนด้วยความแน่วแน่ ก็ได้กลายเป็นพลังแห่งจิตวิญญาณที่แฝงเอาไว้ด้วยแรงกดดัน ทั้งยังถือได้ว่าเป็นพลังฝีมือที่ร้ายกาจโดยที่ไม่ต้องออกอาวุธอย่างหนึ่งอีกด้วย
พลังฝึกปรือของหลงเฉินย่อมต้องด้อยกว่าหยินหลอเป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่ว่าความแน่วแน่ของหลงเฉิน กลับคล้ายดั่งไม่มีขีดจำกัด คล้ายกับกระบี่ที่พวยพุ่งทลายไปทั้งท้องนภา ไม่มีผู้ใดที่จะต้านทานเอาไว้ได้
หลงเฉินเองก็ได้หยิบยืมโอกาสที่ใช้ความแน่วแน่อันแกร่งกล้าเข้าสนับสนุน เพื่อที่จะผนึกพลังที่แท้จริงของหยินหลอเอาไว้ แต่ว่าก็ทำได้เพียงแค่ต้านทานพลังเอาไว้ หากคิดจะควบคุมหยินหลอ นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หยินหลอที่เกลียดชังหลงเฉินอย่างที่สุด ขอเพียงสามารถที่จะฆ่าหลงเฉินไปได้ ก็ย่อมสามารถกู้คืนความอับอายจากการถูกตัดขาได้ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะใช้ทั้งกายทั้งใจทั้งหมดเข้ากดดันหลงเฉิน เพื่อที่จะให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวัง จากนั้นก็บดขยี้หลงเฉินประดั่งแมลงตัวหนึ่ง
เพื่อที่จะบรรลุความหวังนี้ให้เป็นจริง หลายเดือนมานี้หยินหลอเองก็ได้ฝึกปรืออย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นฝึกปรือจนถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่เก้าได้เป็นที่สำเร็จ
แต่เขาได้พบว่าตนเองลำบากลำบนมาตั้งนานถึงวันนี้ ต้องมาทนแบกรับความลำบากจากหมื่นพิษภายในเส้นลมปราณ ถึงกับไม่อาจที่จะก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดขอบเขตก่อโลหิตไปได้ นี่จึงทำให้เขายิ่งเกิดโทสะมากขึ้นกว่าเดิม
“ตายซะ”
หยินหลอทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ในมือได้มีหอกยาวสีทองเพิ่มขึ้นมาอีกด้าม แทบจะเหมือนกับหอกยาวเล่มเดิมเลยก็ว่าได้ ทว่าที่ด้านบนกลับแฝงเอาไว้ด้วยอักขระจนถี่ยิบ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หอกยาวเล่มนี้ถือได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเป็นอย่างมาก
นอกจากจะถูกหลงเฉินตัดขาทิ้งไป ที่ยิ่งทำให้หยินหลอรู้สึกมีโทสะขึ้นมาก็คือ แม้แต่อาวุธของตนเองก็ยังต้องทิ้งไป จึงเป็นโทสะที่แทบจะสาปแช่งแม้กระทั่งตัวเองเลยก็ว่าได้
ในสำนักของเขาเพื่อที่จะช่วยฟื้นคืนพลังของเขากลับมา จึงได้ให้ปรมจารย์ช่างฝีมือทั้งหมดเร่งทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ ก่อนที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าจะเปิดขึ้นจึงได้ทำการตีหอกยาวอีกเล่มที่เหมาะแก่เขาขึ้นมา
หอกยาวเล่มนี้ได้ทุ่มเทวัตถุอันล้ำค่ามหาศาลไปเป็นอย่างมาก เพียงแค่ปลายหอกก็ได้ฝังแกนผลึกของสัตว์มายาระดับสูงถึงสี่เม็ดเลยทีเดียว ทั้งหมดต่างก็แฝงเอาไว้ด้วยพลังที่รุนแรงเอาไว้
เดิมทีหอกยาวเล่มนี้ ก็มีน้ำหนักที่มากถึงหนึ่งร้อยกับอีกแปดหมื่นชั่งอยู่แล้ว เมื่อได้กระตุ้นพลังอักขระขึ้นมา พลังอันมหาศาลจากแกนผลึกสัตว์มายาก็ได้ทอเป็นประกายขึ้น จนทำให้หอกยาวมีน้ำหนักที่มากขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่า
ครั้งที่แล้วหยินหลอเกิดความเสียเปรียบทางด้านของอาวุธ ครั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้ซ้ำรอยเดิมได้อีกแล้ว หอกยาวในมือได้ตวัดไปทั่วทั้งผืนฟ้า แฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่พวยพุ่งออกมา เข้าประหัตประหารไปทางด้านหลงเฉิน จนรู้สึกเหมือนกับว่าทั่วทั้งฟ้าดินก็ต้องถูกเขาระเบิดไปเป็นจุณ
หลงเฉินสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หยินหลอผู้นี้เมื่อเทียบกับการต่อสู้กันเมื่อครั้งที่แล้ว กลับแข็งแกร่งยิ่งเสียกว่า พลังเช่นนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวมากจนเกินไปแล้ว
เขาก็ได้ย่างก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ทลายมารในมือก็ได้ตัดผ่าจนกลายเป็นเส้นโค้งอันลี้ลับสายหนึ่ง ท่ามกลางเส้นโค้งสายนี้ พลังอันมหาศาลของก็ยังคงเพิ่มพูนขึ้นมาไม่หยุด
นี้คือหนึ่งในวิชาเฉพาะทางที่ไหลเวียนด้วยพลังอันล้ำลึก หลงเฉินได้ศึกษามาเรียกว่าดาบพายุคลั่ง สามารถที่จะทำให้พลังอันมหาศาลของตนเอง สามารถที่จะเพิ่มพูนขึ้นไปอีกระดับเมื่อได้ใช้ออกไป จากนั้นก็ได้เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ
ทว่ายังจำเป็นที่จะต้องคำนวณวิถีในจุดตกของดาบให้ออก เมื่อดาบยาวและเป้าหมายกระทบเข้าด้วยกัน ในยามที่พลังได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงระดับสูงสุดก็
“ตูม”
ทลายมารก็ได้กระแทกฟันเข้าไปที่บนหอกยาวของหยินหลออย่างรุนแรง ทันใดนั้นพื้นดินก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นมาเป็นวงกว้าง พื้นดินที่มีความหนาแน่นก็ได้สั่นคลอนจนทะลักประดุจคลื่นซัดถาโถมจนกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่ซัดออกมา กินอาณาบริเวณโดยรอบไปกว่าหลายร้อยลี้แล้ว
ศิษย์เหล่านั้นที่กำลังดูการต่อสู้อยู่ในที่ห่างไกล ก็ได้ถูกฝุ่นดินอันน่ากลัวปิดบังทัศนียภาพเอาไว้ ทั้งยังมีศิษย์สายตรงที่มีพลังฝึกปรืออ่อนโทรมที่สุดสองคน ถูกกระแทกจนกระเด็นสลบไปด้วยเช่นกัน
หลงเฉินในชั่วขณะที่กำลังใช้ทลายมารฟันเข้าไปที่หอกยาว ทันใดนั้นสภาวะอากาศก็ได้ถูกแหวกออก ร่างกายก็ได้ลอยกระเด็นออกไปทางด้านหลัง ดาบยาวถึงกับหลุดออกไปจากมือ
หลงเฉินก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในตันทั้งห้าอวัยวะกลวงทั้งหกคล้ายกับพลิกผันไปมาก็มิปาน ลำคอเกิดรสขมฝาด จนเกือบที่จะกระอักโลหิตออกมา กระบวนท่านั้นได้ทำให้อวัยวะภายในของหลงเฉินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
หยินหลอถือได้ว่าแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้หยินหลอกลับยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า หลงเฉินที่อยู่ภายใต้สภาวะการเบิกพลังกายาศึกกักวายุขึ้นมา ก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานกระบวนท่าของหยินหลอเอาไว้ได้เลย
นี่ได้ทำให้ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความอับจนปัญญาขึ้น เขาถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล ถ้าหากยังไม่พยายามที่จะทะลวงพลังอีก ภายใต้ศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้เขาก็ย่อมที่จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
“ดวงแข็งจริงนะ เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มลองอีกหอกหนึ่งของข้าเอง”
หยินหลอก็ได้ส่งเสียงดังกังวาน ย่างเท้าออกไปก้าวหนึ่ง หอกยาวใจกลางฝ่ามือก็ได้ยกขึ้นมาอีกครั้ง ด้านบนหอกยาวก็ได้มีรอยตราทอแสงสว่างวาบขึ้นมา แฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่น่าหวาดกลัว หมายที่จะจัดการกับหลงเฉินอีกครั้ง
หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ผนึกฝ่ามือข้างหนึ่งนาบเอาไว้ที่หน้าอก พริบตานั้นพลังแห่งจิตวิญญาณก็ได้ถูกเบิกขึ้นมา
“เสี่ยวเสว่ย ออกมาจัดการเขาซะ”
.
.