“ซูม”
ทันใดนั้นลูกศรขนาดใหญ่สายหนึ่ง ก็ได้พุ่งเข้าใส่หน้าอกของหยินหลอ
ลูกศรนั้นมีความยาวกว่าหนึ่งช่วงตัวคน มองดูแล้วแทบจะไม่ต่างไปจากหอกยาวเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ตลอดทั้งด้ามศรเต็มไปด้วยปมเป็นตะปุ่มตะป่ำ ศรนั้นพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่ทว่ากลับเงียบเชียบ ลักษณะคล้ายศรปราณพิศวงดอกหนึ่ง ซึ่งกว่าที่หยินหลอจะรู้ตัว เขาก็พบว่าคมศรนั้นพุ่งเข้ามาประชิดตัวแล้ว
“แย่แล้ว”
ทันทีที่หยินหลอรับรู้ถึงการมีอยู่ของคมศรใหญ่สายนั้น เขาก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าแม้จะเป็นหยินหลอก็ยังช้าไป เนื่องจากศรยักษ์นั้นพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง เขาไม่สามารถหลบพ้นคมศรที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วได้ ทำได้แต่เพียงเบี่ยงตำแหน่งร่างกายที่ศรจะเข้ามาปะทะเท่านั้น
“พรวด”
ลูกศรขนาดใหญ่ดอกนั้น แทงเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของหยินหลอ และด้วยพลังอันมหาศาลที่รุนแรงของศรนั้น ทำให้ลมปราณป้องกันของหยินหลอถูกสลายไป หัวไหล่ของเขาจึงแหลกเละไปในทันที โลหิตสาดกระจายไปทั่ว
หลงเฉินเห็นเช่นนั้น ก็โล่งใจเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้ามองหาที่มาของลูกศรนั้นทันที แล้วก็ได้พบว่า บนยอดเขาลูกหนึ่งห่างออกไปหลายสิบลี้ กัวเหรินกำลังยืนโบกมือส่งมาให้ ในมือถือหน้าไม้ขนาดยักษ์เอาไว้
ก่อนช่วงเวลาที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าจะเปิดออก กัวเหรินได้รับยาโอสถจากหลงเฉิน ที่ทำการหลอมขึ้นมาเป็นพิเศษให้แก่เขาโดยเฉพาะ จึงทำให้สามารถฝึกปรือเข้าสู่ระดับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่หกได้แล้ว
อีกทั้งเพื่อที่จะช่วยเพิ่มพูนพละกำลังกล้ามเนื้อให้กับกัวเหริน หลงเฉินยังได้หลอมโอสถสำหรับเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายให้แก่เขาอีกส่วนด้วย ทำให้กัวเหรินในขณะนี้ มีกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรงจนสามารถยกหน้าไม้ขึ้นมาใช้งานได้โดยไม่ต้องทำการติดตั้งไว้บนพื้นอีกต่อไป
นับตั้งแต่เริ่มต้น ในช่วงเวลาที่หลงเฉินต่อสู้กับหยินหลอ กัวเหรินที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย จึงได้จับสัมผัสและวิ่งตะบึงมุ่งหน้าเข้ามา
เมื่อกัวเหรินพบว่าหลงเฉินกำลังถูกหยินหลอไล่ล่า เขาก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาคำนวณวิถีการก้าวย่างของหยินหลออย่างรวดเร็ว แล้วใช้หน้าไม้ยักษ์ปลดปล่อยลูกศรที่มีพลังแข็งแกร่งราวกับพลังเทพเทวะออกไป
ถึงแม้กัวเหรินจะไม่ได้มีพลังยุทธ์ที่แกร่งกล้า แต่ว่า ด้วยหน้าไม้ยักษ์ที่เขาสร้างขึ้นมาจากความสามารถของเขาเอง นั้น ก็ทำให้เรียกได้ว่าเกือบจะเทียบเท่าระดับพลังของเจ้าสำนักระดับเริ่มต้นเลยทีเดียว
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ หยินหลอนั้นถือครองประสาทสัมผัสที่ฉับไวและลึกล้ำยิ่งนัก สามารถรู้สึกถึงการต่อสู้ของหลงเฉินและหยินหลอได้อย่างรวดเร็วและสามารถยิงศรเข้าใส่หยินหลอที่กำลังเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ถ้าหากเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตคนอื่น ก็คงจะต้องศรดอกนี้ของกัวเหรินจนสิ้นชีวิตไปแล้ว
เมื่อพบว่า ลูกศรที่เขายิงออกไปไม่อาจจบชีวิตหยินหลอได้ภายในดอกเดียว กัวเหรินก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานอย่างเสียดาย ถ้าหากเขาสามารถใช้ศรดอกนี้จัดการกับผู้ที่ถูกยกยอว่าเป็นมีผู้มีพรสวรรค์ในรอบพันปีลงได้ เขาก็ย่อมมีชื่อเสียงนามเป็นที่เลื่องลือไปทั้งใต้หล้าได้อย่างแน่นอน
“ทำได้ดีมาก”
หลงเฉินยกนิ้วโป้งให้กัวเหริน ศรดอกนี้ของกัวเหรินนั้นมีความรุนแรงยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นกัวเหรินยังหาโอกาสยิงจากมุมอับได้อย่างแม่นยำจนหยินหลอไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ นี่เพราะว่าฝ่ายศัตรูคือหยินหลอจึงไม่สามารถสังหารให้ตายได้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นสุดยอดฝีมือคนอื่น ก็คงจะต้องศรนั้นตายภายในเสี้ยววินาทีอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่หลงเฉินเอง ก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็นการมาถึงของศรดอกนี้ได้
หยินหลอมีบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวไหล่ เนื้อแหว่งหายไปหลายส่วนจนเผยให้เห็นกระดูก เขาเสียเลือดไปจำนวนมาก อาการบาดเจ็บของเขานับว่าค่อนข้างร้ายแรงเลยทีเดียว
หน้าไม้ทลายพยัคฆ์กับศรทลายพยัคฆ์เมื่อผนึกกำลังกัน ก็มีพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง นี่ทำให้หยินหลอตกใจจนเหงื่อตก ถ้าหากเมื่อครู่เขามีปฏิกิริยาช้าไปอีกสักนิด ทรวงอกของเขาก็คงจะถูกระเบิดกลายเป็นรูไปแล้ว
คมศรเมื่อครู่นั้น ถึงแม้จะไม่ถูกส่วนสำคัญของร่างกายจนถึงตาย แต่ทว่าก็ต้องสูญเสียพลังการต่อสู้ทั้งหมดไปภายในพริบตา เขาจึงต้องหยุดชะงักการไล่ล่าไปเช่นนี้
“ชิ่”
จู่ๆก็มีเสียงแหลมเล็กคล้ายกับเสียงขยับปีกของแมลงวันดังขึ้น ศรขนาดใหญ่อีกดอก พุ่งตรงเข้ามาด้านหน้าของหยินหลออีกครั้ง อย่ามุ่งหมายชีวิต
ศรขนาดใหญ่โต ทั้งยังมีความเร็วดุจสายฟ้าแลบ แต่กลับมีเสียงแหวกอากาศที่แหลมเล็กและเบาได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่หยินหลอเองก็ยังต้องแตกตื่นขึ้นมาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทว่าครั้งนี้เขาได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว ต่อให้ศรดอกนี้จะรวดเร็วกว่านี้ ก็ย่อมไม่อาจคุกคามเขาได้อีก
“ตู้ม”
หอกยาวในมือหยินหลอสะบัดออก ทำลายศรดอกนั้นลงภายในครั้งเดียว แล้วสาดแววตาอันเย็นเยียบมองไปยังกัวเหรินครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ใส่ใจเขาอีก เพียงแต่วิ่งตะบึงไล่ตามหลงเฉินไปในทันที
ในเวลานี้ หลงเฉินวิ่งห่างออกไปไกลหลายสิบลี้แล้ว ในสายตาของหยินหลอ การสังหารหลงเฉินเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเสียยิ่งกว่าเรื่องอื่นใด
เท้าของหยินหลอซอยถี่ขึ้น เขาพุ่งตัวออกไปคล้ายกับสายฟ้าแลบก็มิปาน มุ่งหน้าไล่ตามหลงเฉินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อออกวิ่งได้สักพักอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ก็ยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้น จนกลายเป็นตัวถ่วงความเร็วของเขา แต่ทว่าความเร็วของหยินหลอยังถือได้ว่าเร็วยิ่งกว่าเสี่ยวเสว่ยที่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นหนึ่ง ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถไล่ตามหลงเฉินได้ทัน
กัวเหรินก็ยังคงใช้หน้าไม้ยิงศรเข้าใส่หยินหลออย่างไม่ลดละ แต่ก็ยังคงถูกหยินหลอทำลายลงด้วยการสะบัดหอกเพียงครั้งเดียว กัวเหรินทราบว่าศรทลายพยัคฆ์ของตนเอง ในด้านของพลังทำลายแล้ว มีแต่ต้องลอบสังหารเท่านั้น จึงจะได้ผล หากศัตรูเตรียมพร้อมตั้งรับอยู่แล้ว ก็ไม่สามารถส่งผลคุกคามแต่อย่างใด
โดยเฉพาะหยินหลอที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่มีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ลูกศรของกัวเกรินนั้น ก็ได้แต่เพียงทำให้เขารำคาญใจ เสมือนแมลงหวี่แมลงวันตัวหนึ่งเท่านั้น
“หยินหลอ ตัวโง่งมอย่างเจ้า กล้าที่จะเข้ามายังพื้นที่ของพวกเราฝ่ายธรรมะ คิดจะท้าสู้กับฝ่ายธรรมะทั้งหมดอย่างงั้นหรือ” กัวเหรินกล่าวท้าทายหยินหลอออกมาเสียงดังลั่น จนกลายเป็นตะโกน
กัวเหรินนั้น เมื่อเห็นว่าหยินหลอไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย เอาแต่ไล่ล่าหลงเฉินไม่ลดละ อีกทั้งก็ยังเห็นว่าตอนนี้ทั่วร่างของเสี่ยวเสว่ยเต็มไปด้วยโลหิต หลงเฉินเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด จึงทราบได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก และที่เขาใช้พลังเสียงทั้งหมดตะโกนออกมา ก็เพื่อที่จะชักนำยอดฝีมือฝ่ายธรรมะที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาหา ทางที่ดีก็ชักนำหานเทียนหวู่มาด้วย หากทำได้สำเร็จ เช่นนั้นหยินหลอก็คงจะต้องจบสิ้นกันแล้ว
หยินหลอทอสีหน้าครุ่นคิด ในขณะนี้เขาอยู่ห่างจากหลงเฉินเพียงแค่ไม่กี่สิบจั้งเท่านั้น และเมื่อตัดสินใจบางอย่างได้ก็สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง พริบตานั้นเองก็มีเงาพยัคฆ์ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลัง พลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวขุมหนึ่ง ก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน
“แย่แล้ว ตัวบัดซบผู้นี้ จะใช้พลังแห่งฟ้าดินอีกแล้ว”
หลงเฉินตกใจอย่างหนัก ความรู้สึกเช่นนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง นี่ก็คือพลังอันมหาศาลที่มีแต่เพียงยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้
ในยามศึกครั้งใหญ่ระหว่างธรรมะและอธรรมครั้งที่แล้ว หยินหลอเองก็ใช้พลังอันมหาศาลขุมนี้ออกมา และเกือบที่จะกวาดล้างหลงเฉินกับม่อเนี่ยนให้ตายไปได้เลยทีเดียว
หลงเฉินเพียงแค่มองจากท่าทางในชั่วพริบตา และแทบไม่จำเป็นที่จะต้องคิด หลงเฉินก็ได้สั่งเสี่ยวเสว่ยให้วิ่งตะบึงต่อไป ส่วนตัวเขากระโดดลงจากหลังของเสี่ยวเสว่ยในทันที
ขณะลอยตัวอยู่กลางอากาศ หลงเฉินก็ใช้ทลายมารชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า วงแหวนแห่งเทพปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่ทอประกายดุจดั่งดาวตก ถ่ายเทพลังอันมหาศาลทั่วทั้งร่างเข้าสู่ทลายมารอย่างบ้าคลั่ง
“เบิกสวรรค์”
หลงเฉินตวัดดาบออกไปครั้งหนึ่ง ส่งพลังดุจสายฟ้าแลบก็มิปาน เขามองออกว่าในเวลานี้หยินหลอกำลังอยู่ในช่วงรวบรวมพลังอยู่ ถ้าหากปล่อยให้เขารวบรวมพลังจนถึงขีดสุดขึ้นมาได้ ตัวเขากับเสี่ยวเสว่ยก็คงต้องตายไปอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจภายในชั่วพริบตาเดียว ฉวยโอกาสในช่วงที่หยินหลอพึ้งจะรวบรวมพลังขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนเองออกไป
ทางด้านหยินหลอ เมื่อเห็นว่าหลงเฉินฉวยโอกาสโจมตีในยามที่เขารวบรวมพลังอยู่ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ‘หลงเฉินผู้นี้ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว’
หยินหลอกัดฟันกรอด ทว่าเขาเองตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าภายในร่างกาย ที่พึ่งจะถูกกระตุ้นขึ้นมา ยังไม่สามารถก่อพลังทำลายได้อย่างเต็มที่ ก็ทำได้แต่เพียงตั้งรับต้านทานเอาไว้เท่านั้น แต่เพียงแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“บรึ้ม”
อาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับกำลังจะแยกฟ้าดินออกจากกัน สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งพสุธาและปฐพี ไกลออกไปหลายร้อยลี้แรงสั่นสะเทือนนั้นก็ยังคงรู้สึกถึง ไกลออกไปอีกหลายพันลี้เสียงดังนั้นยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
พลังมหาศาลที่ระเบิดออกมาจากแรงปะทะ ซัดร่างหลงเฉินให้ลอยไปตกไกลออกไปหลายสิบลี้ ดูคล้ายดาวตกสายหนึ่ง กระแทกชนเข้ากับพื้นกลิ้งล้มหลายตลบ จากนั้นหลงเฉินก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง และเลือดที่ออกมานั้นก็ปะปนไปด้วยเศษของอวัยวะภายในเต็มไปหมด
หลงเฉินรีบล้วงโอสถรักษาบาดแผลออกมา แล้วก็ยัดเข้าไปภายในปาก วิ่งตะบึงออกห่างไปไกล จนไปถึงยังจุดที่เสี่ยวเสว่ยรอคอยอยู่ เมื่อเสี่ยวเสว่ยพบว่าหลงเฉินกระโดดขึ้นมาบนหลังแล้ว ก็วิ่งตะบึงออกไปอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง
ขณะที่เสี่ยวเสวยวิ่งห้อต่อไปไม่ลดละ หลงเฉินที่เกาะแน่นอยู่บนขนนุ่มนิ่มของเสี่ยวเสว่ย ก็กระอักโลหิตคำโตออกมาอีกหลายคำ ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกทั่วทั้งร่างกายได้แตกละเอียดไปแล้ว
การโจมตีเมื่อครู่ของหยินหลอนั้น เมื่อเทียบกับศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรมในครั้งก่อนแล้ว ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเดิมนับสิบเท่า ถ้าหากมิใช่หลงเฉินชิงลงมือต่อเขาก่อน ปล่อยให้เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาที่มิใช่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น หลงเฉินก็คงจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
นี่บอกได้ว่า หยินหลอสามารถที่จะควบคุมโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าภายในร่างกายของเขาได้แล้ว ทั้งยังก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยพลังเฉกเช่นนี้นั้นน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หลงเฉินรู้สึกว่าอวัยวะตันทั้งห้าอวัยวะกลวงทั้งหก ต่างก็แทบจะแหลกลานไปจนสิ้น การรักษาด้วยยาโอสถเหล่านั้น ยังไม่อาจสะกดอาการบาดเจ็บที่รุนแรงเอาไว้ได้
เขาจึงทำได้แต่เพียงกัดฟัน ล้วงเข้าไปในแหวนมิติ นำเอาน้ำยาแหลวสีเขียวบริสุทธิ์ออกมา บีบหยดหนึ่งใส่เข้าไปภายในปาก ในตอนนั้นเองอวัยวะภายในที่ถูกทำลายไป จึงได้เริ่มที่จะค่อยๆสมานแผลขึ้นมา
“เข้าใจแล้ว การโจมตีของตัวบัดซบผู้นั้น แฝงเอาไว้ด้วยพลังแห่งฟ้าดิน ทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความแน่วแน่ที่หนักแน่น ดังนั้นแล้วด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ หากเป็นยาโอสถปกติ ก็ยากที่จะเกิดผลลัพธ์ได้”
ในที่สุดหลงเฉินก็สามารถเข้าใจขึ้นมาได้ ว่าเพราะเหตุใดยาโอสถของเขา ที่กินไปในครั้งแรกจึงไม่เกิดผล เขาพบว่าสิ่งนั่นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพลังแห่งฟ้าดินอย่างแน่นอน
การโจมตีเช่นนั้นของหยินหลอ น่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว หลงเฉินในตอนนั้นไม่แตกต่างอะไปจากแมลงตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้าพลังแห่งฟ้าดินทั้งหมดอันยิ่งใหญ่ แม้ว่าหยินหลอในตอนนั้นพึ่งจะเข้าควบคุมโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าได้เพียงเล็กน้อย และกระตุ้นพลังแห่งฟ้าดินขึ้นมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับสามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
ในเวลานี้ หลงเฉินเกิดความรู้สึกติดค้างน้ำใจยอดฝีมือแห่งดินแดนหลิงที่ได้เคยพบพานผู้นั้นขึ้นมาอย่างลึกล้ำ ที่นางได้มอบน้ำทิพย์เทวะที่แสนล้ำค่าให้แก่เขา น้ำทิพย์เทวะนี้คือสิ่งที่หลงเฉินใช้ฟื้นฟูร่างกายไปเมื่อสักครู่ โอสถล้ำค่าสิ่งนี้ได้ช่วยชีวิตเขาและคนรอบข้างมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เวลาผ่านเลยมาหลายปีจนกระทั่งถึงตอนนี้ น้ำทิพย์เทวะแห่งชีวิตในมือของเขา ก็คงเหลืออีกเพียงแค่หยดสุดท้ายแล้วเท่านั้น อีกทั้งหยดนี้จะต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด เนื่องจากถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีไว้เพื่อช่วยชุบชีวิตได้เลยทีเดียว
ท่ามกลางม่านควันที่ปกคลุมอยู่ทั่วผืนฟ้า ก็ได้เผยใบหน้าอันขาวซีดของหยินหลอออกมา เขาในเวลานี้ร่างกายชุมโชกไปด้วยเลือด คล้ายกับมนุษย์โลหิตเลยก็มิปาน
การต้านทานการโจมตีเมื่อครู่ของหลงเฉิน เขาเองก็ได้รับผลกระทบของพลังอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน เดิมทีที่ร่างกายก็มีบาดแผลนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ซึ่งในขณะที่ตกอยู่ภายใต้พลังที่หลงเฉินใช้สวนกลับมา บาดแผลเหล่านั้นก็ปริแตกออกมาจนหมดสิ้น
ทว่าหยินหลอทำราวกับว่า เขาไม่สามารถสัมผัสถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจนก็มิปาน เพียงเอาแต่จับจ้องมองหลงเฉินที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี ครั้งต่อไปข้าจะถลกหนังเจ้าออกมาให้จงได้”
“โครม”
ทันใดนั้นหยินหลอก็ได้สะบัดหอกยาวในมือออก ทำลายศรดอกหนึ่งที่พุ่งเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ใช้สายตาเยือกเย็น จับจ้องมองไปยังด้านข้างของเขาลูกนั้น เมื่อเห็นกัวเหริน หยินหลอก็ทำท่าทางเหมือนกับเชือดลำคอส่งให้ แล้วก็ได้วิ่งตะบึงออกไปยังที่ห่างไกลไปในทันที
เพราะหยินหลอในเวลานี้ได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่าง ทั้งยังสูญเสียโลหิตไปอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าในเวลานี้เขามีพลังการต่อสู้ไม่ถึงแม้แต่หนึ่งในสามส่วนของยามปกติ
อีกทั้ง ณ ขณะนี้เขายังรู้สึกได้อีกว่า ได้มีพลังสภาวะที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งอีกเจ็ดแปดสาย กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากเป็นยามปกติ เขาย่อมไม่หวาดกลัวอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้กลับไม่สามารถทำเช่นได้ มีแต่ต้องจากไปแล้วเท่านั้น
หลังจากหยินหลอจากไปได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็ได้มีเงาร่างหลายสิบสายปรากฏขึ้นมา ทุกคนต่างก็ทอสีหน้าหวาดหวั่นมองไปยังหลุมขนาดใหญ่บนพื้น
“ช่างเป็นพลังทำลายที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ทั้งยังเป็นพลังความแน่วแน่ที่แข็งแกร่งเหลือประมาณด้วย นี่จะต้องเกิดการต่อสู้ระหว่างสุดยอดฝีมือขึ้นมาอย่างแน่นอน” สุดยอดฝีมือที่มีพลังการฝึกปรือที่แข็งแกร่งที่สุดผู้หนึ่งกล่าวออกมา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แล้วก็เกิดความเงียบแผ่ปกคลุมบริเวณโดยรอบสนามรบแห่งนี้ หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ไปแล้ว ก็หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงพลังทำลายจากความแน่วแน่ จนทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นเกิดแรงกดดันขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง
“การต่อสู้จบลงไปแล้ว แต่พลังทำลายล้างกลับหาได้สลายหายไปไม่ ความแน่วแน่ที่น่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ จะต้องเกิดขึ้นจากสุดยอดฝีมือผู้เก่งกาจอย่างแน่นอน หรือแท้จริงแล้วจะเป็นฝีมือของหานเทียนหวู่อย่างนั้นหรือ ? ” แล้วก็มีบางคนคาดเดาออกมา
“เมื่อครู่เหมือนกับได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาว่า หยินหลออันใด ที่แท้เขาปรากฏตัวขึ้นมาจริงอย่างงั้นหรือ ? หยินหลอกำลังเผชิญหน้ากับหานเทียนหวู่อยู่หรืออย่างไร ? ”
“เป็นไปไม่ได้ หานเทียนหวู่เข้าไปยังภายในส่วนลึกของขอบเขตแดนลับนพเก้าเพื่อเสาะหาวาสนาไปแล้ว มีหรือจะมาเสียเวลาอยู่แถวนี้กัน” มีบางคนที่ได้พบเห็นหานเทียนหวู่มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของเขตแดนลับ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะมาปรากฏขึ้นในที่แห่งนี้ได้
“เช่นนั้นเป็นผู้ใดกันเล่า ? ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก” ในระหว่างนี้ก็มีคนทะยอยเพิ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกผู้คนที่ได้เห็นสนามรบแห่งนี้ ต่างก็ทอสีหน้าหวาดหวั่นมองไปที่หลุมขนาดใหญ่แห่งนั้น
กัวเหรินที่อยู่บนยอดเขาในที่ห่างไกลออกไป ทอแววตาเหยียดหยามมองไปที่คนกลุ่มนี้ แล้วก็ส่ายหน้า :
พี่ใหญ่กล่าวได้ไม่ผิดเลยจริงๆ ศิษย์ฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าจะมีพลังฝึกปรือที่แข็งกล้าหรืออ่อนแอ โดยส่วนมากก็เป็นกลุ่มตัวไร้ค่าด้วยกันทั้งนั้น
ทั้งที่ข้าพึ่งจะตะโกนบอกว่า หยินหลอปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว พวกเจ้าเหล่าคนที่มาถึงกันก่อน กลับเอาแต่มองดูเงาหลังของหยินหลออยู่ในที่ห่างออกไป ไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอที่จะไล่ตามแม้แต่คนเดียว
ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่กำลังคาดเดาการต่อสู้กันอยู่นั้น หนังหน้าของพวกเจ้าคงจะสร้างขึ้นมาจากแผ่นรองเท้าเป็นแน่ กลุ่มของพวกเจ้าที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ มีหรือที่จะไม่ทราบว่าหยินหลอนั้นเป็นผู้ใด
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์”
กัวเหรินก็ได้พ่นน้ำลายออกมา แล้วจึงค่อยได้นำหน้าไม้ทลายพยัคฆ์เก็บเอาไว้ เมื่อพี่ใหญ่หลบหนีไปแล้ว เขาเองก็ค่อยวางใจขึ้นมาได้ เขายังไงก็ต้องหาโอกาสตามหาเขาให้ได้
เสี่ยวเสว่ยวิ่งตะบึงออกมาไกลเป็นระยะทางหลายพันลี้ จนในที่สุดก็หลุดพ้นอันตรายออกมาได้ ทันทีที่มันหยุดวิ่งก็ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
หลงเฉินรีบนำยารักษาออกมากองใหญ่ แล้วยัดใส่ปากของเสี่ยวเสว่ย ขณะนี้เสี่ยวเสว่ยเสียเลือดไปมาก ร่างกายจำเป็นที่จะต้องได้รับการฟื้นฟูซักระยะหนึ่งก่อน
“โบร๋วโบร๋ว” เสี่ยวเสว่ยหันไปส่งเสียงหอนกับหลงเฉิน
“วางใจเถอะ ตอนนี้อันตรายผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าเข้ามาอยู่ในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณเพื่อรักษาตัวก่อนเถอะ”
หลงเฉินเก็บเสี่ยวเสว่ยกลับไปภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ อย่างไรเสียเสี่ยวเสว่ยก็จำเป็นที่จะต้องพักรักษาตัวช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน ตัวเขาเองก็เช่นกัน หากว่ายังเอาแต่สู้ต่อไป จนท้ายที่สุดคงต้องใช้เบิกฟ้าด้วยพลังทั้งหมด และคงส่งผลกระทบต่อลมปราณภายในร่างกาย และก็มีแต่ยิ่งทำให้เกิดร้ายแรงได้ อีกทั้งทางด้านร่างกายก็จำเป็นที่จะต้องพักรักษาตัวอีกสักระยะ
พึ่งจะเดินออกไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว หลงเฉินก็ได้รู้สึกว่าร่างกายเกิดความอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ดีแน่ ทั้งยังไม่มีเวลาพอที่จะหาที่พักผ่อนก่อน ดังนั้นจะต้องรีบฟื้นฟูพลังให้เร็วที่สุดให้ได้แล้ว
“ตายซะ”
หลงเฉินพึ่งจะได้พักผ่อนไปเพียงครู่เดียว ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา จนเขารู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองเต้นกระหน่ำ แล้วบรรยากาศที่เฉียบคมสายหนึ่ง ก็ได้เข้ามาผนึกเขาเอาไว้