“ตายซะ”
หลงเฉินพึ่งจะได้พักผ่อนไปเพียงครู่เดียว ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา จนเขารู้สึกได้ว่าหัวใจของตนเองเต้นกระหน่ำ แล้วบรรยากาศที่เฉียบคมสายหนึ่ง ก็ได้เข้ามาผนึกเขาเอาไว้
ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บและพลังที่สูญเสียไปเป็นอย่างมากของหลงเฉิน ส่งผลให้ประสาทสัมผัสและการรับรู้ของเขาช้าลงไปหลายส่วน ดังนั้นกว่าที่เขาจะรู้สึกถึงจิตสังหารและพลังโจมตีที่ใกล้เข้ามาหา ก็เป็นเวลาที่ภัยเข้าประชิดตัวแล้ว อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นถึงยอดฝีมือผู้หนึ่ง จึงทำให้กว่าที่หลงเฉินจะรู้สึกตัวก็เป็นเวลาที่ศัตรูซัดพลังออกมาแล้ว
การโจมตีที่รุนแรงขุมนั้น พุ่งตรงเข้ามาทางด้านหลงของหลงเฉิน เล็งเป้าที่ตำแหน่งหัวใจอย่างมุ่งหมายเอาชีวิต เห็นได้ชัดว่าต้องการจะสังหารเขาให้ตายภายในกระบวนท่าเดียว
แต่ราวกับว่าร่างกายของหลงเฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ เพียงแค่เขาก้มตัวลงเล็กน้อยหมายจะหลบพลังโจมตีนั้น ร่างทั้งร่างก็ดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งออกไปราวจรวด ห่างออกไปไกลราวสิบกว่าจั้ง
“ชิ”
หลงเฉินรู้สึกได้ว่ากลางหลังเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย เขาถูกแทงจนเกิดบาดแผลลึก ที่อีกเพียงเล็กน้อยก็จะแทงทะลุเข้าไปถึงหัวใจแล้ว
หลงเฉินหมุนตัวกลับมา จึงสบโอกาสประเมินคู่ต่อสู้ ก็พบว่าเป็นชายผู้หนึ่งในชุดคลุมยาวสีฟ้า กำลังจ้องมองมายังหลงเฉินด้วยความแปลกใจ
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นก็ตกใจในปฏิกิริยาที่เฉียบคมฉับไวของหลงเป็นอย่างยิ่ง เขาคิดว่าทักษะที่เขาใช้นั้นเป็นทักษะที่มีไว้ใช้เพื่อการลอบสังหารโดยเฉพาะที่ถือได้ว่าสูงล้ำเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่เหตุใดหลงเฉินผู้นั้นจึงยังสามารถหลุดรอดไปได้
“หมู่ตึกลำดับที่ยี่สิบเจ็ด ? เจ้าเป็นผู้ใดกัน ? ”
หลงเฉิน ในตอนนี้นั้น เลือดในกายก็เริ่มเดือดพล่าน แผ่รังสีสังหารเข้มข้นรุนแรง ตัวบัดซบผู้นี้ เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้จักมาก่อนแม้แต่น้อย ไม่เคยมีความแค้นใดๆต่อกันเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะในสำนักเดียวกัน เหตุใดถึงกับคิดที่จะลอบทำร้ายเขาอย่างหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้อีก ความโหดเหี้ยมเมื่อครู่นั้นแทบจะฝังเขาทั้งเป็นเลยก็ว่าได้
“คนที่จะมาฆ่าเจ้าไงเล่า”
ชายหนุ่มผู้นั้นเมื่อพบว่าไม่อาจสังหารศัตรูได้สำเร็จในกระบวนท่าเดียว ก็เริ่มออกกระบวนท่าเตรียมการโจมตีอีกครั้ง เขาวาดกระบี่ยาวในมือไปมา จนเกิดเงากระบี่พร่าเลือนไปทั่วทั้งผืนฟ้า ในเวลาเดียวกันทั่วทั้งร่างก็ระเบิดพลังอันรุนแรงออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะสังหารหลงเฉินอีกด้วย
“หึ”
หลงเฉินส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ใช้ทลายมารในมือฟาดฟันเข้าไปทางด้านของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง เล็งไปที่หน้าอกของคนผู้นั้น ตรงตำแหน่งที่เป็นหัวใจ
ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นเริ่มตื่นตระหนก เขาคิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำได้ถึงเพียงนี้ เห็นชัดเจนว่าก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนเรียกได้ว่ายากที่จะฟื้นคืนกลับมาได้เลยด้วยซ้ำ
“ตู้ม”
กระบี่ยาวของผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นปะทะกับทลายมารของหลงเฉิน เขาที่ต้านทานพลังไว้ไม่ได้ ถูกหลงเฉินซัดจนกระเด็นออกไปภายในดาบเดียว
หลงเฉินเองก็ลอบแตกตื่นขึ้นมาในใจ : ร่างกายที่ต้องมาแบกรับอาการบาดเจ็บเช่นนี้ แทบจะเรียกได้ว่ามีส่วนที่สมบูรณ์อยู่ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนเลยด้วยซ้ำ พลังลมปราณในตอนนี้ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาอ่อนแออย่างหนัก เพราะถ้าหากเป็นยามที่ร่างกายปกติ บุคคลเช่นนี้เขาสามารถฟันให้ตายได้ในดาบเดียวเท่านั้น
คนผู้นั้นเมื่อถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล ก็คิดอย่างแตกตื่น : พลังของหลงเฉินผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดหลัวมากเกินไปแล้ว จนเขาแทบจะไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้เลยทีเดียว
ขณะที่ผู้อยู่ขอบเขตผู้นั้นกำลังคิดที่จะหมุนกายวิ่งหนีไป สายตาก็สะดุดกับสภาพร่างกายของหลงเฉิน เขาจ้องมองครู่เดียว ก็กล่าวกับหลงเฉินด้วยน้ำเสียบที่เยียบเย็นว่า
“เจ้าหนู วันนี้เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว”
หลงเฉินนั้น เมื่อโจมตีออกไปหนึ่งดาบ ก็รู้สึกฟ้าหมุนแผ่นดินกลับขึ้นมาเป็นสาย น้ำทิพย์เทวะแห่งชีวิตที่ยอดฝีมือแดนหลิงมอบให้แก่เขา ทำได้แต่เพียงฟื้นคืนสภาพที่บาดเจ็บเท่านั้น ไม่สามารถเติบเต็มช่องว่างของพลังลมปราณได้
ขณะนี้พลังลมปราณแห้งเหือดไปแล้ว แม้แต่พลังกายก็เหลือเพียงพอแค่ใช้ไว้ประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้เท่านั้น เขารู้สึกว่าพร้อมที่จะล้มลงไปได้ทุกเวลา
ทว่าหลงเฉินก็ไม่สามารถแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาได้ ขณะนี้ต้องฝืนประคองตัวเองเอาไว้ให้อยู่ให้ได้ เพราะถ้าหากถูกคนผู้นั้นมองออก ผลลัพธ์คงถึงชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
“งั้นหรือ ข้าต้องเชื่อด้วยงั้นหรือ ? ” หลงเฉินทรงตัวอยู่ด้วยดาบยาวในมือ กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
ชายชุดคลุมสีฟ้านั้น เมื่อพบว่าหลงเฉินเพียงแค่ขยับปากพูด แต่ไม่ได้เตรียมพร้อมออกกระบวนท่า ก็ยิ่งทำให้ความคิดของเขาชัดเจนขึ้นมายิ่งกว่าเดิม : “ฮ่าฮ่าฮ่า หลงเฉิน เจ้าไม่ต้องฝืนต่อไปแล้ว คิดว่าข้าเป็นไอ้โง่หรือไง ที่จะดูไม่ออกว่า พลังลมปราณอันน้อยนิดของเจ้าใกล้จะหมดแล้ว
ตอนนี้ข้าจะเล่นกับเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน ดูว่าเจ้าจะทนต่อไปได้อีกซักกี่น้ำ รอให้ถึงตอนที่เจ้าทนไม่ไหว ข้าจะค่อยๆตัดศีรษะของเจ้าให้เอง”
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง แล้วกล่าวกับคนผู้นั้นว่า : “ข้ากับเจ้าไม่ได้มีความแค้นใดๆต่อกัน เหตุใดเจ้าถึงอยากฆ่าข้านัก ? ”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องรู้ รู้ไว้แค่เพียงเจ้าต้องตายอย่างแน่นอนก็พอแล้ว” คนผู้นั้นส่ายหน้าแล้วกล่าวออกมา ในระหว่างนั้นก็ถอยออกไปอีกหลายก้าว พร้อมทั้งมองหลงเฉินอย่างระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าเขาเกรงกลัวว่า หลงเฉินจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายก่อนตาย
หลงเฉินจ้องมองผู้อยู่เหนือขอบเขตที่อยู่ตรงหน้า ใช้สมองใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว หากกล่าวกันตามเหตุและผล การที่เขาและคนผู้นี้พบเจอกันครั้งนั้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น คนผู้นี้ไม่น่าจะรู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้ หรือจะกล่าวก็คือ ที่คนผู้นี้มุ่งมั่ยจะฆ่าเขา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหยกบันทึกภาพก่อนหน้านี้แน่นอน
เมื่อหลงเฉิน หวนนึกถึงสามคนที่วางแผนใส่ร้ายเขา ที่ได้พบเจอก่อนหน้านี้ แล้วหันกลับมามองคนตรงหน้าที่หมายจะสังหารเขาผู้นี้ ก็คิดได้ว่าความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“คิดจะฆ่าข้า ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เจ้าน่ะอย่าได้กลายเป็นว่า ‘ทำเพื่อประโยชน์เพียงน้อยนิด แล้วต้องมาทิ้งชีวิตไป’ ก็แล้วกัน หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าก็เป็นตัวโง่งมที่แท้จริงแล้ว” หลงเฉินยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ‘มนุษย์ตายเพราะโลภมาก นกตายเพราะความตะกละ’ ก็ถูกต้อง แต่ก็มีอยู่บางครั้งนะที่ ‘มีแต่ต้องเสี่ยงอันตรายจึงจะสามารถที่จะได้รับการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่กว่า’ ” คนผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา
เมื่อได้รับคำตอบจากปากของคนผู้นั้น ในที่สุดหลงเฉินก็แน่ใจแล้ว ทั้งกลุ่มคนที่วางแผนการทำเรื่องย่ำแย่ก่อนหน้านี้ และคนที่หมายจะเอาชีวิตเขาผู้นี้ ต่างก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงได้เกิดเป็นสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม้ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นที่เจอกับสตรีผู้นั้น แต่น่าจะยังมีสถาการณ์อื่นอีกมากมายที่รอคอยเขาอยู่ เตรียมสถานการณ์เช่นนี้ไว้ให้เขา ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ส่วนลึกของเขตแดนลับ ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนคาดการณ์เอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
เมื่อนึกจนถึงตรงนี้ หลงเฉินก็เข้าใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันที ต่อให้เป็นตัวโง่งมก็ยังทราบได้ ว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องมีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ในบรรดาหมู่ตึกทั้งหมด คนที่เกลียดชังเขามากที่สุด ก็คงหนีไปพ้นโล่วปิง และคนอย่างโล่วปิงก็สามารถวางแผนสร้างปัญหาต่อหมู่ตึกที่ร้อยแปดได้อย่างแน่นอน ทว่าไม่ว่าจะร้ายกาจถึงเพียงใด นางก็ยังไม่ได้มีกำลังความสามารถ หรืออำนาจที่จะควบคุมศิษย์ของหมู่ตึกอื่นๆได้ถึงเพียงนั้น
สตรีผู้นั้นที่ใส่ร้ายหลงเฉินกับศิษย์สายตรงทั้งสองคนนั้น แล้วก็ผู้อยู่เหนือขอบเขตลอบที่ลอบสังหารเขาอีก ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ในระดับชนชั้นที่พึ่งพาได้ของหมู่ตึก
รวมทั้งผู้อยู่เหนือขอบเขตที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นถึงศิษย์ของทางหมู่ตึกลำดับที่ยี่สิบเจ็ดอีกด้วย ถ้าหากนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงอย่างที่หลงเฉินคิด เช่นนั้นก็คงบอกได้ว่า ตัวผู้บงการเรื่องนี้จะต้องอำนาจที่สามารถควบคุมหมู่ตึกส่วนหนึ่งได้
และที่ทำเพียงชักใยอยู่เบื้องหลังหมู่ตึกเหล่านั้นเท่านั้น ไม่ใช่แค่เพราะเพื่อไม่ให้เรื่องนี้สาวไปถึงตัวเขาได้ แต่เขาจะต้องไม่เห็นหมู่ตึกเหล่านั้นอยู่ในสายตาอีกด้วย
นี่ถ้าหากเป็นตามที่คาดการณ์เอาไว้แล้วละก็ นอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อหมู่ตึกที่ร้อยแปดแล้ว ก็ยังจะสามารถสร้างผลกระทบกับหมู่ตึกอื่นๆได้เป็นวงกว้างด้วย หากคิดที่จะทำให้ตัวเขาตายอยู่ในที่แห่งนี้ เช่นนั้นก็คงจะต้องเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว
“เยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก มีศัตรูมากมายพวกเจ้ากลับไม่ไปต่อกรกับมัน แต่กลับมัวแต่คิดวางแผนกำจัดข้าเสียแทน”
หลงเฉินเมื่อนึกจนถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ภายในจิตใจเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารเดือดพล่าน หากว่าครั้งนี้พวกเจ้าไม่ได้รับบทเรียน อย่ามาเรียกข้าว่าหลงเฉิน ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักปู่หลงเฉินเทพเจ้าสามตา
“หลงเฉิน เจ้าในตอนนี้กำลังจะตายอยู่แล้ว ถึงจะประวิงเวลาต่อไปก็ไม่มีความหมาย ข้าจะให้โอกาสเจ้า ฆ่าตัวตายซะ สภาพศพเจ้าจะได้ยังครบสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นหากตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า เหอะเหอะ……” ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เยือกเย็น ในทุกคำที่เอ่ยจงใจคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
หลงเฉินได้ฟังก็หัวเราะออกมาคราหนึ่ง ในเสียงหัวเราะนั้นให้ความรู้สึกเย็นเยียบ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรให้ว่ากล่าวกันอีกแล้ว ฆ่าทิ้งได้เลย !
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง แล้วค่อยๆทำการฟื้นฟูพลังลมปราณขึ้นมา เมื่อเขาขยับเท้าหนึ่งครั้งก็ส่งร่างตนเองพุ่งเข้าไปประชิดด้านหน้าของชายผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นได้ทันที
ชายผู้นั้น ในขณะที่กำลังคิดวิธีที่จะจัดการกับหลงเฉิน ทันใดนั้นก็พบว่าหลงเฉินพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วประดุจเงามายาสายหนึ่ง ทำให้เขาต้องตกใจแทบขวัญผวา รีบชักกระบี่แทงเข้าใส่หน้าอกของหลงเฉิน
การแทงกระบี่ของผู้อยู่เหนือของเขตครั้งนี้แสนจะธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นเหมือนกับการออกกระบวนท่าเพื่อซื้อเวลาหลบหนีเท่านั้น หากว่าเป็นคนปกติธรรมดา ก็คงต้องเลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบอย่างแน่นอน แต่ทว่าคนที่ชายผู้อยู่เหนือขอบเขตกำลังเผชิญหน้าอยู่กลับเป็นหลงเฉิน
หลงเฉินไม่สนใจกระบี่ที่แทงมานั้นเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากออกกระบี่มาเสมือนใช้มีดแทงปลาเท่านั้น ไม่ได้ใช่วิทยายุทธ์ใดๆ มีพลังสภาวะแฝงอยู่ก็เพียงน้อยนิดเท่านั้น อีกทั้งในขณะนี้พลังของน้ำทิพย์เทวะภายในร่างกายยังไม่สลายหายไป ต่อให้ถูกกระบี่นั้นแทงเข้าที่หัวใจ เขาก็จะยังไม่ตาย และใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถสมานแผลกลับมาได้ นี่ก็เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดแค่ชั่วครู่เท่านั้นเอง
ทลายมารในมือของหลงเฉิน ก็ได้หันคมเข้าฟาดฟันใส่ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นไม่ยั้ง จนทำให้เขารู้สึกตื่นกลัวขึ้นมา กระบวนท่านี้ของหลงเฉิน แน่นอนว่าเป็นกระบวนท่าที่มุ่งหมายให้ศัตรูตายตกร่วมกัน ซึ่งเขาไม่ได้ยินยอมที่จะตายตกไปพร้อมกับหลงเฉิน แต่กระนั้นแม้ว่าจะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันกาลแล้ว จึงรั้งกระบี่กลับมาเพื่อต้านทานดาบของหลงเฉินเอาไว้
ทว่าสิ่งนี้กลับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ด้วยพลังของหลงเฉินที่เดิมทีแล้วก็มิใช่สิ่งที่เขาพอจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นห้วงเวลาที่คับขันอีกด้วย
“พรวด”
โดยไม่รอให้ไตร่ตรองใดๆ ทลายมารของหลงเฉิน ก็ฟาดฟันเข้าไปยังใจกลางกระบี่ยาวในมือของชายผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นทันที พลังที่แฝงเอาไว้ไม่ลดทอนลงแม้แต่น้อย จึงทำให้ร่างกายของชายผู้นั้นถูกผ่าขาด แยกเป็นสองส่วนไปได้ในทันที
“ไม่ ไม่ ข้ายังไม่อยากตาย……”
ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นที่ร่างกายขาดครึ่ง พยายาตะเกียกตะกาย ทอสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา
“ในยามที่เจ้าสังหารผู้อื่น เคยสนใจในคำอ้อนวอนของคนผู้นั้นหรือไม่ ? ”
“พรวด”
หลงเฉินตวัดดาบยาว ศีรษะลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าขึ้นไป พร้อมกันนั้น พลังจากต้นตระกูลแห่งธรรมชาติสายหนึ่งก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ ค่อยๆลอยสูงขึ้นอย่างช้าๆ ลอยขึ้นไปจนอยู่สูงกว่าระดับขอบฟ้าแล้ว
“จบสิ้นเสียที”
หลงเฉินตวัดดาบยาวออกไปอีกครา ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการฟันออกไปธรรมดา แต่ว่าก็ยังคงแฝงเอาไว้ด้วยพลังความแน่วแน่ที่เกิดขึ้นมาจากความโกรธเกรี้ยวของหลงเฉิน
ตัวโง่งมเช่นนี้ ยังคู่ควรที่จะได้รับการอวยพรจากสวรรค์อีกอย่างนั้นหรือ ? ในเมื่อเจ้าจบสิ้นไปแล้ว เช่นนั้นก็สลายหายไปเสียเถอะ
ภายใต้การลงดาบของหลงเฉิน พลังจากต้นตระกูลแห่งธรรมชาติสายนั้นก็ได้ถูกบดขยี้กลายเป็นฝุ่นผงไปในที่สุด จากนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะสลายหายไปจากโลกหล้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลงเฉิน หลีกหนีไม่พ้นจริงๆ ถึงกับสามารถพบเจอเจ้าในสถานที่แห่งนี้ได้”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความอาฆาตพร้อมทั้งความยินดีดังขึ้นมา
หลงเฉินหันไปมองต้นกำเนิดเสียงนั้น เบื้องหน้าเขา ห่างออกไปไม่ไกล ปรากฏคนผู้หนึ่งกำลังทอสีหน้าอาฆาตแค้นจ้องเขม็งมาที่เขา
คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น แท้จริงแล้วก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหมู่ตึกลำดับที่สามสิบหก สุดยอดฝีมือเจียงอี้ฝ่านนั่นเอง
สุดยอดฝีมือผู้นี้ ครั้งหนึ่ง ณ หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด เขาได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา แต่ก็ยังคงไม่อาจทำอะไรหลงเฉินได้อยู่ดี
ทว่าภายหลังที่ได้รับความช่วยเหลือจากหมู่ตึกที่หนึ่ง เจียงอี้ฝ่านไม่เพียงแต่สามารถฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บได้ แต่หมู่ตึกที่หนึ่งยังได้มอบยาโอสถล้ำค่ามากมายมาให้ด้วย จนทำให้เขาสามารถที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายได้แล้ว
เจียงอี้ฝ่านนั้น ในตอนนี้ได้พักฟื้นจนร่างกายหายเป็นปกติแล้ว แต่ในส่วนความอับอายที่ได้รับมาจากหลงเฉินนั้นยังคงฝังอยู่ในจิตใจไม่จางหาย เขาทั้งเกลียดทั้งชังหลงเฉินจนอยากถลกหนังออกมา
นับตั้งแต่เรื่องในครั้งนั้นสิ้นสุด เหล่าศิษย์ในหมู่ตึกที่เดิมทีมองเขาอย่างให้ความเคารพนับถืออยู่เสมอ ก็ล้วนมองเขาเปลี่ยนไป สายตาที่มองมากลายเป็นแววตาที่ประหลาดพิกล นั่นทำให้เขาเกิดความโกรธเกรี้ยวจนแทบอยากจะฆ่าคนเลยทีเดียว
เจียงอี้ฝ่าน เตรียมการสำหรับการเปิดศึกกับหลงเฉินอีกครั้งมาแล้ว เขามั่นใจว่า ด้วยพลังฝีมือที่รุดหน้าเป็นอย่างมากของเขานั้นจะสามารถเอาชนะหลงเฉินได้ ในการเข้ามาสู่ขอบเขตแดนลับครั้งนี้ เขาจะต้องล้างอายให้ได้ จึงได้ทำการสืบเสาะหาหลงเฉินอยู่ละแวกนี้อยู่นาน แต่ตลอดช่วงที่ผ่านมากลับไม่พบเจอแม้แต่เงาของหลงเฉิน เดิมทียังคิดว่าหลงเฉินได้เข้าไปยังส่วนลึกแดนลับไปแล้ว ในขณะที่กำลังจะถอดใจไปแล้ว ก็ได้พบเจอกับหลงเฉินจนได้ นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลิงโลดขึ้นมาจนแทบคลุ้มคลั่ง
“หลงเฉิน ไปตายซะเถอะ”
เจียงอี้ฝ่านวิ่งตะบึงเข้ามาหาหลงเฉิน พร้อมกับตะโกนเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว ส่งกำปั้นออกมาหมัดหนึ่ง เป็นพลังหมัดที่รุนแรงน่าหวาดกลัว พุ่งเข้าไปที่ใบหน้าหลงเฉิน
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง พยายามที่จะเรียกพลังลมปราณขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขากลับพบว่าภายในดารากักวายุ ไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออีกแล้ว
ดวงตาของหลงเฉินจดจ้องกำปั้นที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาทำได้แต่เพียงยกทลายมารขึ้น พร้อมทั้งใช้พลังทั้งหมดภายในร่างกายเข้าต้านทานพลังหมัดนั้นไว้
“โครม”
บาดแผลของหลงเฉินฉีกออกเป็นวงกว้างขึ้นมาอีกครั้ง โลหิตมากมายสาดกระจายออกมา ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
“ฮ่าฮ่า หลงเฉิน เจ้ามิใช่ว่าฮึกเหิมนักหรือไงกัน ? เจ้าไม่หยิ่งผยองต่ออีกแล้วหรือ ? ตอนนี้เหตุใดถึงได้กลายเป็นดั่งสุนัขใกล้ตายเช่นนี้แล้วละ ไปตายซะเถอะ” กำปั้นข้างหนึ่งซัดเข้าไปที่ตัวหลงเฉินจนลอยกระเด็นออกไปอีก เจียงอี้ฝ่านที่อยู่ในสภาวะคึกคะนอง ก็ได้วิ่งไล่ตามไป พร้อมทั้งซัดหลงเฉินไปอีกหมัด
หลงเฉินพึ่งจะลุกขึ้นจากพื้น ก็กระอักเลือดออกมาครั้งหนึ่ง รู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้าจู่ๆก็มืดคลึ้มขึ้นมา ดวงตาคล้ายกำลังจะมืดบอดแล้ว
หลงเฉินทราบดีว่า นี่เป็นเพราะเขารับศึกมามากจนเกินไป จนร่างกายมาถึงขีดจำกัดแล้ว และกำลังจะสลบไสลลงไปแล้ว
ทว่าเขาไม่อาจหลับไปตอนนี้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก จึงใช้ดาบยาวในมือฟันออกไปด้วยพลังทั้งหมดอีกครั้ง
“โครม”
หลงเฉินรู้สึกว่าแขนของตัวเอง ราวกับจากขาดออกจากหัวไหล่ไปแล้ว ร่างกายลอยกระเด็นออกไป ไม่อาจจะยืนหยัดต่อไปได้อีก ความรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ภายใต้ความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด
“ข้าจะต้องมาตายเช่นนี้อย่างนั้นหรือ ? ช่างไร้ค่าจริงๆ ! ”
ในขณะที่หลงเฉินกำลังตกอยู่ในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนั้น พลันก็รู้สึกว่ามีคนอุ้มเขาขึ้นมา และคล้ายกับได้ยินเสียงของเจียงอี้ฝ่านกำลังด่าทอวาจาที่ไม่น่าฟังออกมา