“กายาศึกกักวายุ——เบิก”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ภายในแววตาทั้งคู่ก็ได้ปรากฏเป็นภาพดวงดาราดวงหนึ่ง เขาระเบิดพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวขึ้นมา แล้วก็ใช้ดาบฟันเข้าไปที่เสาหินนั้นหนึ่งครั้งอย่างรุนแรง
“ตูม”
สิ่งที่ทำให้สุดยอดฝีมือทั้งสามคนต้องหวาดผวาขึ้นมาก็คือ เพียงหนึ่งดาบของหลงเฉิน ถึงกับสามารถที่จะทำให้เสาหินศิลาที่หนักอย่างมหาศาลลอยกระเด็นออกไปได้อย่างรวดเร็ว
เสาหินเหล่านั้น ไม่อาจทราบได้ว่าถูกสร้างขึ้นมาด้วยวัสดุใด แต่วัสดุนั้นนับว่ามีความแข็งแรงทนทานเป็นอย่างยิ่ง และหนักจนน่าตกใจเลยทีเดียว
เนื่องจาก แม้แต่ความแข็งแรงของโลงศพขนาดใหญ่นั้นก็ยังไม่อาจทนรับน้ำหนักของเสาหินที่ล้มทับได้เลย โลงศพนั้นถูกทับจนแหลกเป็นผุยผง หากไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่สามารถพบเห็นโลงศพเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ข้างใต้ได้แล้ว
วัสดุที่ใช้สร้างโลงศพนั้นแข็งแรงทนทานอย่างยิ่ง แม้ว่าจะถูกเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งทุบตีเพียงใดก็ยังไม่สามารถสร้างริ้วรอยให้เกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าโลงศพนั้นก็ยังถูกเสาหินทับจนแหลกลาน เพียงแค่คิดดูก็พอที่จะทราบได้ว่าน้ำหนักของเสาหินนั้นมีความน่าหวาดกลัวเพียงใด
เสาใหญ่และหนักมากมายเพียงนี้ ก็ยังถูกหลงเฉินซัดจนกระเด็นลอยไปไกลได้ นี่เอง ที่สามารถทำให้ยอดฝีมือทั้งสามตกอยู่ในอาการตกตะลึงได้ภายในพริบตา
“ครืนครืน”
เสาหินอันนั้นหลังจากที่ถูกซัดจนกระเด็น ก็ได้กระแทกชนเข้ากับเสาหินที่อยู่ด้านข้าง เสาหินท่อนนั้นเมื่อได้รับผลกระทบ ก็ได้ล้มครืนไปยังอีกด้านหนึ่ง และคล้ายกับผลักดันผนึกที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็มิปาน เสาต้นหนึ่งที่ล้มลงกระแทกชนให้เสาต้นถดไปล้มตาม เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนทำให้เสาหินทั้งหมดต่างล้มระเนระนาดไปตามๆกัน
เมื่อเสาหินต้นสุดท้ายล้มลง ห้องเก็บโลงศพก็ไม่เหลือส่วนที่ค้ำยันเอาไว้อีก พริบตานั้นก็ได้ถล่มลงมาอีกครั้ง
“แย่แล้ว”
หลงเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไป หากยังอยู่ภายในห้องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าหากถูกฝังอยู่ในที่แห่งนี้ ต่อให้มีพลังการฝึกปรือที่แกร่งกล้ากว่านี้ ก็มีแต่ตายสถานเดียว
หลงเฉินพบว่าในตอนนี้จ้าวหมิงซานกับพวกพ้องทั้งสามคน ก็เข้ามาอยู่ในเส้นทางเตรียมพร้อมหลบหนีแล้ว หลงเฉินจึงไม่กล้าจะชักช้าอีกต่อไป ได้แต่มุ่งหน้าวิ่งเข้าไปยังเส้นทางออกจากถ้ำในทันที ทว่าในขณะที่พึ่งจะไปถึงปากทางเข้าถ้ำ ทันใดนั้นเองการโจมตีสามสายก็ได้พุ่งเข้ามาหาอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลงเฉินมีโทสะขึ้นมายกใหญ่ ทลายมารในมือทอประกายคมกล้าขึ้น รอยตราที่อยู่ทางด้านบนก็ถูกกระตุ้น แม้แต่แกนผลึกที่อยู่ด้านหน้าของด้ามดาบก็เปล่งประกายขึ้นมา
“ตูม”
หลงเฉินใช้ทลายมารฟันออกไปครั้งหนึ่ง อาวุธของยอดฝีมือทั้งสามคนก็แหลกละเอียดไปตามๆกัน คนที่อยู่ส่วนต้นทางเดิน ลอยกระเด็นออกไปอีกทางด้านหนึ่ง แล้วกระอักโลหิตออกมาอย่างบ้าคลั่ง
นี่เองทำให้ยอดฝีมือทั้งสามตกตะลึงอย่างหนัก พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลงเฉินจะน่าหวาดกลัวได้มากมายถึงเพียงนี้ ทว่าเมื่อได้หันกลับไปมอง ก็พบว่าเส้นทางสายนั้นได้ถูกปิดตายไปแล้ว และหลงเฉินก็ไม่ได้ไล่ตามมา
เห็นดังนั้น ทั้งสามคนก็อดที่จะยินดีขึ้นมาไม่ได้ กระนั้น พวกเขายินดีอยู่ได้ไม่นานนัก สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในทันที ในดวงตาฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมา มุ่งหน้าหนีตายไปทางด้านนอก
เพราะห้องเก็บโลงศพหลักนั้นได้ถล่มราบเป็นหน้ากองไปแล้ว ในขณะนี้ทางเดินรอบข้างก็กำลังเริ่มที่จะถล่มลงมา ทั้งสามคนจึงต้องรีบหนีตายคล้ายดั่งสุนัขไร้เจ้าของก็มิปาน ต่างตั้งหน้าวิ่งตะบึงกันออกไป
ที่ยังพอโล่งใจได้ก็คือ ในยามพวกเขาเข้ามา ได้ทำสัญลักษณ์กันเอาไว้แล้ว ที่วิ่งเข้าหาทางออกได้อย่างถูกต้อง ทั้งสามคนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตมาตลอดทาง และตลอดทางนั้นเส้นทางที่อยู่ทางด้านหลังก็ถูกปิดลงอย่างบ้าคลั่งไล่ตามหลังมา คล้ายกับสัตว์ประหลาดกินคนที่หมายจะกลืนกินทั้งสามคนก็มิปาน
ในขณะที่วิ่งตะบึงได้ระยะทางหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้พบว่าทางด้านหน้าปรากฏให้เห็นเป็นช่องแสงสว่าง พวกเขาจึงเกิดความยินดีขึ้นมายกใหญ่ ช่องแสงนั้นก็คือทางออกนั่นเอง
“ซูมซูมซูม”
ทั้งสามคนพุ่งทยาน ดีดตัวออกสู่ด้านนอกประดุจดั่งคมศรหลุดจากคันศรก็มิปาน ลอยออกมาจากภายในถ้ำ ทันใดนั้นหุบเขาที่อยู่ทางด้านหลังก็ได้ถล่มลงมาทั้งหมด รอดพ้นจากวิกฤติไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
“พรวดพรวด”
พึ่งจะรอดพ้นไปจากอันตายจากสุสานถล่มไปได้ สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ยังไม่ทันจะได้พักหายใจแม้เพียงเฮือกเดียว ทันใดนั้นก็ได้เกิดความเจ็บปวดขึ้นที่บนร่าง หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ได้เสียบเข้าไปที่หัวใจของเขาจากทางหน้าและด้านหลังของเขาพร้อมกัน
“พวกเจ้า……”
สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ระเบิดเสียงดังกึ่งก้องขึ้นมาทันใด ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตัวเขากระเด็นออกไปทางด้านหน้า เมื่อหันหน้ากลับมา ก็จ้องเขม็งไปยังคนฝ่ายธรรมะทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ
เขานั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็นึกไม่ถึงเลยว่า ในขณะที่พึ่งจะพ้นจากอันตราย เจ้าหนูทั้งสองคนนี้ก็ตะบัตสัตย์ที่ให้ไว้ว่าจะร่วมมือกันในทันที เขาถูกลอบฆ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่กำลังหลั่งไหลออกไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว จนอดไม่ได้ที่จะทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาน ทั้งยังเกิดความผิดหวังและเคียดแค้นขึ้นมา
เหล่าผู้อาวุโสในหมู่ของฝ่ายอธรรม มักจะคอยกำขับย้ำเตือนพวกเขาอยู่เสมอว่า จงอย่าได้ไปร่วมมือกับศิษย์ฝ่ายธรรมะเป็นอันขาด เมื่อพบพานกับศิษย์ของฝ่ายธรรมะ มีแต่เพียงคำเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ——ฆ่า !
เดิมทีเขายังคิดว่า ตนเองหยิบยืมพลังที่แข็งแกร่งของคนพวกนี้ เพื่อจะได้ไม่จำเป็นที่จะต้องเผยไพ่ตายออกมา และยังสามารถที่จะมีพลังในการต่อกรกับคนกลุ่มนี้ในภายหลังอีกด้วย เจ้าพวกศิษย์ฝ่ายธรรมะที่ขี้ขลาดตาขาวพวกนี้ อย่างไรเสียก็เป็นเพียงหุ่นเชิดบนฝ่ามือเท่านั้น
แต่ว่าขณะนี้ เขาได้พบว่า เขาได้ผิดไป ทั้งยังผิดอย่างมหันต์ ความเจ้าเล่ห์เพทุบายของศิษย์ฝ่ายธรรมะนั้น เรียกได้ว่าอยู่ห่างจากที่เขาได้คาดคิดเอาไว้ไปอย่างยาวไกลเลยทีเดียว
“ยังจะมัวสงสัยอะไรกันอีก ? พวกเราเป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะ ทั้งยังได้รับภารกิจจากอาจารย์ที่เที่ยงธรรม ให้มีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการกวาดล้างเหล่าอธรรม ก็ต้องฆ่าพวกเขาให้สิ้นซาก”
จ้าวหมิงซานกล่าวขึ้นมาต่อเหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะ ที่เดิมทีกำลังตะลึงลานกับสิ่งที่เขาทำกันอยู่ ศิษย์เหล่านั้นเอง เมื่อได้ฟังดังนั้นก็แยกย้ายกันชักอาวุธกันออกมา แล้วทำการมุ่งหน้าฆ่าสังหารฝ่ายอธรรมทันที
ก่อนหน้านี้พวกเขาหวาดกลัวสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นมาโดยตลอด ในขณะนี้เมื่อสุดยอดฝ่ายอธรรมผู้นั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนพลังการต่อสู้ลดทอนลงไปเป็นอย่างมากเช่นนี้แล้ว พวกเขายิ่มไม่กลัวแล้ว เมื่อมีความได้เปรียบมีผู้ใดบ้างที่จะไม่คว้าเอาไว้กัน ?
“ตายซะ”
จ้าวหมิงซานและสุดยอดฝีมือฝ่ายธรรมะอีกคนหนึ่ง ก็มุ่งหน้าทำการสังหารสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นไปในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น เมื่อได้รับบาดเจ็บไปแล้ว ทั้งสองคนนั้นก็ย่อมไม่ปล่อยให้เขามีเวลาฟื้นตัวได้ แม้แต่โอกาสในการล้วงหยิบยาโอสถก็ยังไม่มีให้เลยด้วยซ้ำ
สุดยอดฝีมือสามคนจากสองฝ่าย เข้าปะทะกันหลายกระบวนท่า ในที่สุดก็ทำให้สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่บาดเจ็บผู้นั้นก็ถูกกดดันจนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขึ้นมา และในระหว่างที่ฝ่ายธรรมะทั้งสองคนกำลังจะลงมือเด็ดชีวิต
“เจ้าพวกฝ่ายธรรมะที่ต่ำทราม ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า”
“ตูม”
เมื่อเห็นว่าวันนี้ไม่อาจที่จะมีชีวิตรอดไปได้อีกแล้ว แม้แต่จะหลบหนีก็ยังไม่มีโอกาส สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ทันใดนั้นก็ได้ด่าทอขึ้นมายกใหญ่ แล้วตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาก็แหลกเละกระจัดกระจายออก ทำการระเบิดตัวเองตายไป
ทว่าถึงแม้สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น จะผ่านศึกที่รุนแรงมาติดต่อกัน แม้ว่าในตอนนี้จะได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตก็ตามที แต่พลังลมปราณภายในจุดตันเถียนของเขา กลับยังคงเต็มเปี่ยมอยู่
ภายในจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคียกแค้นเกลียดชัง ก็ได้กระตุ้นพลังจากจุดตันเถียนให้ระเบิดออกมา การระเบิดตัวตายของสุดยอดฝีมือผู้หนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องสร้างพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวออกมาได้เลยทีเดียว
ดังนั้นทำให้รอบบริเวณหลายสิบลี้ ถูกแรงระเบิดกระจายออกไปเป็นวงกว้าง จ้าวหมิงซานและสุดยอดฝีมืออีกหนึ่งคน คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยผู้นี้จะเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับไม่ยอมขอร้องอ้อนวอน ทั้งยังไม่คิดจะหลบหนี แต่กลับระเบิดตัวเองไปในทันที
ทั้งสองคนที่ต่างก็อยู่ในระยะที่ใกล้กับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่สุด จึงได้ถูกพลังอันมหาศาลนั้นซัดจนปลิวลอยกระเด็นออกไปในทันที ทั้งสองคนต่างก็กระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรง กระดูกภายในร่างกาย แตกหักไปกว่าครึ่ง สภาพอเนจอนาจอย่างถึงที่สุด
“พรวด”
จ้าวหมิงซานกระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่ง พยายามฝืนลุกขึ้นมานั่ง ด้วยใบหน้าที่ชาด้าน แววตาทั้งคู่คล้ายมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา
ในเวลานี้ศิษย์ของฝ่ายอธรรมเหล่านั้น ต่างถูกฆ่าไปจนสิ้นแล้ว ศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ก็ตายไปมากกว่าครึ่งหลงเหลืออยู่เพียงไม่ถึงครึ่ง และศิษย์ฝ่ายธรรมะสังกัดอื่นเหล่านั้น ต่างก็ได้หลบหนีไปกันตั้งแต่แรกแล้ว
“ยังจะมัวสงสัยอะไรกันอีก ? พวกเจ้าต่างก็เป็นคนตายไปแล้วหรือไง ? ควรที่จะทำอะไร ตัวเองยังไม่รู้กันอีกงั้นหรือ ? ” จ้าวหมิงซานตวาดด่าทอออกมา เมื่อมองเห็นว่ากลุ่มศิษย์ของหมู่ตึกกำลังจ้องมองเขาด้วยอาการตกตะลึง
เมื่อได้ยินจ้าวหมิงซานตะคอก ผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกคนหนึ่งก็เดินเข้าไปหาเขา พร้อมทั้งล้วงขวดยาออกมา ยื่นยาโอสถเม็ดหนึ่งไปให้
“เพี๊ยะ”
จ้าวหมิงซานตบเข้าไปที่ใบหน้าของคนผู้นั้น แล้วด่าทอออกมา “บัดซบ ข้าหาได้ไร้น้ำยาถึงเพียงนั้นไม่ ยังไม่จำเป็นที่จะต้องให้เจ้าต้องมาดูแล เจ้าไปตระเวณดูโดยรอบซะ แล้วไปนำเอาแหวนมิติของตัวบัดซบผู้นั้นมาให้ข้า”
คนผู้นั้นถูกตบเข้าไปที่ใบหน้าฉาดใหญ่ ก็เกิดเพลิงโทสะขึ้น แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรจ้าวหมิงซาน จึงได้แต่นำพาทุกคนออกไปทำการลาดตระเวณและเก็บกวาดพร้อมกัน ถึงแม้ว่าภายในจิตใจจะด่าทอสาปแช่งไปถึงบรรพบุรุษเก้าชั่วโครตของจ้าวหมิงซานตั้งแต่แรกไปแล้ว
“ช่างสมกับเป็นตัวโง่งมกันเสียจริง เกิดเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ สุดท้ายแม้แต่ขนเส้นเดียวก็ยังเอามาไม่ได้ ช่างน่าแค้นใจนัก”
จ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่งหลังจากกินโอสถรักษาอาการบาดเจ็บไปแล้ว ก็เดินดูบริเวณนั้นชั่วครู่ แต่เมื่อมองไปยังกลุ่มศิษย์ที่ทำการค้นหาและเก็บกวาดกันอยู่รอบหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวออกมาด้วยโทสะ
การเข้ามายังสุสานโบราณในครั้งนี้ แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ยังเก็บมาไม่ได้ แล้วยังมีศิษย์หมู่ตึกตายไปมากมายถึงเพียงนั้น ท้ายที่สุดแล้วตนเองยังได้รับบาดเจ็บ จนทำให้เขารู้สึกหดหู่จนแทบจะเอาศรีษะโขกกำแพงตายเลยทีเดียว
“ผลประโยชน์ภายในสุสานโบราณในครั้งนี้ ล้วนถูกหลงเฉินกับเจ้าเด็กน้อยแซ่กัวนั่นกอบโกยไปหมดแล้ว แต่ในเมื่อหลงเฉินตายอยู่ในห้องเก็บโลงศพไปแล้ว สิ่งของที่อยู่ในตัวของเขา พวกเราก็อย่าได้นึกถึงอีกเลย” สุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่งถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว
ถึงแม้ในตัวของหลงเฉิน จะมีสมบัติล้ำค่าที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ก็ตาม แต่ว่าก็ถูกฝังไปพร้อมกับเขาไปแล้ว ภายใต้ผืนแผ่นดินแห่งนี้ แตกต่างไปจากภายนอกโดยสิ้นเชิง ทุกพื้นที่ลึกลับสุดหยั่งคาด
ต่อให้ตอนนี้เริ่มต้นทำการขุดเส้นทางของถ้ำขึ้นใหม่ แม้จะสามารถขุดเข้าไปจนถึงสุสานที่ซ่อนเร้นของแดนลับได้ พวกเขาก็ยังไม่อาจทราบถึงตำแหน่งที่ศพของหลงเฉินอยู่ได้ ดังนั้นสมบัติในตัวของหลงเฉินจึงทำได้แต่เพียงปล่อยไปแล้ว
“ก้อนอิฐในมือของหลงเฉิน ความแข็งแกร่งก็ได้เห็นกันแล้ว อีกทั้งยังเป็นอิฐที่ใช้ภายในสุสาน นั่นถือว่ามีมูลค่าเทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว
ในตัวของเด็กน้อยแซ่กัวผู้นั้น ก็คงจะต้องมีอยู่ไม่น้อย ถ้าหากเสาะหาเขาพบ ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะได้รับผลพลอยได้บ้างก็ได้”
จ้าวหมิงซานพยักหน้าเห็นด้วย ทว่าก็กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “แล้วถ้าหากหาตัวเขาไม่เจอเล่า ? ”
สุดยอดฝีมืออีกผู้หนึ่งนั้น บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นเยียบขึ้นมา : “เช่นนั้นก็คงต้องออกหมายนำจับแล้ว บอกว่าเด็กน้อยแซ่กัวนั่นเป็นสุนัขรับใช้ของหลงเฉิน ทั้งยังทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก หรือไม่ก็กล่าวโทษอื่นให้แก่เขาอีกซักอย่างก็ได้แล้ว
นอกเสียจากว่าจากเด็กน้อยนี้จะไม่เปิดเผยตัวออกมา แต่หากวันใดที่เปิดเผยตัว ก็มีแต่ต้องถูกพวกเราโจมตี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราก็เพียงแค่ลงทุนไปซักส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะได้กำไรเป็นสมบัติวัตถุล้ำค่ามากมาย นี่อย่างไรแล้วก็นับว่าเป็นการค้าที่ได้กำไร”
“การค้านี้นับว่าไม่เลวถ้าหากหาตัวเขาพบ ให้ตายเถอะ ยังไงก็ต้องขอระบายอารมณ์ซักครา คงต้องหาแพะรับบาปมาซักคนแล้ว เจ้าพวกหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปด หากข้าไม่ทำให้พวกเจ้าวอดวาย ก็อย่าเรียกข้าว่าจ้าวหมิงซาน” จ้าวหมิงซานประกาศกร้าว ในดวงตาทั้งคู่ฉายแววอาฆาตมาดร้าย
สุดยอดฝีมืออีกผู้หนึ่ง พยักหน้าไปมา ทันใดนั้นเองแววตาทั้งคู่ก็ปรากฏร่องรอยความหวั่นเกรง เขากำลังลอบนึกหวาดกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง จึงกล่าวออกมาว่า
“คิดไม่ถึงว่าหลงเฉินผู้นี้จะน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ที่แท้แล้วในตอนที่ต่อสู้กับพวกเรา เขาไม่ได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
เห็นกันชัดๆว่าคิดจะยืมมือพวกเรา ให้เข้าไปชิงสมบัติออกมา แล้วสุดท้ายก็หวังที่จะกอบโกยเอาไว้เอง ช่างอำมหิตเกินไปแล้ว”
ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้คิดที่จะโทษหลงเฉินเพียงอย่างเดียว ทว่าในครั้งนี้หลงเฉินได้หายสาบสูญไปแล้ว เขาต่อให้พันขบคิดหมื่นทบทวน ก็ย่อมไม่อาจที่จะคาดคิดได้ว่าโลงศพนั้น จะถึงกับเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งอันตราย ไม่มีกลไกใดๆซ่อนเอาไว้อยู่เลยอย่างงั้นหรือ ?
หากเป็นไปตามการคาดเดา ตามปกติ ใจกลางโลงศพก็ต้องมีไอพิษอยู่สิ ไม่ก็ดอกศร หรือต่อให้แย่กว่านี้ จะอย่างไรก็ต้องมีอะไรไว้จัดการกับผู้คนอยู่บ้าง
ดังนั้นหลงเฉินจึงไม่คิดที่จะลงมือเอง ข้อหนึ่งนั้นก็เพราะเกรงกลัวอันตราย อีกข้อหนึ่งก็เพราะเกรงว่าจะเกิดความยุ่งยาก แล้วยังมีอีกข้อ ก็คือเขายังไม่มั่นใจนักว่าพลังฝีมือที่พัฒนาเข้าจนถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นไปแล้วแท้จริงเป็นเช่นไร ซึ่งก็ชัดเจนว่าในภายหลังเขาได้ทำการทดสอบดู
หรืออาจจะเป็นเพราะในอดีตกาล ต่างก็อยู่อย่างเป็นสุขกันมาโดยตลอด การทิ้งกลไกเอาไว้ในทางเดินในสุสานสายหนึ่ง ก็เพียงเพื่อที่จะป้องกันเหล่าสัตว์ร้ายได้ก็เพียงพอแล้ว คงไม่ได้คาดคิดว่าจะมีผู้คนจะมายุ่งเกี่ยวกับโลงศพ
ดังนั้นสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ถ้าหากหลงเฉินคาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้แล้วละก็ ก็คงจะลงมือเองไปตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งสุสานคงจะไม่ต้องมาพังทลายไปเช่นนี้อีกด้วย
“น่าเสียดายจริงๆ แผ่นทองนั่นแท้จริงแล้วคงจะเป็นแผ่นบันทึก และบันทึกแผ่นทองเล่มนั้น จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน และจะต้องซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าเอาไว้แน่” จ้าวหมิงซานก็แต่ทอใบหน้าเสียดายพร้อมกับกล่าวขึ้นมา
สุดยอดฝีมืออีกผู้หนึ่ง ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะไม่อาจจะได้เห็นแผ่นบันทึกทองคำนั้นอย่างชัดเจนกับสายตาตัวเอง แต่ว่าจากพลังสภาวะที่แผ่ออกมาจากตัวของมันก็พอที่จะคาดเดาด้ว่า ย่อมต้องเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งอย่าง และคงจะบันทึกบ้างสิ่งที่คิดไม่ถึงเอาไว้อย่างแน่นอน
“นั่นก็ต้องโทษเจ้าหลงเฉินนั่น เมื่อนึกถึงคนผู้นี้ ข้าก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเลย หึ! อย่าให้ข้าเจอเจ้าพวกโง่เง่าหมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดก็แล้วกัน หากว่าข้าไม่จัดการเจ้าพวกนั้นจนสิ้นซาก ก็อย่าเรียกข้าว่าจ้าวหมิงซาน
“เอาเถอะ เจ้าบอกมาตั้งสองรอบแล้ว เอ๊ะ เจ้าหนูนั้นกลับมาแล้ว น่าจะพบอะไรบ้างแล้วล่ะ” ทันใดนั้น สุดยอดฝีมืออีกผู้หนึ่ง ก็เห็นคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาหา
“เรียนศิษย์พี่จ้าว สิ่งนี้มอบให้แก่ท่าน” คนผู้นั้นกล่าวจบ ก็ยื่นวัตถุขนาดเล็กชิ้นหนึ่งให้จ้าวหมิงซานอย่างระมัดระวัง
เมื่อมองเห็นของสิ่งนั้น ใบหน้าของจ้าวหมิงซานก็ยิ่งปั้นยากขึ้นมายิ่งกว่าเดิม เพราะว่าสิ่งนั้นคือเศษซากที่แหลกละเอียดของแหวนมิติชิ้นหนึ่ง แหวนมิติของสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น
เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า เจ้าเด็กน้อยฝ่ายอธรรมผู้นั้น จะไหวตัว คาดเดาสิ่งที่พวกเขาจะทำได้ถึงเพียงนี้ ก่อนหน้าที่ระเบิดตัวตาย แม้แต่แหวนมิติก็ยังถูกเขาทำลายไปก่อนแล้ว
ภายในแหวนมิตินั้นมีแต่ความว่างเปล่า ถึงแม้ว่าจะเป็นดั่งมิติที่สาม แต่เมื่อใดที่แหวนมิติถูกทำลายไป เช่นนั้นสิ่งของที่อยู่ภายในแหวนมิติ ก็จะสูญสลายหายไปท่ามกลางห้วงแห่งความว่างเปล่า ไม่หลงเหลือร่องรอยใดเลยแม้แต่น้อย
จ้าวหมิงซานทอสีหน้ายิ่งปั้นยากมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าโครตเง้าเหล่าตระกูลของเขา ถูกฆ่าตายไปแปดชั่วโครตก็มิปาน ครั้งนี้ถือได้ว่าทุกอย่างสูญเปล่าไปอย่างแท้จริง
ท่ามกลางสภาวะอับจนปัญญา จ้าวหมิงซานและพวก ก็ได้แต่เพียงทอดสายตามองไปยังสุสานที่ถล่มไปแล้วอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้จากไปในทันที
ในวันที่สามหลังจากพวกเขาจากไปแล้ว ดินทรายตรงบริเวณจุดที่ตรงกับส่วนหนึ่งของห้องเก็บโลงศพ ทันใดนั้นก็ความเคลื่อนไหวขึ้น คล้ายกับมีอะไรบางอย่างขยับอยู่ข้างใต้ ชั่วครู่ก็ปรากฏมือข้างหนึ่งโผล่พ้นดินออกมาในทันที