เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 340 นามแห่งหลงเฉิน

 

“ยอดฝีมือฝ่ายอธรรม”

 

เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะที่กำลังทำการค้นหาในจุดที่อยู่ห่างออกไป เมื่อเห็นกลุ่มคนที่มาใหม่ก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไป คนเหล่านั้นสวมชุดที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นศิษย์ของฝ่ายอธรรม

 

คนกลุ่มนั้นมีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน คนที่ดูแล้วคล้ายจะเป็นผู้นำของกลุ่ม เป็นชายฉกรรจ์หน้าตาดุดัน บนใบหน้าปรากฏรอยแผลเป็นยาวน่าเกรงขาม พาดเฉียงจากหน้าผากไปจนถึงคาง

 

เมื่อมองเห็นรอยแผลน่ากลัวของคนผู้นั้น ก็ทำให้ผู้คนลอบแตกตื่นขึ้นมา ดูจากสภาพบาดแผลแล้วเห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นหากไม่ถูกดาบกรีดเฉือนลึกลงไปบนใบหน้า ก็คงถูกอาวุธฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรง จนทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้ แผลเป็นที่ใหญ่เช่นนี้บนตัวยอดฝีมือ ชี้ให้เห็นว่าคนผู้นี้ช่างเป็นคนที่ดวงแข็งยิ่งเลยทีเดียว

 

ชายหน้าบากผู้นั้นก้าวออกไปเบื้องหน้าอย่างช้าๆ แผ่พลังสภาวะที่คุกคามออกมาจนเป็นที่น่าตกใจ ทั่วทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความแน่วแน่ น่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนรู้สึกไม่กล้าที่จะต่อกรด้วย

 

“สุดยอดฝีมือ”

 

ทุกผู้คนในที่นั้นต่างก็ใจเต้นตูมตามกันขึ้นมา บางคนเริ่มเตรียมตัวที่จะถอยออกไปแล้ว พวกเขามองรอบด้านอย่างตื่นตัว เตรียมพร้อมที่จะหลบหนีไปทุกเวลา

 

แม้แต่ผู้อยู่เหนือขอบเขตฝ่ายธรรมะที่ถูกหลงเฉินซัดจนนอนแผ่ราบอยู่บนพื้นทั้งสองคนนั้น ก็ยังต้องร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ พวกเขาที่พึ่งจะกลืนยาโอสถเข้าไปรีบลุกขึ้น แล้วเดินโซเซถอยออกไปไกลด้วยสภาพสะบักสะบอม

 

เพียงครู่เดียวที่มาถึง กลุ่มของศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้น ก็ถึงกับสามารถสั่นสะเทือนความรู้สึกของผู้คนไปทั่วทั้งบริเวณได้ ไม่ใช่แต่เพียงสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่แข็งกล้าผู้นั้นเท่านั้น ด้านหลังของเขายังมีผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกสองคน ที่มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

 

แต่ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นก็คงจะเป็น บนร่างของพวกเขา ล้วนแฝงเอาไว้ด้วยรังสีสังหารที่น่าหวาดหวั่น เพียงแค่มองดูก็ทำให้ขวัญกระเจิงได้แล้ว

 

“เมื่อครู่เป็นเจ้าผายลมงั้นหรือ?” หลงเฉินจับจ้องไปยัง สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่กล่าวออกมาผู้นั้น

 

“เจ้าหนู เจ้าหาที่ตาย”

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ยังไม่ทันจะได้กล่าวอะไรออกมา ผู้อยู่เหนือขอบเขตที่อยู่ทางด้านหลังของเขาผู้หนึ่ง ก็ก้าวออกไปทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง ชี้ไปที่หลงเฉินแล้วด่าทอออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเงามนุษย์ขยับเคลื่อนไหว สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นทันใดนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาเสียงดัง “ระวัง”

 

“พรวด”

 

โลหิตสูบฉีดไปทั่วทั้งผืนฟ้า เหล่าผู้คนเกิดความหวาดผวาเมื่อได้พบว่า ศีรษะของผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งผู้นั้นหายไปแล้ว ส่วนคอที่ไร้หัวมีเลือดฉีดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น และกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลังของเขา ต่างก็ได้ทอสีหน้าโกรธเกรี้ยวมองจ้องไปทางด้านหน้า ที่ตรงหน้านั้น เห็นเป็นภาพชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังถือศีรษะมนุษย์เอาไว้ในมือ

 

“เจ้ากล่าวว่าข้าหาที่ตายงั้นหรือ? หากว่าแน่จริงเจ้าก็ลองพูดอีกสักรอบสิ? ” หลงเฉินทอสีหน้าจริงจัง พลางกล่าวถามศีรษะมนุษย์ที่หิ้วไว้ในมือ

 

แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วศรีษะมนุษย์นั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา พลันหลงเฉินก็ได้โยนศีรษะมนุษย์นั้นไปให้แก่กลุ่มคนฝ่ายอธรรม

 

“ไม่แน่จริง เอาซะเลยนะ แม้แต่ความกล้าที่จะพูดออกมาในครั้งที่สองก็ยังไม่มี”

 

เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะที่เห็นเหตุการณ์ในจุดที่ไกลออกไป ต่างก็มองดูกันจนโง่งมขึ้นมา รวมเรื่องนี้กับเหตุการณ์เมื่อครู่ที่หลงเฉินทำการสั่งสอนผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสองคนไปอย่างหนักหน่วง พวกเขาต่างก็ทอสีหน้ารู้สึกว่าตนเองโชคดีกันขึ้นมา

 

หลงเฉินผู้นี้แทบจะมิใช่มนุษย์แล้ว แต่กลับเป็นมารร้ายผู้หนึ่ง ฆ่าคนจนแทบจะไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ ถือได้ว่าช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว

 

ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสองคนนั้น ต่างก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง แทบอยากตบปากตนเองยิ่งนัก หาเรื่องใครกลับไม่หาเรื่อง กลับมาหาเรื่องกับหลงเฉิน นี้มิใช่ว่าหาที่ตายหรืออย่างไร?

 

แม้แต่สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ทั้งยังฆ่าผู้อยู่เหนือขอบเขตราวกับเชือดลูกไก่ตัวหนึ่ง เมื่อนึกถึงก่อนหน้าที่พวกเขาทำตัวไร้มารยาทต่อหลงเฉิน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเป็นระลอก

 

ยังดีที่หลงเฉินนั้นติดพันอยู่กับศิษย์ของฝ่ายอธรรม จึงหาได้มีเวลาว่างที่มากพอจะใส่ใจพวกเขาได้ไม่ ถึงแม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ก็ยังคงสามารถที่จะกระเสือกกระสนคลานห่างออกไปได้ไกล พวกเขาเกรงว่าหลงเฉินอีกเดี๋ยวจะกลับมาจัดการกับพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาที่ถือได้ว่ารอดพ้นจากห้วงแห่งความตายมาได้ ย่อมไม่หาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับหลงเฉิน พวกเขาถือได้ว่าเกรงกลัวกันขึ้นมาแล้ว

 

“แจ้งนามออกมา ข้าเยี่ยนซิงจะไม่ฆ่าชนชั้นไร้นาม”

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว ระเบิดพลังทั่วทั้งร่างขึ้นมา มุ่งหน้าเข้ากดดันไปยังทางด้านของหลงเฉิน

 

“กับคนที่กำลังจะตายเพียงคนหนึ่ง ข้าคิดว่าแจ้งนามไปก็มีแต่จะเสียเวลาเท่านั้น ไม่เอ่ยไปยังจะดีกว่า” หลงเฉินส่ายหน้า ทลายมารในมือก็ได้ถูกเสียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน มองไปยังสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นด้วยความเย็นชา

 

“วันนี้ ข้าจะเฉือนหนังเลาะกระดูกของเจ้า”

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ทั้งยังแผดเสียงดังยาวนาน ดาบยาวสีเลือดในมือเล่มหนึ่งก็ได้สว่างวาบขึ้น ฟาดฟันเข้าใส่หลงเฉินหนึ่งดาบ

 

ถึงแม้จะดูไปแล้วเป็นเพียงดาบตามปกติธรรมดา แต่ว่ากลับถ่ายเทพลังจิตบริสุทธิ์ทั้งหมดเอาไว้บนดาบยาวของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นพลังที่ลึกล้ำสุดหยั่งคาดอย่างหนึ่ง บ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้ มีความเข้าใจในวิชาดาบในระดับสูงอยู่เช่นเดียวกัน

 

“ข้าไม่ชมชอบทำให้ยุ่งยากเช่นนั้น ข้าของเพียงได้ศีรษะของเจ้าก็พอแล้ว”

 

หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ขยับหัวไหล่เพื่อให้ทลายมารเคลื่อนไหว เขาฟันออกไปเป็นสาย ในระหว่างที่ดาบยาวฟันออกไป ก็ได้ก่อเกิดเงาดาบเป็นเส้นโค้งขึ้น ดาบยาวที่ยิ่งมุ่งหน้าเข้าไปก็ยิ่งเพิ่มพูนพลังขึ้นส่วนหนึ่ง พลังอันมหาศาลของหลงเฉินก็ได้ถูกถ่ายเทเข้าไปสู่ทลายมารอย่างบ้าคลั่ง

 

ในเวลาที่ทลายมารของหลงเฉินและดาบยาวของอีกฝ่ายปะทะเข้าหากัน ก็ประจวบเป็นเวลาที่พลังได้เข้าถึงระดับสูงสุด ด้วยการไหลเวียนพลังของทักษะยุทธ์ชนิดนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเปลืองแรง ก็สามารถที่จะเพิ่มพูนพลังอันมหาศาลขึ้นมาได้ในพริบตา

 

“ตู้ม”

 

เมื่อดาบทั้งสองปะทะเข้าหากัน พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น สายลมกรรโชกไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน ทันใดนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็ได้ถูกดาบซัดจนลอยกระเด็น กระแทกชนเข้ากับกำแพงหินผาของหุบเขาในทันที กำแพงหินผาที่นับว่าแข็งแกร่งยิงนัก ยังถึงกับถูกกระแทกชนพังทลายไปกว่าครึ่งซีก

 

“อะไรกัน?”

 

ทุกผู้คนต่างก็ตกใจขึ้นมายกใหญ่ เพราะพวกเขาได้พบว่า เงาร่างสายนั้นกลับยังคงอยู่ในจุดเดิม ดาบยาวในมือ กลับยังคงถูกเสียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน

 

“หลงเฉิน ถึงกับทำให้สุดยอดฝีมือผู้หนึ่ง ถูกซัดจนกระเด็นไปอย่างงั้นหรือ?”

 

ทุกผู้คนต่างก็โง่งมกันขึ้นมาแล้ว ควรทราบว่าสุดยอดฝีมือ นั้นถือได้ว่าเป็นดั่งการดำรงอยู่ในระดับสัตว์ประหลาด แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดเอาไว้ได้

 

รวมไปจนถึงพวกเขาที่อยู่ในที่นี้ บางส่วนนั้นยังไม่เคยพบพานการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือมาก่อน แต่ว่าในความเข้าใจของเขา การต่อสู้ของสุดยอดฝีมือ จะต้องเป็นที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินอย่างแน่นอน ทั้งยังคงจะตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

 

และเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อสายตา สุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งผู้นั้น กลับถูกหลงเฉินซัดจนลอยกระเด็นออกไปในดาบเดียว ทั้งหลงเฉินยังคงอยู่ในสภาพที่สบายอารมณ์ถึงเพียงนั้น เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ การลงแรงของหลงเฉินต่อยอดฝีมือฝ่ายอธรรมก็แทบจะไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลยกับการจัดการกับผู้อยู่เหนือขอบเขตสองคนนั้น

 

ไม่เพียงแต่ศิษย์ฝ่ายธรรมะที่ทอแววตาโง่งมกันขึ้นมา แม้แต่ของศิษย์ของฝ่ายอธรรมนั้น ต่างก็จดจ้องแทบจะดวงตาถลนออกมาในทันที

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ในหมู่สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรม ถือได้ว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่อาจที่จะเทียบกับหยินหลอได้ แต่ว่าพลังการต่อสู้ย่อมต้องแข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัว

 

แต่ว่าขณะนี้พึ่งจะผ่านไปได้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็ถูกคู่ต่อสู้ซัดจนกระเด็นออกไป พวกเขาแทบจะไม่อาจที่จะทนรับผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้ได้

 

“ตู้ม”

 

กองหินขนาดใหญ่ระเบิดกระจายไปทั่วทั้งผืนฟ้า เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ทะยานออกมาจากกองหิน สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ในเวลานี้ก็ได้อยู่ในสภาพผมเผ้ากระเซิงกระเซิง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความดุร้าย คล้ายกับสัตว์มายาตนหนึ่งที่กำลังเกรี้ยวกราด มองไปที่หลงเฉินอย่างเคียดแค้นเอาเป็นเอาตาย

 

“ข้าจะสับเจ้าให้เป็นชิ้นๆ ”

 

“อ๊าก”

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ทันใดนั้นก็คำรามลั่นด้วยความโกรธเสียงดังกึงก้อง จนก่อเกิดประกายแสงไปทั่วร่าง รอบกายถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยอักขระโบราณที่ถึงกับหลุดออกมาจากร่างกายเขา ปรากฏตัวขึ้นอยู่บริเวณโดยรอบร่างกายของเขา พลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ก็ได้บดขยี้พื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าเขาจนแหลกเป็นฝุ่นผง

 

“ช่างเป็นพลังที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก”

 

“นี่ก็คือพลังของสุดยอดฝีมืออย่างงั้นหรือ? เพียงแค่เริ่มสำแดงพลังออกมา ก็สามารถที่จะกดดันพวกเราให้ตายได้แล้ว” ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งกล่าว พร้อมกับใบหน้าซีดเผือด

 

ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไป แต่ว่าก็ยังคงสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวนั้น จนทำให้จิตใจของพวกเขาราวกับถูกกดทับเอาไว้ด้วยก้อนศิลาขนาดใหญ่ก็มิปาน

 

พลังทำลายที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ อย่าว่าแต่ต้องต่อสู้เลย เกรงว่ายังไม่ทันที่พลังนั้นจะได้พุ่งเข้าใส่ตัวพวกเขาโดยตรง พวกเขาก็คงถูกพลังอันมหาศาลอันน่าหวาดกลัวนั้น ฉีกจนเป็นสี่ห้าชิ้นไปก่อนแล้ว

 

“ช่างเป็นวิชาทักษะที่ประหลาดยิ่งนัก”

 

หลงเฉินตกใจขึ้นมาเล็กน้อย นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นอักขระโบราณหลุดลอดออกจากร่างกายได้ เพื่อทำการดูดซับพลังลมปราณฟ้าดินจากภายนอกมาเสริมให้แก่ตนเอง

 

“เหอะเหอะ กลัวแล้วสินะ สายไปแล้ว ตายไปซะเถอะ”

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่ดุร้ายขึ้นมา และเมื่อผสานเข้ากับใบหน้าที่มีรอยบากเป็นทางยาว ก็ยิ่งทวีความโหดเหี้ยมมากขึ้น ดุจผีร้ายตนหนึ่งก็ไม่ปาน พุ่งตัวเข้าไปหาหลงเฉิน

 

เมื่อพบว่าสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นพุ่งเข้ามา หลงเฉินเดิมทีที่จับด้ามดาบเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ในเวลานี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นจับด้วยสองมือ เพื่อเตรียมพร้อมปะทะ

 

“ไสหัวไปซะ”

 

ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่า ท่าทางนั้นกลับคล้ายกับเป็นช่างไม้ที่กำลังตัดฟืนอยู่ก็มิปาน ทลายมารก็ได้กู่ก้องเสียงดังขึ้นมา แฝงเอาไว้ด้วยเสียงของการฉีกขาดขึ้นมา ฟาดฟันออกไปอย่างรุนแรง

 

“ตู้ม”

 

แล้วก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้กลับดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว แม้แต่รอบบริเวณหุบเขาก็ยังเกิดแรงสั่นสะเทือน คล้ายดั่งเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

 

“โครม”

 

ภูเขาที่อยู่ทางด้านหน้าถึงกับระเบิดแหลกเป็นจุล ภูเขาที่มีความสูงหลายสิบจั้ง ก็ได้แหลกไปกว่าครึ่ง หินศิลาขนาดยักษ์ก็ได้สั่นไหว จนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นขึ้นมา

 

“สวรรค์ เป็นไปไม่ได้”

 

เมื่อควันได้สลายหายไป เหล่าผู้คนก็ได้พบว่า หลงเฉินกลับยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทั้งก็ยังวางดาบยาวอยู่ในท่วงท่า ที่ไม่ต่างอะไรไปจากก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่าเงาที่อยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น กลับหายไปจากจุดเดิมไปแล้ว

 

เหล่าผู้คนทำการค้นหากว่าครึ่งค่อนวัน ก็ยังไม่อาจที่จะพบเห็นแม้แต่เงาของเขาบนพื้น ทว่าเมื่อเหล่าผู้คนมองไปยังหน้าผาที่ถล่มลงมาเป็นหน้ากอง เหล่าผู้คนต่างก็ตัวแข็งทื่อกันขึ้นมา

 

“ที่แท้…?”

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง จนยังไม่ทันรู้สึกว่าเริ่มขึ้นก็จบสิ้นลงไปแล้ว ต่างก็ไม่อาจทันที่จะทำความเข้าใจได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

 

ทว่าทิศทางที่หลงเฉินกำลังเผชิญหน้า ประจวบเป็นหินผาที่ถล่มลงมาเป็นวงกว้าง เช่นนั้นทุกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวหรือคาดเดาแล้ว เพียงแต่ว่าทุกคนกลับยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ยากที่จะเชื่อได้นั้นเอง

 

“ตู้มตู้มตู้ม”

 

ทันใดนั้นภายในกองหิน ก็เกิดเสียงดังติดต่อกันเป็นสาย พื้นดินก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

 

“ตู้ม”

 

ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นมา หินศิลาแตกระเบิดออกมาเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วเงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งทยานออกมาจากภายในกองหิน

 

สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ในเวลานี้ทอแววตาแดงซ่าน ผมเผ้าแต่ละเส้นตั้งชูชันขึ้น ไม่ทราบว่าเป็นเพราะถูกหลอก หรือว่ามีโทสะ แต่ก็ยังคงจับจ้องไปที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

หลงเฉินจ้องเขม็งไปที่เขา ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา “วาจาโอ้อวดก็ช่างใหญ่โตซะจริงนะ นี้ยังถือเป็นความสามารถได้ด้วยอย่างงั้นหรือ?

 

แล้วยังจะลั่นวาจาว่าจะสับข้าเป็นชิ้นๆ เหอะ ต่อให้หยินหลอมาที่นี้เอง เขาก็ยังไม่กล้าที่จะผายลมออกมาเช่นนี้ เจ้าถือเป็นตัวอะไรกัน?”

 

“อะไรนะ เจ้ารู้จักกับหยินหลอด้วยอย่างงั้นหรือ?” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ในใจสั่นไหว หวาดหวั่นเต้นโครมครามไปมา

 

“จะถือว่ารู้จักก็ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเขานั้นได้เคยมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้แก่ข้า” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา

 

“ของขวัญอะไรกัน? ” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ความจริงแล้วเป็นคนของฝ่ายอธรรมอย่างพวกเจ้า ก็มีส่วนทึ่มทื่อ ที่ดูแล้วก็เป็นความน่ารักได้เหมือนกันนะ ในครั้งแรกที่ข้าได้พบกับหยินหลอ แม้จะมิได้สนิทชิดเชื้อหรือเป็นความตั้งใจ เขาก็ยังถึงกับมอบของขวัญชิ้นใหญ่มาให้แก่ข้าถึงเพียงนี้ ข้าเองก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน” หลงเฉินก็ได้กล่าวออกมาด้วยความเคอะเขินอยู่เล็กน้อย

 

“เหลวไหล หยินหลอเป็นถึงสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมของพวกเรา มีหรือเขาจะมอบของขวัญให้ผู้อื่นได้ ยิ่งไม่อาจที่จะมอบของขวัญให้แก่ฝ่ายธรรมะไร้ยางอายอย่างพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ตอบโต้ขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด เห็นได้ชัดว่าหยินหลอในสายตาของพวกเขา ถือได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง

 

“ที่ข้าบอกไปนั้นเป็นความสัตย์จริงเป็นอย่างยิ่ง ในครั้งแรกที่ข้าพบกับเขา เด็กน้อยผู้นั้นยังได้ทิ้งขาข้างหนึ่งของเขาเองไว้ให้แก่ข้า เพื่อเป็นของที่ระลึก ทำจนเอาข้ารู้สึกเกรงใจไปเลยละ” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าว

 

วาจาที่หลงเฉินได้กล่าวออกมา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ผู้คนทั้งหมดต่างก็ต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปจนสิ้น นามของหยินหลอ ไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรืออธรรมต่างก็ไม่มีผู้ใดที่ไม่ทราบ หลงเฉินยังถึงกับที่จะสร้างความอับอายถึงเพียงนี้ให้แก่หยินหลออีก

 

“เจ้า……เจ้าที่แท้ก็คือ……หลงเฉินอย่างงั้นหรือ?” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้น ท้ายที่สุดก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

 

เพราะฝ่ายอธรรมศิษย์ระดับชั้นเลิศ โดยส่วนมากต่างก็เคยได้ยินได้ฟังข้อมูลความลับของหยินหลอกันมาแล้ว ทว่าในทางกลับกันทางฝ่ายธรรมะกลับหาได้ทราบกันไม่

 

เพราะระดับสูงของทางหมู่ตึก ได้จงใจที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ทั้งยังมิให้แพร่งพรายออกไป นั่นก็เพื่อชื่อเสียงของสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในส่วนทั้งทางเรื่องของการศึกที่เกิดขึ้น ก็ยังถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับเช่นกัน

 

แต่ว่าฝ่ายอธรรมศิษย์ระดับชั้นเลิศทั้งหมด ต่างก็ถูกผู้อาวุโสหยิบยกเรื่องนี้มาเล่า เพื่อเป็นการเตือนให้พวกเขาระมัดระวังกัน เนื่องจากแม้แต่บุคคลระดับหยินหลอเองก็ยังต้องพลาดท่าเสียทีได้ อย่างไรเสียทั่วทั้งฟ้าดินก็ย่อมไม่มีเรื่องใดที่แน่นอนกันอยู่แล้ว

 

ในเวลาเดียวกันหลงเฉินก็ได้ถูกฝ่ายอธรรมประกาศจับตายเป็นบุคคลอันดับสอง ซึ่งเป็นรองแต่เพียงแค่หานเทียนหวู่เท่านั้น เช่นนั้นก็พอที่จะทราบได้แล้วว่า พวกเขานั้นได้ให้ความสำคัญต่อหลงเฉินถึงเพียงใด

 

“เหอะเหอะ เอาละ ในเมื่อทราบแล้วว่าข้าเป็นผู้ใดแล้ว เช่นนั้นการละเล่นก็คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้แล้วละ”

 

ทันใดนั้นบนใบหน้าของหลงเฉินก็สลายรอยยิ้มหายไป ภายในแววตาทั้งคู่ทอรังสีสังหารเพิ่มพูนขึ้น ทลายมารในมือก็ได้สะบัดออก ฆ่าสังหารเข้าไปยังยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่ทอสีหน้าหวาดผวาขึ้นมาในทันที

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset