หลงเฉินเข้าไปหาโครงกระดูกที่อยู่ตรงด้านหน้า ก็พบว่าอาภรณ์ที่อยู่บนตัวนั้นเน่าเปื่อย ส่วนกระดูกก็ถูกกัดกร่อนจากสายลมไปตั้งแต่แรกแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลงเฉินตกตะลึงกันขึ้นมาก็คือ นิ้วมือของคนผู้นั้นได้หายไปนิ้วหนึ่ง นั่นก็คงจะเป็นตำแหน่งที่สวมแหวนมิติเอาไว้
“แหวนมิติถูกเอาไป อีกทั้งร่องรอยยังใหม่ รอยเท้าเองก็ยังใหม่ มีคนเข้ามายังสถานที่แห่งนี้แล้ว ? ”
หลงเฉินเกิดความสงสัยขึ้นมา คิดไม่ถึงว่านอกจากตนเองแล้วยังมีคนเข้ามาอีกเช่นกัน ทั้งมิใช่การกระทำที่มุทะลุอีกด้วย
เมื่อได้มองดูร่องรอยรอบข้างอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง คงจะมิใช่ร่องรอยของคนเพียงคนเดียว แต่น่าจะเป็นสองคนหรือไม่ก็สามคน
“ดูเหมือนว่า จะเป็นคนที่มีฝีมือ และมิได้มีเพียงแค่คนเดียว”
หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ในเมื่อเขาเข้ามาได้ผู้อื่นใช่ว่าจะไม่มีพลังฝีมือที่น่ากลัว ดูเหมือนว่าการที่เขาอยู่ตัวคนเดียวคงจะต้องลำบากแล้ว
“ซูม”
ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงสายลมพุ่งเข้ามา คล้ายกับมีของบางอย่างลอยเข้ามาทางด้านของหลงเฉิน โดยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแทบจะไม่มีอะไรแจ้งเตือนเลยแม้แต่น้อย
หลงเฉินตกใจขึ้นมา เร่งรีบขยับร่างกายหลบเลี่ยงการโจมตีนั้นไป แล้วจึงพบว่าการโจมตีนั้นเป็นเพียงก้อนหินเพียงแค่ก้อนเดียวเท่านั้น
“หินปราณวายุ ? ”
หลงเฉินพบว่าหินก้อนนั้น เป็นหินปราณวายุที่มีลักษณะเดียวกันกับที่ฉู่หยางเคยมอบให้แก่เขาก่อนหน้านี้ จึงได้รีบยื่นมือคว้าเอาไว้จนหินปราณวายุก้อนนั้นได้มาอยู่ในมือ
ทันทีที่มองไปทางด้านหน้า ก็พบว่าหมอกที่อยู่ทางเบื้องหน้าทำให้ไม่อาจมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่ทราบว่าหินปราณวายุก้อนนี้ลอยมาจากทิศทางใด แต่กลับไม่มีรังสีฆ่าฟันเลยด้วยซ้ำ
คิดๆดูหากต้องการที่จะฆ่าคน ย่อมไม่โง่ใช้สมบัติล้ำค่าอย่างหินปราณวายุมาเป็นอาวุธลับแน่นอน
“หรือจะเป็นไปได้ว่า หุบเขาแห่งนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดอยู่อย่างงั้นหรือ ? ทำให้แม้แต่ก้อนศิลายังลอยสู่ภายนอกได้ ? ”
หลงเฉินมองไปที่หินปราณวายุภายในมือ ก็พบว่าไม่ได้มีส่วนใดที่แตกต่างไปจากก้อนของฉู่หยาง แต่ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ภายในแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันมหาศาลแห่งวายุ อีกทั้งยังบริสุทธิ์ยิ่งกว่า
ฉู่หยางกล่าวว่า หินปราณวายุก้อนนั้นเขาได้พบจากบริเวณรอบนอก หรือแท้จริงแล้วของเช่นนี้ ต่างก็ลอยมาจากภายในหุบเขาอย่างงั้นหรือ ?
“ยังมีอีกก้อน”
หลงเฉินเบิกพลังสมาธิขึ้น เพียงครู่เดียวก็ได้ครอบคลุมไปรอบบริเวณระยะหลายร้อยเชียะ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ มีลักษณะเช่นเดียวกับหินปราณวายุที่อยู่ในมือ
จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปดูในบริเวณด้านล่างของพงหญ้า ก็พบหินปราณวายุก้อนหนึ่งติดอยู่ภายในดิน
“ทางด้านนั้นก็มี”
ภายในก้อนโคลนก้อนหนึ่งได้ฝังเอาไว้ด้วยหินปราณวายุอีกก้อน จึงทำให้หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะเกิดความลิงโลดขึ้นมา
ในมุมของถังหว่านเอ๋อสิ่งของเช่นนี้ แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งของที่ฟ้าประทานมาให้ หากถังหว่านเอ๋อสามารถที่จะใช้หินปราณวายุเพื่อทำความเข้าใจในความลี้ลับของธาตุวายุได้ คมวายุของนางก็จะทวีความน่ากลัวได้มากยิ่งขึ้น
หลงเฉินเกิดความเสียดายขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เดินมาไกลถึงเพียงนั้นมัวแต่เสาะหาวัตถุดิบ กลับหาได้ใส่ใจที่จะค้นหาสิ่งที่อยู่ภายในดินไม่ เขาจะต้องพลาดหินปราณไปอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน
แม้เพิ่งจะเข้าใจขึ้นมาตอนนี้ ก็หาได้ช้าไปไม่ หลงเฉินกระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณของตนเองขึ้นมา มุ่งหน้าเดินทางต่อไป ไม่ว่าจะเป็นยาล้ำค่าหรือเป็นหินปราณวายุ เขาก็ทำการเก็บใส่กระเป๋าจนหมด
เมื่อทางด้านหน้าได้มีทางแยกปรากฎขึ้นมา หลงเฉินก็เห็นว่ามีร่องรอยบางอย่างอยู่ จึงมุ่งหน้าเดินไปยังอีกทางด้านหนึ่ง
“คาดว่าพวกเขาคงจะโชคร้ายยิ่งกว่า แม้แต่ยาล้ำค่าเหล่านั้นก็ยังไม่รู้จัก คาดว่าคงจะไม่เคยพบกับหินปราณวายุมาก่อนเลยด้วยซ้ำ”
ตลอดทางหลงเฉินได้ทำการเก็บหินปราณวายุมาได้ทั้งหมดถึงแปดชิ้น ถึงแม้ตลอดเส้นทางจะมีร่องรอยถูกขุดอยู่หลายจุด ทว่าหลงเฉินเองก็ยังคงสามารถที่จะทำการเก็บยาล้ำค่าได้อยู่หลายสิบต้นเลยทีเดียว พวกเขาจะต้องไม่รู้จักอย่างแน่นอน จึงได้ปล่อยผ่านไปเช่นนี้
เขาได้ทำการฝังโอสถชักนำวิญญาณมาตลอดเส้นทางที่เป็นปากทางแยก ทั้งยังมุ่งหน้าไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง เนื่องจากหลงเฉินไม่ชื่นชอบที่จะไปเก็บซากเหลือของผู้อื่น
ในระหว่างที่หลงเฉินกำลังเข้าไปยังส่วนลึก ยาล้ำค่าก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยาล้ำค่าที่มีมากเกินกว่าหมื่นต้น ก็ได้ถูกอัดแน่นอยู่ภายในแหวนมิติไปกว่าครึ่ง จนทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกคล้ายกับเป็นยาจกที่ได้เข้าไปยังภายในรถขนทองก็มิปาน
แล้วก็ได้เดินทางเช่นนี้มาตลอดสามวัน แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังไม่ทราบว่าตนเองนั้นได้เดินผานหุบเขามามากน้อยแค่ไหนแล้ว ยาล้ำค่าที่มีอยู่กว่าร้อยชนิดก็ได้ถูกอัดอยู่ภายในแหวนมิติแห่งชีวิตอยู่จนเต็ม เขาต้องยอมที่จะทำการทิ้งวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าไปบางส่วน เพื่อนำไปใส่ไว้ภายในแหวนมิติ
วัตถุดิบเหล่านี้เมื่อได้ใส่เข้าไปภายในแหวนมิติ ผ่านไปเพียงไม่นานก็มีแต่จะต้องตาย ทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าหากเป็นวัตถุดิบเหล่านี้แล้วละก็ ราคาของพวกมันย่อมต้องถูกลดทอนไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว
เพราะยังมีสำนักใหญ่มากมาย ที่มักจะมีการปลูกสวนยาของตนเอง วัตถุดิบที่ล้ำค่าเหล่านี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
แม้สำนักเหล่านั้นจะต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ก็ต้องหาซื้อวัตถุดิบเหล่านี้มาให้ได้ เพื่อที่จะนำกลับมาปลูกอยู่ภายในสำนักของตนเอง
ถึงแม้ว่าในตอนแรกพวกเขาจะขาดทุนเป็นอย่างมาก แต่เวลาผ่านไปจะเป็นสิบปีหลังจากนี้หรือว่าจะเป็นร้อยปี เมื่อยาล้ำค่าเหล่านั้นผลิบาน จนพวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวได้ ขอเพียงต้นยาไม่ตาย ก็จะสามารถที่จะเก็บเกี่ยวต่อไปได้เรื่อยๆ จนสามารถได้รับกำไรที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นยาล้ำค่าที่ยังไม่ตาย ในโลกภายนอกจึงถือได้ว่ามีมูลค่าที่มหาศาล ในทุกๆครั้งที่มีการปรากฏยาล้ำค่าที่ยังไม่ตาย ก็มักจะดึงให้สำนักใหญ่มากมายเปิดศึกกันขึ้นมา
แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แหวนแห่งชีวิตยังไงก็มีช่องเก็บที่จำกัด ย่อมไม่อาจที่จะยัดยาล้ำค่าเข้าไปได้มากมายถึงเพียงนั้น หลงเฉินจึงทำได้เพียงแค่เอายาล้ำค่าบางส่วนใส่เข้าไปภายในแหวนมิติ ที่ความจริงแล้วแทบจะไม่จากอะไรไปจากการใช้มีดกรีดที่หัวใจของเขา
หลายวันมานี้หลงเฉินไม่แต่เพียงเก็บยาล้ำค่า หินปราณวายุก็เก็บมาได้มากถึงหนึ่งร้อยสามสิบกว่าชิ้นไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นค่าตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพบว่าเมื่อยิ่งเข้าไปลึกขึ้นจำนวนของหินปราณวายุก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
“อือ ? มีสายลม”
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้หยุดเท้าลงพร้อมทอสีหนาแปลกใจขึ้นมา เขาสัมผัสได้ถึงพลังของวายุ แต่ที่น่าประหลาดก็คือ หมอกเหล่านั้นหาได้เกิดผลกระทบแม้แต่น้อย กลับยังคงลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ จนเป็นที่น่าแปลกอย่างยิ่ง
“ซูม”
หินปราณวายุอีกชิ้นก็ได้ลอยเข้ามา พุ่งเข้าใส่หลงเฉินในทันที หลงเฉินก็ได้ยื่นมือคว้าเข้าไป
“เพียะ”
หลงเฉินคว้าหินปราณวายุก้อนนั้นในทันที ทว่าหลังจากที่คว้าจับไปแล้ว ฝ่ามือกลับเกิดอาการชาขึ้นมาเล็กน้อย
“ช่างเป็นพลังที่หมาศาลยิ่งนัก”
หลงเฉินเกิดอาการตกใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาตอนนี้ได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นไปแล้ว ทั้งยังมีพลังกายเนื้อที่มหาศาล กล่าวได้ว่าได้เข้าถึงระดับที่เปลี่ยนแปลงของพลังเป็นอย่างมากแล้ว
ต่อให้เป็นศิษย์สายตรงโจมตีออกไปด้วยพลังทั้งหมด ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำให้ฝ่ามือของเขาชาขึ้นมาได้ เช่นนั้นจึงบอกได้แต่เพียงว่า หินปราณวายุก้อนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากมายเป็นอย่างยิ่ง
“ช่างเป็นพลังธาตุวายุที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก”
หลงเฉินตกใจระคนดีใจเมื่อได้พบว่า หินปราณวายุก้อนนี้ได้แฝงเอาไว้ด้วยความบริสุทธิ์ที่มากมายยิ่งกว่าที่ได้มาก่อนหน้านี้อยู่หลายเท่าตัว
ต่อให้ถืออยู่ในมือ ก็สามารถที่จะเห็นปราณวายุที่อยู่รอบข้างของอากาศ เพราะว่ามันได้แฝงเอาไว้ด้วยพลังอันมหาศาลและความบิดเบี้ยว
“ภายในจะต้องยิ่งแปลกอย่างแน่นอน”
หลงเฉินเก็บหินปราณวายุก้อนนั้นไว้ แล้วมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ในขณะที่เดินทางต่อไปเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของสายลม
สายลมที่สั่นไหวเล็กน้อยได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสายลมที่แข็งแกร่ง ยิ่งมุ่งหน้าไป พลังของสายลมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนท้ายที่สุดกลายเป็นการพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พัดเข้ามาจนยากที่จะลืมตาขึ้นได้
หุบเขาในเวลานี้ไม่ได้มีพันธุ์พืชอยู่อีก ภายใต้แสงสลัวจางๆหลงเฉินก็พบว่าบนพื้นที่หุบเขาเหล่านั้น ได้มีหินปราณวายุกองอยู่ตรงนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อกวาดสายตามองเข้าไปก็จะสามารถพบเห็นได้อีกมากมาย จนหลงเฉินอดไม่ได้ที่จะลิงโลดขึ้นมา วิ่งตะบึงไปทางเบื้องหน้าอย่างร้อนรน แล้วนำเอาหินวายุเหล่านั้นเก็บใส่ภายในแหวนมิติทีละชิ้น
“ร่ำรวยแล้ว จะร่ำรวยแล้วแล้วจริงๆ”
เมื่อหลงเฉินได้ทำการเบิกพลังสมาธิขึ้นมา ก็พบว่ามีหินปราณวายุมากมายถึงหลายร้อยก้อน จนทำให้หลงเฉินต้องตะโกนร้องขึ้นมาด้วยความยินดี
ภายในหินปราณวายุได้แฝงเอาไว้ด้วยพลังธาตุวายุอย่างมหาศาล นอกเสียจากยอดฝีมือสายวายุแล้ว เขาเดิมทีที่มีอิฐศิลาที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลสามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้หลายๆทาง
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำมาใช้เพื่อสร้างเป็นอุปกรณ์สำหรับการบินด้วยพลังงานบ่อน้ำ ทว่าต้องใช้หินปราณวายุจำนวนมากติดตั้งไปที่อุปกรณ์การบิน จึงมีแต่ผู้ที่มีเงินทองเหลือใช้จึงจะสามารถที่จะนำมาใช้เช่นนี้
ในหมู่ตึกพลิกสวรรค์ยังไม่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ก็ย่อมไม่ใช้สมบัติล้ำค่าอย่างหินบริสุทธิ์นี้ มาสร้างเป็นเครื่องมือในการขนส่งอย่างสิ้นเปลืองแน่นอน
ผ่านพ้นไปถึงครึ่งวันเต็มๆ หลงเฉินเองได้เก็บหินปราณวายุรวมๆทั้งหมดแปดพันกว่าเม็ดแล้ว นี่จึงทำให้หลงเฉินรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่
แต่ที่น่ายินดีในเวลาเดียวกัน หลงเฉินพบว่าเมื่อยิ่งมุ่งหน้าเดินต่อไปแรงลมก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น จนต้องทำการเดินลมปราณขึ้นมา จึงพอที่จะช่วยให้สามารถทรงกายเอาไว้ได้
สายลมคลั่งอันน่าหวาดกลัวที่สามารถทลายกำแพงเมืองให้แหลกได้อย่างง่ายดาย ในพื้นที่รอบด้าน ที่ได้รับพายุคลั่งชะล้างมาแรมปี ทำให้มีสภาพเงาวาวดุจกระจก ภูเขาทั้งสองด้านต่างก็ได้แปรเปลี่ยนจนเปล่งเป็นประกายขึ้นมา เมื่อมุ่งหน้าต่อไปไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือว่าบนภูเขา ต่างก็ไม่อาจที่จะวางสิ่งของได้ จึงแทบจะไม่มีการคงอยู่ของหินปราณวายุอีกแล้ว
แต่หลงเฉินเองก็ได้มุ่งหน้าต่อไป เขาจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้มีสายลมประหลาดที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วมาจากไหนกันแน่
เมื่อเดินทางต่อไปอีกสิบกว่าลี้ เขาก็แทบไม่อาจที่จะทรงกายไว้ได้ จนต้องนำเอาทลายมารออกมา และหยิบยืมพลังอันมหาศาลจากทลายมารเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกพัดจนลอยไปในที่สุด
หลังจากที่ได้เดินทางต่อไปอีกหลายลี้สายลมคลั่งก็คล้ายกับเป็นดั่งคมดาบ ทำลายอาภรณ์ที่อยู่บนตัวของหลงเฉินจนฉีกขาด ต่อให้เป็นผู้ที่มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวอย่างหลงเฉิน ก็ยังรู้สึกเกิดความเจ็บปวดขึ้นที่ใบหน้า คล้ายกับถูกคมดาบเข้าเชือดเฉือน
ในเวลานี้เมื่อหลงเฉินมองเห็นภาพข้างหน้า แม้แต่บุคคลที่มีนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินเป็นอย่างหลงเฉิน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไป
เมื่อถึงปลายหุบเขาที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่ากว่าร้อยลี้ พื้นที่ว่างเปล่ามีลักษณ์โล่งกว้าง แต่กลับมีระดับความสูงไปจนถึงยอดเขาเพียงแค่ร้อยกว่าจั้งเท่านั้น
ที่ยอดเขานั้นมีลักษณะคล้ายกับหน่อไม้งอกขึ้นมาจากพื้นดิน ที่ทำให้หลงเฉินหวาดผวาก็คือ ที่ส่วนปลายยอดของเขาเป็นหินปราณวายุนับไม่ถ้วนสุมตัวกันขึ้นมานั้นเอง
ทั่วทั้งปลายยอดภูเขาคล้ายกับว่ามีหินปราณวายุโปรยเอาไว้อยู่ ดูไปแล้วน่าประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
และที่ดึงดูดหลงเฉินมากที่สุดก็คือ ที่ปลายยอดของภูเขาขนาดย่อมนั้นมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ส่องเป็นประกายตลอดทั่งก้อน
เมื่อมองไปยังประกายแสงที่แผ่ออกมา หลงเฉินก็เกิดความรู้สึกว่าตนเองแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว นั่นเป็นหินปราณวายุที่มีขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
แต่มันกลับหาได้มีลักษณะเช่นเดียวกับหินปราณวายุอื่นไม่ มันมีรูปลักษณ์ผ่องใสไปทั้งก้อน ประดุจก้อนเพชรก็มิปาน แท้จริงแล้วพลังวายุอันน่าหวาดกลัวก็แผ่ออกมาจากภายในตัวของมันนั่นเอง
หินปราณวายุขนาดใหญ่ก้อนนั้นมีขนาดเท่ากับโต๊ะตัวหนึ่งเลยทีเดียว หลงเฉินที่อยู่ห่างหลายพันจั้ง กลับยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอย่างชัดเจน ทั้งยังรู้สึกได้ถึงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เขาเกิดความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง หากเข้าไปใกล้หินปราณวายุขนาดใหญ่ก้อนนั้น เขาจะถูกพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวนั้นบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อหรือไม่
“ทำเช่นนี้จะดีหรือเปล่านะ ? ”
หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะเกิดความลำบากใจขึ้นมา นี่เขาเป็นบุคคลเช่นไรกัน เมื่อพบกับสมบัติ ถ้าหากไม่นำมาครอบครองเอาไว้ เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากอาการคันในหัวใจที่แสนทรมานเป็นอย่างยิ่ง
หินปราณวายุขนาดใหญ่เบื้องหน้าสายตาลูกนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพลังของเขาในขณะนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกินสมบัติที่แข็งกล้าถึงเพียงนี้ได้ลง
แต่การที่ต้องมาปล่อยวางเช่นนี้ย่อมหาใช่นิสัยของหลงเฉินไม่ มีหรือจะปล่อยให้วัตถุเช่นนี้ ต้องมาอยู่อย่างเดียวดายในสถานที่แห่งนี้ได้กัน ? คงจะกลายเป็นการไม่เคารพอย่างหนึ่งแล้ว เขาย่อมไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน
เขาจึงค่อยๆที่จะเข้าไปใกล้หินปราณวายุขนาดใหญ่นั้น ในยามที่เข้าไปใกล้ในระยะพันจั้ง แรงกดดันที่อยู่บนตัวของหลงเฉินก็ยิ่งทวีขึ้นอย่างรุนแรง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง หลงเฉินหาได้ที่จะเข้าไปต่อ เพียงแต่มุ่งหน้าต่อไปทำการสำรวจบริเวณโดยรอบอยู่รอบหนึ่ง
“เอ๊ะ ถึงกับมีภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง”
หลงเฉินเกิดความตกตะลึงขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงว่าหินปราณวายุนั้นจะจับตัวกลายเป็นก้อนจนคล้ายกับภูเขาขนาดเล็กที่มีขนาดกว่าร้อยจั้งเช่นนี้ได้
เมื่อหลงเฉินมองไปยังสภาพทั้งหมดของภูเขาลูกเล็กๆนั้นอย่างชัดเจน เพียงครู่เดียวบนใบหน้าก็ได้ขาวซีดขึ้นมา