เมื่อเดินตามเสียงคำรามทุ้มต่ำและต้นไม้ที่สั่นไหวที่เห็นอยู่ในระยะไกล เข้าไปเรื่อยๆ ลู่ฟางเอ๋อและหลงเฉินก็ได้พบกับสัตว์มายาที่มีร่างกายขนาดใหญ่โตตัวหนึ่ง
สัตว์มายาตัวนั้น คือสิงโตที่มีสีแดงเพลิงทั่วทั้งตัว ลำตัวยาวมากกว่าสิบจั้ง ตากลมจ้องเขม็งมายังพวกเขาพร้อมคำรามในลำคอด้วยเสียงทุ้มต่ำ คล้ายกำลังเตือนหลงเฉินและเหล่าสัตว์มายาทั้งหลาย ว่าที่นี่คืออาณาเขตของมัน
สิงโตสีแดงเพลิงตัวนี้ ทั่วทั้งร่างกายแผ่พลังสภาวะที่แข็งแกร่งน่าเกรงขาม จนทำให้สัตว์วายุของลู่ฟางเอ๋อ อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป
“สิงโตแดงอัคคี”
หลงเฉินและลู่ฟางเอ๋ออุทานพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ และฉับพลันก็ได้ทอสีหน้ายินดีอย่างยิ่งยวดออกมา
ทว่าความประหลาดใจระคนยินดีของหลงเฉิน กลับแฝงไว้ด้วยรู้สึกเสียดาย เขาพึงพอใจสิงโตแดงอัคคีตัวนี้มาก หากจะกล่าวให้ชัดเจนเลยก็คือเขาถูกใจเพลิงโอสถภายในตัวของมัน
นี่คือสัตว์มายาตระกูลไฟ ในกายจะแฝงไว้ด้วยพลังเพลิง ในรายชื่อสัตว์เพลิง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่หกสิบเจ็ด ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าเพลิงกาฬกิ่งก่าอัคคีของหลงเฉินซึ่งเป็นเพลิงสัตว์สีฟ้าอยู่มาก
แต่ว่าหลงเฉินก็รู้ว่า สิงโตสีแดงเพลิงคงไม่มีความหมายกับเขาแล้ว จากแววตาที่หลงใหลของลู่ฟางเอ๋อก็ทำให้เขารู้แล้ว ต่อให้เขาฝึกยุทธ์ไปอีกพันปี ก็คงไม่หน้าด้านไปแย่งชิงกับสตรีผู้หนึ่งได้
“หลงเฉิน ทำอย่างไรดี? สิงโตสีแดงเพลิงตัวนี้ ถึงแม้ว่าพึ่งจะโตเต็มที่และอยู่ในขั้นสี่ระดับต้น แต่พลังในการต่อสู้ย่อมไม่ด้อยกว่าสัตว์มายาขั้นสี่ในระดับกลางอย่างแน่นอน
แต่หากพวกเราจะบังคับจับกุม ก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะพลังของสัตว์มายาสี่ตัวที่มีอยู่รวมกันตอนนี้ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ดี” ลู่ฟางเอ๋อมีอาการอ่อนอกอ่อนใจ
สิงโตสีแดงเปลวเพลิง มีชื่อเป็นที่ล่ำลืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสัตว์มายาในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้ใด เมื่อได้เห็นต้องอิจฉาตาร้อนเป็นแน่
แต่การจะจับสัตว์มายาที่มีพลังมากมายเช่นนี้ คงต้องใช้พลังกายและพลังแห่งจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องเป็นกังวลตลอดเวลาว่ามันจะแว้งกัด หรือถอดจิตวิญญาณจากการบังคับ ดิ้นหลุดหนีไป
มันไม่ได้งี่เง่าเหมือนศิษย์พี่ฉี ที่ท้าทายหลงเฉินโดยตรง เพื่อแย่งชิงเสี่ยวเสว่ย นั่นไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
ในสถานการณ์ปกติ หากต้องการยึดครองสัตว์มายาสักตนหนึ่ง ก็ต้องทำให้สัตว์มายาบาดเจ็บทั้งตัว จนหมดแรงที่จะหลบหนี จากนั้นให้สัตว์เลี้ยงเฝ้าไว้ แล้วประทับตรารอยประทับจิตวิญญาณให้กับสัตว์มายาตัวนั้น
ทว่าสิงโตสีแดงเพลิงตัวนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากลู่ฟางเอ๋อเข้าไปบังคับจับกุมและให้สัตว์มายาที่เลี้ยงไว้เข้าโจมตี ผลสุดท้ายเหล่าสัตว์มายาทั้งหลายคงจะถูกฆ่าตายจนหมด แล้วเจ้าสิงโตสีแดงเพลิงก็อาจจะหลบหนีไป
หากเป็นเช่นนั้น สิงโตสีแดงเปลวเพลิงก็ไม่ได้มาครอบครอง ซ้ำร้ายตัวนางเองยังกลายเป็นคนสูญสิ้นทุกอย่าง ได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นลู่ฟางเอ๋อจึงตัดสินใจขอร้องให้หลงเฉินช่วยเหลือ
“ข้าเอง พวกเจ้าถอยไปด้านหลัง”
บนใบหน้าของหลงเฉินมีรอยยิ้ม แต่ในใจกลับคล้ายมีเลือดออก ถ้าหากกลายเป็นว่าสุดท้ายเขาตีมันจนตายก็คงว่าเขาไม่ได้ ตัวเขาเองก็อยากได้สิงโตสีแดงเปลวเพลิงตัวนี้อยู่แล้ว แต่ทำได้เพียงข่มใจเอาไว้
หลงเฉินกระโดดลงจากหลังวัว เแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาสิงโตสีเพลิงตัวนั้นอย่างช้าๆ ทันทีที่สิงโตสีแดงเปลวเพลิงมองเห็นจุดเล็กๆใกล้เข้ามาโดยไม่กลัวการตักเตือน ทั้งยังเป็นการก้าวเข้าสู่อาณาเขตตั้งรับของมัน มันจึงส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง
“ร้องไปเถอะ เจอลู่ฟางเอ๋อยังนับว่าเป็นโชคของเจ้า”
หลงเฉินนึกโมโหในใจ หากได้ปราณเพลิงของสิงโตแดงอัคคีไปใช้ ระดับความเร็วในการหลอมโอสถของเขาต้องยกระดับสูงขึ้นเป็นแน่
ทุกวันนี้โอสถสามบุบผาทะลวงเส้นเอ็นในแหวนมิติของเขา เหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว เนื่องจากหลงเฉินไม่สามารถสละเวลาไปหลอมยาโอสถ ที่ต้องเสียเวลามากมายได้ ทำให้ใกล้จะหมดในไม่ช้าแล้ว
เมื่อเห็นสัตว์เพลิงขนาดใหญ่และแข็งแกร่งเช่นนี้ แต่ไม่อาจครอบครองได้ เดิมทีก็น่าหดหู่อยู่แล้ว ยิ่งเจอมันส่งเสียงคำรามใส่เขา ก็ยิ่งข่มอารมณ์ลงมาได้ยาก
“โฮก”
สิงโตสีแดงเปลวเพลิงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธอีกครั้ง สั่นสะเทือนไปทั่วป่าเขา ขนสีเพลิงของมันตั้งชันขึ้นทุกเส้นขน บ่งบอกว่ามันกำลังโกรธขึ้นมาแล้ว
หลงเฉินไม่สนใจปฏิกิริยาใดๆของสัตว์มายาตัวนั้นแม้แต่น้อย ยังคงเดินเข้าไปช้าๆ ลู่ฟางเอ๋อที่ยืนมองอยู่ในระยะไกลใจเต้นระทึก หวาดหวั่นจนแทบจะควบคุมจิตใจเอาไว้ไม่อยู่ เพราะสิงโตสีแดงเปลวเพลิงตัวนี้ พลังการต่อสู้ของมันไม่แตกต่างจากเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสัตว์มายาธาตุไฟ พลังฆ่าทำลายน่าเขย่าขวัญผู้คนยิ่งนัก หลงเฉินเดินเข้าไปเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง ในตอนนี้มือเรียวจึงชื้นไปด้วยเหงื่อ
“ตู้ม”
สิงโตสีแดงเพลิงหมดความอดทนระเบิดความโกรธออกมา มันใช้ขาหลังที่ใหญ่ล่ำสันกระทืบพื้นอย่างฮึกเหิม วิ่งตะบึงเข้ามา คล้ายกับผีพุ่งใต้สีแดงที่พุ่งเข้าใส่หลงเฉิน พลังสภาวะแข็งแกร่ง น่าตกใจยิ่งนัก
เมื่อลู่ฟางเอ๋อเห็นการบุกโจมตีของสิงโตสีแดงเปลวเพลิง ที่รวดเร็วไม่มีใครเทียบได้ พลังอำนาจที่เทียบเท่ากับภูเขาถล่มครืนลงมา ซึ่งสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นดิน ก็ทำให้เกิดความหนาวเหน็บในจิตใจ สัตว์มายาทั้งสองตัวของนาง ไม่มีสิ่งใดเทียบได้เลย ก่อให้เกิดอันตรายถึงตายได้ในเสี้ยววินาที
“ระวัง”
แม้ว่าลู่ฟางเอ๋อจะคาดคะเนความเก่งกาจของสิงโตสีแดงเปลวเพลิงได้ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ด้วยความเร็วที่ไม่ให้คู่ต่อสู้มีเวลาตอบโต้ พาร่างโตของมันมาอยู่ตรงหน้าหลงเฉินในชั่วพริบตา กางกรงเล็บออกแล้วตะปบเข้ามาในทันที
“ตู้ม”
อุ้งเท้าขนาดใหญ่กระทืบลงบนพื้น ส่งเสียงคำรามลั่น เป็นคลื่นเสียงที่น่าหวาดกลัวกระจายออกไปในอากาศไปทั่วทุกทิศทาง ต้นไม้สั่นไหวดั่งถูกพายุโหมกระหน่ำ ปลิวหลุดลอยกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในรัศมีร้อยจั้งถูกทำลายกลายเป็นที่โล่ง
ลู่ฟางเอ๋อตกใจอย่างมาก ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหลงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ในทันใดก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง
“ซูม”
เงาร่างขนาดใหญ่ ทะยานสู่ท้องฟ้า แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ฟางเอ๋อตกใจแทบขวัญกระเจิงคือ เงาร่างนั้นเป็นสิงโตแดงอัคคี หมุนควงอยู่กลางอากาศ ลักษณะคล้ายถูกโยนออกไป
ทันใดนั้น ร่างของหลงเฉินก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เหวี่ยงกำปั้นทุบลงไปกลางหัวขนาดใหญ่ของสิงโตแดงอัคคีตัวนั้นอย่างเหี้ยมโหด
สิงโตแดงอัคคีส่งเสียงร้องโหยหวน ถุกซัดกระแทกลงที่พื้นคล้ายกลับดาวตก เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ในทันใดก็ปรากฎให้เห็นเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
ขณะที่หลงเฉินค่อยๆเหาะลงสู่พื้น ร่างของสิงโตแดงอัคคีที่ตกลงมาก่อนหน้า ก็สลบล้มพับไปแล้ว
ลู่ฟางเอ๋อใช้มือหยกปิดที่ปากที่แดงราวกับลูกเชอรี่ของนางเบาๆ ดวงตาทั้งคู่ฉายประกายที่บ่งบอกถึงความตกตะลึง นางไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง สิงโตแดงอัคคีขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ถูกโค่นล้มลงอย่างง่ายดาย นางได้แต่มองดูร่างขนาดใหญ่มหึมาที่สลบล้มไป และกล่าวอะไรไม่ได้แม้แต่คำเดียว
“สัตว์มายาสลบไปแล้ว ยิ่งง่ายที่จะประทับตราประทับแห่งจิตวิญญาณให้ใหม่” หลงเฉินเอ่ยขึ้น
ลู่ฟางเอ๋อจึงดึงสติกลับมาได้ รีบวิ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าสิงโตสีแดงเปลวเพลิง แววตาทั้งคู่ทอประกายแห่งความดีใจ
มือคู่งามทั้งสองข้างพลิกกลับ ทำสัญลักษณ์ประหลาด อักขระโบราณค่อยๆปรากฎขึ้นกลางอากาศ เป็นวิธีการเดียวกับที่เคยใช้กับวัวทองเมื่อครั้งก่อน สัญลักษณ์นั้นแท้จริงแล้วคืออักษรโบราณคำว่า “ทาส” และนั่นคือก็ ตราประทับทาส
สัญลักษณ์นั้นแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กๆ ค่อยๆลอยเข้าใกล้หัวของสิงโตแดงอัคคีตัวนั้น แล้วแทรกซึมลงไปในตัวของมัน ทันใดนั้นเองสิงโตแดงอัคคีก็เริ่มขยับตัว และส่งเรียงร้องคำรามขึ้น
มันดิ้นรนต่อสู้โดยสัญชาตญาน เท้าทั้งสี่กวัดแกว่งสะเปะสะปะ เกลือกกลิ้งไปมาไม่หยุด ดั่งกำลังต่อต้านตราประทับแห่งจิตวิญญาณนั้นอยู่ แต่ทว่าในขณะที่มันสลบปางตายไปนั้น ตราประทับก็แทรกเข้าไปในจิตวิญญาณเสียแล้ว ดังนั้นเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง จะต่อต้านก็สายเกินไปแล้ว
ทว่า ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่มีสติรู้ตัว มันก็ไม่สามารถต่อต้านพลังอันแข็งแกร่งของตราประทับแห่งจิตวิญญาณได้อยู่ดี นอกเสียจากว่ามันจะสามารถหลุดพ้นจากอาณาเขตพลังปราณของลู่ฟางเอ๋อไปได้ ไม่เช่นนั้นมันก็จะทำได้แต่เพียงยอมศิโรราบเท่านั้น
พลังแห่งจิตวิญญาณของลู่ฟางเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าสู้ศิษย์พี่ฉีไม่ได้ เพราะถึงแม้จะมีหลงเฉินมาช่วย ก็ยังใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยาม จึงจะสามารถทำให้สิงโตแดงอัคคียอมแพ้และหยุดดิ้นรนได้
ลู่ฟางเอ๋อใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของตน ตราไว้ในจิตวิญญาณส่วนลึกของสิงโตแดงอัคคี เช่นนั้นแล้ว นางจึงจะสามารถควบคุมมันได้โดยง่าย
ถ้าสิงโตแดงอัคคีจะต่อต้านได้ ก็ต่อเมื่อพลังแห่งวิญญาณของลู่ฟางเอ๋อสั่นไหว และทำให้การเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณของนางและสิงโตแดงอัคคีหลุดหายไป
สัตว์มายาที่ถูกประทับตราทาสแล้ว ในส่วนลึกของวิญญาณของตัวมันเองจะมีความเกรงกลัวผู้เป็นนาย และไม่กล้าก่อกบฏ
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า แม้สัตว์มายาจะรู้ชัดว่านี่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่กล้ากระทำผิดต่อเจตนาของผู้เป็นนาย เพราะชีวิตของพวกมัน ถูกบีบอยู่ในมือของผู้เป็นนายตลอดเวลา แค่ความคิดเดียวของผู้เป็นนาย ก็สามารถทำให้พวกมันตายได้
“ดีจังเลย มีสิงโตแดงอัคคีนี่แล้ว ก็เหมือนได้พบเซียนที่มีความเก่งกาจ ข้าไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว” นางมองที่สิงโตสีเพลิงที่พลังวิญญาณได้รับความเสียหาย จนงวยงงไร้สติ แล้วทอใบหน้าแดงซ่านด้วยความดีใจ
ก่อนหน้านี้ ในยามที่นางต่อสู้กับยอดฝีมืออธรรมผู้นั้น ถ้าหากมีสิงโตสีแดงเปลวเพลิงอยู่ในมือ คาดว่าสถานการณ์คงพลิกกลับเป็นแน่ ถึงแม้จะฆ่าคนผู้นั้นไม่ได้ แต่ก็จะไม่ถูกบีบให้อยู่ในสภาพที่จนมุมอย่างแน่นอน
“สิงโตตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันยังไม่ได้สำแดงพลังที่แท้จริง ก็ถูกข้าตีสลบไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงได้ออกกำลังกันอีกไม่น้อยเลย” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
การดำรงอยู่ของสัตว์มายาธาตุไฟลำดับที่หกสิบเจ็ดเรียกได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งยวดอยู่แล้ว การจะจับสัตว์มายาระดับนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อรู้ว่าสิงโตตัวนี้จับได้ยาก หลงเฉินจึงตัดสินใจรีบปราบมันเสีย
หากรอให้มันรับรู้ถึงความร้ายกาจของหลงเฉิน แล้วระเบิดไฟผลาญชิวิตออกมา การจะสยบมันได้คงจะกลายเป็นเรื่องยากแล้ว
“หลงเฉิน ขอบใจนะ” ลู่ฟางเอ๋อจับมือหลงเฉินพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความดีใจ
หลงเฉินได้แต่ยิ้มส่งให้ไม่กล่าววาจา เขาทราบดีว่า สำหรับผู้ฝึกสัตว์มายาแล้ว สัตว์มายาขนาดใหญ่ที่มีพลังแข็งแกร่ง เป็นเสมือนหลักประกันของชีวิต
อันที่จริงในช่วงวิกฤตของชีวิต อาจจะเสียชีวิตในเขตแดนนพเก้าได้ทุกขณะ การครอบครองสัตว์มายาที่เก่งกาจแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นที่สุด
“หลงเฉินเจ้าช่างลงมือได้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว กระโหลกศีรษะถูกตีแหลกไปส่วนหนึ่งเลย”
ลู่ฟางเอ๋อลูบเบาๆที่ปุยขนสีแดงเพลิงของสิงโต ที่ใบหน้ายังมีอาการมึนงง แต่เมื่อมองที่หัวของสิงโตสีแดงเปลวเพลิง ก็จะเห็นหลุมขนาดใหญ่อย่างชัดเจน นางจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นอย่างเจ็บปวดใจ
หลงเฉินไม่เอ่ยอะไร สตรีนั้นเปลี่ยนแปลงง่ายอย่างแท้จริง เขาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ
หากจะถกเรื่องเหตุผลกับสตรี เป็นเรื่องที่โง่เขลา หลงเฉินไม่ทำเช่นนั้นแน่ ดูลู่ฟางเอ๋อง้างปากขนาดใหญ่ของสิงโตสีแดงเปลวเพลิงขึ้น แล้วโยนยารักษาบาดแผลเข้าไป
ไม่ต้องมอง แค่กลิ่นเขาก็ทราบแล้วว่า มันเป็นยารักษาบาดแผลระดับล่างขั้นสามเท่านั้น สรรพคุณนั้นธรรมดาอย่างยิ่ง
ทว่านางโยนยาเข้าไปมากถึงเพียงนั้น และอาศัยระดับความเร็วในการฟื้นฟูที่น่ากลัวของสัตว์มายา น่าจะทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลงเฉินงุนงงก็คือ ลู่ฟางเอ๋อปลดปล่อยสัตว์มายาระดับสามไปถึงสองตัว ซึ่งพวกมันก็รีบหนีไปไกลในทันที และนางยังไม่แม้แต่จะเหลียวมองพวกมันเลยแม้แต่น้อย
ดูไปแล้วหลงเฉินรู้สึกไม่สบายใจนัก เขาไม่ชอบวิธีการเช่นนี้ ตัดสัมพันธ์สหายที่ผ่านความเป็นความตายในการสู่รบมาด้วยกัน แล้วทอดทิ้งกันอย่างง่ายดาย และอีกฝ่ายก็จากไปด้วยความโล่งใจ ไม่มีความไว้วางใจใดเหลืออยู่ ไม่มีสายใยให้กล่าวอำลา
ถ้ามีสหายเช่นนี้ หลงเฉินยอมที่จะไม่มียังจะดีเสียกว่า ทว่าดูไปแล้ว ลู่ฟางเอ๋อก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแผกแตกต่างใดๆ ก็ทำให้เขาทราบได้ว่า เรื่องเฉกเช่นนี้คงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ฝึกสัตว์มายา จึงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
มิน่าเล่าก่อนที่ม่งฉีจะเข้าสู่ขอบเขตแดนลับ จึงได้ปลดปล่อยสัตว์มายาของตนเอง สำหรับสัตว์มายานั้น การถูกปลดปล่อยในสถานที่เช่นนี้ อันที่จริงมันคือนรกอันน่ากลัว
จะอย่างไรการกระทำนี้ของม่งฉี ก็คงไม่อาจจะได้รับความเข้าใจจากผู้อื่น แต่หลงเฉินก็สัมผัสถึงจิตใจที่ดีงามภายในส่วนลึกของนางได้ เมื่อเป็นเช่นนี้หลงเฉินจึงยิ่งนึกสงสารนางมากขึ้น
ลู่ฟางเอ๋อไม่สังเกตเห็นอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย นางเต็มไปด้วยความปีติยินดีนำสิงโตแดงอัคคีเก็บเข้าไปในแหวนมิติแห่งชีวิต แล้วออกเดินทางร่วมกับหลงเฉินมุ่งหน้าสู่ป่าดิบทึบต่อไป