“กลิ่นกระดูกเช่นนี้……ฉู่เหยา!”
สีหน้าของหลงเฉินเปลี่ยนแปลงไปในทันที เขาส่งร้องเรียกเสี่ยวเสว่ย ดึงลู่ฟางเอ๋อส่งขึ้นหลังของมัน แล้วเคลื่อนตัวออกนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“หลงเฉิน เรากำลังเข้าใกล้ใจกลางของพงไพรแห่งความมืด เจ้ารีบเร่งเช่นนี้จะอันตราย” ลู่ฟางเอ๋อกล่าวเตือน
“ไม่เป็นไร ฉู่เหยากำลังสู้อยู่ ข้าควรจะรีบไป”
หลงเฉินกระตุ้นพลังออกมาทั้งหมด ทำให้ทุกการกระทำของทุกสรรพสิ่งรอบด้านในระยะร้อยจั้ง ต่างก็อยู่ในสายตาของเขา พร้อมกันนั้นก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด จนทำให้เสี่ยวเสว่ยต้องใช้พลังทั้งหมดเร่งตาม
เสี่ยวเสว่ยเข้าใจในความคิดของหลงเฉิน มันเร่งพลังถึงขีดสุดให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น จนมองเห็นเป็นสายฟ้าสีขาวกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า
เมื่อพวกเขาพุ่งลึกเข้ามาในป่าทึบ ก็พบกับหน้าผาสูงชันของเทือกเขาขนาดใหญ่ปรากฎต่อสายตา บริเวณพื้นที่โดยรอบรายล้อมไปด้วยผู้คนจำนวนหนึ่ง หยุดมุงดูที่มืดที่อยู่ทางด้านหน้า
หน้าผานั้นอยู่ด้านข้างของเทือกเขา มีความสูงจากพื้นกว่าร้อยจั้งมองดูคล้ายมีดขนาดใหญ่ ตรงบริเวณตีนผามีต้นจูกู่ต้นหนึ่ง
และถัดออกมาจากต้นจูกู่ ก็ปรากฎเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ทางด้านหน้ามีดินกองใหญ่ ที่มีกิ่งก้านนับร้อยงอกออกมา ลักษณะคล้ายเถาวัลย์พุ่งขึ้นไปบนฟ้า ปกคลุมอยู่ด้านหน้าของหญิงสาวอย่างหนาแน่น
เมื่อหลงเฉินมองเห็นหญิงสาวผู้นั้นชัดเจน ก็วางใจลงไม่น้อย นั่นคือฉู่เหยา นางไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าเมื่อเขามองเห็นภาพสถานการณ์ที่ฉู่เหยากำลังเผชิญแล้ว ในใจก็เกิดโทสะอย่างหนัก
กลุ่มคนที่อยู่ต่อหน้าฉู่เหยานั้นมีประมาณสามสิบกว่าคน อีกทั้งยังมีสามคนในนั้นที่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ คนเหล่านั้นสวมเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ที่มาจากหลากหลายสำนัก
หนึ่งคนในนั้นที่อยู่ด้านหน้าสุด และดูเหมือนเป็นผู้นำกลุ่ม เป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าหยิ่งทะนง–ยินหวูซวง ยินหวูซวงมองฉู่เหยาอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า
“เห็นแก่มิตรภาพอันดีที่มีต่อตำหนักป่าสวรรค์ ข้าจะไม่ลงมือทำร้ายเจ้า แต่ต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นข้าชอบ ดังนั้นเจ้าจงหลีกทางไปซะ”
“หวังว่าเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์ หากเจ้าไม่คิดจะลงมือ ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะได้สิ่งที่ต้องการ”
ในตอนนั้น หลงเฉินจึงสังเกตุเห็นต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ด้านหลังของฉู่เหยา ต้นไม้นั้นมีความสูงไม่ถึงสิบจั้ง บนกิ่งก้านไม่มีใบไม้แม้แต่ใบเดียว และไม่มีสัญญาณของการมีชีวิตใดๆ เห็นได้ชัดว่าแห้งตายไปตั้งนานแล้ว
แต่ทว่าหลังจากหลงเฉินหลับตาลง และใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเพ่งมองลึกลงไปในเนื้อไม้ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดยินหวูซวงจึงต้องการต่อสู้เพื่อต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้
ต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้มีชื่อว่า พฤกษาเจ็ดดวงใจ เป็นต้นไม้ที่แปลกประหลาด กิ่งและใบของมันไม่ต่างจากต้นไม้โดยทั่วไป แต่สิ่งล้ำค่าของต้นไม้เก่าแก่นี้คือแกนกลางของต้นไม้
แกนต้นไม้ของพฤกษาเจ็ดดวงใจเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันบริสุทธิ์ แกนของต้นไม้ชนิดนี้ เมื่อยังมีชีวิตจะมีทั้งหมดเจ็ดแกน เมื่อต้นไม้เติบโตขึ้นจนถึงขีดจำกัด มันก็จะยืนต้นตาย แต่นั่น นับว่าไม่ใช่การตายที่แท้จริง เป็นเพียงสภาวะเสมือนตายรูปแบบหนึ่ง
เมื่อพฤกษาเจ็ดดวงใจ เข้าสู่สภาวะเสมือนตาย ภายในลำต้นของมันจะเหมือนถูกไฟเผา มันจะส่งพลังทั้งหมดเข้าหลอมละลายแกนกลางของมันเอง แกนของต้นไม้ทั้งหกต้นไม่สามารถทนทานได้จะถูกทำลายไป และมีเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่รอด ซึ่งแกนกลางที่เหลือรอดนั้นจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง
แกนต้นไม้นี้จะคงอยู่ด้านในของต้นไม้ต่อไปอีกสักพักและเข้าสู่สภาวะที่คล้ายกับการจำศีล เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม มันจะตื่นขึ้นและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เสมือนกับได้ชีวิตใหม่
ในตอนนี้พฤกษาเจ็ดดวงใจที่อยู่ด้านหลังของฉู่เหยานั้น แม้จะลักษณะภายนอกจะแห้งตายไปแล้ว แต่จากการใช้พลังแห่งจิตวิญญาณทำการสำรวจ หลงเฉินก็สามารถรับรู้ได้ว่าภายในลำต้นของต้นไม้ มีพลังที่แปลกประหลาดบางอย่างกำลังค่อยๆตื่นขึ้น
นั่นต้องเป็นแกนกลางที่แข็งแกร่งของพฤกษาเจ็ดดวงใจอย่างแน่นอน ผ่านเวลาในการบ่มเพาะมาเนิ่นนาน ในที่สุดพลังที่อยู่ภายในก็ถึงจุดอิ่มตัว และในเวลานี้ก็กำลังจะเริ่มตื่นขึ้นแล้ว
ในตอนนี้แกนต้นไม้ของพฤกษาเจ็ดดวงใจแข็งแกร่งยิ่งนัก ซึ่งถ้าหากนำเอาแกนต้นไม้นี้ออกมาในเวลานี้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ นั่นก็คือสมบัติล้ำค่ามหาศาล ที่ไม่อาจประเมินค่า
“พฤกษาเจ็ดดวงใจต้นนี้ ข้าเป็นผู้เจอก่อน ส่วนเจ้าก็เป็นแค่ผู้ที่อยากได้ของผู้อื่น หากอยากได้แกนต้นไม้ก็ต้องใช้พลังเสาะแสวงหาเอาเอง ไม่ใช่ใช้กำลังและอำนาจมาบังคับฉกชิงเอาของผู้อื่น
หมู่ตึกพลิกสวรรค์ของพวกเจ้า และตำหนักป่าสวรรค์ของข้า มีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาโดยตลอด เจ้าเองก็รู้ดี กระทำเช่นนี้หรือว่าเจ้าต้องการจะเปิดศึก?” ฉู่เหยากล่าวออกมาด้วยโทสะ
เมื่อครึ่งเดือนก่อนฉู่เหยามาถึงภายในพงไพรแห่งความมืด นางสำรวจหาและติดตามการตอบสนองของต้นไม้ จนได้ค้นพบพฤกษาเจ็ดดวงใจต้นนี้
แต่ทว่า เห็นได้ชัดเจนว่าพฤกษาเจ็ดดวงใจต้นนี้ไม่ได้เติบโตขึ้นที่นี่ อีกอย่างหนึ่งคือการเก็บแกนพฤกษาเจ็ดดวงใจ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน หากไม่ระมัดระวังก็อาจจะทำร้ายหัวใจของต้นไม้ พลังแห่งจิตวิญญาณของต้นไม้ก็จะหายไป สุดท้ายจะกลายเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า ซึ่งนั่นก็น่าเจ็บปวดยิ่งนัก
ดังนั้นการจะตัดแกนของพฤกษาเจ็ดดวงใจ ฉู่เหยาจึงต้องใช้สมาธิอย่างสูง ภายใต้ความเงียบสงบ ปราศจากสิ่งรบกวน จึงจะสามารถเพ่งพลังกระทำเรื่องนี้ได้เสร็จสิ้น หากเป็นผู้อื่น คงจะถอนต้นไม้ทั้งต้น ตัดกิ่งก้าน แล้วเก็บไว้ในแหวนมิติ
แต่ฉู่เหยาทราบดีว่า การทำเช่นนั้น จะทำให้แกนต้นไม้สูญเสียพลังวิญญาณ แม้ว่าจะได้แกนต้นไม้ทั้งหมด แต่ก็ต้องสูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง
แต่ทว่า ในเวลานี้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ในขณะที่ฉู่เหยากำลังตั้งสมาธิเก็บแกนต้นไม้ทั้งหมด กลับมีผู้เข้ามารบกวน คนเหล่านั้นเลวร้ายยิ่งนัก เมื่อทราบว่าพลังฝีมือของตนเองไม่สามารถเอาชนะนางได้ ก็คอยแอบเฝ้าดู ครั้นเมื่อฉู่เหยาจะเริ่มเก็บแกนต้นไม้ พวกเขาก็โจมตีนาง ทำให้นางเสียสมาธิ และส่งเสียงตะโกนดังลั่นเพื่อดึงดูดให้ผู้คนมากมายให้เข้ามา
ฉู่เหยานึกขุ่นเคืองในความใจอ่อนของตัวเอง ถ้าหากยึดมีความเมตตาน้อยลงกว่านี้ นางก็คงจะลงมือฆ่าสามคนนั้นได้ และป่านนี้ก็คงจะได้แกนต้นไม้มาอยู่ในมือแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าผู้คนที่เข้ามาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น และก็ยิ่งทำให้ทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ว่าฉู่เหยาสามารถต้านทานการโจมตีของทุกผู้คนที่ส่งเข้ามาได้ แต่ว่านั่นก็ทำให้นางไม่มีโอกาสเก็บแกนต้นไม้เลย
อีกทั้งไม่ใช่เพียงการโจมตีที่ต้องรับมือเท่านั้น นางยังกลายเป็นเป้าหมาย ถูกวิพากย์วิจารณ์ ทุกคนต่างต่อต้านนาง จนนางเองไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
แกนต้นไม้ของพฤกษาเจ็ดดวงใจนั้น เป็นสมบัติล้ำค่าของผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ หากมีแกนไม้นี้ ก็จะทำให้สามารถบรรลุการฝึกปรือ บนเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ได้อย่างง่ายดาย และจะสามารถก้าวหน้าบนเส้นทางนี้ได้
ดังนั้นแล้วฉู่เหยาจึงจะต้องการได้แกนต้นไม้ของพฤกษาเจ็ดดวงใจมาครอบครอง แต่ทว่าในเวลานี้นางกลับไม่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้ ยิ่งเห็นผู้คนเข้ามามากขึ้นเท่าไหร่ ในใจของฉู่เหยาก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น
ทันใดนั้นในเวลาคับขัน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งสวมเครื่องแต่งกายของศิษย์หมู่ตึกพลิกสวรรค์ปรากฎตัวขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นมีสามคนที่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ และหญิงสาวที่เป็นหัวหน้าก็ดูแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือฉู่เหยา คนกลุ่มนี้ต่างก็เข้ามาเพื่อแย่งชิงพฤกษาเจ็ดดวงใจ ทำให้ฉู่เหยาที่พึ่งมีความหวัง หัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันที
ศัตรูที่เดิมก็รายล้อมอยู่ทั้งสี่ด้าน ทันใดนั้นก็ปรากฎสมาชิกเพิ่มขึ้นมา และกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นั่นทำให้ในใจของฉู่เหยาเต็มไปด้วยความเจ็บใจและโกรธแค้น เช่นนี้หรือคือสำนักในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ยินหวูซวงมองดูฉู่เหยาด้วยสายตาเหยียดหยาม บนใบหน้าแสดงความรังเกียจชัดเจน แล้วกล่าวออกมา “สมบัติล้ำค่า ผู้มีอำนาจเท่านั้นจึงจะคู่ควร เจ้าไม่ต้องเอ่ยวาจาไร้สาระอะไร นี่ก็แสดงถึงความโง่ของเจ้าแล้ว”
“เจ้า!…….” อารมณ์ของฉู่เหยาสั่นไหว ดวงตาเริ่มสั่นครือ แต่ว่านางก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ บังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลรินลงมา
ข้าไม่ร้อง ข้าสัญญาว่าจะต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งให้ได้ หากข้าจะปกป้องหลงเฉิน ข้าต้องกลายเป็นผู้ทียิ่งใหญ่กว่าเดิม ถ้าหากร้องไห้ไปแล้ว ก็แสดงว่าข้าก็เป็นหญิงสาวที่ใช้ไม่ได้แล้ว
ฉู่เหยาเตือนตัวเองรอบแล้วรอบเล่า นางต้องเปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขึ้น ต้องทำให้ตัวเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ให้ได้ ไม่ใช่ร้องไห้ด้วยความเจ็บใจเช่นนี้
“เหอะ เจ้าไร้เดียงสาเกินไป ตัวของเจ้าก็บอบบาง อยู่หน้าสมบัติที่มีค่าอย่างต้นไม้ใหญ่นั่น เจ้าก็เป็นได้แค่กระดาษ
ข้าไม่ฆ่าเจ้าก็นับว่าไว้หน้าตำหนักป่าสวรรค์มากแล้ว ต่อให้ไม่ต้องเอาหน้า และแม้ว่าเจ้าจะมีพลังที่แข็งแกร่ง ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี
ดังนั้นข้าขอให้เจ้าหลีกทางไปแต่โดยดี ไม่ต้องคิดเรื่องสมบัติ คิดเพียงแค่เพื่อเอาชีวิตของเจ้าให้รอด ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ เจ้ารีบออกไปซะ” ยินหวูซวงมองดูฉู่เหยา ในสายตาแฝงไว้ด้วยความริษยา กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงดูหมิ่นเหยียดหยาม
ยินหวูซวงสังเกตเห็น แค่เพียงภายนอกของสตรีตรงหน้าก็เห็นถึงความสดใสที่โดดเด่นดีงาม เหมือนกับจิตใจที่งดงามที่สามารถสัมผัสได้
เป็นธรรมดาที่หญิงสาวจะไม่ชอบที่มีผู้อื่นงดงามกว่าตนเอง โดยเฉพาะหากเป็นหญิงสาวที่งามเพรียบพร้อม สาวงามที่กระตุกหัวใจ กระตุ้นให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดู เห็นใจ ตามความคิดของยินหวูซวงแล้วช่างไร้ค่า
แม้ยินหวูซวงอยากที่จะฆ่าฉู่เหยา แต่ทว่านางไม่ได้โหดร้ายถึงเพียงนั้น อีกทั้งความสัมพันธ์อันดีของสำนักพลิกสวรรค์กับตำหนักป่าสวรรค์ นางก็ทราบดี หากนางไม่ไว้หน้าคนในหมู่ตึก ลงมือฆ่าฉู่เหยา ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
ดังนั้นสิ่งที่ยินหวูซวงควรกระทำในตอนนี้เพื่อช่วงชิงแกนต้นไม้ของพฤกษาเจ็ดดวงใจมาให้ได้ ก็คือการเจรจาต่อรองให้สตรีที่นางไม่ชอบตรงหน้านี้หลีกออกไป หากฉู่เหยายังดื้อรั้น นางก็จะคงต้องให้บทเรียนสั่งสอนเสีย
ในขณะนี้ แม้ส่วนลึกในใจจะมีความต้องการฆ่าฉู่เหยาให้ตายเพราะความริษยา แต่นางไม่สามารถแสดงความอิจฉานั้นออกมาได้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็แสดงถึงว่าตัวนางเองไม่มั่นใจในตนเองมากเพียงพอ
ดังนั้นยินหวูซวงจึงเลือกที่จะแสดงออกด้วยท่าทีเยือกเย็น มองดูฉู่เหยาที่มองลงมาเช่นกัน พลางคิดในใจว่านางจะเอาความแข็งแกร่งของตนเองไปขยี้สตรีผู้นี้เสีย
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ให้กับแกนต้นไม้อย่างแน่นอน เจ้าอยากเข้ามาก็เข้ามาเถอะ”
ฉู่เหยากัดฟัน ผสานสองมือไว้ที่อก ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน กิ่งไม้ฝุดออกมารอบด้านนับไม่ถ้วน เหมือนกับงูขนาดใหญ่ที่ชูคอขึ้นมาจากพื้นดิน
กิ่งไม้ทุกก้าน ล้วนปกคลุมไปด้วยใบไม้จำนวนมากที่มีสีเงินของโลหะเงาวาว เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะที่แข็งแกร่ง พลังที่แข็งแกร่งและน่ากลัวนี้เพียงพอที่จะสามารถกดดันผู้อยู่เหนือขอบเขต ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเห็นฉู่เหยาตั้งท่า เตรียมพร้อมต่อสู้ ใบหน้าของยินหวูซวงก็ยิ่งเยือกเย็นมากยิ่งขึ้น นางเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ในสายตาข้าเจ้าก็เป็นแค่คนไร้พลัง ตอนนี้ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รักษาชีวิตตัวเอง ไสหัวออกไปซะ ไม่เช่นนั้นหากข้าพลั้งมือเอาชีวิตเจ้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“เก็บหน้ากากจอมปลอมของเจ้าเถอะ หลงเฉินพูดไว้ไม่ผิด มีคนโง่งมบางคน ไม่สามารถใช้เหตุผลพูดคุยด้วยได้ เจ้าลงมือเถอะ” ฉู่เหยากล่าวเสียงดัง ในตอนนี้นางโกรธถึงขีดสุด
แม้จะเป็นผู้มีความแข็งแกร่งในเรื่องของพฤกษา แต่เกี่ยวกับการฆ่าฟันเช่นนี้ นางก็ทราบดี และนางก็รู้เจตนาที่แท้จริงของยินหวูซวง
“เจ้ารู้จักหลงเฉิน?” ยินหวูซวงสะดุ้งเล็กน้อย
“หากใช่แล้วอย่างไร”
พลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดของฉู่เหยา กำลังถูกแผ่ออกมา เป็นพลังแห่งการปกป้อง แม้แต่หลงเฉินเองก็ไม่กล้ามีปัญหา ในตอนนี้หลงเฉินจ้องมองอย่างกระตือรือร้น เขาเข้าใจคนข้างหน้ามากที่สุด และทราบดีที่สุดว่าในเวลาเช่นนี้ นางน่ากลัวอย่างไร
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ไม่ทำไมเจ้ารู้จักหลงเฉิน ดี ดีมาก ดีอย่างยิ่ง!” ทันใดนั้นยินหวูซวงก็หัวเราะ
เมื่อนางหุบยิ้ม สีหน้าก็มืดมนกว่าเดิม มองฉู่เหยาอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าว “หลงเฉินโจรราคะ น่ารังเกียจ เจ้าเป็นเพื่อนก็คงจะเป็นสิ่งไม่ดี ก็ลองให้ข้าทำร้ายเจ้าสิ ข้าจะดูเจ้าหลงเฉินโจรราคะจะจองหองยังไง”
“เจ้าเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เจ้าอย่ามาดูถูกหลงเฉิน หลงเฉินไม่ใช่คนเช่นนั้น เขาแค่ถูกใส่ร้าย
เจ้าคิดจะฉกฉวยแกนต้นไม้ เจ้าก็ลองดู แม้ว่าจะไม่ได้มาแต่ข้าก็สามารถทำลายมันได้ ข้าจะไม่ยอมให้แกนต้นไม้ตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงร้ายกาจอย่างเจ้า” คิ้วของฉู่เหยาขมวดมุ่น จับจ้องยินหวูซวงอย่างโกรธจัดแล้วกล่าวออกมา
“นังผู้หญิงโสโครก นี่เจ้า! ถ้าเจ้ากล้าทำลายแกนต้นไม้ ข้าก็จะข่วนใบหน้านี้ของเจ้าเสีย”
ยินหวูซวงโกรธจัด ในมือปรากฎดาบยาวสีเงิน ทั่วทั้งร่างระเบิดพลังสภาวะออกมา หมายจะพุ่งเข้าใส่ฉู่เหยา ทว่าทันใดนั้นก็มีเงาขนาดใหญ่เข้ามาบดบังการมองเห็น
.
.