เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 367 มีเหตุผลต้องฆ่าเจ้า

 

ร่างขนาดใหญ่ของเสี่ยวเสว่ยปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อฉู่เหยามองไปยังแผ่นหลังอันคุ้นเคยของชายที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวเสว่ย พริบตาเดียวความตั้งใจก่อนหน้าของฉู่เหยาก็สลายหายไป น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

 

“หลงเฉิน”

 

ฉู่เหยามองไปที่แผ่นหลังนั้น อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ

 

หลงเฉินหันกลับมาส่งยิ้มสดใสให้ฉู่เหยา แต่ในขณะเดียวก็อบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์

 

“เจ้าพักก่อนเถิด ทางนี้ให้ข้าจัดการเอง”

 

ฉู่เหยายังไม่ทันได้ตอบแต่อย่างใด ข้างกายก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วค่อยๆดึงมือฉู่เหยาออกไป

 

“เจ้าคือศิษย์น้องฉู่เหยาใช่หรือไม่ พวกเราไปหลบด้านหลังกันก่อนเถิด ปล่อยให้หลงเฉินจัดการกับหญิงชั่วนางนี้เอง”

 

“เจียเจี่ยท่านคือ…” ฉู่เหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบหญิงงามแปลกหน้านางนี้

 

“เจ้าจะรู้ในไม่ช้า เอาล่ะ! เรามาดูงิ้วกันเถอะ” เมื่อถูกฉู่เหยาถาม ลู่ฟางเอ๋อก็เขินเล็กน้อย

 

ต่อหน้าหลงเฉิน นางไม่ได้เขินมากนัก แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าของฉู่เหยา นางกลับรู้สึกกดดันเล็กน้อย โชคดีที่ฉู่เหยาไม่ได้เค้นเอาความจริงจากนางต่อ เพราะสายตามัวแต่คอยจ้องไปที่หลงเฉิน

 

หลงเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเสว่ย มือทั้งสองข้างได้ถือทลายมารไว้ สายตากวาดมองผู้คนจากระยะไกล ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าที่กำลังแสดงอาการตกใจของยินหวูซวง

 

ยินหวูซวงเห็นสายตาดุร้ายของเสี่ยวเสว่ย ก็รู้สึกได้ถึงความกดดันเป็นอย่างมาก แม้ว่าเสี่ยวเสว่ยจะเป็นแค่สัตว์มายาระดับสี่ขั้นต้น ทว่าแรงกดดันระดับนั้น ก็ทำให้นางเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

 

“หญิงโสมม”

 

หลงเฉินมองยินหวูซวงแล้วกล่าวออกมา

 

“หลงเฉิน….เจ้ามันชั่วช้า” ทันใดนั้นก็ทำให้ยินหวูซวงเดือดดาลจนแทบคลั่ง ชักดาบสีเงินในมือออกมา มือของนางสั่นเล็กน้อยพร้อมที่จะลงมือตลอดเวลา

 

ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว ขณะนี้หารู้ไม่ว่าในที่มืดมีผู้คนจำนวนเท่าใดที่กำลังแอบมองอยู่ การที่หลงเฉินด่าทอนางขนาดนี้ นางจึงไม่สามารถที่จะทนได้

 

“ที่ข้าพูดว่าเจ้าเป็นหญิงโสมมนั้นข้าไม่ได้ด่าเจ้าเลย เจ้าไม่ได้ยินหรือ? น้ำเสียงของข้านั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม งั้นข้าจะพูดอีกครั้งแล้วกัน เจ้าจะได้ยินชัดๆ หญิงโส-มม” หลงเฉินพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 

เสียงนั้นดังไปทั่วบริเวณรอบๆ ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นล้วนได้ยินอย่างชัดเจน เสียงของหลงเฉินที่กล่าวออกมาไม่ได้แสดงถึงความโกรธ แต่ราวกับพูดความจริง

 

หลังจากที่หลงเฉินกล่าวสองคำนั้นออกมา ยินหวูซวงจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไป และผมเผ้าก็เริ่มจะยุ่งเหยิงเล็กน้อย

 

“หลงเฉิน เจ้ามันไร้ยางอาย รนหาที่ตายแล้ว”

 

จากระยะไกลได้มีชายผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยโทสะ หลงเฉินหันไปมอง ก็พบว่าชายผู้นั้นเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน และเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ

 

เมื่อมองไปที่สัญลักษณ์บนไหล่ของเขา ก็ทราบว่าเขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศจากหมู่ตึกลำดับสิบเจ็ดและข้างๆกายเขานั้นยังมีผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศอีกคน

 

ด้านหลังของทั้งสองคนยังมีศิษย์ฝ่ายธรรมะกลุ่มใหญ่ พวกเขากำลังมองหลงเฉินด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันและดูแคลน ราวกับว่ากำลังดูละครสนุกๆอยู่

 

“ผู้ที่รนหาที่ตายคือเจ้า เจ้าตัวโง่งม เพียงแค่ข้าสะบัดฝ่ามือก็สามารถจะสังหารพวกเจ้าได้นับสิบคน ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ทางที่ดีเจ้าอย่าได้คิดยั่วโมโหข้า มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก” หลงเฉินมองชายผู้นั้นอย่างเยือกเย็น ในแววตายังเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารและพลังแห่งจิตวิญญาณอันแรงกล้า

 

ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่กำลังเดือดดาล เมื่อได้เห็นแววตาของหลงเฉินที่ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณกดดันเขา เพียงครู่เดียวรังสีสังหารนั้นก็แผ่เข้ามาในจิตใจของเขา ราวกับว่าดาบของพญามัจจุราชได้ถูกวางไว้บนลำคอของเขาแล้ว เพียงแค่เขาเอยปาก ดาบนั้นก็พร้อมจะจบชีวิตเขาทันที

 

ถ้าหากว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศผู้นั้นยังกล้าที่จะกล่าววาจาดั่งผายลมอีก หลงเฉินจะยอมปล่อยยินหวูซวงไปและฆ่าเขาเป็นคนแรกอย่างแน่นอน

 

ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศจะมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายได้ดีกว่าคนทั่วๆไป ดังนั้นหลังจากที่หลงเฉินได้กล่าวขึ้น มันจึงทำให้เขาถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว

 

เขารู้สึกได้ถึงพลังอันแน่วแน่ที่คิดจะสังหารเขา จนไม่กล้าแม้แต่จะพูดสิ่งใดออกมา ถ้าหากเขายังคิดที่จะยั่วยุอีก หลงเฉินคงจะเปิดฉากโจมตีใส่เขาทันที

 

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหากหลงเฉินลงมือขึ้นมา ศิษย์ผู้อื่นย่อมต้องเข้าช่วยเหลืออยู่แล้วโดยเฉพาะยินหวูซวงและผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่ยืนอยู่ด้านหลังอีก หลงเฉินเองต่างหากที่จะตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

 

แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความกังวล เขาเห็นได้ชัดว่าพลังของตนเองนั้นช่างอ่อนแอและน่าอดสู จนเขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง

 

ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อมองไปที่หลงเฉินด้วยความนับถือ ด้วยการเตือนเพียงแค่ครั้งเดียว ถึงกับทำให้ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศไม่กล้าขยับ

 

โดยเฉพาะฉู่เหยา กล่าวได้ว่านางกับหลงเฉินนั้นร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ในสายตาของนางหลงเฉินเป็นดั่งดวงดาวที่เปล่งประกาย

 

ในจักรวรรดิเฟิงหมิง หลงเฉินได้ทำเรื่องที่น่าอัศจรรย์ครั้งแล้วครั้งเล่า หลงเฉินกำลังเดินอยู่บนเส้นทางของการฝึกยุทธ์และเข้าสู่โลกแห่งวิทยายุทธ์ และตอนนี้แม้ว่าจะต้องอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือนับไม่ถ้วน หลงเฉินก็ยังคงเปล่งประกายเฉกเช่นเดิม

 

เมื่อเห็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศผู้นั้นไม่กล้าแม้แต่จะพูด พลังสภาวะในร่างกายของหลงเฉินก็ค่อยคลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็หันความสนใจไปที่ยินหวูซวง

 

เวลานี้ร่างกายของยินหวูซวงกำลังสั่นด้วยความเดือดดาล แววตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หลงเฉิน เจ้าอยากจะให้ข้าลงมือฆ่าเจ้ามากขนาดนั้นเลยหรือ?”

 

หลงเฉินส่ายศีรษะ “เจ้าเข้าใจผิดอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้ากล่าว ข้าไม่ได้เหยียดหยามหรือกล่าวล่วงเกินอะไรเจ้าเลย”

 

หลงเฉินทำสีหน้าที่ขึงขังชี้ไปทางดาบเงินของยินหวูซวง “ที่ข้าพูดว่าเจ้าเป็นหญิงโสมมนั้น ไม่ผิดเลยสักนิด ข้าใช้ดาบ(剑) แต่เจ้าใช้ดาบ(贱) ถ้าหากเจ้าไม่ใช่หญิงโสมม(贱人)แล้วเจ้าจะเป็นอะไร?

 

*หลงเฉินพูดเล่นคำ คำว่า剑 ที่แปลว่าดาบ ออกเสียงเหมือน 贱 ที่แปลว่าโสมมหรือต่ำตม

 

มีกระบี่ให้ใช้ได้ แต่ดันใช้ดาบ มีดาบชั้นสูงให้ใช้ แต่ดันใช้ดาบชั้นต่ำ มีดาบทองให้ใช้ แต่เจ้าใช้ดาบเงิน จริงๆแล้วเจ้ามันต่ำตมจนไม่มีผู้ใดเทียบได้อีกแล้ว

 

ดังนั้นหญิงโสมมสองคำนี้ก็เหมาะสมกับเจ้าแล้ว ต่อหน้าผู้ที่ต่ำตมขั้นสูงสุดอย่างเจ้า ยังจะมีผู้ใดกล้าว่าตัวเองต่ำตมกว่าเจ้าอีก ? ”

 

เสียงของหลงเฉินฟังดูนอบน้อม แต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น จนทำให้ผู้คนรู้สึกคล้อยตาม จนเกือบจะเห็นด้วยกับเขาด้วยซ้ำ ผู้คนต่างก็แอบหันไปมองดาบยาวในมือของยินหวูซวง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยอมรับในสติปัญญาของหลงเฉิน ที่ด่าคนแต่กลับไม่มีแม้แต่คำหยาบออกมา และที่สำคัญยังทำให้ผู้อื่นรู้สึกคล้อยตาม นี่มันมิใช่ศิลปะอย่างหนึ่งหรอกหรือ?

 

ทั้งบริเวณเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงลม แม้กระทั่งลู่ฟางเอ๋อก็ยังตกตะลึง นางคาดไม่ถึงว่าฝีปากของหลงเฉินจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ แค่เพียงหนึ่งประโยคก็ทรงอานุภาพจนอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงตายได้เลย

 

มีเพียงบนใบหน้าของฉู่เหยาเท่านั้นที่มีรอยยิ้ม ตัววายร้ายผู้นี้จะร้ายกาจอะไรได้ถึงขนาดนี้ แต่ว่าความร้ายกาจของหลงเฉินกลับทำให้ในใจของนางรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง

 

นางรู้จักนิสัยของหลงเฉินดี สำหรับคนใกล้ชิดแล้วเขาสามารถทำดีด้วยได้ถึงที่สุด จนแม้แต่ชีวิตตัวเอง เขาก็สามารถสละให้ได้ แต่สำหรับศัตรูเขาก็สามารถทำตัวเลวร้ายได้ถึงที่สุด การได้เป็นสหายกับหลงเฉินก็เหมือนกับได้รับพรจากสวรรค์ก็มิปาน ขณะที่ศัตรูของเขาจะต้องพบกับจุดจบที่ทุกข์ทรมาน

 

ขณะนี้ใบหน้าของยินหวูซวงโกรธจนเขียวคล้ำ นัยน์ตาทั้งคู่ราวกับมีเพลิงโทสะพวยพุ่งออกมา มีคำพูดเพียงไม่กี่คำเล็ดลอดออกมา

 

“หลง…เฉิน….เจ้า….ไป…ลงนรกซะ”

 

“ฮูม”

 

พลังอันมหาศาลจากดาบสีเงินในมือของยินหวูซวง ที่แม้แต่สวรรค์ยังต้องหวาดกลัว พื้นดินสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นรอยแยก ผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็รู้สึกเย็นเยือกไปจนถึงกระดูกและรีบถอยออกไปทันที

 

“ฮูม”

 

ดาบยาวสีเงินของยินหวูซวงเพิ่งจะกวัดแกว่งและปล่อยพลังอันน่าหวาดกลัวออกมา ทว่านางยังไม่ทันได้ลงมือโจมตี เสี่ยวเสว่ยก็ปล่อยคมวายุขนาดใหญ่เข้าใส่ยินหวูซวงในทันที

 

ภายในคมวายุก้อนกลมนั้นมีเปลวเพลิงสีแดงบรรจุอยู่ นี่คือหนึ่งในทักษะเฉพาะตัวของเสี่ยวเสว่ย หลังจากที่เสี่ยวเสว่ยเข้าสู่ระดับสี่ คมวายุก็ได้เกิดการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น

 

ในขณะที่คมวายุถูกปล่อยออกมาจากปากของเสี่ยวเสว่ย มันมีขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น แต่เมื่อพุ่งออกมาถึงตรงหน้าของยินหวูซวงกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่า

 

พลังอันน่าหวาดกลัวทำให้อากาศโดยรอบระเบิดออกมา คลื่นพลังมหาศาลถูกพัดออกมาราวกับคลื่นยักษ์เข้าถาโถม

 

ยินหวูซวงนึกไม่ถึงมาก่อนเลยว่าการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ทั้งยังรวดเร็วและฉับไว ทันทีที่นางรู้สึกตัว การโจมตีก็มาถึงตัวนางแล้ว

 

“ฮึ! ท่าฟันเหมันต์สีเงิน”

 

ยินหวูซวงเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น ดาบสีเงินในมือ ส่องแสงเป็นประกายสะท้อนขึ้นไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับมีเกล็ดน้ำแข็งที่ราวกับกำลังเต้นระบ่ำอยู่ด้านหน้าของนาง

 

“ตูม”

 

ภูเขาเกิดการระเบิด พลังลมปราณพวยพุ่งออกไป คมวายุที่แตกกระจายพุ่งออกไปทุกทิศทาง

 

“บัดซบ!”

 

“อ่า…..”

 

การโจมตีของเสี่ยวเสว่ยถูกยินหวูซวงทำลายด้วยทักษะฝีมือที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าคมวายุจะแตกกระจายกันออกไป แต่เศษเสี้ยวของคมวายุก็ยังแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัว

 

การโจมตีนี้ไม่ใช่ศิษย์ทั่วไปจะสามารถป้องกันได้ ผู้คนจำนวนมากที่ถูกคมวายุเข้าไป ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ติดตามที่โชคร้ายบางคนที่โดนคมวายุเข้าไปที่จุดตาย ต่างก็พบกับความตายอย่างน่าอนาจ

 

เมื่อทุกอย่างสงบลง บนพื้นก็มีศพอยู่นับสิบ เป็นศพของเหล่าศิษย์ที่มีพลังฝีมือในระดับต่ำ ซึ่งยืนสังเกตการณ์การต่อสู้อยู่ พวกเขาต้องพบกับความจริงที่ว่า : แม้การเป็นผู้ชมจะน่าตื้นเต้น แต่ก็อาจจะเกิดอันตรายได้เช่นกัน ต่อไปพวกเขาควรจะระวังให้มาก

 

ยินหวูซวงมีสีหน้าหวาดหวั่น แม้ว่านางจะโจมตีคมวายุจนแตกกระจายไปได้ แต่ทว่าตัวนางเองก็ถูกกดดันจนต้องห่างออกไปไกลกว่าสิบจั่ง จนรู้สึกแขนชาขึ้นมาเล็กน้อย

 

ขณะนี้ในใจนางเกิดความหวาดกลัวขึ้น การโจมตีของเสี่ยวเสว่ยนั้นแข็งแกร่งมาก หากไม่ใช่การโจมตีซึ่งหน้า แต่เป็นการลอบโจมตีนั้นนางคงตายโดยไม่ต้องสงสัย

 

นางไม่ทราบมาก่อนว่าการโจมตีของเสี่ยวเสว่ยนั้นเคยเกือบจะฆ่าหยินหลอลงได้ มิเช่นนั้นนางคงจะไม่ประมาทเช่นนี้

 

“หลงเฉิน เจ้าโจรถ่อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ได้ เจ้าต้องไม่ตายดีแน่” ศิษย์ผู้หนึ่งที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกล ยืนตัวสั่นด่าทอหลงเฉิน

 

“ตึง”

 

ปากของเสี่ยวเสว่ยปล่อยคมวายุออกไป ศิษย์ผู้นั้นตกใจกลัวคิดที่จะหลบหนี ไปแต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกการโจมตีเข้าปิดกั้น จนทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

 

ศิษย์ผู้นั้นทำได้เพียงจ้องคมวายุที่จะเข้ามา เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็ถูกคมวายุสังหารจนโลหิตสาดกระจายไปทั่ว ผู้คนบริเวณรอบๆต่างก็ตกใจ พากันหลบหนีอย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าโง่ คิดว่าข้าเป็นตัวอะไรกัน?” หลงเฉินด่าเงียบๆในใจ การโจมตีเมื่อครู่นั้นเห็นได้ชัดว่าเกิดจากยินหวูซวงที่เป็นคนทำให้คมวายุของเสวี่ยเสว่ยกระจัดกระจายออกไป จนมีผู้เคราะห์ร้ายมากมาย แต่คนพวกนี้ไม่กล้าที่จะเอาผิดกับยินหวูซวง พวกเขาจึงหันกลับมาตำหนิหลงเฉินแทน

 

เสี่ยวเสว่ยโจมตีออกไปสองครั้ง ครั้งแรกเป็นการขับไล่ให้พ้นทาง ส่วนครั้งที่สองเป็นการกำจัดเป้าหมาย ซึ่งทำให้ผู้คนบริเวณโดยรอบเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา แม้แต่ลู่ฟางเอ๋อและฉู๋เหยาก็ตกตะลึงในพลังอันแข็งแกร่งของเสี่ยวเสว่ย

 

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่า ข้ายังไม่มีจุดประสงค์โดยตรงหรือเหตุผลที่จะต้องฆ่าเจ้า แต่ตอนนี้ข้ามีแล้ว”

ความสงบของหลงเฉินหายไปในชั่วพริบตา และถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset