หลงเฉินแผดเสียงคำรามกึกก้อง บนแผ่นหลังปรากฏวงแหวนแห่งเทพขึ้นมาอีกครั้ง ลำแสงขนาดใหญ่ที่สว่างเจิดจ้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงหลายหมื่นจั้งทำให้เมฆหมอกกระจายตัวออกไปทุกทิศทาง แผ่นดินใต้ฝ่าเท้าแหลกระเบิดเป็นจุณ ขุมพลังอันมหาศาลพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังแห่งความแน่วแน่อันหนักหน่วงถูกปลดปล่อยออกมาสั่นคลอนไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
“กายาศึกกักวายุ——เบิก”
“ตูม!”
เสียงระเบิดของขุมพลังดังสนั่น พื้นดินแตกแยก ภูเขาสูงใหญ่สั่นสะเทือน ดวงตาคู่คมของหลิงเฉินเป็นประกายลึกล้ำ ปรากฎเป็นแสงสว่างวาบของดวงดารานับล้านดวง ในเวลานี้เขามองดูคล้ายเทพแห่งสงครามลงมาจุติยังโลกมนุษย์ พลังมหาศาลสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นพิภพ จนเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับบรรยากาศที่สั่นไหวรุนแรง
ม่งฉีละคนอื่นๆยังคงเฝ้ารออยู่ด้านนอกหุบเขา พวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายในเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าพวกเขากลับรับรู้ได้ถึงอานุภาพความรุนแรงที่น่าหวาดหวั่น แม้จะอยู่ห่างออกไปไกลหลายลี้ และยังมีกำแพงภูเขาขนาดใหญ่ขวางกั้นเอาไว้ แต่ก็ยังสามารถสั่นคลอนจิตใจของพวกนางได้
พลังลมปราณที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ถ้าแม้แต่ฉู่เหยายังไม่มั่นใจว่าพลังที่น่าหวาดกลัวนี้เป็นของหลงเฉิน ม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อก็คงปฎิเสธที่จะเชื่อเช่นกัน
แม้ว่าลู่ฟางเอ๋อจะเคยเห็นฝีมือของหลงเฉินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาเหมือนต่อสู้กับเด็กๆ และเขายังไม่เคยใช้พลังที่แท้จริงมาก่อน
ในขณะนี้ รอบตัวของหลงเฉินถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่โบราณ ให้ความรู้สึกคล้ายกับสัตว์ร้ายจากบรรพกาลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหล ขุมพลังอันเก่าแก่และแปลกประหลาดสายหนึ่งถูกปลดปล่อยออกมา สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งแปดทิศ เขย่าขวัญทุกผู้คนที่ได้พบเจอให้ยอมจำนน แม้จะยืนหยัดให้มั่นคงก็ยังทำได้อย่างยากลำบาก
ช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ หลงเฉินและหยินหลอเคยปะทะกันมาแล้วถึงสองครั้งสองครา จนแทบจะกล่าวได้ว่าพลังทั้งหมดที่แท้จริงของหยินหลอนั้น หลงเฉินล้วนเคยรับมือมาก่อน ในครั้งนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบหยั่งเชิงใดๆอีก หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขา ‘คุ้นเคย’ ในพลังฝีมือของหยินหลอในระดับหนึ่งแล้ว
หลินหลอนั้นมีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย เขาจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อรวบรวมประสบการณ์ ไม่ต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการนับจำนวนกระบวนท่า ไม่ต้องการการฝึกฝนทักษะ ไม่ต้องคิดหากลยุทธ์ หรือฉกฉวยโอกาสชิงความได้เปรียบในเชิงยุทธ์ เป้าหมายในการต่อสู้ของเขามีเพียงสังหารศัตรูให้ได้เท่านั้น เช่นนั้นแล้วในการต่อสู้กับหลงเฉินเขาจึงต้องปลดปล่อยพลังที่จริงออกมาทั้งหมด
“ตายซะ!”
หลงเฉินคำรามเสียงดังสนั่นราวเสียงฟ้าร้อง เขาถ่ายเทพลังลมปราณมหาศาลเข้าสู่ดาบทลายมาร ก่อเกิดเป็นพลังรุนแรงปะทุออกมา สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งผืนฟ้า หลงเฉินกระโจนสูงขึ้น วาดดาบทลายมาร พุ่งตัวแหวกอากาศ แล้วตวัดคมดาบอันทรงพลัง ฟาดฟันเข้าใส่หยินหลอในทันที
“ฮึ ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าตอนนี้เจ้ารับการโจมตีของข้าได้สักกี่กระบวนท่า หลังจากที่เจ้าทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว”
“เงามืดคุ้มกายา!”
ทันใดนั้น ด้านหลังของหยินหลอก็ปรากฎเป็นเงามายาขนาดใหญ่ที่น่าหวาดหวั่นขึ้น พลังแห่งฟ้าดินปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง บรรยากาศถูกบีบอัดอย่างหนักหน่วง หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในระดับสามัญแล้ว แม้แต่จะหายใจก็คงจะทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
หลงเฉินนั้น เคยพบเจอและรับมือกับเงามายาเช่นนี้ของหยินหลอมาก่อนหน้านี้ ครั้งเมื่อต่อสู้กันในสงครามระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรม ทว่าในครั้งนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเงามายานั้น มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งกว่าเดิมมากมายนัก เงามายาขนาดใหญ่เป็นเสมือนการปรากฎตัวของภูตผีปีศาจ กลิ่นอายของความชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายโอบล้อมไปทั่วบริเวณ
หยินหลอไหลเวียนพลังในร่างกาย ผสานจิตวิญญาณเข้ากับเงามายาที่อยู่ด้านหลัง และก่อให้เกิดการระเบิดของพลังที่น่าหวาดกลัวสายหนึ่ง เขย่าบรรยากาศให้สั่นไหวรุนแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมกับความกดดันอย่างหนักหน่วงถาโถมไปทั่วบริเวณ ผมยาวบนศรีษะของหยินหลอลอยระบำพลิ้วไหวไปตามกระแสพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวนั้น พลังขุมนั้นปะทุสูงขึ้นสู่ฟากฟ้า ปั่นป่วนหมู่เมฆาให้แตกสลายกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ
เมื่อมองเห็นดาบของหลงเฉินพุ่งเข้ามา หยินหลอก็แผดเสียงคำรามดังลั่นขึ้นด้วยท่าทีที่เยือกเย็น พร้อมกับส่งหอกยาวเข้าต้านทานดาบนั้น หอกยาวสีทองและดาบใหญ่สีทองพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
“ตูม”
พลังเปี่ยมล้นของศาสตราวุธอันแข็งแกร่งทั้งสองชนิดปะทะกันจนเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง อานุภาพของแรงระเบิดนั้นทำลายล้างทุกสรรพสิ่งเป็นบริเวณกว้าง นี่นับได้ว่าการโจมตีที่น่าตื่นตาตื่นใจ เสมือนดั่งการระเบิดของดาวหางที่ชนปะทะกับพื้นโลก สามารถสั่นสะเทือนทั้งผืนน้ำและภูเขา กำแพงภูผาถูกระเบิดโดยตรง จนทำให้หน้าผาสูงพังทลายและทรุดตัวลงมาหลายสิบจั้ง เศษหินนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา
ทว่าแม้สภาพโดยรอบจะถูกทำลายไปมากมายเพียงใด หลงเฉินและหยินหลอต่างก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงซัดอาวุธ สาดพลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงปะทะกันของอาวุธ และเสียงระเบิดจากการโจมตีที่รุนแรงดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
“ตูม ตูม ตูม”
การต่อสู้นี้ เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือที่หาได้ยากอย่างยิ่งเลยก็ว่าได้ เพราะยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายจัดอยู่ในระดับที่แทบจะไร้ผู้เทียบเทียม ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมา โจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ เป้าหมายคือสังหารฝ่ายตรงข้ามให้ตายให้ได้
การต่อสู้นั้นรุนแรงดุเดือดเป็นอย่างมาก เมื่อเวลาผ่านไปพื้นดินที่สั่นสะเทือนต่อเนื่องไม่หยุดและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้แนวผาสูงชันทรุดตัวลงมาเพิ่มมากขึ้น การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ราวกับมุ่งหมายจะทำลายล้างโลก
“ตูม”
“ครืน”
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ตามด้วยเสียงถล่มดังกึกก้อง นั่นเป็นผลพวงจากการที่หลงเฉินและหยินหลอซัดพลังทั้งหมดเข้าปะทะกันอีกครั้ง และทันใดนั้นเองภูเขาสูงชันที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่ทรงอานุภาพนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เกิดการทรุดตัวและพังทลายลงมา ก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าพันจั้ง ตกลงมาจากหน้าผาที่เป็นเศษซากของภูเขา พุ่งเข้าใส่คนทั้งสองอย่างรวดเร็วราวกับอุกกาบาตพุ่งชนโลก
“โครม”
ในระหว่างที่หลงเฉินและหยินหลอกำลังพัวพันกับการต่อสู้อันดุเดือดอยู่นั้น ทั้งสองก็ถูกหินยักษ์ตกอัดเข้าใส่อย่างรุนแรง จนทำให้เสียงของการต่อสู้หยุดชะงักลงไป ทว่า ความเงียบนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ ก็เกิดเสียงระเบิดแตกกระจายของก้อนหินใหญ่นั้นดังตามมา เงาร่างสองร่างพุ่งทยานออกมาจากกองเศษหินโดยที่ดาบและหอกยังคงปะทะกันไม่หยุดยั้ง นี่นับเป็นการต่อสู้ที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง
“ตูม”
“ตูม”
ในขณะนี้เพลิงแห่งการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวแผดเผาไปทั่วสี่ทิศแปดด้าน เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำแสงที่เกิดจากการต่อสู้พุ่งขึ้นไปถึงท้องฟ้า แม้แต่ผู้ที่อยู่ห่างไกลนับพันลี้ก็ยังสามารถสังเกตเห็นได้
พื้นดินไม่หยุดสั่นสะเทือน บนท้องฟ้าคำรามไม่หยุด หนึ่งชั่วยามผ่านไปพลังของทั้งสองไม่เสื่อมถอยลงแม้แต่น้อย กลับรุนแรงและยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ตูม”
ทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง ทั้งหมดถูกปะทะเข้าด้วยพลังของอีกฝ่ายต่างก็ถูกพัดออกไประยะหลายจั้ง หลงเฉินในใจกลั้นความบ้าคลั่งไว้ไม่อยู่แล้ว
หยินหลอแท้จริงแล้วน่ากลัวมาก หากหลงเฉินไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น จนพลังในร่างกายมีมากมายหลายสิบเท่า เขาก็คงจะพ่ายแพ้ไปนานแล้ว
ทว่าแม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังลมปราณของเขาเริ่มจะใกล้หมดลงไปแล้ว เขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ในขณะที่หลงเฉินตกตะลึงกับพลังอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่นั้น หยินหลอเองก็ต้องตกตะลึง ขึ้นมาเช่นกัน เมื่อพบว่าท่าร่าง ‘เงามืดคุ้มกายา’ ซึ่งเป็นถึงทักษะลับโบราณ ที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้ เริ่มที่จะหมดพลังลงไปแล้ว อีกทั้งตลอดระยะเวลาการต่อสู้ที่บ้าคลั่งซึ่งกินเวลายาวนานกว่าหนึ่งชั่วยามเต็มนี้ หยินหลอก็ได้พบว่าพลังฝีมือของตนเองไม่ได้เหนือกว่าหลงเฉินเลยแม้แต่น้อย และนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ส่วนลึกภายในใจของหยินหลอเริ่มบังเกิดความตื่นตระหนกเล็กน้อยขึ้นมาบ้างแล้ว
หยินหลอนั้น ผ่านการต่อสู้กับผู้ที่เป็นสุดยอดฝีมือมาแล้วนับไม่ถ้วน แม้แต่ผู้อาวุโสที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือในขอบเขตปรือกระดูกก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าหลงเฉินที่เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับต่ำกว่ามาก กลับสามารถรับมือกับพลังที่แท้จริงทั้งหมดของเขาได้
แม้ว่าจะอยู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเช่นเดียวกัน แต่หยินหลอนั้นอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นพลังในขอบเขตเส้นเอ็น ในขณะที่ระดับของหลงเฉินยังเป็นเพียงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้นเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังห่างชั้นกันมากมายนัก แต่ทว่าในการต่อสู้ครั้งนี้เห็นได้ชัดเจน ว่าพลังฝีมือของพวกเขาทั้งสองคู่คี่สูสีกัน หลงเฉินสามารถรับรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงของหยินหลอได้ และเขายังสามารถโจมตีตอบโต้กลับมาด้วยพลังทำลายที่เท่าเทียม
นับเป็นครั้งแรกที่หยินหลอรู้สึกถึงเค้าลางแห่งความพ่ายแพ้ และความรู้สึกนั้นก็เริ่มจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเวลาเดียวกัน ความต้องการที่จะสังหารหลงเฉินก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี ในเวลานี้เขาคงจะปล่อยให้หลงเฉินมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ซูม”
ทันใดนั้น หอกยาวในมือของหยินหลอก็ปลดปล่อยขุมพลังแปลกประหลาดบางอย่างเพิ่มมากขึ้น อานุภาพของพลังที่มองไม่เห็นทำให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนหนักหน่วงอีกครั้ง พลังอันบริสุทธิ์แห่งฟ้าดินปริมาณมากมายมหาศาล หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหยินหลออย่างบ้าคลั่ง
“ฮึ ในที่สุดก็ต้องพึ่งพาพลังของขอบเขตก่อฟ้าอีกแล้วสินะ หยินหลอ ดูเหมือนเจ้าจะตกต่ำไปเยอะเลยนะ” หลงเฉินเรียกดาบทลายมารขึ้นมาในมือ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไร้สาระ พลังก่อฟ้าก็คือส่วนหนึ่งของตัวข้าเช่นกัน เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว” หยินหลอพูดเสียงต่ำ
“มันจะใช่พลังของเจ้าหรือไม่ใช่ ตัวเจ้าเองรู้ดีแก่ใจ ยังจะโกหกตัวเองไปเพื่ออะไรกัน” หลงเฉินตอบโต้ เขาเตรียมการป้องกันอย่างเงียบๆ รวบรวมพลังทั้งหมดในร่างกายขึ้นมา
แม้จะถูกหลงเฉินเย้ยหยันว่าพลังขอบเขตก่อฟ้าเป็นพลังของสำนักที่มอบให้ ไม่ใช่พลังของเขาอย่างแท้จริง แต่หยินหลอก็คงสีหน้าที่เยือกเย็นเอาไว้ได้
เพื่อเขาแล้ว สำนักยอมเสียสละยอดฝีมือขอบเขตก่อฟ้าผู้หนึ่ง ผนึกโลหิตก่อฟ้าไว้ในร่างกายเขา เพื่อที่จะช่วยให้เขาแข็งเเกร่งมากยิ่งขึ้น ถึงแม้พลังที่ยิ่งใหญ่นี้จะไม่สามารถนับได้ว่าเป็นพลังอันเกิดจากตัวเขาอย่างที่แท้จริง แต่หยินหลอก็ไม่ได้ใส่ใจ หยินหลอยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวขึ้น “ทรัพยากรที่ดีก็ถือเป็นพลังอย่างหนึ่ง หยุดวาจาไร้สาระของเจ้าซะ วันนี้ข้าต้องได้ชีวิตเจ้า!”
หยินหลอกวัดแกว่งหอกในมือ ทำให้เกิดความปั่นป่วนทั้งในอากาศ และทั่วทั้งฟ้าดิน เป็นวงกว้าง กินอาณาบริเวณหลายพันลี้ พลังอันบริสุทธิ์ของฟ้าดินที่ไม่มีจำกัดถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวของหยินหลออย่างบ้าคลั่ง พลังรุนแรงอันน่าหวาดกลัวนั้นพุ่งเข้าใส่หลงเฉินในทันที มุ่งตรงเข้ามายึดตรึงร่างกายของเขาไว้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลงเฉินได้เผชิญหน้ากับพลังก่อฟ้า แต่ทว่าครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป ในครั้งนี้พลังก่อฟ้าของหยินหลอมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น และเขาก็สามารถใช้มันอย่างชำนาญมากขึ้นด้วย หยินหลอฝึกฝนการควบคุมพลังของโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าในร่างกายของตนเองจนช่ำชองไปแล้วหลายส่วน และในตอนนี้เขาสามารถควบคุมมันได้ดีขึ้นแล้ว
หลงเฉินลมสูดหายใจเข้าคำหนึ่ง กระตุ้นพลังลมปราณจากจุดดารากักวายุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เร่งเร้าพลังจนถึงระดับสูงสุด ก่อนจะถ่ายเทพลังลมปราณจากจุดชีพจรทั้งเก้าเข้าสู่ดาบทลายมารในมืออย่างรวดเร็ว
“ซูม!”
เกิดแสงสว่างสีทองเจิดจ้าอาบไล้ทั่วทั้งตัวดาบ แม้ว่าตอนนี้ทลายมารจะเต็มไปด้วยรอยบิ่นและแตกร้าว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้พลังอันมหาศาลลดน้อยลงแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้พลังของหลงเฉินกลับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เริ่มต้นจากเป็นเสมือนลำธารสายเล็กๆ ไหลรวมกันจนในที่สุดก็กลายเป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่
หลังจากที่หลงเฉินเข้าสู่ระดับขอบเขตเขตเส้นเอ็น นี่นับเป็นครั้งแรกที่หลงเฉินเรียกใช้ทักษะเบิกสวรรค์ พลังที่น่าหวาดกลัวทะลักทลายออกมาจากทลายมารในมือของเขา ถาโถมเข้าใส่อากาศราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรที่กำลังเกิดพายุโหมกระหน่ำ
ขณะเดียวกันนั้นเอง หยินหลอก็รวบรวมพลังก่อฟ้าทั้งหมด แผดเสียงคำรามดังลั่น สบัดหอกยาวในมือ พุ่งตรงเขาหาหลงเฉิน
“ตายซะ”
หลงเฉินรวบรวมพลังทั้งหมดถ่ายเทเข้าสู่ทลายมาร ทำให้ดาบใหญ่สีทองอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล และก่อเกิดเป็นเสียงดังกึกก้อง สะท้านสะเทือนไปในอากาศทั่วบริเวณ ดาบทลายมารในขณะนี้มองดูราวกับสัตว์มายาโบราณที่กระหายการต่อสู้ แล้วพุ่งตรงเข้าใส่หยินหลอ
“เบิกสวรรค์!”
“ตูม”
ปลายหอกปะทะกับใบดาบ พื้นดินในระยะหลายร้อยลี้พลังทลายเป็นวงกว้าง กระแสลมที่รุนแรงก่อตัวขึ้นมา และภูเขาทั้งหมดได้รับแรงระเบิด พังถล่มลงมา ทั้งหยินหลอและหลงเฉิน ถูกส่งให้กระเด็นออกไปด้วยแรงปะทะจากพลังของอีกฝ่าย
และเกือบจะในเวลาเดียวกันที่ทั้งคู่กระอักเลือดออกมา ทว่าไม่ทันได้เกิดการโจมตีขึ้นอีกครั้ง ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งที่เกิดจากการพังถล่มของภูเขาร่วงตกลงมาทับร่างของหยินหลอ
“ตูม”
ก้อนหินขนาดยักษ์ระเบิดออก ร่างของหยินหลอทะยานออกมาจากกองเศษหิน เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยฉีกขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ในมือที่กำลังถือหอกยาวมีโลหิตมากมายไหลหยดลงมา ง่ามนิ้วทั้งหมดของเขาแตกเป็นแผล ในเวลานี้หยินหลอมีสถาพร่างกายที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง
หลังจากที่หยินหลอทยานออกมาสู่ที่ว่างได้แล้ว เขาก็รีบยืนหยัดอย่างมั่นคงบนพื้น แต่ทว่าเมื่อกวาดตามองไปทั่วบริเวณ กลับไม่พบร่างของหลงเฉิน ทันใดนั้นเองความรู้สึกเย็นยะเยือกสายหนึ่งก็ปะทะเข้าสู่จิตใจของเขาในทันที ลางสังหรณ์บางอย่างส่งผลให้หยินหลอรีบกระโดดหลบออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
“ตูม”
ลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่ ระเบิดขึ้นใกล้ตัวหยินหลอ พลังทำลายล้างอันน่าหวาดกลัว ทำให้พื้นแตกกระจุย เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
แม้ว่าสัญชาตญาณของหยินหลอจะช่วยให้เขาตอบสนองต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที แต่ทว่าเขาก็ยังคงหลบไม่พ้นทั้งหมด ถูกพลังรุนแรงที่น่าหวาดกลัวบางส่วนปะทะเข้าใส่ จนทำให้กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ก่อนที่จะซัดพลังปะทะกันในครั้งสุดท้ายนี้ หลงเฉินได้วางแผนเอาไว้แล้ว เป็นที่แน่ชัดว่าหยินหลอนั้นแข็งแกร่งเกินไป และพลังของทั้งคู่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ดังนั้นด้วยการจู่โจมที่ผ่านมา จึงยากที่จะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเอาชนะอีกฝ่ายได้ และหากต้องการจะ ‘สังหาร’ ฝ่ายตรงข้ามให้ได้แล้ว ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
หลังจากซัดพลังโจมตีครั้งใหญ่ออกไปแล้ว หลงเฉินก็รีบแอบซ่อนตัว รวบรวมพลังอสนีบาตในร่างกาย เตรียมพร้อม รอเวลา มองหาจังหวะที่เหมาะสมที่สุด เพื่อจะจู่โจมออกไป การจู่โจมนั้นไม่เพียงแต่รุนแรง แต่ยังรวดเร็วและเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปก็ยากที่จะหลบพ้น
แต่ทว่าหยินหลอนั้นมีประสบกาณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชน จึงทำให้มีสัญชาตญาณในการระวังภัยที่แข็งแกร่ง ดังนั้นในช่วงเวลาที่หลงเฉินกำลังปลดปล่อยพลังออกไป หยินหลอจึงสัมผัสได้ถึงการโจมตีนั้นในทันที และสามารถกระโจนหลบได้ทัน ทำให้ตัวเขาปะทะเข้ากับพลังอสนีบาตของหลงเฉินแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น หยินหลอก็ยังต้องกระอักเลือดติดกันถึงสามครั้ง พลังอสนีบาตของหลงเฉินแตกต่างจากพลังอัสนีโดยทั่วไป แต่เป็นอัสนีที่ก่อรวมจากทัณสวรรค์ จึงเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขีดจำกัด
พลังทำลายล้างของอสนีบาตชนิดนี้ สามารถข่มขวัญผู้คนได้เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าหยินหลอจะปะทะเข้ากับพลังนั้นเพียงไม่กี่ส่วน แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังเพียงส่วนน้อยนั้นทำให้ร่างกายของเขาแทบจะกลายเป็นอัมพาตในชั่วพริบตาเลยทีเดียว
“บัดซบ!”
ทันใดนั้นเอง แผ่นทองคำบางขนาดเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่งก็พุ่งตรงมาที่คอของหยินหลอทันที สัญชาตญาณของหยินหลอสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงขีดสุดอีกครั้ง เขารีบหมุนตัวหลบออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
บันทึกแผ่นทองนั้น สามารถตัดผ่านลำคอหยินหลอได้ แต่น่าเสียดายที่โดนเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่อาจจะตัดคอของเขาให้ขาดออกไปได้อย่างสมบูรณ์
หลงเฉินส่งเสียงร้องด้วยความเสียดาย รีบพุ่งออกมาจากกองหินที่ใช้ซ่อนตัว ตวัดทลายมารฟาดฟันไปที่คอของหยินหลออย่างรวดเร็ว หวังจะเผด็จศึกให้ได้
หยินหลอที่ถูกโจมตีซ้ำสองครั้งติดต่อกัน โดยเฉพาะในครั้งสุดท้ายที่เกือบจะถูดตัดคอขาดแล้ว ทว่าไม่ใช่แต่เพียงยังคงใบหน้าที่เรียบเฉยไว้ได้ แต่ในแววตาทั้งสองของเขาก็ยังไม่มีร่องรอยของความตื่นกลัวปรากฎให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
มือข้างหนึ่งของหยินหลอกุมบาดแผลที่ลำคอ ในขณะที่มืออีกข้างซัดหอกยาวเข้าต้านทานการโจมตีของดาบใหญ่ของหลงเฉิน
หลังโจมตีด้วยพลังทั้งหมดไปแล้วก่อนหน้านี้ พลังของทั้งสองก็ลดลงเป็นอย่างมาก การโจมตีในครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้พลังในร่างกายถดถอยลงไปอีก แรงปะทะที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่กระเด็นไปทางด้านหลังอีกสิบก้าว แขนและไหล่ทั้งสองข้างอ่อนล้าและเจ็บปวดจากการฝืนใช้งานหนักเกินไป
หยินหลอในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง คอเกือบจะถูกหลงเฉินตัดขาด ร่างกายแทบไม่มีพลังหลงเหลือ หลังจากที่ลุกขึ้นมาได้ เขาจึงรีบหนีออกจากที่นี่โดยไม่ต้องคิด หยินหลอออกวิ่งอย่างรวดเร็ว แม้ว่าบาดแผลที่คอจะไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ลดทอนพลังในการต่อสู้ของเขาได้อย่างรุนแรง แต่เดิมที่ทั้งสองฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน แต่เนื่องจากบาดแผลบนลำคอนี้ ทำให้ตอนนี้เขาตกเป็นรองหลงเฉินอย่างชัดเจน มองไม่เห็นหนทางเอาชะได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่ควรทำมากที่สุดคือรีบหนีออกไป
“จะหนีไปไหน?!”
หลงเฉินตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แบกทลายมารไว้ที่ไหล่ พุ่งทยานตามออกไปอย่างรวดเร็ว พริบต่อเดียวก็ตามมาถึงทางออก
ในใจหยินหลอโกรธแค้นบ้าคลั่ง นี่นับเป็นครั้งที่สองที่เขาต้องหลบหนีหลงเฉิน ถือเป็นความอัปยศที่น่าอับอายยิ่งนัก แต่ทว่าเขาก็ทำได้เพียงระงับความโกรธนี้ไว้เท่านั้น หากยังคงดึงดันต่อสู้ต่อไป ก็อาจจะหนีจากความตายไปไม่พ้นแล้ว
เมื่อมองเห็นทางออกอยู่เบื้องหน้ารับ หยินหลอก็รีบกลืนโอสถรักษาบาดแผล นั่นเองจึงทำให้เขามีกำลังมากขึ้นอีกเล็กน้อย สามารถวิ่งมุ่งตรงไปที่ทางออกได้อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่วิ่ง หยินหลอก็ใช้หอกยาวกระแทกกับกำแพงภูผาไปตลอดทาง ส่งผลให้เส้นทางที่อยู่ด้านหลัง ถูกหินถล่มทับ เพื่อขัดขวางไม่ให้หลงเฉินตามมาทัน
และแม้ว่าหลงเฉินจะสามารถใช้ทลายมารทำลายหินเหล่านั้นได้ แต่นั่นก็ทำให้เขาช้าลงไปหลายส่วน ถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นว่าหยินหลอใกล้จะถึงทางออกแล้ว ใบหน้าของหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็นขึ้นมา
“ตูม”
คมวายุขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าหาหยินหลอจากทางด้านหน้า