“ตูม”
คมวายุที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ทำให้หยินหลอลอบตื่นตกใจ ทว่าคมวายุสายนั้นไม่ได้พุ่งเข้าใส่เขา แต่กลับอัดลงไปบนพื้นที่อยู่ด้านหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเขาแทน ส่งผลให้พื้นดินระเบิดออก ฝุ่นดินฟุ้งกระจายคละคลุ้งไปทั่ว จนแทบจะไม่สามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบได้
ในใจของหยินหลอเริ่มเกิดความสั่นผวา ข้างหน้ามีการซุ่มโจมตี? ทว่าทางด้านหลังนั้น หลงเฉินก็ไล่ตามเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วแล้ว ในเวลานี้หยินหลอจึงทำได้เพียงเเค่ฝ่าออกไปทางด้านหน้าเท่านั้น
พุ่งไปข้างหน้า อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับหลงเฉิน เขาก็มีแต่จะต้องตายตกไปเท่านั้น
หยินหลอรีบวิ่งออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เขาจดจำการโจมตีเช่นนี้ได้ดี นี่เป็นการโจมตีของสัตว์มายาของหลงไม่ผิดแน่
แม้ว่าการรับมือกับสัตว์มายาจะน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าหากเขาเตรียมการป้องกันเอาไว้อย่างดีแล้ว มันก็จะไม่สามารถทำอันตรายให้แก่เขาได้มากนัก
ทว่าพึ่งจะวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เพลิงที่ร้อนระอุก็พุ่งเข้ามาหา ไฟร้อนแรงนั้นพยายามจะกลืนกินร่างกายของเขา ความร้อนสูงที่น่าหวาดกลัว เผาผลาญพื้นดินให้แห้งเป็นทรายไปในชั่วพริบตา
แท้จริงแล้ว นั่นเป็นแผนการโจมตีที่มาจากม่งฉีและอีกสองคนที่คอยเฝ้าอยู่ตรงทางออก จากเสียงตะโกนของหลงเฉินก็ทำให้พวกนางรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายชนะ และหยินหลอกำลังจะหนี พวกนางจึงรีบทำตามแผนที่หลงเฉินวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เสี่ยวเสว่ยส่งพลังโจมตีในครั้งแรก แต่ทว่าหลงเฉินไม่ได้ให้เสี่ยวเสว่ยโจมตีหยินหลอโดยตรง แต่เพียงแค่สกัดกั้นการมองเห็นของเขาเท่านั้น ดังนั้นเสี่ยวเสว่ยจึงปล่อยพลังการโจมตีในครั้งแรกออกไปเพื่อทำให้เกิดฝุ่นดินคละคลุ้งไปในอากาศ จากนั้นลู่ฟางเอ๋อพึ่งจะได้สิงโตเพลิงอัคคีมาครอบครอง ในที่สุดก็ได้ใช้ลงสนาม สิงโตตัวใหญ่สีแดงคายลูกไฟออกมา และซัดเข้าโจมตีหยินหลอทันที
พลังเพลิงของสิงโตแดงอัคคีรุนแรงมาก แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศก็คงยากที่จะรับมือได้ แต่สิ่งน่าหวาดกลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ วิถีการโจมตีของมัน ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมาก จนยากที่จะหลบหลีกได้พ้น
“ผ้าคลุมกระดูกทรายมายา”
แม้ร่างกายของหยินหลอจะสัมผัสเปลวเพลิงเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอานุภาพเปลวไฟที่แข็งแกร่ง เปลวเพลิงสว่างเจิดจ้าทำให้ดวงตาของเขาพร่าเลือน ตาข่ายมายาโปร่งใสปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แหวกเพลิงร้อนแรงนั้นให้แยกออก
“มวลไม้จองจำ” มีเสียงตะโกนดังขึ้น หยินหลอรีบก้มมองที่พื้นด้วยความตื่นตระหนก เขากระตุ้นพลังลมปราณขึ้นมาคุ้มครองร่างกายเอาไว้ และรีบพุ่งตัวเพื่อฝ่าออกไป
ทว่ายังไม่ทันที่จะออกไปได้ กิ่งก้านไม้สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็งอกเงยขึ้นมาจากพื้นดิน และเข้าโอบรัดพันตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา
หยินหลอตกตะลึงในทันที เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกมา แต่ก็พบว่ากิ่งไม้สีทองเหล่านี้แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า เขาไม่สามารถทำลายมันด้วยกำลังทางร่างกายได้เลย
“แหลกไปซะ!” หยินหลอตะโกนเสียงดังกึกก้อง เขาปลดปล่อยพลังแห่งขอบเขตก่อฟ้าออกมาจากร่างกายอีกครั้ง และการปลดปล่อยพลังในครั้งนี้ก็ทำให้กิ่งไม้จำนวนมากนั้นแตกกระจายออก
หลินหลอดิ้นหลุดจากกลุ่มกิ่งก้านไม้นั้นได้ในที่สุด ทว่าเมื่อกำลังจะวิ่งต่อไป ก็ปรากฏกิ่งก้านไม้ที่จำนวนมากขึ้นกว่าเดิม พุ่งตรงเข้ามาหาเขาทุกทิศทาง
“ไสหัวออกไป!”
หลินหลอโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ตวัดหอกยาวในมือ ระเบิดพลังก่อฟ้าออกมา ทำให้ก้านไม้เหล่านั้นถูกทำลายไปในชั่วพริบตา ด้วยอานุภาพของพลังก่อฟ้า การโจมตีร่วมแบบอื่นก็ถูกทำลายไปด้วย การดักซุ่มรุมโจมตีเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับความแข็งแกร่งของพลังก่อฟ้าแล้วก็ถือว่าอ่อนแอกว่าเป็นอย่างมาก
“ตูมตูม”
แม้ว่าหอกของหยินหลอจะทำลายกิ่งก้านไม้ไปได้นับร้อย แต่ทว่าก็ยังคงมีกิ่งก้านไม้ผุดขึ้นมาอีก ในตอนนี้เท้าทั้งสองข้างของเขาถูกไม้หนีบรัดไว้จนแน่น การหลบหนีของเขาหยุดชะงัก จนในที่สุดหลงเฉินก็ได้พุ่งมาถึงแล้ว
หยินหลอทั้งตกใจทั้งโกรธแค้น อีกทั้งยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าผู้ที่ลอบโจมตีเขาคือใคร เขารีบลวงเอายันต์เคลื่อนย้ายออกมา ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากต้องใช้ยันต์เคลื่อนย้ายออกไปจากที่แห่งนี้เท่านั้น
“ท่าดูดกลืนจิตวิญญาณ!”
มีเสียงตะโกนอันเยียบเย็นดังขึ้น ทันใดนั้นหยินหลอรู้สึกถึงเจ็บปวดอย่างหนึ่ง ที่แตกต่างจากความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บบนร่างกาย เป็นความเจ็บปวดที่ร้าวลึกลงไปในจิตวิญญาณ ทันใดนั้นเขาก็พบว่า มือข้างที่ถือยันต์เคลื่อนย้ายอยู่สูญเสียการควบคุมไป เขาไม่สามารถใช้งานยันต์เคลื่อนย้ายได้!
“ซูม”
ดาบทลายมารของหลงเฉินฟาดฟันหลงลงมาที่แขนข้างที่มียันต์เคลื่อนย้ายอยู่อย่างรวดเร็วและรุนแรง ความเจ็บปวดจากการเสียแขนทำให้หยินหลอแทบคลุ้มคลั่ง ตวัดหอกยาวที่อยู่ในมืออีกข้างโจมตีหลงเฉินด้วยพลังทั้งหมด
หลงเฉินรีบป้องกันทันที
“ตูม”
หยินหลอที่ได้รับการสนับสนุนจากพลังก่อฟ้า การโจมตีของเขาจึงสามารถทำให้หลงเฉินถูกซัดกระเด็นลอยออกไปได้ ในขณะเดียวกันก็ทำลายกิ่งก้านไม้ที่อยู่ใต้เท้าของเขาไปด้วย
“พวกเจ้า ไปตายซะ!”
หยินหลอคำรามลั่นด้วยความโกรธ หอกสีทองในมือยาวขึ้นอีกสิบจั้ง ตวัดกวัดแกว่งไปทางด้านที่ม่งฉีและคนอื่นเฝ้าอยู่
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องสองเสียงดังขั้นมาพร้อมกัน คมวายุ และลูกบอลไฟ เข้าปะทะกับหอกนั้นทันที แต่ทว่ากลับทำได้แค่เพียงทำให้หอกสีทองนั้นสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะสลายการโจมตีทั้งสองสายนั้นไปได้
แม้ว่าหยินหลอมองไม่เห็นพวกเขาทว่าโดยสัญชาตญาณสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของพวกเขา เกิดการโจมตีที่แข็งแกร่ง
“ลี้ลมทลาย”
ในขณะที่ม่งฉีและคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวตั้งรับการโจมตีของหยินหลอ ก็มีเงาดาบปรากฎสายหนึ่งขึ้นและเข้าปะทะ ต้านทานหอกของหยินหลอเอาไว้
แม้พลังวายุที่พุ่งออกมาสายนั้นจะถูกสกัดกั้นเอาไว้แล้วหลายส่วน แต่ทว่าพลังนั้นก็รุนแรงจนสามารถทำให้หญิงสาวทั้งสามถูกกระแสลมพัดปลิวออกไปได้ แม้แต่สัตว์มายาที่มีพละกำลังแข็งแกร่งอย่างเสี่ยวเสว่ยและสิงโตแดงอัคคีตัวนั้นก็ถูกพัดออกไปไกล หยินหลอผู้นี้น่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว ในตอนแรกที่เขาหนีออกมาดูอ่อนพลังยิ่งนัก แต่เหตุใดในตอนนี้ถึงได้น่าหวาดหวั่นมากถึงเพียงนี้ ?
หากหลงเฉินไม่ได้เข้ามาต้านทานการโจมตีที่รุนแรงนั้นเอาไว้ให้ แม้จะใช้โล่ไม้ของฉู่เหยาก็ไม่อาจจะป้องกันได้ และคงถูกทำลายไปในทันทีอย่างแน่นอน
หลังจากหลงเฉินใช้ทลายมารฟาดฟันเข้าใส่หอกที่เปี่ยมด้วยพลังก่อฟ้าที่รุนแรงนั้นไปแล้ว ก็ทำให้ตัวเขาเองตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน ร่างกายเต็มไปด้วยความเหนื่อล้า หลงเฉินหายใจหอบอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาพลังของเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
ทว่าหลงเฉินทราบดีว่าเวลานี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด หากต้องการจะสังหารหยินหลอให้ตาย เขาสูดลมหายเข้าใจลึก แล้วพุ่งเข้าใส่หยินหลออย่างรวดเร็ว
“ตูม ตูม ตูม”
หยินหลอนั้นเสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง จึงดิ้นรนที่จะต่อต้านการโจมตีของหลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง และในตอนนี้เขาก็เกือบจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว ทว่าหยินหลอก็ยังคงถูกพลังของหลงเฉินบีบบังคับให้ถอยไปด้านหลังหลายครั้งหลายครา
ในทุกครั้งที่เกิดการปะทะกันจนหยินหลอถูกพัดให้ถอยออกไป พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น แม้ว่าทั้งหลงเฉินและหยินหลอจะเข้าสู่สภาวะที่ร่างกายอ่อนเพลียหนักหน่วง แต่ในทุกการโจมตีก็ยังคงทรงพลัง แผ่พลังทำลายล้างหนักหน่วง
“พวกเราต้องไปช่วยหลงเฉิน” ม่งฉีกล่าวขึ้น เสียงหวานใสฟังดูเคร่งเครียด เมื่อเห็นหลงเฉินต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ในสภาพร่างกายที่ย่ำแย่เช่นนั้น นางจึงมีความต้องการจะช่วยเหลือ
“อย่าทำเช่นนั้นเลยเจี่ยเจีย หากท่านออกไปตอนนี้หลงเฉินจะต้องโกรธแน่” ฉู่เหยากล่าว พลางยื้อแขนของม่งฉีและลู่ฟางเอ๋อเอาไว้แน่น
เมื่อเห็นว่า พี่สาวแสนดีทั้งสองไม่เข้าใจ ฉู่เหยาจึงอธิบายออกไปว่า “หลงเฉินผู้นี้ หัวแข็งยิ่งนัก เขาคิดการณ์เอาไว้อย่างดีแล้ว และคงไม่พอใจแน่หากเรื่องราวไม่เป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ หรือแย่ยิ่งกว่านั้นคือเกิดเรื่องน่ากลัวที่ไม่คาดคิดขึ้นมา พวกท่านลืมไปแล้วหรอ? ที่เขาเคยบอก หน้าที่ของพวกเราก็คือซุ่มอยู่ที่นี้ ออกห่างจากการต่อสู้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปแทรกแซง”
แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ หลงเฉินได้ประเมินความแข็งแกร่งของหยินหลอมาอย่างดีแล้ว คิดจะฆ่าหยินหลอนั้น ยากราวกับปีนขึ้นไปให้ถึงท้องฟ้า นี่จึงถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงและท้าทายอย่างมาก
แม้ว่าหยินหลอจะถูกกดดันอย่างหนัก แต่การจะฆ่าเขาก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าแม้หยินหลอใกล้จะเข้าตาจน แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง
ความแข็งแกร่งของหยินหลอนั้น ทำให้ไม่อาจประมาณการณ์ได้เลยว่าก่อนที่จะโค่นล้มเขาลงไปได้ จะต้องลากผู้อื่นให้ตายตกไปกับเขาด้วยมากมายเพียงใด นอกจากหลงเฉินแล้วก็คงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถต้านทานการโจมตีของหยินหลอได้นานถึงเพียงนี้แน่
หลงเฉินนั้นทราบความจริงเหล่านี้ดี ดังนั้นเขาจึงได้วางแผนการณ์เช่นนี้มานานแล้ว และกำชับพวกนางอย่างเคร่งครัด ให้พวกนางนั้นรับผิดชอบเพียงแค่ซุ่มโจมตีเท่านั้น ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ต้องซ่อนตัวในระยะไกล ไม่ต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอย่างเด็ดขาด
“ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจเสียจริง” ม่งฉีถอนหายใจ แต่ดวงตางดงามคู่ ก็ไม่ได้แฝงแววแห่งความต่อต้านแต่อย่างใด
พวกนางต่างก็ทราบดี หญิงสาวทั้งสองล้วนเป็นนักสู้ในวิถีแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้ในระยะประชิด หลงเฉินได้คำนวณเรื่องนี้มาแล้ว เขาคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกนางมากกว่าเรื่องใด
“นั่น หยินหลอกำลังจะหนีอีกครั้งแล้ว”
พวกนางพบว่า หลังจากหยินหลอได้ต่อสู้เสมือนคนคลุ้มคลั่งมาได้สักพัก ในที่สุดสติปัญญาก็ได้คืนกลับมาแล้ว เขาหยุดการโจมตีหลงเฉินและหมุนตัวพุ่งทยานหลบหนีไปอีกครั้ง หลงเฉินก็พุ่งตัวไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเราควรตามไป แต่รอซักครู่ ข้าจะไปเก็บแขนข้างนั้น นั่นคือรางวัลในการต่อสู้ของหลงเฉิน” เมื่อลู่ฟางเอ๋อกล่าวจบ ก็วิ่งเข้าไปยังจุดที่แขนของหยินหลอตกอยู่ นางยกแขนนั้นขึ้นเพื่อจะเก็บเข้าไปในแหวนมิติ
ในมือของแขนข้างนั้น ยังมียันต์เคลื่อนย้ายติดอยู่ ยันต์เคลื่อนย้ายนั้นคือของล้ำค่าที่สามารถช่วยชีวิตในสถานการณ์คับขันได้ จะต้องไม่ปล่อยให้สูญเปล่าไปอย่างเด็ดขาด
โดยทั่วไปแล้ว ยอดฝีมือส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองยันต์เคลื่อนย้ายได้ ยันต์เคลื่อนย้ายเป็นสมบัติล้ำค่า มียอดฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะมีสิทธิพิเศษเช่นนี้ได้
หลังจากลู่ฟางเอ๋อเก็บแขนนั้นมาแล้ว ม่งฉีและฉู่เหยาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังเสี่ยวเสว่ย แล้วมุ่งหน้าไล่ตามหยินหลอและหลงเฉินไปในทันที ส่วนลู่ฟางเอ๋อนั้นขึ้นขี่สิงโตแดงอัคคีของนางและติดตามไป
หยินหลอและหลงเฉินมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว แม้หลงเฉินจะใช้ท่าร่างภูตมืดสงัดในการไล่ตาม แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถลดระยะห่างจากหยินหลอลงได้เลย
หลงเฉินนั้นทราบดีว่า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก แม้ในรอบพันปีก็ยังยากที่จะพบได้ซักครั้ง ถ้าหากพลาดไปแล้ว ก็คงไม่ต้องหวังถึงครั้งต่อไปอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้หยินหลอได้เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นสูดสุดแล้ว ไม่นานก็น่าจะทะลวงผ่านจุดนี้ไปได้ และเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูก ถ้าถึงตอนนั้นก็คงจะไม่มีทางจะโค่นล้มเขาได้
คนหนึ่งมุ่งหน้าหนีอย่างรีบเร่ง ขณะที่อีกคนก็ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ทั้งคู่ทะลุผ่านเข้าไปในป่าลึกลับ แล้วพุ่งตรงออกมาสู่พื้นที่โล่งแห้งแล้ง ภาพเบื้องหน้าของพวกเขาในตอนนี้เป็นพื้นที่ที่คล้ายทะเลทรายขนาดเล็ก และด้วยความเร็วของพวกเขาก็ทำให้ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้า มองแล้วให้ความรู้สึกราวกับเห็นมังกรฝุ่นที่กำลังทะยานไปในทะเลทราย
ที่แห่งนี้คือพื้นที่ที่เป็นใจกลางของพงไพรแห่งความมืด ในบริเวณนี้จะมีภูมิประเทศที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ มีทั้งป่ารก หนองน้ำ ไปจนถึงทะเลทรายแห้งแล้ง ที่สำคัญคือมีสัตว์มายาอยู่อย่างหนาแน่น ดังนั้นนักสำรวจทุกคนที่เข้ามายังที่แห่งนี้จึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
ทันใดนั้นก็ปรากฎร่างมนุษย์ร่างหนึ่งกำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ เขาเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ผู้ที่พบเห็นต่างตกตะลึง เคลื่อนที่ด้วยความเร่งรีบในพงไพรแห่งความมืดเช่นนี้ ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ?
“เป็นความเร็วที่น่ากลัวยิ่งนัก แต่ใครกันที่จะบ้าใช้ความเร็วขนาดนั้นในที่แห่งนี้ ?”
“โอ้ ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ แต่มีถึงสองคน” บางคนที่มีสายตาคมชัด ก็สังเกตเห็นอีกคนที่กำลังทยานอยู่ด้านหน้าในอากาศเหนือขึ้นไปเล็กน้อย
“สวรรค์! หรือว่าข้ามองผิดไป คนที่ทยานอยู่บนฟ้านั่น ไม่ใช่ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่ง หยินหลอหรอกหรือ?”
หยินหลอนั้นมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลืออย่างมาก ผู้คนมากมายทั้งฝ่ายธรรมและอธรรมไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จัก แม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนเคยพบเห็นตัวจริงของหยินหลอ แต่ก็รู้จักทั้งใบหน้าและชื่อของเขาเป็นอย่างดี
โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนที่เข้าสู่เขตแดนลับ ทุกสำนักจะต้องนำข้อมูลของยอดฝีมือทั้งหลายส่งให้เหล่าศิษย์ที่จะเข้ามาเสาะหาวาสนาในที่แห่งนี้ เพื่อให้พวกเขาได้ทราบว่าผู้ใดไม่ควรเข้าไปต่อกรด้วย
ดังนั้นเมื่อได้เห็นใบหน้าคนที่ทยานอยู่อย่างชัดเจน ทุกผู้คนต่างแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง อัจฉริยะอันดับหนึ่งของฝ่ายอธรรมกำลังถูกไล่ล่า
“สวรรค์! หยินหลอได้รับบาดเจ็บ และเขาไม่มีแขนแล้ว” คนผู้หนึ่งส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง ผู้อื่นที่ได้ยินก็รีบมองตาม เมื่อพบเห็นเป็นจริงดังวาจาที่เขากล่าวนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกใจจนถึงกับหวาดผวา
“เหลือเชื่อยิ่งนัก หรือว่าคนที่ไล่ล่าเขานั้นจะเป็นหานเทียนหวู่?” มีบางคนอดจะคาดเดาออกมาไม่ได้ หากไม่ใช่หานเทียนหวู่แล้วก็ไม่น่าจะมีผู้ใดสามารถทำให้หยินหลอตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้
“หยินหลอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ หากเจ้ามอบขาให้ข้าอีกข้างหนึ่ง ข้าสาบานว่าจะไม่ฆ่าเจ้า” หลงเฉินไล่ตามหลังมาอย่างไม่ลดละ แต่ทว่าไม่ว่าจะเร่งรีบไล่ตามไปเท่าไหร่ก็ยังไม่สามารถติดตามได้ทัน เขาเกิดโทสะขึ้นมาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น ที่กำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้น ก็แตกตื่นขึ้นมาในทันที
“นั่นมันหลงเฉิน”
พวกเขาตื่นตะลึงอ้าปากตาค้าง ด้วยว่าผู้คนมากมายในที่แห่งนั้น เคยเห็นหลงเฉินต่อสู้กับยินหวูซวงผ่านหยกบันทึกภาพกันมาแล้ว และภาพการต่อสู้นั้นก็พึ่งจะปรากฎขึ้นมาได้ไม่นานนัก ดังนั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงของหลงเฉิน พวกเขาก็จดจำได้ทันที
“หลงเฉินผู้นี้ เป็นปีศาจหรืออย่างไรกัน ยอดฝีมืออย่างยินหวูซวงก็พ่ายแพ้แก่เขาไปแล้ว และตอนนี้ยังสามารถทำให้ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่งต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้อีก บุคคลเช่นนี้แม้แต่สวรรค์ก็คงจะไม่ทำให้เขาเกรงกลัวได้เป็นแน่”
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหลายนั้น ภายในใจก็รู้สึกบ้าคลั่งขึ้นมาในทันที โลกนี้มีเรื่องบ้าบอเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?
ในตอนนี้ใบหน้าของหยินหลอมืดมนลงหลายส่วน ในครั้งนี้เขารู้สึกอับอายมากเกินไปแล้ว ถึงอย่างนั้น แม้ว่าในใจจะโกรธแค้นเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่คิดจะเอาชีวิตไปแลกกับหลงเฉินในตอนนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องมุ่งหน้าหนีให้พ้นต่อไป
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหยินหลอนั้นปั้นยากถึงขีดสุด หลงเฉินก็ตะโกนยั่วเย้าเขาออกมาอีกสองสามครั้ง เพื่อกระตุ้นให้หยินหลอโกรธแค้นถึงขีดสุดและหันกลับมาต่อสู้ แต่ทว่าในตอนนี้ตัวหลงเฉินเองนั้นก็กำลังถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ทุกครั้งเอ่ยวาจาออกไปก็ต้องสิ้นปลืองพลังอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกัดฟันไล่ล่าต่อไป
คนทั้งสองคนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานก็ผ่านพ้นพื้นที่ทะเลทรายแล้ว และบัดนี้ด้านหน้าคือป่าที่ทึบจนแสงไม่สามารถส่องผ่านลงไปได้สมชื่อพงไพรแห่งความมืด และทันทีที่หลงเฉินเข้าสู่ป่าทึบนั้น ก็มีเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งทยานตรงเข้ามาหา เจตนาสังหารเข้มข้นรุนแรง