ตอนที่ 397 หนทางที่ยาวไกล
รัชสมัยเซวียนลี่ที่เก้า เดือนแปด วันที่สิบหก
รถม้าคันหนึ่งวิ่งออกจากที่จวนฟู่ในหลินเจียง ควบไปยังซีซาน และกลับมาที่เดิมในยามพลบค่ำ แต่กลับมิได้พาต่งชูหลานมาด้วย
“อะไรกัน ? ”
“เรียนฮูหยินรอง ชุนซิ่วกล่าวว่าคุณหนูต่งชูหลานมิว่างขอรับ”
ฉีซื่อและอนุทั้งห้าคนขมวดคิ้ว มิว่างเยี่ยงนั้นหรือ ?
เพียงแค่มาเจรจาเหตุผลกันกลับบอกว่ามิว่าง ?
หรือว่านางคิดที่จะฮุบเอากิจการใหญ่โตของตระกูลฟู่ไว้เพียงคนเดียวเยี่ยงนั้นหรือ ?
“นางไปใด ? ”
“ชุนซิ่วกล่าวว่ามิทราบเช่นกันว่าคุณหนูต่งไปที่ใด หากแต่นายหญิงทุกท่านอยากไปพบนายหญิงน้อย เช่นนั้นขอเชิญให้ไปพบด้วยตนเอง”
ฉีซื่อใบหน้าแข็งทื่อขึ้นทันพลัน “ชุนซิ่ว นังบ่าวรับใช้ชั้นต่ำยังกำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้ นายหญิงน้อยเยี่ยงนั้นหรือ หึ หน้ามิอายกล้าแสดงตนว่าเป็นสะใภ้ มิเคยเห็นข้าอยู่ในสายตาเลยหรือเยี่ยงไรกัน ! ”
“มิได้การล่ะ ข้าต้องไปซีซานด้วยตนเองสักครา…พวกเจ้าจะไปด้วยกันกับข้าหรือไม่ ? ”
อนุทั้งห้าต่างคนต่างมองท้องที่ใหญ่โตของตนเอง จะไปได้เยี่ยงไรเล่า ?
อนุสามกล่าวว่า “ในเมื่อท่านพี่ตั้งใจเช่นนี้ คงต้องรบกวนท่านพี่แล้ว พวกเราจะรอ…อยู่ที่จวนนี้รอข่าวดีจากท่านพี่”
ฉีซื่อสูดลมหายใจลึก “พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปแต่เช้าตรู่ ไปหารือกับนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้เสียหน่อย ! ”
……
ต่งชูหลานบัดนี้กำลังนั่งอยู่ในรถม้าบนเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวมุ่งหน้าไปที่ภูเขาเฟิ่งหลิน
นางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนหยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวที่โดยสารมาด้วยกันกับนางรู้สึกเป็นห่วงนางยิ่ง
พวกเขามิรู้ว่ารีบร้อนมาทำอันใดบนถนนที่คดเคี้ยวนี้ ต่งชูหลานมิได้บอกกล่าวกับพวกนาง เพียงแต่ดูจากสีหน้านางแล้วคงมิใช่เรื่องมิดี แต่กลับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก
ต่งชูหลานยกม่านหน้าต่างรถม้าขึ้นมองไปยังด้านนอก มีไป๋ยู่เหลี่ยนควบรถอยู่นางมิได้กลัวว่าจะมิปลอดภัย หากแต่รู้สึกว่าถนนเส้นนี้ยาวไกลมากยิ่งนัก
สุริยาลาลับขอบฟ้า จันทราลอยเด่น บนเส้นทางที่ห่างไกลในป่าเขาแห่งนี้เงียบสงัดยิ่ง
นางปล่อยม่านรถม้าลง หันหน้าไปทางหยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลว ริมฝีปากยกยิ้มขึ้น เลิกคิ้วสูง บนใบหน้าสวยหวานของนางแสดงความปิติยินดียิ่ง
“เอาล่ะ บัดนี้ข้าสามารถบอกกับพวกเจ้าได้แล้ว ข้าอึดอัดมากยิ่งนักที่ต้องเก็บไว้คนเดียวเสียเนิ่นนาน”
หยูเวินเหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวโน้มตัวลง มองต่งชูหลานด้วยอารามประหลาดใจ
ต่งชูหลานกัดริมฝีปาก กล่าวด้วยเสียงอันเบาว่า “ฟู่เสี่ยวกวนกลับมาแล้ว ! ”
หยูเวิ่นเหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวตกตะลึงขึ้นทันใด ดวงตาทั้งสองข้างของพวกนางเบิกกว้าง มองต่งชูหลานราวกับยากที่จะเชื่อ
ผ่านไปหลายอึดใจ หยูเวิ่นหวินถึงได้กลั้นหายใจเอ่ยถามด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? อย่าหลอกพวกเรานะ ! ”
“ย่อมเป็นความจริงอย่างแน่นอน ไป๋ยู่เหลียนบอกกับข้าด้วยตนเอง เขาเกรงว่าพวกเราจะทำให้ผู้อื่นในเรือนซีซานตื่นตกใจ ดังนั้น…ข้าจึงรอให้ถึงตอนนี้แล้วค่อยบอกกับพวกเจ้า หากแต่ว่าเรื่องนี้ที่ข้าต้องเก็บเอาไว้คนเดียว แท้ที่จริงแล้วข้าอึดอัดมากยิ่งนัก”
หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา
ราวกับมีสายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดโชยมา พัดน้ำแข็งในทะเลสาบเว่ยยางให้ละลายหายไป ราวกับดอกไม้นับร้อยที่เริ่มผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
พวกนางสูดลมหายใจเข้าเสียยาวเหยียด มิได้โห่ร้องด้วยความยินดี แต่กลับกำหมัดแน่นทำให้ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย นัยน์ตานั้นทอแสงประกายเจิดจ้า พวกนางได้แสดงความตื่นเต้นออกมาหลังจากที่ได้ทราบข่าว
เขายังมีชีวิตอยู่ !
ท้องนภา ในที่สุดก็มิได้ทลายลงมา !
กาลเวลาที่สวยงามราวกับกำลังรอพวกนางอยู่ ชีวิตต่อจากนี้ จะยิ่งสดใส !
ในที่สุดหินที่หนักอึ้งในใจของสตรีทั้งสามก็วางลงเสียที พวกนางได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาดั่งในวันวาน สนทนากันด้วยเสียงที่แผ่วเบา เรื่องที่สนทนาส่วนมากกลับมิใช่เรื่องความคนึงหา แต่เป็นเรื่องสมรส ต้องรีบกำหนดวันโดยเร็ว
“ในเมื่อเขาเรียกพวกนางมาที่นี่ คาดว่าเขาคงมิอยากให้คนนอกรับรู้ว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเรื่องแต่งงานนี้…หากต้องการจัดอย่างเอิกเกริก เกรงว่าคงจะต้องรอไปอีกสักหน่อย แต่ข้ากลับมิอยากรอแล้ว จัดงานเยี่ยงไรก็ได้ ข้าเพียงอยากมีบุตรให้เขา ! ”
ต่งชูหลานกล่าวจบก็หน้าแดงขึ้นทันพลัน หยูเวิ่นเหวินเองก็สนับสนุนเรื่องนี้ด้วย และเยี่ยนเสี่ยวโหลวก็ได้หัวเราะออกมาเบา ๆ
ผ่านเรื่องราวนี้ไป พวกนางสนิทสนมกันมากกว่าแต่ก่อน พวกนางได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองที่มีต่อฟู่เสี่ยวกวนอย่างแท้จริง
แท้ที่จริงเรื่องนี้ต่งชูหลานกลับรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่หลายครา เสียใจที่ตอนที่อยู่จินหลิง หากตนยอมทำตามความปรารถนาของฟู่เสี่ยวกวน หากตนเองได้ตั้งครรภ์บุตรของฟู่เสี่ยวกวน นางต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้เป็นแน่ และเขาจะต้องสร้างกิจการที่ใหญ่โตให้กับเด็กคนนี้ได้อย่างแน่นอน
ตระกูลฟู่มีความหลัง ตนเองก็มีคนให้คำนึงหา
เวลาหลังจากนี้ มิมีผู้ใดรับประกันได้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะมิเกิดอุบัติเหตุอันใดอีกหรือไม่ จะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่ ดังนั้นทุกสิ่งที่ต่งชูหลานคิดในขณะนี้ ก็คือต้องรีบมีบุตรให้กับฟู่เสี่ยวกวน
……
รถม้ามิได้เคลื่อนผ่านช่องเขาด้านล่างของภูเขายิงโฉวซาน ช่องเขาแห่งนี้ขณะนั้นคึกคักมากยิ่งนัก แต่ก็มีเสียงดังเอะอะโวยวายออกมาเป็นระลอกเช่นกัน
ดังนั้นตอนที่สร้างเกาะกลางทะเลสาบหยุนหู จึงได้สร้างถนนเส้นหนึ่งตรงมาที่ทะเลสาบหยุนหูโดยตรง
ไป๋ยู่เหลียนควบรถม้ามาจอดเทียบอยู่ข้างทะเลสาบแห่งนี้ และเดินมาที่ประตูรถม้า พลันหัวเราะและกล่าวขึ้นหนึ่งประโยคว่า “สะใภ้ทั้งสามท่าน ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์หยุนหู”
พวกนางทั้งสามคนลงมาจากรถม้า จึงได้เห็นทะเลสาบที่เงียบสงบและสวยงามอยู่ใกล ๆ อีกทั้งยังมีเกาะที่มืดดำอยู่ท่ามกลางทะเลสาบแห่งนั้น บนเกาะแห่งนั้นมีสิ่งปลูกสร้างให้เห็นอยู่เลือนลาง
“ขึ้นเรือเถอะ ข้าจะพาพวกท่านไปส่ง”
เรืออูเผิงลำหนึ่งพริ้วไหวอยู่บนน่านน้ำทะเลสาบหยุนหู เกาะแห่งนั้นค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ลานของคฤหาสน์แห่งนั้นก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาเช่นกัน สายตาพลันเห็นโคมไฟดวงหนึ่งลอยออกมาจากลานคฤหาสน์ และเดินมายังข้างทะเลสาบแห่งนี้
“คุณชายมิอยากเปิดเผย ดังนั้นภายในเรือนจึงมิมีการจุดไฟ แน่นอนว่า หลังจากที่สะใภ้ทั้งสามท่านมาถึงแล้ว ดวงไฟก็จะถูกจุดขึ้น ข้าได้บอกกับทุกคนแล้วว่าจะพาสะใภ้ทั้งสามมาที่คฤหาสน์หยุนหู แต่มิอาจให้พวกท่านพาสาวใช้มาคอยปรนนิบัติได้ ต้องลำบากสะใภ้ทั้งสามแล้ว”
“มิเป็นไร”
สตรีทั้งสามคนไหนเลยจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้ ขณะนี้จิตใจของพวกนางได้โบยบินไปถึงฝั่งแล้ว โบยบินไปอยู่ข้างกายคนผู้นั้นแล้ว
เรืออูเผิงเทียบฝั่งแล้ว พวกนางทั้งสามคนจ้องไปยังบนฝั่ง เห็นคนผู้หนึ่งยืนถือโคมไฟดวงนั้น
เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ รอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูคุ้นเคย แววตาลับ ๆ ล่อ ๆ จ้องมองมาที่พวกนาง
ไป๋ยู่เหลียนยักไหล่ โบกมือไปมา และหันหัวเรือจากไป ในใจพลางคิดว่าคฤหาสน์หยุนหูแห่งนี้ เกรงว่าคืนนี้คงจะได้เติมเต็มพลังแห่งชีวิต !
พวกนางทั้งสามคนมาถึงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวน พวกนางจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างละเอียดอีกครา มิอยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง
กี่คืนแล้วที่ข่มตานอนมิหลับ กี่วันแล้วที่ต้องคอยหวาดผวา
พวกนางคอยฟังข่าวคราวทุกอย่างของราชวงศ์อู๋ แต่ข่าวคราวที่ได้กลับมาล้วนทำให้พวกนางต้องปวดใจและสิ้นหวัง
เดิมทีพวกนางคิดว่าในชีวิตนี้คงมิได้เจอคนผู้นี้อีกแล้ว ถึงขนาดที่ว่าพวกนางได้เตรียมพื้นที่ภูเขาด้านหลังเรือนซีซานเพื่อสร้างสุสานให้กับเขาไว้แล้วด้วยซ้ำ
ในขณะนี้เขาได้ปรากฎตัวออกมาแล้ว
เขาที่ยังคงมีชีวิตอยู่ กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกนาง
ความดีใจและแปลกใจนี้ทำให้พวกนางราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน แม้แต่ต่งชูหลานเองก็มิใช่ข้อยกเว้น ในใจของพวกนางยังมิอยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
ฟู่เสี่ยวกวนยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง และเอ่ยถามอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ “อะไรกัน เพียงแค่ครึ่งปีก็จำกันมิได้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ต่งชูหลานกลอกตาใส่เขา หยูเวิ่นเหวินกลืนน้ำลายเบา ๆ เยี่ยนเสี่ยวโหลวโผเข้าไปหาเขาทันที
ในคืนนี้ ณ เกาะกลางทะเลสาบหยุนหูแห่งนี้ ได้เกิดโศกนาฏกรรมนองเลือดขึ้นแล้ว !