แม้ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นมานานแล้ว แต่คนที่นอนร้องไห้จนตาบวมแดงมาตลอดทั้งคืนก็ยังไม่มีกระจิตกระใจจะลุกขึ้นจากเตียง หัวใจยังคงหม่นหมอง ร่างกายก็เลยพาลไร้เรี่ยวแรง อยากจะลืม อยากจะเลิกรัก หยุดรักชาติพยัคฆ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้อยู่ดี ทั้งๆ ที่เขาก็ผลักไสไล่ส่งหล่อนถึงขนาดนี้
“คุณหนูวดีขา ตื่นหรือยังคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงเรียกของป้าแก้ว
“วดีตื่นแล้วค่ะ ป้าแก้วมีอะไรกับวดีหรือเปล่าคะ”
“ขอป้าเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ป้ายน้ำตาทิ้งจากหน้าจนแห้ง
“เข้ามาได้ค่ะ วดีไม่ได้ล็อกประตูห้อง”
อึดใจต่อมาประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กๆ ของป้าแก้วเดินข้ามธรณีประตูเข้ามาหยุดตรงหน้าเตียงที่หล่อนนั่งนิ่งอยู่
“โธ่คุณหนูของป้า นี่คงร้องไห้มาทั้งคืนใช่ไหมคะ”
เมื่อเห็นตาบวมแดงของหญิงสาว ป้าแก้วก็อดเวทนาไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้าแก้ว ว่าแต่ป้ามีอะไรกับวดีเหรอคะ”
หญิงสาวพยายามยิ้มกลบเกลื่อนแต่ก็ทำได้ไม่ดีเลย สุดท้ายก็น้ำตาซึม ตาแดงก่ำออกมาเหมือนเดิม ป้าแก้วมองอย่างสงสาร
“คุณหนูวดีของป้า… ป้าไม่รู้จะช่วยยังไงดี”
“วดีสบายดีค่ะ ป้าแก้วอย่าเป็นห่วงเลย ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวแสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งๆ ที่ภายในอกเจ็บปวดเจียนตาย
“คุณเสือให้มาตามไปทานมื้อเช้าค่ะ”
ชื่อของเขาทำให้หัวใจของหล่อนปวดร้าว
“วดียังไม่หิวค่ะ”
“แต่คุณเสือเธอนั่งรออยู่นะคะ เห็นว่าตอนสายๆ จะมีแขกมาที่นี่ด้วยค่ะ”
กระบอกตาของคนฟังร้อนผ่าว
“ก็คนที่อาเสือจะยัดเยียดวดีให้ยังไงล่ะคะ”
“คุณหนูวดีอย่าพูดแบบนี้สิคะ คุณเสือเธอไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ”
ราชาวดีไม่อยากจะโต้เถียงอะไรอีก หล่อนจึงเลือกที่จะก้าวเท้าลงจากเตียง
“วดีเหนื่อยไม่อยากสู้รบตบมือกับใครแล้ว ป้าแก้วไปบอกอาเสือว่าอีกยี่สิบนาทีวดีจะลงไป ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ร่างเล็กเดินโซซัดโซเซหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ป้าแก้วที่มองตามไปจึงระบายลมหายใจออกมาด้วยความเป็นกังวล
“คนหนึ่งก็ปากแข็ง อีกคนก็ขี้น้อยใจประชดประชัน แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะลงเอยกันได้สักทีล่ะ”
หญิงสูงวัยบ่นพึมพำก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอนของราชาวดี ตรงไปยังห้องอาหารที่ชาติพยัคฆ์นั่งรอฟังคำตอบอยู่ แต่พอป้าแก้วเดินกลับมาถึงก็พบว่าชาติพยัคฆ์ไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องอาหารเสียแล้ว มีผู้หญิงผมยาวสลวยคนหนึ่งนั่งคุยอยู่ด้วย
“คุณเสือ”
คนที่กำลังคุยอยู่กับแขกสาว หันมามองก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นยังไงบ้าง วดีตื่นหรือยังครับ”
ป้าแก้วมองหน้าชาติพยัคฆ์สลับกับดวงหน้าของผู้หญิงอีกคนด้วยความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มก็มองออกแต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ มันดีเสียอีกเพราะทุกอย่างมันจะง่ายขึ้น เขาต้องขอบใจมนกรด้วยซ้ำที่เลือกจะมาหาเขาในเวลานี้
“ตื่นแล้วค่ะ อีกยี่สิบนาทีจะลงมา เอ่อ แล้ว…”
“นี่คุณมน… มนกรเป็นลูกค้ารายใหม่ของไร่ชาเราครับ”
ชาติพยัคฆ์พูดเสียงเรียบกับป้าแก้ว ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับผู้หญิงที่ตัวเองพูดถึง
“นี่ป้าแก้วครับ เป็นแม่บ้านที่นี่ และก็แม่นมของผมด้วย”
“สวัสดีค่ะป้าแก้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
มนกรยกมือไหว้ป้าแก้ว หญิงสูงวัยต้องรีบยกมือขึ้นรับไหว้
“อย่าไหว้ดิฉันเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ ป้าแก้วก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของคุณเสือนั่นแหละค่ะ มนยินดีที่ได้รู้จกัป้าแก้วนะคะ”
ป้าแก้วไม่มีทางเลือกจึงต้องยิ้มให้ และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ราชาวดีเดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี หญิงสาวชะงักเท้ากึกเมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้าสวยสดนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับคุณอาที่รักของตนเอง
“อ้าว คุณหนูวดี…”
เสียงของป้าแก้วดังผ่านหูไป แต่ราชาวดีกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย สายตาของหล่อนจ้องเขม็งไปที่หน้าของผู้หญิงคนนั้นสลับกับหน้าของชาติพยัคฆ์
“อาเสือ… ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ”
“อย่าเสียมารยาทกับแขกของอา”
เสียงกระด้างของชายที่ตัวเองหลงรักทำให้ราชาวดีตัวแข็งทื่อ นี่เขาประกาศให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขามีคนรักอยู่แล้วด้วยการพาเจ้าหล่อนมานั่งร่วมโต๊ะอาหารภายในวันนี้ ดี… ดีมาก… เขาทำร้ายหล่อนอย่างเจ็บแสบ หล่อน… หล่อนจะมีวันให้อภัยเขาเด็ดขาด
“วดีเกลียดอาเสือ”
หญิงสาวแผดเสียงออกมาดังลั่น ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจ้องที่หน้าของมนกร
“และก็เกลียดผู้หญิงของอาเสือด้วย!”
จากนั้นราชาวดีก็วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ป้าแก้วร้องลั่น
“คุณหนูวดี…!”
“ไม่ต้องตามป้าแก้ว เด็กนิสัยเสียแบบนั้น ปล่อยไปเถอะ”
คนที่กำลังจะวิ่งตามไปชะงักเท้าและหันกลับมามองคนออกคำสั่งด้วยสายตาตัดพ้อ
“คุณเสือไม่รักไม่เอ็นดูคุณหนูวดีแล้ว แต่ป้ารักค่ะ”
แล้วป้าแก้วก็ขัดคำสั่งด้วยการวิ่งตามหญิงสาวออกไป
ชาติพยัคฆ์สบถในลำคอด้วยความเดือดดาล
“เด็กบ้า! เด็กนรก!”
ท่าทางที่เต็มไปด้วยโทสะและขัดใจของชาติพยัคฆ์ทำให้มนกรรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด หล่อนพอจะมองออกว่าสถานการณ์แบบนี้มันคืออะไร
“คุณเสือคะ มนคิดว่ามนกลับก่อนดีกว่านะคะ เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องออเดอร์กันวันหน้า”
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ หลานสาวของผมก่อเรื่องจนได้”
มนกรที่ผุดลุกขึ้นระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเสือ มนเข้าใจดี ว่าแต่หลานสาวคนนี้ไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของคุณเสือใช่ไหม”
คนที่นั่งกัดฟันแน่นอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาทันควัน
“ทำไมคุณมนพูดแบบนี้ล่ะครับ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มกว้าง
“ไม่มีหลานสาวแท้ๆ ที่หน่อยมองอาของตัวเองด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจแบบนั้นหรอกค่ะ เธอคงหวงคุณเสือมาก และมนก็ทำให้เธอไม่พอใจมากจริงๆ”
“ผม… ผมต้องขอโทษคุณมนจากใจจริงเลยนะครับ”
ชาติพยัคฆ์ลุกขึ้นยืน และเดินตามมนกรออกมาที่รถ
“เดินทางปลอดภัยนะครับ เอาไว้วันหน้าผมจะเลี้ยงข้าวคุณมนเป็นการไถ่โทษ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณเสือไม่ตามหลานสาวไปเหรอคะ ป่านนี้แกคงน้อยใจแย่แล้ว”
คนฟังกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ
“ไม่หรอกครับ ผมไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจ เดี๋ยวกลับมาผมจะต้องทำโทษสักหน่อย”
มนกรอมยิ้ม มองหน้าชาติพยัคฆ์อย่างรู้ทัน จนชายหนุ่มต้องเสหลบตา
“อย่าหาว่ามนอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะคะ มนว่าคุณเสือก็คิดอะไรไม่ต่างไปจากคุณวดีหรอกค่ะ”
“คุณมน… มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ…”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มเกลื่อนหน้า และก้าวขึ้นรถ
“มนไปก่อนนะคะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
“ครับ ขอบคุณครับ”
รถสีขาวสะอาดของมนกรแล่นจากไปแล้ว ชาติพยัคฆ์ก็ถอนใจออกมาอย่างหนักอก เพราะสิ่งที่มนกรพูดมันคือเรื่องจริง
“เด็กนรก! ชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย”