EP 18: จอมใจ จอมอหังการ
หญิงสาวร้องได้แค่นั้นกลีบปากสีสดไร้ราคีคาวก็ถูกเดนิเรลทาบประกบลงมาแน่น หล่อนพยายามเบี่ยงหน้าหนี พยายามผลักไสแต่ก็ไม่มีผลต่อความแข็งแรงของเดนิเรลเลย เขายังคงตะโบมจูบปากหล่อนอย่างต่อเนื่อง ด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความหยาบคาย ต้องการที่จะสั่งสอนให้ราบจำมากกว่าจะพิศวาสปรารถนา เดนิเรลกอดรัดหล่อนแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน บดขยี้ปากอิ่มของหล่อนอย่างไร้ความปรานี ประกาศให้คนทั้งโลกโดยเฉพาะหล่อนซาบซึ้งว่าเขาเป็นนายและหล่อนก็ไม่ควรจะอวดดีกับเขา
หญิงสาวทั้งทุบทั้งข่วน พยายามต่อสู้ทุกทางแต่ก็ไร้ผลเช่นเดิม แล้วในที่สุดไม่สามารถหยุดความช่ำชองของพ่อหนุ่มหล่อระเบิดได้ ความรู้สึกร้อนผ่าววิ่งพล่านไปทั่วทั้งกายสาว ก่อนที่มันจะมาอัดแน่นรวมกันเป็นก้อนใหญ่โตที่หน้าขา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยพบเห็นเจอมาก่อน เดนิเรลทำให้มันเกิดขึ้น… และก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะดับไฟร้อนๆ ในช่องท้องของหล่อนให้มอดลงได้…
ดานีนที่กำลังดำดิ่งลงสู่เหวสวาทต้องอุทานออกมาด้วยความขัดใจ เมื่อปากร้อนๆ แสนช่ำนาญของเดนิเรลหยุดเคลื่อนไหว และแยกออกห่าง ความเย็นเยือกของอากาศวิ่งเข้ามาทดแทนความร้อนผ่าวที่เกิดจากปากและฝ่ามือของพ่อหนุ่มหล่อระเบิดอย่างเดนิเรลอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้หล่อนสะท้านด้วยความมึนงง
“นี่คือโทษของผู้หญิงปากเสีย…”
แต่คำเหยียดหยามของเดนิเรลที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทที่กำลังยุ่งเหยิงของหล่อนนั้น ช่วยทำให้สติสตังของหล่อนที่ลอยหายไปกับความวาบหวามวิ่งกลับมาสู่กายสาวเร็วยิ่งขึ้น และนั่นก็ทำให้หล่อนทั้งอับอายทั้งอดสู และแน่นอนว่าดานีนจะไม่ยอมสงบปากสงบคำแน่นอน
“กล้าดียังไงมาจูบฉัน… ไอ้คนถ่อย!” กัดฟันถามออกไปปากคอสั่นทันทีเมื่อพ่อคนตัวโตเลิกประทุษร้ายกลีบปากสาวของตัวเอง รีบลนลานถอยหลังหนีออกจากอ้อมแขนที่คลายออกของเดนิเรล ความอับอายที่สุดในชีวิตส่งผลให้ทั่วทั้งใบหน้าแดงจัด
“แค่จูบปากเธอ มันไม่ต้องใช้ความกล้าหาญอะไรหรอก ก็แค่จูบ… จูบแบบไร้ความรู้สึก…”
ดานีนแทบเต้นกับคำสบประมาทของชายตรงหน้า ผู้ชายอะไรปากเสียที่สุด “คิดว่านายจูบดีนักหรือไง ทุเรศ จูบไม่เป็นสับปะรดสักนิดเดียว”
รดารักษ์ยืนมองสองหนุ่มสาวทะเลาะกันราวกับเป็นเด็กน้อยด้วยความมึนงง พยายามจะเตือนสติเดนิเรลว่ามีคนหันมามองเยอะแล้ว แต่ชายหนุ่มไม่สนใจแม้แต่น้อย แถมยังยืนเถียงหน้าดำหน้าแดงกับดานีนไม่ยอมหยุดอีกต่างหาก
“จะลองอีกครั้งไหมล่ะ…?”
ใบหน้าของเดนิเรลเปื้อนรอยยิ้วยั่วโทสะ แต่ภายในกายกลับรู้สึกตรงกันข้ามชะมัด เมื่อร่างกายของเขามีปฏิกิริยาทางเพศกับแม่เด็กแสบนี้ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่ได้จูบสั่งสอนแม่สาวน้อยตรงหน้าเท่านั้น หนุ่มหล่อสบถเหยียดยาวอยู่ภายในอกด้วยความหงุดหงิดกับร่างกายในบางส่วนของตัวเองที่ดันคึกคักขึ้นมาได้อย่างน่าตกใจ
“ไอ้คนสารเลว!”
“อย่าเชียวนะดานีน… เพราะฉันจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว”
เขาเตือนเสียงเลือดเย็น และนั่นก็ทำให้มือบางที่ยกขึ้นเพื่อจะตวัดลงบนใบหน้าของเดนิเรลชะงักค้างเติ่งอยู่กลางอากาศในทันที
“จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ… ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น ดังนั้นมาแสดงกริยาและคำพูดต่ำๆ แบบนี้อีก เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะจูบเธอให้นานกว่านี้… จูบจนกว่าเธอจะหมดลมหายใจเชียวแหละ…”
เลือดฝาดแห่งความอับอายจำนวนมหาศาลผุดพรายขึ้นบนใบหน้ามากขึ้นนับร้อยเท่า หญิงสาวกัดปากแน่นจ้องมองผู้ชายหล่อระเบิดแถมลีลาจูบยังพลิ้วเป็นเลิศด้วยความแค้นเคือง
“ฉันจะฆ่านาย…”
เดนิเรลหัวเราะเมื่อเห็นแม่สาวน้อยตรงหน้าเต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธ “จะฆ่าด้วยวิธีไหนล่ะ…” เขามองเหยียดๆ ทำให้คนถูกมองหน้าร้อนผ่าว
“ตัวก็เตี๊ย ผอมก็ผอม… จะทำอะไรฉันได้…”
ใช่… ตอนนี้หล่อนเสียเปรียบผู้ชายคนนี้ทุกด้านนั่นแหละ ดังนั้นควรจะล่าถอยไปตั้งหลักเสียก่อน สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย แต่หล่อนไม่มีทางปล่อยเอาไว้นานขนาดนั้นหรอก ยังไงซะหล่อนก็ต้องเอาเลือดปากของเดนิเรลออกมาล้างอายให้ได้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ…”
“ฝากกับฉันไม่มีทางได้ดอกเบี้ยหรอกนะ มีแต่ต้องเสียดอกเบี้ยให้ฉัน…” เดนิเรลหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ เมื่อเห็นดานีนวิ่งหนีไป รดารักษ์ถอนใจออกมากับท่าทางเด็กน้อยของเจ้านายหนุ่ม
“คุณแดนก็ทำเกินไปนะคะ…”
“ฉันเนี่ยนะทำเกินไป ยายเด็กบ้านั่นมาด่าฉันก่อน…”
ชายหนุ่มหันมาแย้งเสียงกระด้าง ขณะก้าวยาวๆ มุ่งหน้าออกไปจากงานบอลล์ทันที ก็เขาจะอยู่ทำไมอีกล่ะในเมื่อแก้แค้นสำเร็จแล้วนี่
“แต่คุณแดนเล่นไปจูบเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้… เธอคงอายมาก”
“ในสมองของยายเด็กบ้านั่นไม่มีคำว่า ‘อาย’ ฝังอยู่หรอก วันๆ เอาแต่ระรานคนอื่นไปทั่ว” ยิ่งพูดถึงดานีนร่างกายของเขาก็ยิ่งตึงเครียด ไม่รู้ไอ้หน้าขามันจะคึกคักอะไรนักหนา ดูสิแข็งขืนไม่ยอมหยุดหย่อน ทั้งๆ ที่แม่นั่นก็วิ่งหนีไปเป็นชาติแล้ว
“เอาละรดาขึ้นรถเถอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว…”
เมื่อเดินมาถึงรถที่พนักงานเตรียมรอไว้ให้ เดนิเรลก็รีบเร่งให้รดารักษ์ขึ้นรถทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดเขม็งจนคนมองอย่างหล่อนอดกลัวไม่ได้
“ค่ะ…”
และนี่ก็คือคำพูดสุดท้ายของการสนทนาในค่ำคืนนี้ เพราะตลอดทางเดนิเรลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย ส่วนรดารักษ์ก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน เพราะพอจะมองออกว่าตอนนี้สมองของเดนิเรลกำลังถูกเด็กผู้หญิงน่ารักที่ชื่อดานีนก่อกวนอยู่อย่างหนัก
เส้นแสงสีทองเหลืองอร่ามโผล่พ้นโค้งฟ้า ผลักดันความมืดมิดแห่งราตรีกาลให้เคลื่อนย้ายผ่านพ้น แต่ไยหนอหัวใจของใครบางคนยังคงไม่พ้นหลุดจากรัตติกาลสักที
“รดา…”
เสียงป้ามูนาที่ดังลั่นอยู่ด้านหลัง มีผลทำให้ร่างอรชรที่กำลังยืนเหม่อลอยมองพระอาทิตย์ไต่ขอบฟ้าอยู่สะดุ้งเฮือก สาวน้อยรีบผลักดันความเศร้าหมองให้ไหลกับเข้าไปในอก ก่อนจะหันไปฝืนยิ้มให้หญิงวัยกลางคนด้านหลัง
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะป้า…”
“มีสิ ก็แม่เรนากำลังจะคลอดลูกนะสิ…”
เรนาจะคลอดลูกแล้วมันน่าตกใจตรงไหนกัน ควรจะดีใจสิไม่ว่า “จริงเหรอจ๊ะป้ามูนา เรนาคลอดลูก…” รดารักษ์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ แต่คู่สนทนาหาได้รู้สึกเช่นเดียวกันไม่ ทำหน้าตื่นตกใจจนหญิงสาวต้องหุบยิ้มและถามออกไปด้วยความเป็นกังวล
“ป้ามูนา… มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
เจ้าของชื่อถอนใจยืดยาว ก่อนจะจ้องหน้าหล่อนเขม็ง “วันนี้วันอะไร?”
“วันศุกร์ค่ะ มีอะไรหรือคะป้า?” หญิงสาวยังไม่เข้าใจความหมายของคู่สนทนา ป้ามูนาพ่นลมหนักๆ ออกจากปากซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าน้อย
“มันไม่ใช่แค่วันศุกร์ธรรมดา… แต่วันนี้คุณราฟต้องเดินทาง…”
“รดาจำได้ค่ะ…”
หญิงสาวรับคำด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง หล่อนจะลืมวันนี้ได้ยังไงกัน วันที่หล่อนกับราฟาลจะไม่มีทางได้เห็นหน้ากันอีก เพราะในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหล่อนก็จะเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว และแน่นอนว่าราฟาลจะยังไม่กลับจากการล่องเรือสำราญ ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าก็คือเมื่อคืนนี้…
สำหรับราฟาลมันอาจจะเป็นแค่จูบลงทัณฑ์เพียงแค่นั้น แต่สำหรับหล่อนมันคือจูบลาที่แสนเร่าร้อน และมันก็จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของหล่อนตลอดกาล ไม่มีทางที่หล่อนจะลืมผู้ชายที่ชื่อราฟาล การ์รัสโซ่ ได้อย่างแน่นอน ต่อให้ใช้เวลาทั้งชาติก็ไม่มีทางทำได้ ในเมื่อราฟาลได้เข้ามาฝังอยู่ในสายเลือดของหล่อนเสียแล้ว