EP 39: จอมใจ จอมอหังการ
หญิงสาวหล่อนตวาดแว๊ดใส่คนตัวโตด้วยความโมโหระคนอับอาย เพราะสิ่งที่เขาพูดมันทำให้หล่อนรู้สึกหวั่นไหวแปลกประหลาด
“ระวังจะหลงฉัน แล้วเชื้อเชิญให้ฉันจับทำเมียล่ะ”
ดานีนรีบถดถอยหลังหนีอย่างลนลาน ความน่ากลัวของนายเดนิเรล การ์รัสโซ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกายหนุ่มใหญ่โตขยับเข้ามาใกล้ สายตาของเขามืดดำไม่บอกความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยนอกจากเลือดเย็น
“ไม่มีวันเป็นแบบนั้นแน่ยะ”
“แต่ฉันว่าตัวเองมองไม่ผิด… เธอคงอยากมาก ตั้งแต่เราจูบกัน… แล้วก็หาที่ลงไม่ได้เลยพาว่าที่พี่เขยเข้าโรงแรมม่านรูดเสียเลย เป็นไงล่ะ หายคันหรือยัง…” เดนิเรลยังพูดไม่ทันจะจบประโยคดี ฝ่ามือเล็กนุ่มนวลแต่หนักเอาการก็ฟาดเปรี้ยงเข้าใส่ใบหน้าซีกซ้ายของเขาเต็มแรง ใบหน้าของเขาสะบัดไปตามแรงปะทะนั้น เขาหันกลับมาพร้อมๆ กับดวงตาที่ลุกเป็นไฟกัลป์
“คนอย่างนายสมองคงมีแต่เรื่องชั่วๆ สินะ ถึงได้คิดอะไรได้เลวระยำแบบนี้ได้นะ”
เดนิเรลแสยะยิ้มอำมหิต ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยเพลิงไฟโทสะ มือหนายื่นออกมาคว้าร่างอรชรเข้ามาปะทะแผงอกกว้างของตัวเองเต็มแรง นิ้วแกร่งยกขึ้นบีบปลายคางมนเต็มแรงจนหญิงสาวเจ็บร้าวไปทั้งอุ้งปาก แต่เขาก็ยังไม่ยอมปรานี
“เจ็บนะ ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
คนตัวโตหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างสะใจ “ไม่มีใครกล้ามายุ่งเรื่องของฉันเธอก็รู้นี่ ขนาดไอ้ผัว… อ้อ ว่าที่พี่เขยของเธอยังไม่กล้าเข้ามาเลย ดูสิ… มันขี้ขลาดตาขาวแค่ไหน” เดนิเรลปลายตาเหยียดๆ มองผู้ชายที่เอาแต่ยืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่ที่รถคู่กรณีด้วยความสมเพชเวทนา จากนั้นจึงหันกลับมาเล่นงานแม่ผู้หญิงที่บังอาจฝากนิ้วมือทั้งห้าบนใบหน้าของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิตอีกครั้ง
“โทษทัณฑ์ของเธอน่ะมันหนักยิ่งกว่าประหารชีวิตอีกนะ ดานีน…”
“ทำไม… จะตบฉันหรือไง เอาสิ ตบเลย ตบคืนให้เต็มแรงเลยนะ นายจะได้รีบเอามือสกปรกของนายออกไปจากตัวฉันสักที รู้ไหมว่าฉันขยะแขยงนายแค่ไหน แทบจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย…”
“ปากดีนักนะ ยายตัวแสบ… เธอนี่ไม่มีใครสอนมารยาทให้เลยหรือไงหึ! หัดให้ความเคารพเพศพ่อซะบ้าง” เดนิเรลเค้นเสียงเดือดดาลลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา ดวงตาเป็นประกายวาววับยิ่งกว่าใบมีดโกนเสียอีก ยายเด็กแสบนี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาจับหวดก้นระบมไปนานแล้วไม่ปล่อยให้มายืนเถียงฉอดๆ แบบนี้หรอก
“นายก็หัดให้ความเคารพเพศแม่อย่างฉันบ้างสิ ไม่ใช่เห็นเป็นแค่เครื่องบำบัดความใคร่แบบที่กำลังทำอยู่ ใช้เสร็จก็เขี่ยทิ้ง ผู้หญิงก็เป็นคนเหมือนกับผู้ชายนะ ไม่ใช่ถุงยางที่ใช้ครั้งเดียวแล้วก็โยนทิ้งน่ะ”
“แล้วมันแปลกตรงไหน ฉันมีเงิน ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองพอใจ…”
คนตัวโตไหวไหล่กว้างทรงพลังอย่างไม่แยแส
“และที่สำคัญ ฉันไม่ได้ข่มขืนใคร เพราะฉันจ่ายค่าตัวอย่างงาม”
ใบหน้าหล่อลากไส้นั้นช่างกวนโทสะสิ้นดี สาวน้อยกัดปากแน่นจนเจ็บระบม จ้องมองสบตาคู่สนทนาอย่างไม่คิดยอมแพ้ง่ายๆ เดนิเรลแสยะยิ้มหยันก่อนจะเค้นเสียงเตือนออกมาเสียงแผ่วเบาๆ แทบไม่ได้ยิน แต่ไหงหล่อนกับรู้สึกว่ามันกึกก้องนักในสมองนักนะ
“แล้วขอเตือนเอาไว้เลยนะว่าเธอจะต้องถูกฉันเอาคืนอย่างสาสม และมันจะเป็นเธอดานีนที่จะต้องซมซานมาคุกเข่าอ้อนวอนขอขึ้นเตียงกับฉัน… มันจะเป็นเธอ…” น้ำเสียงของเดนิเรลเย็นเฉียบ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนคนฟังอดหวาดกลัวไม่ได้
ดานีนเชิดหน้า แม้จะหวั่นไหวยิ่งนักเวลาสบตากับผู้ชายคนนี้ แต่กิติศัพท์ความเจ้าชู้ การใช้ผู้หญิงเปลืองของเขาก็ทำให้หล่อนขยาด และไม่คิดจะนำพาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวแน่นอน ไม่ว่าจะเดนิเรลจะหล่อลากไส้ลากดินมากมายแค่ไหนก็ตาม
“ต่อให้พระอาทิตย์ไปขึ้นตอนกลางคืน ฉันก็ไม่มีทางยอมเป็นผู้หญิงของนาย… จำเอาไว้นายเดนิเรล การ์รัสโซ่!”
เจ้าของชื่อหนุ่มแสยะยิ้มหยัน เขาปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ “อีกไม่นานวันนั้นก็จะมาถึง และแน่นอนว่าฉันจะทำให้เธอชดใช้คำพูดร้ายกาจในวันนี้ของเธออย่างสาสมเลยทีเดียว… ดานีน”
“ฉันจะนั่งรอวันนั้นก็แล้วกัน…” สาวน้อยเชิดหน้าอวดดี ทั้งๆ ที่ไม่มีดีอะไรจะอวดแม้แต่น้อย
เดนิเรลไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมาอีก นอกจากปลายตามองท้ายรถคู่กรณีซ้ำอีกครั้ง “ค่าซ่อมรถฉันจะให้เลขาฯ ติดต่อกลับไปหาในตอนบ่าย จะเรียกเท่าไหร่ก็เรียกมาได้เลย ฉันมีเงินจ่าย…”
หลังจากเค้นเสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมาจนจบประโยค เดนิเรลก็ก้าวขึ้นรถสปอร์ตราคาแพงระยับของตัวเอง และพุ่งทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ดานีนมองตามไปด้วยความขุ่นเคือง
“คุณเดนิเรลท่าทางจะโกรธมากเลยนะครับน้องดา…”
หลังจากที่ปล่อยให้หล่อนเผชิญหน้ากับมารร้ายตัวพ่ออย่างเดนิเรลอยู่พักใหญ่ ฮัมราลว่าที่พี่เขยของหล่อนก็พึ่งเดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นกังวล ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้ใครมัดขาฮัมราลอยู่เขาถึงไม่ยอมเข้ามาช่วยหล่อน ราวกับว่าตรงที่หล่อนยืนมีสุนัขเฝ้าอยู่สักร้อยตัวไปได้
“อย่าไปสนใจคนนิสัยอันธพาลแบบนั้นเลยค่ะ คิดไปก็หนักหัวเปล่าๆ”
สาวน้อยตัดบทด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ตอนนี้ชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าฮัมราลจะสามารถดูแลมุนนินได้ดีอย่างที่หล่อนกับบิดาเคยคิดเอาไว้จริงๆ หรือเปล่า
“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พี่มุนินคงอยากพักผ่อนแล้ว”
ดานีนเอ่ยถึงพี่สาวที่นอนสลบไสลเพราะฤทธิ์ยานอนหลับจากเพื่อนชายคนหนึ่งที่หวังจะรวบหัวรวบหางมุนินด้วยความเป็นห่วง ดีนะที่หล่อนกับฮัมราลตามมาช่วยเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพี่สาวคนสวยของหล่อนบ้าง แต่เดาได้ดีว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดี อย่างแน่นอน
ฮัมราลพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั่งประจำที่คนขับ ขณะที่ดานีนก้าวขึ้นรถไปนั่งคู่กับเขา โดยมีร่างของมุนินนอนแน่นิ่งอยู่บนเบาะด้านหลังในห้องผู้โดยสารเพียงลำพัง
ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะเปิดออกเมื่อหล่อนเอ่ยอนุญาต ร่างสมส่วนของโซลีน่าก็เดินเข้ามา รอยยิ้มหวานฉ่ำเป็นมิตรระบายเต็มใบหน้างดงามนั้นมากมาย
“ไม่ออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยหรือคะ บนเรือมีที่น่าสนใจเยอะนะคะ…”
รดารักษ์ที่กำลังจมอยู่กับความเศร้าใจส่ายหน้าน้อยๆ พลางฝืนยิ้ม “ให้รดาอยู่แต่ในนี้ดีกว่าค่ะ คนใช้ไม่ควรไปจุ้นจ้านวุ่นวายในสถานที่หรูหราแบบนั้นหรอกค่ะ”
โซลีน่าอมยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าสาวน้อยที่นั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียง “แต่คุณราฟไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อยนี่คะ”
ดวงตากลมโตหวานฉ่ำช้อนขึ้นมองคู่สนทนา แววตากังขาอัดแน่นอยู่ในนั้นมากมาย “ในสายตาของคุณราฟ… รดาต่ำยิ่งกว่าคนรับใช้เสียอีกค่ะ รดาก็แค่เศษขยะเน่าๆ ที่คุณราฟเตรียมพร้อมที่จะเขี่ยทิ้งเท่านั้นเอง…”
ในที่สุดความเจ็บปวดก็บงการให้น้ำตาไหลทะลักออกมาอาบแก้ม แม้หญิงสาวจะรีบยกมือขึ้นป้ายมันออกจากใบหน้า แต่คู่สนทนาสาวก็เห็นอยู่ดี
“บางทีสิ่งที่คุณรดาเห็นอยู่ อาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ได้นะคะ…”
ภาพลวงตาเหรอ ไม่มีทางเป็นภาพลวงตาไปได้หรอก ในเมื่อทั้งคำพูดและทุกการกระทำของราฟาลมันบ่งชี้ชัดเจนเลยว่าหัวใจของเขาคิดยังไง
เกลียดหล่อน… นี่แหละสิ่งที่ราฟาลกำลังรู้สึกในขณะนี้
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันก็แค่ความบังเอิญ หล่อนมันก็แค่อีตัวแก้ขัดที่ราฟาลคว้าขึ้นมากกชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เรือกลับไปจอดเทียบท่าเดิมเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง จบลงไปตลอดกาล
“ทุกอย่างมันคือเรื่องจริงค่ะ รดาเชื่อแบบนั้น…” น้ำเสียงที่ตอบออกไปนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น หัวใจชอกช้ำอย่างรุนแรง
โซลีน่าถอนใจออกมาหนักหน่วงอดเวทนาสตรีสาวตรงหน้าไม่ได้ นี่หากราฟาลยังขืนปากแข็งโป๊กอยู่แบบนี้ มีหวังรดารักษ์คงจะต้องช้ำใจตายก่อนที่จะได้ยินว่ารักอย่างแน่นอน
“แต่อีกไม่นานคุณรดาจะรู้ว่าทุกอย่างที่ได้เห็น บางทีมันก็มีอะไรมากมายซ่อนอยู่ข้างใน โดยเฉพาะกับความรู้สึกของผู้ชายเลือดเย็นที่เคยชินแต่ออกคำสั่งให้คนอื่นทำตามอย่างหนุ่มๆ การ์รัสโซ่”
รดารักษ์ยิ้มไม่ออก ได้แต่นั่งก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองที่ประสานกันไว้บนตักน้ำตานองหน้า “แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นมันคงไม่มีคำว่าปรานีซ่อนอยู่แน่นอนค่ะ รดามั่นใจ…”
คราวนี้เป็นโซลีน่าที่ต้องถอนใจออกมาซ้ำอีกครั้ง “ตอนนี้ดิฉันคงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทำได้แค่ให้กำลังใจ และขอให้คุณรดาเข้มแข็งเอาไว้ เพราะว่าสายรุ้งที่ขึ้นหลังพายุฝนพัดผ่านไปนั้นมันจะสวยงามเสมอ แม้จะต้องอาศัยเวลาบ้างก็ตาม…”
รดารักษ์อยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออกอยู่ดี ทำได้แค่เพียงเงยหน้า แต่ตอบออกไปเสียงเจือสะอื้น “ขอบคุณคุณโซลีน่ามากค่ะที่ให้กำลังใจรดา แต่รดาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ รดาไม่ตายง่ายๆ อยู่แล้ว กับแค่การถูกคุณราฟหมางเมินใส่ยังไงรดาก็ทนได้ค่ะ”
ปากบอกว่าทนได้ แต่หัวใจกลับกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะการที่ราฟาลหมางเมินใส่นั้นไม่ผิดจากการถูกมีดแหลมๆ ทิ่มลงกลางหัวใจเลยสักนิด แต่หล่อนไม่ต้องการให้ใครมาเวทนาสงสาร แม้จะเป็นโซลีน่าผู้ที่เป็นมิตรกับหล่อนที่สุดบนเรือสำราญลำนี้ก็ตาม
“ว่าแต่… คุณโซลีน่ามีอะไรกับรดาหรือเปล่าคะ ถึงมาหาที่นี่…”