===============
อสูรทุกตัวย่อมมีจุดอ่อนของมัน
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดในหมู่อสูรรบก็คือจุดอ่อนของอสูรที่ทรงพลังไม่สามารถหาเจอได้ ขณะที่อาจมองเห็นได้ง่ายกว่าสำหรับอสูรที่ด้อยกว่า
อสูรสายเสริมพลังดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อน เมื่อมองอย่างผิวเผิน ทั้งไม่มีข้อจำกัดในการใช้พลังโจมตีเหมือนกับอสูรที่เป็นสายธาตุเฉพาะ ทั้งมิใช่ว่าจะไม่สามารถปกป้องเจ้าของๆ มันขณะโจมตีเหมือนกับอสูรสายนักสู้ ขณะที่อสูรรูปแบบพิเศษแทบทั้งหมดอยู่ในประเภทอสูรมีชีวิต ถูกหลายๆ คนเข้าใจว่ามันแย่ที่สุด และคุณค่าน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสายอื่นๆ อสูรสายเสริมพลังที่ดูเหมือนจะดีกว่ามาก ขณะที่พวกมันสามารถผสานร่างเข้ากับเจ้าของมันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้พวกเขา แต่ทุกคนในทวีปนี้รู้ว่าอสูรสายเสริมพลังมีจุดอ่อนร้ายแรงอย่างหนึ่ง ตราบใดที่จุดอ่อนร้ายแรงนี้ถูกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือเจ้าของก็ตาม พวกเขาจะได้รับความเสียหายรุนแรง
เมื่อต่อสู้กับศัตรูที่ครอบครองอสูรสายเสริมพลัง สิ่งเดียวที่พึงทำคือหาจุดอ่อนของมันให้เจอและจู่โจมโดยไม่ต้องยั้ง
นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางจะทำแน่นอน
เย่ว์หยางเริ่มเข้าใจเกี่ยวอสูรสายเสริมพลัง แต่ขณะที่อยู่บนตำหนักลอยฟ้า เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้รอบรู้ได้สอนให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรบางอย่างแก่โจรน้อยงี่เง่าที่ไม่มีแม้แต่ความรู้พื้นฐาน…
บรรดาความรู้ทั้งหมดที่นางได้สอนมานั้น รวมถึงจุดอ่อนของหมีเล็บเหล็กก็ได้พูดถึงไว้ด้วย
หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากหมีเล็บเหล็กแล้ว เจ้าของจะมีผิวทนทาน ซ่อนตัวอยู่ในหมีเล็บเหล็ก กระดูกแข็งเหมือนเหล็ก มีกรงเล็บเป็นเหล็ก มีตัวทนทานต่ออาวุธทุกอย่างและยังมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม มันมีจุดอ่อนที่ชัดเจนเห็นได้ชัด ก็คือรอยเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวบนหน้าอกของมัน ถ้ารอยนี้ถูกโจมตี ทั้งเจ้าของและสัตว์อสูรจะบาดเจ็บมากกว่าปกติหลายเท่า
“ฮูมมมม!” กรงเล็บหมีขนาดใหม่ของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์กรีดฝ่าอากาศกระแทกลงที่พื้นอย่างแรง
พื้นหินถูกกระแทกแตกหลุดเป็นชั้น เศษหินแตกร่วงกราว ใจกลางพื้นหินเป็นรูลึกมีรอยร้าวเหมือนรูปใยแมงมุม
“ตายซะเถอะ!” การโจมตีก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการสู้ติดพันอย่างเย่ว์หยางเท่านั้น เย่ว์หยางบ้าระห่ำไปแล้วเขาใช้ความเร็วโจมตีเกินกว่าสายตาของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์จะรับรู้ได้ทัน เขาพลิกตัวกลางอากาศ ยืมแรงขับดันจากพลังภายในซัดด้ามหอกหักให้ปักไปที่หน้าอกของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ ยามนั้นผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ร้องโหยหวนอย่างทรมานเนื่องจากความเจ็บปวดที่จุดอ่อนของเขาโดนโจมตีอย่างหนัก จากนั้นเย่ว์หยางปล่อยหมัดตามทันทีฮุคซ้าย, ฮุคขวา อัปเปอร์คัทแล้วต่อด้วยหมัดแย็บและตีศอกเข้าใส่ทุกจุด จากนั้นเย่ว์หยางกระโจนเข้าหาดุจเสือดำแล้วใช้มือของเขาเหนี่ยวคอของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ลงมาแล้วตีเข่าใส่ใบหน้าเขาเต็มแรง ทำให้ใบหน้าของเขากลับคืนสภาพเดิมก่อนที่จะแปลงกาย (ด้วยพลังอสูรเสริมพลัง) ฟันทุกๆ ซี่ของเขาถึงกับกระเด็นร่วงออกจากปาก
ใบหน้าของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์เปรอะไปด้วยเลือด ทำให้หน้าตาของเขาดูน่ากลัวกว่าปกติ
ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์รู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบอยากตายและพบว่าเขาถูกทำร้ายที่จุดอ่อน ขณะที่อสูรของเขาใกล้จะตายเต็มที เขาตื่นตระหนกทันทีอยากจะถอยหนีไม่ต้องการยุ่งกับอะไรอย่างอื่น
แต่ในสภาพที่เขาสับสน เขากลับเดินไปหาหญิงงามที่อยู่ภายในรถม้า… เจ้าหน้าที่ชุดแดงทั้งสองคนยืนตะลึงมองดูและหมดหวังกับผู้บังคับบัญชาของเขา ยังจะดีเสียกว่าถ้าเขาไม่ขอโทษหรือหนีไปขณะที่เผชิญหน้ากับความตาย แต่เขากลับต้องการฆ่าคุณนายสี่ผู้ที่เย่ว์หยางต้องการปกป้องมากที่สุด?
เขาต้องการลากใครคนหนึ่งให้ตายไปพร้อมกับเขางั้นหรือ?
แม้ว่าเขาจะเป็นคนหัวรุนแรงและชอบผูกพยาบาท แต่เขาก็ไม่ควรทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?
ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ก็เท่ากับบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามให้ฆ่าเขา… เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้ซึ่งหน้า จึงตัดสินใจใช้แม่และน้องสาวของศัตรูเป็นตัวประกัน นี่มันชักเพี้ยนไปใหญ่ไม่ใช่หรือ?
ความจริงในความคิดของเขา ถ้าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ไม่บีบบังคับเหตุการณ์และดื้อดึงเกินไป คุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์ผู้นี้คงจะไม่ถึงออกอาการคลั่ง ต่อให้เขาเป็นอย่างนั้นก็คงยังไม่ถึงกับโกรธแค้นแบบนี้ บางทีคงไม่ถึงกับยืนกรานจะฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์เป็นแน่ สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนมากแล้ว คุณชายสามผู้นี้ทุ่มเทฝึกวิทยายุทธมาโดยตลอด เขาฝึกมาแบบลับๆ และไม่ทำตัวเด่นโดยไม่ให้คนในตระกูลได้รู้ความลับนี้ หลังจากทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จ เขาคงต้องการกลับตระกูลเพื่อสะสางภาพพจน์คนที่ไร้ประโยชน์ แต่กลับต้องพบกับสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ให้เขาคลั่งได้
อย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือก ต้องปล่อยเลยตามเลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เพื่อเอาตัวให้รอด ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ถึงกับตวัดกรงเล็บไปมั่วทุกที่ โดยไม่ได้สังเกตและวิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างเดียว
“เจ้าคนดื้อ ข้าจะฟันเจ้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ!” เมื่อเย่ว์หยางเห็นว่าผู้อาวุโสต้องการจะลากหญิงงามให้ตายพร้อมกับตัวเอง ก็ยิ่งโกรธจนแทบจะเผาท้องฟ้าให้วอดวายถึงครึ่ง เขาไล่ตามผู้อาวุโสนั้นไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ตะปบนิ้วทั้ง 5 เข้ากลางหลังของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ เย่ว์หยางต้องการควักหัวใจของเขาออกมาและฆ่าเขาทันที แต่ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ไม่ต้องการตาย ดิ้นออกมาจากเย่ว์หยางได้ด้วยกำลังที่เขามีทั้งหมด ทำให้เขาหนีพ้นเงื้อมมือเย่ว์หยาง ขณะที่เขาถลันไปถึงด้านข้างรถม้า
เย่ว์หยางโกรธจนใบหน้าเขาเองบิดเบี้ยวเหมือนปีศาจ
เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกวาดขาเข้าไปที่ขาขวาของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ จากนั้นเขาใช้มือยันพื้นและใช้เท้ายันร่างของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ลอยไปในอากาศ
จากนั้นเย่ว์หยางยืดตัวกลับคืนและเหวี่ยงร่างผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ขึ้นไปในอากาศ ผู้อาวุโสร่างลอยละลิ่ว..และก่อนที่เขาจะร่วงลงพื้น เย่ว์หยางที่ยังโกรธเต็มที่อยู่ได้ชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมาจากในรถม้าแล้วกระโจนไปข้างหน้า
“เจ้าคนโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าต้องการจะลากให้คนอื่นตายไปพร้อมกับเจ้า คงอยากให้มีใครสักคนมาร่วมลงโลงกับเจ้าสินะ” เย่ว์หยางตะโกนลั่น พูดไปคำพลางฟันดาบจันทร์เสี้ยวใส่ผู้อาวุโสห้องทรมานจนเลือดเนื้อและกระดูกกระเซ็น ทันทีที่ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ร่วงลงกับพื้น เย่ว์หยางที่ยังโกรธแค้นอยู่ได้ฟันแขนขาทั้งสี่ของเขา แล้วฟันอีก 10 ดาบจนร่างแปลงของหมีหายไป ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ดูเหมือนหมูใกล้ตายภายใต้พ่อค้าชำแหละหมู ส่วนต่างๆ ของร่างกายเขากระจายอยู่ทั่ว พอเลือดชุ่มโชก เย่ว์หยางเงื้อดาบจันทร์เสี้ยวของเขาในที่สุด เตรียมบั่นหัวผู้อาวุโส พลันมีเสียงตะโกนมาจากในระยะไกล “หยุดดดดด!”
“หยุดก่อน ยังพอมีหวังนะ ถ้าเจ้ายั้งมือในตอนนี้!”
ชายชราหน้าสีอมชมพูศีรษะขาวโพลนกำลังขี่กวางตัวใหญ่ตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันมาถึง แต่เสียงก็มาถึงเย่ว์หยางก่อนแล้ว
พอเห็นคนผู้นี้ ใบหน้าเย่ว์ปิงเปลี่ยนเป็นยินดี สีหน้าของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ “ท่านปู่ห้า! ท่านต้องรักษาความยุติธรรมให้พวกเราด้วย พวกเราไม่ผิด พวกเขาเป็นฝ่ายบีบบังคับให้พี่สามต้องสู้ พวกเขารังแกเราก่อน…”
พอชายชราผู้ขี่กวางมาถึงและได้เห็นพื้นที่ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นโรงฆ่าสัตว์ กลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ขณะที่บนพื้นมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน บางคนก็นอนร้องครวญครางอยู่ เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องมองอย่างตะลึงอยู่ชั่วครู่
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในชีวิตโชกโชน ก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โดดด้วยความตกใจกลัว
มันยุ่งเหยิงมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
ดูเหมือนว่าครอบครัวที่สี่จะพาตัวเองมาอยู่ในสถานะลำบากครั้งใหญ่เสียแล้ว
“ซานเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใคร เจ้าวางอาวุธลงก่อน ถ้าเจ้าฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ตอนนี้ ไม่ว่าตอนแรกเจ้าจะเป็นฝ่ายถูก และไม่ว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายคับข้องแค้นใจแต่เริ่มแรกก็ตามที เจ้าก็จะกลายเป็นฝ่ายผิดได้ในที่สุด ฟังปู่ห้าแนะให้ดี วางอาวุธเจ้าลง ก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่จนแก้ไขไม่ได้ พี่ไห่ไม่อยู่แถวๆ นี้และ 3 ผู้อาวุโสก็ยังแยกกันอยู่ อาซาน (ลุงใหญ่) ทำหน้าที่รักษาการณ์ประมุขตระกูลอยู่ในเวลานี้ เจ้าไม่สามารถต่อต้านเขาด้วยกำลังล้วนๆ ได้ เจ้าจงฟังปู่ห้า วางอาวุธของเจ้าลงซะและรอข้าอยู่ที่นี่ขณะที่ข้าไปตามพี่ไห่กลับมา ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเจ้าถูกและไม่กลัวโต้เถียงกับคนอื่นๆ ปู่ห้าจะสนับสนุนพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องไม่ฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ เขาอาจเป็นแค่เบี้ยอีกตัวหนึ่ง เจ้าเป็นเด็กฉลาด ข้าคิดว่าเจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูด” ชายชราที่ขี่กวางแนะนำเย่ว์หยางทันที
“ครั้งหนึ่ง ข้าเป็นแค่เด็กกำพร้า เป็นเหมือนสวะที่ถูกคนอื่นรังแก ข้าไม่ได้รับการสนับสนุน และในการเอาตัวให้รอด ข้าจำต้องกัดฟันอดทน อย่างไรก็ตาม หนังจากแม่สี่รับเลี้ยงข้าไว้ ข้ากลับมามีแม่มีครอบครัวน้อยๆ ที่อบอุ่นอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา ข้าจึงตั้งใจไว้ว่า หากผู%