===============
เย่ว์หยางเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์และพยักหน้าแข็งขัน “แน่นอน ท่านต้องยับยั้งการทุบตีข้าไว้ก่อน แต่ว่าทำไมผู้อาวุโสที่มีเกียรติ เที่ยงตรง มีความสามารถและน่านับถือที่สุดอย่างท่านถึงต้องทุบตีข้าเล่า? ทุกคนที่นี่ก็รู้ดีเสมอว่าท่านเป็นผู้อาวุโสที่มีจิตใจเมตตา ทรงภูมิรู้ปัญญามีการศึกษา ท่านสมควรจะเป็นตัวอย่างสำหรับอนุชนรุ่นหลัง ท่านน่าจะโอนอ่อนผ่อนปรนมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังรังเกียจที่คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ มีนักรบผู้แข็งแกร่งไม่ย่นย่อเป็นแบบอย่างผู้อาวุโสแบบนี้นับเป็นโชคลาภอันประเสริฐของผู้เยาว์อย่างข้ายิ่งนัก ท่านจะไปทำตามคำยุยงของจิ้งจอกเฒ่านั้นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือว่าท่านจะยอมให้คำของจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่แม้แต่เด็กสามขวบฟังก็ยังรู้เลยว่าเขาพยายามยุยงให้เราห่างเหินกัน มีผลต่อชื่อเสียงของท่านจริงไหม? ข้าคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อบุรุษที่คล้ายเตียวหุยได้ยินเช่นนี้ เขารีบปล่อยเย่ว์หยางทันที
พอเห็นว่าแขนเสื้อเย่ว์หยางเป็นรอยย่นเล็กน้อย เขายังช่วยจัดแขนเสื้อเย่ว์หยางให้ตรงพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับข้ออ้างของเขา “เจ้าพูดถูก! ข้าแค่ต้องการทดสอบความกล้าหาญของเจ้าและก็เพิ่งเข้าใจ ตอนนี้ข้ารู้ว่า แม้ความสามารถของเจ้าจะด้อยไปบ้าง แต่เจ้าก็มีความเข้าใจและความกล้าหาญที่ดี ดูเหมือนว่าเจ้าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้วย สำหรับเรื่องที่คนอื่นๆ พยายามจะตอกลิ่มใส่พวกเรา อย่าใส่ใจเลย ข้าคือราชันย์ฟ้าบูรพาผู้ฉลาดและยิ่งใหญ่ ข้าจะไม่รู้เรื่องแบบนั้นได้อย่างไร? เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ข้า..ราชันย์ฟ้าบูรพา เป็นคนตรงเสมอ มั่นใจได้ ข้าจะไม่ทุบตีเจ้าแน่นอน แม้ว่าข้าจะมีพลังเหมือนเทพ แต่ข้าก็ไม่ชอบใช้ความรุนแรง!”
ศีรษะของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแทบคะมำลงกับพื้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาเคยเห็นคนที่ชอบฟังคำสรรเสริญและประจบคนมาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นคนงี่เง่าชอบฟังคำสรรเสริญและคำประจบอย่างนี้
หน้าผากขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขมวดกันจนเห็นเป็นลายเส้นดำ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง นางคงเอาน้ำชาในถ้วยสาดใส่หน้าเขาไปแล้ว เพื่อที่ว่าคนงี่เง่าแบบนี้จะได้รู้สึกสลดบ้าง
“เจ้าโง่! เจ้าถูกหลอกขายแล้วยังช่วยพวกสิบแปดมงกุฏนับเงินอีก! เจ้าเด็กนั่นลักพาตัวลูกสาวของเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้ไปถกเหตุผลที่ไร้สาระกับเขาด้วย!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโกรธแทบตาย ตอนแรกเขาคิดว่าเย่ว์หยางคงจะโดนสั่งสอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงเป็นไปแบบนั้นไม่ได้แล้ว
“ใช่แล้ว!” ทำไมข้าต้องมีเหตุผลกับเจ้าเด็กเหลือขอคนหนึ่งด้วย!” ราชันย์ฟ้าบูรพาที่ดูคล้ายเตียวหุยเงื้อหมัดขึ้นอย่างโกรธจัด เตรียมทุบเย่ว์หยางให้ทรุดลงกับพื้น
“ไม่เป็นไร ถ้าท่านไม่ต้องการเหตุผลกับข้า แต่ท่านคือผู้อาวุโสที่ได้รับการนับถือสูงส่ง ท่านคงไม่อาจปฏิบัติต่อคนดีอย่างไม่เป็นธรรมจริงไหม? ทำไมท่านถึงต้องการทุบตีข้า?” เย่ว์หยางถามอย่างสงบและมั่นคงในท่ามกลางความวุ่นวาย
“นั่น… เจ้าทำให้ข้าสับสนไปหมดแล้ว แต่มีเหตุผลที่ข้าจะต้องทุบตีเจ้าให้ได้แน่นอน รอให้ข้าทุบตีเจ้าให้สมอยากก่อน แล้วข้าจะอธิบายเหตุผลให้เจ้าฟังช้าๆ!” ราชันย์ฟ้าบูรพารู้สึกเหมือนว่าเขามีเหตุผลแน่นอน มันก็แค่ว่าเมื่อเย่ว์หยางถามเขาถึงเหตุผล เขากลับสับสนเล็กน้อยและจำเหตุผลที่ต้องการทุบตีเจ้าเด็กนี่ไม่ได้
“แล้วท่านจะทำยังไง ถ้าหากท่านเข้าใจข้าผิดไป? หรือท่านจะยอมให้ข้าทุบตีท่านคืน?” เย่ว์หยางย้อนถาม
“แน่นอนว่าไม่! ข้าคือกษัตริย์เทียนหลัวผู้งามสง่า นอกจากนี้ข้ายังเป็นผู้อาวุโสของเจ้า มันเป็นสิทธิ์ของข้าที่จะทุบตีเจ้า ถ้าข้าทุบตีเจ้าเพราะเข้าใจผิด อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของเจ้า!” ราชันย์ฟ้าบูรพายืนยันชัดเจนว่า เขาจะไม่ยอมให้เย่ว์หยางทุบตีเขาคืน ไม่ว่าเขาจะทุบตีเพราะเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม
“ท่านเป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือที่สุดแน่นอน คำพูดเหล่านี้ก็ไม่จริงเลย!” เย่ว์หยางยิ้มอย่างมาดมั่น ขณะที่ราชันย์ฟ้าบูรพายกนิ้วสรรเสริญเขา ในที่สุดเมื่อราชันย์ฟ้าบูรพาอารมณ์ดีขึ้น เย่ว์หยางถามด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ผู้อาวุโส! เราไม่เคยพบกันมาก่อน, ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ท่านกลับมาตะโกนและอาละวาดใส่ข้าทันทีที่ท่านเข้ามาในห้อง ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังทำแบบนี้ต่อหน้าพยานมากหลาย ถ้าไม่มีใครอยู่ที่นี่ ท่านคงฆ่าครอบครัวข้าเช่นกัน แล้วอย่างนี้ผู้อาวุโสจะเป็นราชันย์ที่น่าเคารพและนับถือได้อย่างไรกัน?”
“ข้า.. ข้าเป็นสหายเก่าของปู่เจ้า เราเป็นสหายกันมานานเกินร้อยปีแล้ว ข้าจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง? คำพูดของเจ้านี้ ถือว่าสบประมาทข้า!” ความโกรธของราชันย์ฟ้าบูรพาพลุ่งขึ้นจนถึงหลังคาอีก
“ข้าทราบ, ผู้เยาว์คนนี้เข้าใจผิด ข้าขอขมาฝ่าบาท โปรดใจกว้าง ผ่อนปรนและอภัยข้าด้วยเถิด” แม้ว่าเย่ว์หยางจะถูกราชันย์ฟ้าบูรพาคว้าเอาไว้ แต่เขาก็ยังถือถ้วยชาโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ก็ไม่มีอะไรมาก… ความเมตตากรุณาของข้า กว้างขวางดุจมหาสมุทร ข้าอภัยให้ต่อความผิดของเจ้า” ราชันย์ฟ้าบูรพาฉีกยิ้มจนถึงหูทันทีและพอใจทันทีที่ตนเองได้รับการยกย่อง
“เขาโกหก เขาลักพาตัวธิดาเจ้าไป…” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารีบเตือนเขา
“เจ้าโกหก! เจ้ากล้าดีอย่างไร ถึงบังอาจลักพาตัวธิดาสุดที่รักของข้า? คงเห็นว่าข้าคงไม่ทุบตีเจ้าจนตายมั้ง!” ราชันย์ฟ้าบูรพาโกรธขึ้นและเงื้อหมัดอีกครั้ง
“ท่านกล่าวหาว่าข้าลักพาตัวธิดาท่านหรือ” เย่ว์หยางถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว” ราชันย์ฟ้าบูรพามั่นใจเต็มร้อย
“ลักพาตัวสตรีและเด็กเอาไปขายเป็นทาสเป็นบาปมหันต์ มันต้องถูกลงโทษสถานหนัก ในข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับมุมมองของท่าน แต่ท่านเห็นด้วยตาของท่านเองหรือ? ท่านพบธิดาท่านอยู่ในบ้านหลังนี้หรือเปล่า?” เย่ว์หยางถาม กลับกลายเป็นว่าบุรุษที่เหมือนเตียวหุยนั้นพูดไม่ออกอีกครั้งหนึ่ง เขาจะไปหาหลักฐานมาได้จากไหน? เขาแค่ได้ยินมาเท่านั้นเอง
“เจ้าโง่, เขาไม่ได้ลักพาตัวธิดาเจ้าไปขาย เขาแค่ขโมยตัวและหัวใจของธิดาเจ้า เขาเป็นคนอกตัญญู จิตใจโลเลและเจ้าชู้ เขาเป็นตัวแสบที่ชอบนอกใจและใช้ชีวิตแบบคนเจ้าสำราญ แทนที่จะทุบตีเขา เจ้ายังรออะไรอยู่อีก?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากระวนกระวาย ด้วยคำพูดของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า ทำให้ราชันย์ฟ้าบูรพาเงื้อหมัดขึ้นอีก ครั้งนี้เขาตั้งใจจะต่อยเย่ว์หยางให้ทรุดกับพื้นให้ได้ไม่ว่าเย่ว์หยางจะพูดอะไรก็ตาม
“เดี๋ยวก่อน, ก่อนที่ท่านจะทุบข้าให้ตาย ข้าอยากรู้ชื่อของธิดาท่านก่อน มิฉะนั้น ข้าคงตายตาไม่หลับ” เย่ว์หยางระบายลมหายใจช้าๆ
“ธิดาสุดที่รักของข้า ว่าง่ายที่สุด งดงามที่สุด น่ารักที่สุด ลูกโล่วฮัว นางถูกเจ้าหลอกลวง ตอนนี้นางกลับไปที่สวนดอกไม้และขังตนเองอยู่ที่นั่นร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน นางต้องใช้น้ำตาล้างหน้า ดังนั้นข้าควรจะทุบเจ้าให้น่วม!” เมื่อราชันย์ฟ้าบูรพาพูดคำนี้จบ เย่ว์หยางเหงื่อตกทันที เป็นไปได้อย่างไรที่คนอย่างนี้จะมีธิดาอย่างโล่วฮัว? ดูเหมือนว่าโล่วฮัวจะได้ยีนส์พิเศษมาจากมารดานางแน่ มิฉะนั้นนางคงกลายเป็นหญิงป่าเถื่อนไปแล้ว
“นี่เป็นการเข้าใจผิดแล้ว! ความจริงข้าเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเจ้าเมืองโล่วฮัว…” เย่ว์หยางรีบทำสีหน้าว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับราชันย์ฟ้าบูรพา เขาพูดอย่างมาดมั่นว่า “แม้ว่าข้าจะยังไม่ได้รับเงินเดือน แต่ข้าสามารถบอกท่านตามความสัตย์ได้ว่าข้าเริ่มงานมาได้ครึ่งเดือนแล้ว!”
“องครักษ์ส่วนตัวเหรอ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาอึ้ง “เจ้าคือองครักษ์ส่วนตัวของลูกโล่วฮัวของข้าหรือ?”
“นางขอให้ข้าเป็นองครักษ์ส่วนตัวมาก่อนนั้นนานแล้ว เมื่อตอนที่เราพยายามไปเก็บบุปผาปีศาจจากตำหนักลอยฟ้าในหอทงเทียนชั้นสาม อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นข้าได้ค่าจ้างมาส่วนหนึ่งแล้ว ดังนั้นข้าจึงปฏิเสธอย่างสุภาพไม่รับข้อเสนอของนางที่ให้ทำงานในตอนนั้น แต่ท่านก็รู้จักข้านี่ ข้าเป็นคนใจอ่อนมาก โดยเฉพาะกับสาวๆ ข้าบอกนางว่าจะรับพิจารณาไว้ ไม่ถึงกับปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เพราะข้ากลัวว่าธิดาของท่านจะเศร้า แต่แน่นอนว่า ธิดารักของท่านเป็นคนที่น่านับถือ นางให้เกียรติความคิดเห็นคนอื่นเหมือนกับท่านนั่นแหละ นางไม่เคยบังคับให้ข้าเป็นองครักษ์ส่วนตัวของนางเลย” ราชันย์ฟ้าบูรพาปล่อยเย่ว์หยางทันทีเมื่อเขาได้ฟังคำอธิบายของเย่ว์หยาง และยังช่วยจัดแขนเสื้อของเย่ว์หยางให้อย่างดีอีกครั้ง เย่ว์หยางกล่าวขอบคุณท่านก่อนที่จะอธิบายต่อไป “หลังจากนั้น ข้าก็ไปที่เหวสิ้นหวังเพื่อเก็บหญ้าประกายดาว ข้าจำได้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นคนที่รักชอบดอกไม้ ดังนั้นข้าจึงเชิญนางไปเก็บด้วยกัน…. หลังจากนั้นมีเรื่องตามมาอีกมาก พอเห็นว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวมีความจริงใจ ข้าก็เลยยอมรับเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้นาง นางเห็นด้วยกับเงื่อนไขเริ่มต้นของข้า ค่าล่วงเวลาจ่ายสองเท่าของเงินเดือนต่อชั่วโมงและไม่ทำงานวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต้องได้พัก ท่านก็รู้ว่านางเป็นเหมือนท่าน เป็นคนใจดีมีน้ำใจกับคนอื่นเสมอ… นางกลับไปร้องไห้ที่บ้านเหรอ? ไม่น่าจะใช่แล้ว นางไม่ได้ทำอย่างนั้นกับข้าเมื่อนางทำกับข้า แล้วทำไมนางต้องทำอย่างนั้นเมื่อกลับไปบ้านด้วย?”
“เจ้าทำอะไรกับนาง?” ราชันย์ฟ้าบูรพาแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาอยากจะบีบคอเจ้าเด็กนี่ให้ตายนัก
“ก็มีย่างปลา! ข้าย่างปลากับนางที่ทะเลสาบเทียมเมฆ แต่นางใส่เกลือมากไปหน่อย ข้าก็เลยวิจารณ์นิดๆ หน่อยๆ แต่ตอนนั้นนางไม่ได้ร้องไห้นี่ ข้าก็คิดว่านางคงไม่ร้องไห้เมื่อนางกลับบ้านไปแล้ว แต่ใครจะรู้กันเล่า…” เย่ว์หยางโบกมือยอมรับความผิดพลาดของเขา..
“เจ้าทำให้ข้ากลัว.. อย่างนั้นก็แค่ย่างปลาสินะ!” ราชันย์ฟ้าบูรพาตบอกดังๆ อย่างโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ใช่แค่ย่างปลา เรายังทำอย่างอื่นอีก…” เย่ว์หยางพูดยังไม่ทันจบราชันย์ฟ้าบูรพาก็ยกเขาจนตัวลอย ด้วยท่าทางรุนแรง เหมือนกับว่าเขาต้องการจะกลืนเย่ว์หยางทั้งตัว
“เจ้าทำอะไรอย่างอื่นกับนางอีก?”
“ทำมงกุฎดอกไม้… ท่านก็รู้ว่าธิดาของท่านรักดอกไม้มากที่สุด ข้าก็เลยร้อยมงกุฎดอกไม้ที่เหมาะกับนางจริงๆ นางยังคงงดงามมากภายใต้แสงดาว เสน่ห์ของนางไม่เป็นที่สองรองใคร! โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ไม่ได้สวม…..” เย่ว์หยางชะงักคำพูดไว้ครึ่งนึงเมื่อพูดคำนี้
“นาง นางไม่ได้สวมอะไรหรือ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาเริ่มจะร้องไห้ อย่างนี้ก็จบกัน ธิดาสุดที่รักของท่านไม่สวมเสื้อผ้าอะไรเลย แล้วจะเกิดอะไรอื่นขึ้น? มันจบ จบสิ้นกัน!
“นางไม่ได้สวมรองเท้าเลย ก็แค่น้ำในทะเลสาบทำให้ขานางเปียกนิดหน่อย ภายใต้แสงดาวระยิบระยับ ดูแล้วเป็นภาพที่งามสง่ามาก ดูแล้วข้าแทบอยากเอื้อนเอ่ยบทกวีพรรณนาความงามทันที น่าเสียดายข้าตกวิชาการประพันธ์เสียด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองยังเคลิบเคลิ้มกับความงามของนาง นางงดงามจนฟ้าดินก็ยังหวั่นไหวได้ ประดุจเทพธิดา งามเสียจนข้าไม่อาจเขียนบทกวีพรรณนารูปลักษณ์ของนางได้ เอ่! ท่านร้องไห้ทำไม?” ราชันย์ฟ้าบูรพารีบปาดน้ำตาออก จากนั้นยิ้มและถามเย่ว์หยาง
“ข้าไม่ได้ร้องไห้, ข้าปลื้มจนน้ำตาไหลต่างหาก, เจ้าเป็นองครักษ์ส่วนตัวของลูกโล่วฮัวของข้าแน่นะ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาตบไหล่เย่ว์หยางทันที
“ด้วยเกียรติของข้า ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร?” เย่ว์หยางเชิดหน้ายืดอกอย่างภูมิฐาน
“เจ้าไม่ได้ทำอะไรนางจริงๆ นะ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาถามย้ำ
“ข้าจะทำอะไรนางได้ แม่เสือสาวอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็อยู่ที่นั่นด้วยในตอนนั้น ถ้าท่านไม่เชื่อข้าก็ถามนางดูก็ได้!” เย่ว์หยางชี้ไปที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังแอบหัวเราะคิกคักอยู่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าเย่ว์หยางกำลังจ้องมาที่นาง เหมือนกับจะบอกว่า “ถ้าเจ้าพูดความจริง อย่างนั้นข้าก็จะแฉความลับของเจ้า อย่างมากก็ตายพร้อมกัน” นางแลบลิ้นแค่นเสียงและหันไปทำเป็นมองไม่เห็นเขา แต่หูของนางยังตั้งใจฟังเรื่องที่เขาหลอกราชันย์ฟ้าบูรพาต่อไป
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้” ราชันย์ฟ้าบูรพาแทบจะเป็นลม สองสตรี หนึ่งบุรุษและสองสตรีแม้จะเป็นคู่แข่งความรัก แต่ก็ยังไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง แล้วเขายังต้องกังวลอะไรอยู่อีก?
จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และคนอื่นๆ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร แต่พวกเขาแอบหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปหมด
เขาไม่เคยคิดว่าราชันย์ฟ้าบูรพาผู้มีอีกฉายาว่า “เซียนโคถึก” จะถูกผู้เยาว์อย่างเย่ว์หยางจูงจมูกได้ เขาไม่สามารถระบายอารมณ์ตามต้องการได้และแทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้นจากคำพูดของเย่ว์หยาง
เจ้าผู้นี้ได้คุยโวไว้ว่าเขาจะต้องทุบตีเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ให้ได้แน่นอน ในยามนี้เขากลับกลืนน้ำลายตัวเองเสียได้
พอเห็นว่าราชันย์ฟ้าบูรพาไม่โกรธอีกต่อไป แม่สี่ไม่พอใจ นางตำหนิเย่ว์หยางและสั่งให้เขาขอขมาทันที “เจ้าช่างซุกซนจริงๆ เจ้าทำอะไรอยู่กันแน่ แทนที่จะขอขมาท่านราชันย์ฟ้าบูรพา? ที่นี่ไม่มีเรื่องของเด็กๆ แล้ว พวกเจ้าออกไปเล่นข้างนอกเถอะ เรามีบางเรื่องจะต้องหารือกัน…”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชี้ให้เย่ว์หยางออกไปข้างนอก นางมีบางอย่างจะบอกเขา
ถ้าเป็นแค่เพียงนาง เย่ว์หยางคงจะทำเป็นเมิน แต่นางเสือสาวนี้ใช้ความสามารถทุกอย่างเล่นงานเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับนางเพราะเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ญาติผู้พี่ของเขา เย่ว์หวี่มายืนกระซิบที่ข้างหูบอกเขาว่า “เหล่าบริวารของเจ้าที่เข้าช่วยเหลือแม่สี่ พวกนางถูกกำจัดแทบหมดสิ้น เหลืออยู่เพียงคนเดียว นางบาดเจ็บสาหัส ข้าเกรงว่านางจะมีชีวิตได้ไม่ถึงวันพรุ่งนี้ นางต้องการพบเจ้าก่อนตาย!”
บริวารหรือ? เขามีบริวารในโลกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เย่ว์หยางถึงกับมึนงง
******************