===============
เมื่อหัวของมังกรเทพเจ้าและโล่แก้วปะทะกัน ก่อให้เกิดสะเก็ดไฟแตกกระจายอย่างสดใสงดงามคล้ายการระเบิดของห้วงจักรวาล
แม้ว่าเปลวเพลิงม่วงและดาบจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับโล่แก้วได้
มีเพียงปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ยังมีแรงทะลวงต่อไปอีก เมื่อเย่ว์หยางกวัดแกว่งกระบี่ไร้ลักษณ์อยู่บนเกราะแก้ว อักษรรูนก็ปรากฏบนโล่แก้วผลึกทันที องค์ชายเทียนหลัวยกโล่แก้วเพื่อป้องการพลังโจมตีของเย่ว์หยางด้วยพลังทั้งหมดของเขาและเขายิ้มทันทีอีกครั้ง.. รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความโล่งอก เหมือนกับว่าคนที่ป่วยหนักและกำลังจะตายเกิดความปลื้มใจหลังจากได้ปฏิบัติตามปณิธานสุดท้ายของเขาแล้ว
เกราะแก้วหายไปอย่างเงียบงันขณะที่เขายิ้ม มันแตกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ในอากาศ
จากนั้นชิ้นส่วนเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพกลับไปเป็นลูกบอลแสงสีสว่างสดใสหายกลับเข้าไปในตัวขององค์ชายเทียนหลัว
นิ้วของเย่ว์หยางจ่ออยู่ที่หน้าผากขององค์ชายเทียนหลัว แต่ในที่สุดเขาตัดสินใจถอนพลังปราณกระบี่กลับและไม่ฆ่าศัตรูของเขา องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิ่งเข้ามาราวกับสายฟ้าพร้อมกับใช้ดาบสลายพลังเพลิงม่วงและดาบของเย่ว์หยาง ในกลางอากาศ ขณะที่ร่างของนางผ่านเย่ว์หยางไป นางปล่อยหมัดใส่เย่ว์หยางที่กำลังใช้นิ้วเล็งใส่หน้าผากองค์ชายเทียนหลัว เย่ว์หยางกระเด็นออกไปเพราะแรงกระแทก
เจ้าเมืองโล่วฮัวกำลังฉุดเย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่ตามมาด้วย ขณะที่ทั้งสามคนวิ่งเข้ามายังสนามต่อสู้อย่างเร่งร้อน ขณะเดียวกันก็ตกใจกับเสียงแรงระเบิดที่เริ่มสงบลงด้วย
องค์ชายเทียนหลัวเอามือปิดปากตนเองไว้ เลือดซึมผ่านออกมาจากร่องนิ้วของเขา
เลือดหยดลงบนเกราะแก้วตรงหน้าอกของเขา
มองดูเป็นภาพที่น่ากลัว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบรับร่างองค์ชายเทียนหลัวที่ร่วงลงมาจากอากาศวางกับพื้นอย่างใจจดใจจ่อ เย่ว์หยางหายวับมาอยู่ข้างหน้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เขายื่นมือออกไปประคององค์ชายเทียนหลัวที่กำลังจะล้มลง เขาถอนหายใจแล้วถาม “ทำไมท่านต้องทำอย่างนี้ด้วย?”
“แม้ว่าข้าจะไม่ชอบต่อสู้ แต่การได้สู้กับเจ้าคือความปรารถนาของข้า” นัยน์ตาขององค์ชายเทียนหลัวเหมือนกำลังยิ้ม แต่ริมฝีปากของเขามีเลือดอยู่ดวย
“หยุดพูดได้แล้ว เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าเลินเล่อมากไปแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปิดม้วนเทเลพอร์ตสีเงินทันที
เมื่อประตูเทเลพอร์ตกางออก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหันไปรับเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงที่กระโดดขึ้นมาบนเวทีประลองและเข้าประตูมิติไป
เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงรีบตามเข้ามาด้วยขณะที่นางเร่งรัดให้เย่ว์หยางรีบตามเข้ามา
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังแบกองค์ชายเทียนหลัวเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏตัวทันที เขายกไม้เท้าแก้วผลึก(ที่เย่ว์หยางอยากได้)ขึ้น “ล้างความจำ!” แสงสว่างที่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ฉายแสงใส่ทุกคน สาวๆ ที่เป็นแฟนคลับ, กรรมการชุดแดง, กรรมการกำกับเส้นและองครักษ์เกราะเงินต่างก็ล้มลงกับพื้น เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปชั่วขณะ พวกเขาสังเกตได้ว่าเวทีต่อสู้ถูกทำลายไป เหลือเพียงเฉพาะพื้นที่ที่องค์ชายเทียนหลัวยืนยังคงดูดี
แม้แต่คนที่ระมัดระวังตัวส่วนใหญ่จะไม่อาจบอกความแตกต่างระหว่างองค์ชายเทียนหลัวนี้และองค์ชายเทียนหลัวที่เย่ว์หยางแบกไปได้ก็ตาม
แต่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คือ องค์ชายเทียนหลัวผู้นี้ไม่มีสายตาที่โศกเศร้าอีกแล้ว
องค์ชายเทียนหลัวผู้นี้เรียกคัมภีร์ทองออกมาและเรียกบอลแสงซึ่งมีภาพภูตน้อยอยู่ในนั้น จากนั้นเขาโยนบอลแสงขึ้นไปบนท้องฟ้ากระทั่งขึ้นไปถึงชั้นเมฆ
แสงเหมือนสายฝนนับไม่ถ้วนตกลงมา
แสงที่ตกลงมาเหมือนสายฝนช่วยคลายความทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวและบรรเทาอาการเจ็บปวดให้พวกเขา
องค์ชายเทียนหลัวทำให้ทุกคนเคารพนับถือ “ขอบคุณที่พวกท่านช่วยตามเชียร์ อย่างไรก็ตาม ข้าเสียใจด้วยที่ต้องหยุดการแข่งขันรอบร้อยสุดยอดเพียงเท่านี้ ถ้าพวกท่านทุกคนไม่ถือสา ข้าขอเป็นผู้ชมคนหนึ่งร่วมกับพวกท่าน ข้าขอแนะนำให้พวกเราทุกคนไปเดินเล่นริมทะเลก่อน ขอให้สนุกเพลิดเพลินกับทะเล สายลม แสงแดดในช่วยหลายวันนี้โดยไม่ต้องแข่งอะไรเลย…” สาวๆ จากกลุ่มแฟนคลับส่งเสียงตื่นเต้นดีใจก่อนที่องค์ชายเทียนหลัวจะกล่าวจบประโยค
นี่คือสิ่งที่หายาก
ก่อนหน้านี้ องค์ชายเทียนหลัวมักจะดูเหมือนมีความในใจไม่เคยแนะนำให้ทุกคนไปสนุกสนานกันเลย แม้เมื่อทุกคนจะเชิญเขาไปดูในที่ต่างๆ เขามักจะปฏิเสธอ้อมๆ แบบสุภาพไม่เข้าร่วมกิจกรรมนั้น
อย่างไรก็ตาม ความกดดันของเขาดูเหมือนจะหายไปและอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นหลังจากเขายกเลิกการเข้าแข่งในรอบร้อยสุดยอด เขากลับแนะนำให้แฟนคลับไปเดินเล่นริมทะเลกับเขาแทน และพวกเขาจะไม่เบิกบานใจได้อย่างไร? ทุกคนมีความสุขใจ ยกเว้นกรรมการชุดแดงที่มีความสามารถมากที่สุด เขาจำได้ลางๆ ว่าองค์ชายเทียนหลัวใช้คัมภีร์แพลตตินัม แล้วมันกลายเป็นคัมภีร์ทองไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายผู้นี้ดูเหมือน… กรรมการชุดแดงตบหลังศีรษะของเขา บางทีเขาคงคิดมากเกินไป จะมีองค์ชายตัวปลอมได้อย่างไร? เขาต้องได้รับบาดเจ็บจากคลื่นแรงระเบิดหลังจากเกิดการระเบิดใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาสับสน
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ยืนอยู่ข้างกรรมการชุดแดงและคอยสังเกตตาของเขา ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกเมื่อเห็นว่ากรรมการชุดแดงไม่มีความรู้สึกสงสัยอีกต่อไป “องค์ชายยอมให้นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงของเราชนะ โปรดประกาศผลเดี๋ยวนี้ด้วย โอว…เวทีประลองถูกทำลายไปแล้วต้องจัดการเรื่องนี้ด้วย”
“การแข่งขันคู่ต่อไปจะต้องเลื่อนออกไป เราต้องซ่อมแซมเวทีต่อสู้เสียก่อน นักเรียนไตตันชนะหรือ? บันทึกการต่อสู้ของข้า…” กรรมการชุดแดงสับสน
เขาไม่อาจจำอะไรได้เกี่ยวกับการต่อสู้ที่ผ่านมาได้อย่างไร?
อย่างนี้แย่แน่ ถ้าใครรู้ว่าเขาสูญเสียความทรงจำเรื่องการต่อสู้ทั้งหมดในตอนนี้ เนื่องจากแรงสั่นสะเทือน บางทีเขาอาจถูกปลดออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ตัดสินก็ได้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ยิ้มและส่งมอบบันทึกให้ “นี่คือสิ่งที่เจ้ามองหาอยู่ใช่ไหม? เจ้าทำตกอยู่บนพื้นน่ะ”
กรรมการชุดแดงดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นลายมือของเขา โชคดีที่เขาบันทึกกระบวนการต่อสู้ไว้ทั้งหมดแล้ว เขาเปิดดูบันทึกการต่อสู้และพบว่าการต่อสู้ระหว่างนักเรียนไตตันและองค์ชายผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งคู่เรียกราชสีห์, พยัคฆ์และอินทรีทอง ในที่สุด นักเรียนไตตันก็ชนะการแข่งขันด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาใช้ทักษะที่ได้รับถ่ายทอดมาจากตระกูลของเขา กระบวนดาบที่หนึ่ง – ดาบผ่าภูผา ทำให้องค์ชายกระเด็นตกเวที ดังนั้นเขาจึงได้รับชัยชนะ
บันทึกนี้ทำให้กรรมการชุดแดงรู้สึกคุ้นเคยปนงุนงง เขาจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับสิงโต, พยัคฆ์และอินทรีทอง แต่จำดาบที่หนึ่ง ดาบผ่าภูผาได้เลือนราง เฮ้อ..ช่างมันเถอะ ยังไงๆ เขาก็ได้บันทึกกลับคืนมาแล้ว
กรรมการชุดแดงลงชื่อตนเองบนบันทึกการต่อสู้และทำเครื่องหมายชนะไว้บนชื่อของไตตัน
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ยิ้มขณะที่เขามองดู
เขายิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยไก่ได้สำเร็จ
องค์ชายเทียนหลัวพาแฟนคลับจากไป ดูเหมือนจะหันศีรษะมาทางตำแหน่งอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่เขาขอให้สาวๆ แฟนคลับตามเขามา พวกเขาทั้งสองผงกศีรษะให้กันในระยะไกลแล้วจากออกไป
เย่ว์หยางแบกองค์ชายเทียนหลัวผู้ที่ตอนนี้เกราะแก้วปีกแก้วค่อยๆ จางหายไปขณะที่เขาตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวเข้าไปในโลกที่สวยงามเต็มไปด้วยผีเสื้อและดอกไม้ตั้งแต่ผ่านเข้าประตูมิติไป ลมพัดเฉื่อยบนแผ่นดินและเสียงธรรมชาติสามารถได้ยินแว่วราวกับว่ามันก้องสะท้อนออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ดูเหมือนภูตน้อยนับพันกำลังขับร้องร่วมกัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเดินนำทางอยู่ข้างหน้า เจ้าเมืองโล่วฮัวเร่งให้เย่ว์หยางตามพวกนางมา พวกนางมาถึงคฤหาสน์ขนาดเล็กหลังจากเดินมาได้พักหนึ่ง กลิ่นหอมหวานชื่นใจสามารถรับรู้ได้เมื่อพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์ ภาพและกลิ่นที่สวยงามหอมหวานสร้างความสดชื่นให้พวกเขา
“นี่มันคือที่ไหนกัน?” เย่ว์หยางสงสัย ที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ เป็นที่ดีต่อการฝึกฝน ทำไมไม่มีใครมาพักอยู่ที่นี่
“หน้าโง่! นี่คือสวนที่จะนำไปสู่บันไดสวรรค์ เรามีสิทธิ์อยู่ในหุบเขาภมรบุปผา มันเป็นอีกมิติหนึ่ง เป็นคล้ายๆ กับมิติประลอง แต่ใหญ่กว่ามาก ขนาดโดยรอบใหญ่ประมาณหนึ่งในสิบของทวีปมังกรทะยาน ตามที่คาดไว้ก็คือ นี่คือทางเข้าบันไดสวรรค์” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเบียดตัวเพื่อเปิดประตูและเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
“นางไม่ใช่องค์ชาย” เย่ว์หยางรู้ทันทีที่เขามองเห็นนาง ไม่มีใครมองดูเหมือนนางในโลกนี้
“เจ้ารู้ว่าเป็นนางอย่างนั้นหรือ? งั้นทำไมเจ้าถึงสู้กับนางเล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจัด
“เป็นข้าเอง… ข้าเป็นคนที่ขอให้เขาลงมือโจมตี ข้าต้องการจะสู้กับเขาเสมอมา มันไม่มีความหมายหรอก ไม่ว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้เพิ่มหรือน้อยกว่าไม่กี่วัน ผนึกอักษรรูนเป็นความตั้งใจที่ใหญ่ที่สุดของข้าเสมอ ข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรเสียใจแล้ว” องค์ชายเทียนหลัวพอนอนลงกับเตียงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสาวงามมีผมดำนุ่มสลวยและดูซูบซีด แต่นางก็ยังงดงามแม้มีร่างกายอ่อนแอ รูปร่างหน้าตาของนางงดงามมากกว่าตอนปลอมเป็นบุรุษถึงสิบเท่า นางงดงามบาดใจจริงๆ ถึงขนาดที่ผู้มองนางแทบจะลืมหายใจ ดวงตาของนางงดงามน่ารักมากจนคนสบตาหัวใจสลายจากการมองนั้น นางมีคอที่สวยงามได้สัดส่วน ขณะที่แขนดูเป็นประกาย นิ้วมือยาวเรียวบางมีเลือดเปรอะติดอยู่แต่ไม่มีผลต่อความสามารถพิเศษของนาง เป็นเรื่องน่าใจหายมากสำหรับเย่ว์หยางเมื่อคิดว่าสาวงามจะต้องสูญหายไปในช่วงเวลาที่นางงดงามที่สุด
“เจ้าไม่สามารถเริ่มปิดผนึกได้หลังจากเจ้าฟื้นจากอาการป่วยหรือ? พวกเจ้าทั้งคู่ประมาทเกินไปจริงๆ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการตำหนิทั้งคู่ก่อน แต่นางควบคุมตนเองได้และกลับไปโกรธเย่ว์หยางแทน
“พอได้แล้ว, เชี่ยนเชี่ยน เจ้าก็ต้องใจเย็นด้วย” เจ้าเมืองโล่วฮัวปลอบใจองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทันที
“เย่ว์หยาง, เจ้าออกไปข้างนอกสักครู่ก่อนได้ไหม? เข้าต้องการคุยกับพวกนางไม่กี่คำหรอก” รอยยิ้มพิเศษที่สามารถเห็นได้จากแววตาของนาง นางจับมือเย่ว์หยางและบอกว่าเขายังไม่ต้องพูดอะไรก่อน เสียงของนางเป็นเหมือนสายลมเย็นในสวนด้านนอกทำให้คนยากจะปฏิเสธคำขอได้ “แค่ครู่เดียว เจ้าออกไปก่อน ถ้าอู๋เสียมา บอกให้นางรออยู่ข้างนอกสักครู่ด้วย”
เย่ว์หยางพยักหน้าเบาๆ เมื่อเขาเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ เขาสังเกตว่าหญิงงามลึกลับยืนรออยู่ข้างนอกเงียบๆ แล้ว
หญิงงามลึกลับดูเหมือนว่านางกำลังรอเขา แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังรอให้สาวงามข้างในห้องเรียกให้นางไปพบ
ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากผ่านไปชั่วขณะ หญิงงามลึกลับเริ่มสนทนาก่อน “ข้าเห็นมาแล้ว แต่ข้าไม่ตำหนิเจ้า สิ่งเดียวที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือ คิดหาทางช่วยชีวิตนาง”
เย่ว์หยางพึมพำกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจและถามเบาๆ ว่า “เพลิงอมฤต นี่คือทางออกเดียวที่ข้ารู้จัก มันจะใช้ได้ไหม?”
“……” หญิงงามลึกลับไม่ตอบ แต่นางเห็นด้วยโดยปริยายกับวิธีแก้ปัญหาของเย่ว์หยาง
“พวกเจ้าทุกคนมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่?” ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงงามลึกลับ, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวทำให้เย่ว์หยางสับสน พวกนางรู้จักกันและกันแน่นอนและพวกนางก็รู้จักกันมาตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้ว พวกนางไม่ใช่พี่น้อง แต่พวกนางสนิทเหมือนกับว่าเป็นที่น้องกัน บางทีพวกนางอาจเป็นญาติกันก็ได้ อย่างไรก็ตจาม สถานะที่แท้จริงของพวกนางแตกต่างกันจนทำให้เย่ว์หยางสับสนมากยิ่งขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงต้องการยุ่งเรื่องนี้? สนใจเรื่องของเจ้าเองดีกว่า!” หญิงงามลึกลับจ้องดูเย่ว์หยาง
การแสดงออกทางสายตาของหญิงงามลึกลับคล้ายกับหญิงงามอมโรคที่อยู่ข้างในมาก
เพียงแต่แตกต่างกันที่การแสดงออกของหญิงงามลึกลับมีพลังและกระตือรือร้นมากกว่า ในทางกลับกันอารมณ์ที่แสดงออกของหญิงงามอมโรคที่อยู่ในห้องเงียบสงบและสง่างามมากกว่า แสดงให้เห็นความเศร้าที่ปกปิดไว้เมื่อนางว้าเหว่
ความจริง เย่ว์หยางต้องการถามหญิงงามลึกลับเรื่องสถานะของนาง แต่เขาเกรงว่าคำตอบจะทำให้เขาผิดหวัง
“ข้าคิดว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ในการผ่านด่านวิหารเทพสตรีสักเล็กน้อย แต่เจ้าควรประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนให้เสร็จเสียก่อน ขณะที่สี่ตระกูลใหญ่ก็จะได้เพิ่มพลังอำนาจทันที พวกสี่นิกายใหญ่กังวลว่าอิทธิพลของพวกเขาจะลดลง แน่นอน สี่นิกายใหญ่จะใช้การประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนถือโอกาสปรับปรุงสถานะของพวกเขา ดังนั้นข้าจึงไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าต้องเอาชนะประมุขน้อยและองค์ชายสือจินและส่งพวกเขากลับบ้าน” ทันใดนั้น หญิงงามลึกลับกระซิบเย่ว์หยาง “เจ้าทำอะไรให้ข้าหน่อยได้ไหม? อยากให้เจ้าทำตัวเป็นคนเลวสักครู่”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางเหงื่อตก เมื่อได้ยินนางพูด แม่นางคนนี้มีการกระทำที่ลึกลับจริงๆ นางต้องการให้เขาปล้นธนาคารหรือลอบปลงพระชนม์กษัตริย์กันแน่?
“เลิกแกล้งทำงี่เง่าได้แล้ว!” หญิงงามลึกลับคิดว่า เขาทำท่าสับสนขณะที่เขาเข้าใจสิ่งที่นางหมายถึง ขณะที่นางดูเขาทำท่าตะลึง นางโกรธมากจนคว้าหนังสือมาเตรียมจะฟาดใส่เขาให้กระเด็นไปไกลๆ อย่างไรก็ตาม นางหยุดทันทีเมื่อพบว่าเย่ว์หยางไม่เข้าใจจริงๆ นางจึงได้เตือนและคุยกับเย่ว์หยางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าบอกใครว่านี่คือความคิดของข้านะ เจ้าต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นคนเลวและเจ้าเป็นคนที่ต้องการทำเรื่องเลวๆ เข้าใจไหม?”
“ว่ากันตามตรงเลยนะ เจ้าพยายามจะบอกอะไร?” เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจคำพูดนางจริงๆ
“ข้าเคยเห็นคนโง่มาก็มากนัก แต่ไม่เคยเห็นคนที่โง่อย่างเจ้ามาก่อน!” หญิงงามลึกลับหัวเสีย
“อย่าบอกข้านะว่า ต้องการให้ข้าทำ…” เย่ว์หยางตระหนักได้ทันที เขาตะลึงไปแล้วกับความคิดของหญิงงามลึกลับ “ถ้า.. ถ้า..จะทำอย่างนั้นจริงๆ อย่างนั้น อย่างนั้นข้าจะไม่กลายเป็นคนบาปตลอดอายุขัยของข้าหรือ?”
************