บทที่ 68 พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
” เป็นหญิงงามที่สุดยอดนัก ! “
” เย้ ! ! ! ! ! นางจะต้องไม่พ่ายแพ้ให้กับผู้ใดที่อยู่ในระดับเดียวกับนางแน่ๆ “
” อันตรายนัก ! เจ้าคนนั้นอาจจะตาย ไปหลายครั้งแล้วก็ได้ ถ้าหากเขาไม่มีจิตวิญญานกายาแข็ง “
” หืม . . . . . . . . . . . . การประลองหว่างตระกูลใหญ่ทั้งห้านี่สุดยอดนัก มันคุ้มค่าจริงๆที่ข้าเดินทางมาที่นี่ “
” . . . . . . . “
รอบๆสนามประลองก็เต็มไปด้วยการสนทนาที่ครึกครื้น ผู้ชมต่างประหลาดใจในความสามารถของโม่หยานหยู .
ด้วยสีหน้าที่เย็นชาของนาง โม่หยานหยูยืนอยู่กลางสนามอย่างภาคภูมิใจ นางจ้องไปที่นักรบตระกูลฉื่อด้วยตาที่งดงามอย่างเย็นชาเหมือนกับดอกบอกบัวที่อยู่บนยอดเขาหิมะ .
นักรบรอบๆยังคงจ้องไปที่ร่างกายที่เร่าร้อนของนางด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย พวกมันเองก็ประหลาดใจกับความโหดร้ายของนางเช่นกัน แต่ถึงยังงั้น พวกมันก็ไม่สามารถหยุดมองนางได้เลย
ในด้านตระกูลฉื่อ นักรบทุกคนใบหน้าแข็งค้าง
ฉื่อเตี่ยสั่นด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองไปที่โม่ตั่วด้วยความเกลียดชัง
นี้คือการประลองฝีมือ คนแพ้ไม่มีสิทธิพูดอะไรทั้งสิ้น แต่เขาจะสามารถกู้ศักดิ์ศรีคืนได้ หากได้รับชัยชนะ
” ท่านหัวหน้าตระกูล คุณชายเทียนลั่วนั้นไม่ได้บาดเจ็บจนถึงชีวิต แต่ช่วงเวลานี้เองเขาก็ไม่สามารถที่จะฝึกวิทยายุทธ ได้เป็นเวลาสามปี เช่นกัน . ” ข้ารับใช้ตระกูลฉื่อเดินมาจากด้านหลัง และบอกกล่าวฉื่อเจี้ยนและฉื่อเตี่ย
ฉื่อเจี้ยนและฉื่อเตี่ยต่างก็สั่นด้วยความโกรธ พร้อมกับความเศร้าโศกที่ปรากฏในดวงตา
” ท่านปู่ นางเป็นผู้หญิงที่แปลกนัก จู่ๆ พลังของนางเพิ่มขึ้นถึงครึ่งนึง นั้นมันแปลกเกินไป ” ฉื่อหยาน เปรยขึ้นเบาๆ
” ข้ารู้ ” ฉื่อเจี้ยน สูดลมหายใจเข้าลึกๆและหันไปมองฉื่อเทียนเค้อ และฉื่อเทียนหยุนอย่างลังเล
เขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่า
ที่จุดกึ่งกลางของสนามประลอง จู่ ๆ ใบหน้าของโม่หยานหยูก็เริ่มซีดลง และตอนนั้นเองที่ พลังปราณลึกลับในร่างของนางก็แข็งแกร่งและหมุนเวียนเร็วขึ้น ซึ่งนั่นมันผิดปกตินัก
” หยูเอ๋อกลับมา ! โม่ฉี ลงไป ” แล้วโม่ตั่วก็พูดออกมา ” เราจะไม่ไปเปลี่ยนการเดิมพัน และต้องการจะประลองกับตระกูลฉื่ออีกครั้ง “
ตอนนั้นเองรุ่นเยาว์ที่มีร่างสูงประมาณ หกฟุตก็ลงไปแทนที่โม่หยานหยูที่อยู่กลางเวที และกล่าวอย่างภูมิใจว่า ” โม่ฉี จากตระกูลโม่ อยู่ใน นภาที่สองของระดับก่อตั้ง โปรดชี้แนะ ! “
” พี่ใหญ่ ! ” ฉื่อเตี่ยตะโกนขึ้นและมองไปที่ฉื่อเทียนเค้อ ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง ” ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี ? “
” เราต้องสู้ ! ! ! ” ฉื่อเจี้ยนขบฟันของเขาและคิดสักพัก จากนั้นก็ประกาศว่า ” เทียนหยุน เจ้าลงไป ! “
สมาชิกทุกคนในตระกูลฉื่อตกใจเป็นอย่างมากและใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงและพวกเขาก็มองไปที่ ฉื่อเจี้ยน ด้วยความสับสน
ฉื่อเทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์รุ่นที่สามของตระกูล เขานั้นอยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง . ดังนั้น ทุกคนจึงคิดว่าเขาจะเป็นคนลงไปประลองคนสุดท้าย
แต่ตอนนี้ ฉื่อเจี้ยน กลับส่งเข้าลงไปประลองก่อนที่จะถึงรอบสุดท้าย
โม่ซานเป็นรุ่นที่สามของตระกูลโม่ที่แข็งแกร่งที่สุด และเขาก็ยังไม่ได้ขึ้นเวทีเลย ไม่ว่าฉื่อเทียนยุนจะชนะหรือแพ้ในการประลองครั้งนี้ เขาก็จะหมดโอกาสที่จะประลองกับโม่ซานแน่นอน .
แล้วใครกันหละที่จะถูกส่งไปประลองกับโม่ซาน
พวกเขานั้นไม่สามารถหาใครที่ประลองกับโม่ซานได้ ทุกคนจะคิดว่าไม่มีใครในรุ่นที่สามของตระกูลฉื่ออีกแล้วที่สามารถประลองกับโม่ซานได้ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องน่าเสียดายนักที่จะต้องพ่ายแพ้การประลองในครั้งนี้ !
” พี่ใหญ่ ! ” ฉื่อเตี่ยร้องออกมา ” ท่านแน่ใจรึ โม่ซานยังไม่ได้ลงสนามประลองเลยนะ ! “
” เป็นเทียนหยุนหนะถูกแล้ว ! ไม่มีอะไรแปลก หากเราต้องการชนะ ดังนั้น เราต้องส่งเทียนยุนที่มีนภาที่สูงกว่าเขาลงไป ” ฉื่อเจี้ยน กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง ” พวกเจ้าหุบปากสะ ! เทียนหยุน ! ลงไปเด๋วนี้ ! “
” ขอรับ ! ” เทียนยุนตอบอย่างหนักแน่น และตรงก้าวเข้าสู่สนามประลอง ” ฉื่อเทียนหยุนจากตระกูลฉื่อ อยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง โปรดชี้แนะ ! “
” ฉื่อเทียนหยุน ! มิใช่ว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นที่สามของตระกูลฉื่อรึ “
” แน่นอนสิ ทำไมเขาถึงถูกส่งมาก่อนหละ โม่ซานยังไม่ได้เข้าประลองเลยนี่้นา “
” ตระกูลฉื่อคงกลัวหละสิ พวกเขาคงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแต่ส่งฉื่อเทียนหยุนมาประลองสินะ ตอนนี้มันเริ่มน่าสนใจยิ่งนัก คนหนึ่งนภาที่สามของระดับก่อตั้ง อีกคนนภาที่สองของระดับก่อตั้ง มันแตกต่างกันเกินไป ข้าเดาว่าตระกูลโม่ต้องไม่ยอมรับการต่อสู้นี้แน่นอน พวกเขาจะเปลี่ยนตัวนักรบ . “
” เอ่อ… แต่ดูเหมือนว่า ตระกูลโม่ จะไม่ต้องการนะ “
” . . . . . . . “
ผู้ชมทั้งหมดพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
คนจากตระกูลเป่ยหมิงและตระกูลหลิงมากมาย ต่างก็กำลังกับสงสัยกับสิ่งที่เห็นและพวกเขาก็จ้องไปที่ฉื่อเจี้ยนอย่างประหลาดใจ
แม้บางคนจากตระกูลซั่วก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่า ฉื่อเจี้ยน นั้นกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ซั่วชูและซั่วฉื่อ นั้นรู้ดีว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกเขาจึงแอบมองไปฉื่อหยาน
” ข้าจะเดิมพัน โฉลนดเมืองเป่ยหลัว ! รวมถึงธุรกิจทางทิศใต้ของเมืองเป่ยหลัวอีกส่วนหนึ่ง ! ” ฉื่อเจียนสูดเอาลมหายใจเข้าลึกๆและดึงแผ่นโฉนดออกมาจากกระเป๋าของเขาและส่งให้ข้ารับใช้
” โม่ฉี จากตระกูลโม่ อยู่ในนภาที่สองของระดับก่อตั้ง และ ฉื่อเทียนหยุน จากตระกูลฉื่อ , อยู่ในนภาที่สองของระดับก่อตั้ง . นี่พวกท่านต้องการจริงๆใช่หรือไม่ ? ” เป็นโคสกที่วางของเดิมพันลงบนโต๊ะ พร้อมกับขมวดคิ้วไปที่ฉื่อเจี้ยน
โม่ตั่วสับสนนิดหน่อย มันเหลือบมองไปที่ฉื่อเทียนหยุน มันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นเขาที่ถูกส่งลงมา
หลังจากลังเล โม่ตั่วก็ได้คุยกับชายชราคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างสับสน จากนั้นมันก็พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นมันพยักหน้า โม่ตั่วดูเหมือนจะผ่อนคลายลงในขณะที่เขาพยักหน้าให้กับโคสก ” ไม่มีปัญหา นักรบของเราในนภาที่สองของระดับก่อตั้ง สามารถเอาชนะพวกนภาที่สามของระดับก่อตั้งจากตระกูลฉื่อได้ เราตกลง ! “
” ตอนนี้ เริ่มการประลองได้ ! ! “
ฉื่อเทียนหยุนทันทีใบหน้าก็จริงจัง ขณะที่โมฉีตะโกนออกมาพร้อมกับมีสายฟ้าพันรอบๆแขนของมัน
” โม่ฉี จงแสดงพลังของเจ้าออกมาสะ อย่าให้คนอื่นดูถูกเจ้าได้ . ” โม่ตั่วกล่าวเตือนอย่างเรียบเฉย
เมื่อโม่ฉีได้ยินเช่นนั้น มันก็เขาใจอย่างรวดเร็วว่าควรทำเช่นไร
ในทันทีใบหน้าของโม้ฉีก็กลายเป็นซีดเหมือนกันผีดิบที่แสนน่ากลัวเช่นเดียวกับโม่หยานหยู
มันเหมือนกันเกินไป
ในตอนนั้นเอง พลังปราณลึกลับในร่างกายของโม่ฉีก็โคจรวนไปมาอย่างรวดเร็ว ! เหมือนกับว่าพลังนั้นไม่ใช่ของเขาและมันกำลังจะครอบคลุมร่างกายเขาทั้งหมด ออร่าของเขาในตอนนี้สามารถบดบังออร่าของฉื่อเทียนหยุนที่มีระดับนภาที่สูงกว่าได้
” นั่นไง ” ฉื่อเตี่ยตะโกนด้วยความโกรธ ” พวกมันต้องมีกลโกงบางอย่างแน่ ! นี้ไม่มีทางที่จะเป็นพลังของนักรบในนภาที่สองของระดับก่อตั้งได้ ! “
ฉื่อเจี้ยน พยักหน้าอย่างท้อแท้ ” สังเกตหรือไม่ โม่ตั่วนั้นได้หันไปพูดคุยกับชายชราคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังมัน ก่อนที่มันจะได้อนุญาตให้เริ่มการต่อสู้ โม่หยานหยูและโม่ฉีจะต้องมีอะไรแปลกๆกับชายชราคนนั้นแน่ “
” ข้าจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแน่ ” ฉื่อเตี่ย กัดฟันของเขาแน่น
. . . . .
” ปัง ! “
ฉื่อเทียนยุนกระทืบไปที่พื้นดินด้วยเท้าของเขาที่เหมือนแข็งเหมือนกับเหล็ก มันกระแทกไปที่แผ่นหินและเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นพร้อมกับมีรอยแตกร้าว
ฉื่อเทียนหยุนพุ่งไปที่โม่ฉีเหมือนกับดาบที่แหลมคมด้วยความเร็วสูงสุด เขาตั้งใจจะทำลายโมฉีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โมฉียิ้มอย่างเย็นชา และปราศจากความกลัว มันเองก็พุ่งตรงไปที่ฉื่อเทียนหยุนเช่นกัน พร้อมกับปลดปล่อยสายฟ้า ซึ่งนั้นทำให้มันพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
มันปล่อยลูกบอลสายฟ้าสีเขียวส่องแสงวูบวาบออกมา จากนั้นแสงนั้นก็ระเบิดออกมาจากรอบๆตัวโม่ฉีโดยมีมันเป็นจุดศูนย์กลาง และแสงพวกนั้น ก็เริ่มพุุ่งไปจู่โจมฉื่อเทียนหยุนอย่างรุนแรง
” ปัง ปัง ปัง ! ปัง ปัง ปัง ! “
หลังจากลูกที่หนึ่งกระแทกไปที่ฉื่อเทียนหยุนแล้ว ลูกอื่นๆก็ตามไปกระแทกอย่างหนักหน่วงทันที
ตอนนั้นเอง พลังปราณลึกลับในร่างของโม่ฉีก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และมันก็ปรากฏตัวที่ฉื่อเทียนหยุนจากด้านหลังทันที มันปลดปล่อยลูกบอลสายฟ้าสีเขียวออกมาอีกครั้ง
สายฟ้ากระพริบอย่างน่าอัศจรรย์และเกิดเป็นสายฟ้าเข้มข้นพุ่งขึ้นไปบนทองฟ้า และห่อไปรอบๆฉื่อเทียนยุนทันที
” เป็นไปได้ยังไงกัน ! ที่พลังปราณลึกลับของเจ้าเด็กนั้น จะสามารถเทียบได้กับนับรบในระดับมนุษย์ ” ฉื่อเตี่ยกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
ฉื่อเทียนหยุนถูกมัดพันแน่นด้วยตาข่ายสายฟ้า เขาพยายามจะหนีแต่ล้มเหลว
ในตอนนั้นเอง โมฉีก็เรียกลูกบอลสายฟ้าสีเขียวออกมาลูกหนึ่ง และก็เอาลูกบอลสายฟ้ากระแทกไปที่ฉื่อเทียนหยุน หนึ่งครั้งจากนั้นก็ดึงกลับมา
และโม่ฉีก็เอามันกระแทกที่แขนและขาของฉื่อเทีนนหยุน
ฉื่อเทียนหยุนเลือดไหลออกมาอย่างรุนแรงจากที่มุมปากของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เพราะว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังถูกพันไว้ด้วยสายฟ้าที่เข้มข้นอย่างแน่นหนา
นี่ย่อมเป็นการพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
ทุกคนที่ดูอยู่นั้นไม่ได้โง่ แต่พวกเขาเต็มความประหลาดใจ พวกเขาจ้องโม่ฉีที่เป็นเพียงนักรบในนภาที่สองของระดับก่อตั้ง , และก็มองสลับไปที่ฉื่อเทียนหยุนที่กำลังถูกตบตีอย่างไม่สามารถตอบโต้ได้
” อ่ะ ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ? “
” ใครจะไปรู้ล่ะ ทำไมเจ้าเด็กคนนั้นถึงมีพลังปราณลึกลับมากมายเช่นนี้ นี่แปลกเกินไปแล้ว “
” มันอยู่ในนภาที่สองของระดับก่อตั้งจริงๆงั้นรึ ? หรือว่า นักรบที่อยู่ในระดับก่อตั้งจากตระกูลใหญ่ตั้งห้า จะมีพลังที่สูงกว่าระดับก่อตั้งของพวกเรากัน “
” นี่มันแปลกเกินไป “
” . . . . . . . “
นักรบทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และไม่สามารถคิดออกได้ว่า เกิดอะไรขึ้น
” ปัง ปัง ปัง ! ปัง ปัง ปัง ! “
หลังจากถูกลงมืออย่างยาวนาน ฉื่อเทียนหยุนก็มีเลือดออกอย่างรุนแรงมากขึ้น และ ดวงตาของเขาก็ค่อยๆเริ่มสลัว
ฉื่อเจี้ยน ยืนขึ้นพร้อมกับร้องออกมา ” เรายอมแพ้ ! “
โคสกที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะเดิมพันก็หันไปมองเป่ยหมิงชางหลังจากฉื่อเจี้ยนตะโกน
เป่ยหมิงชางดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตไปที่ฉากต่อสู้บนสนามประลอง มันเอาแต่ดื่มชาของมันอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นท่าทีเช่นั้น โคากก็เข้าใจสิ่งที่มันหมายถึงทันที มันแกล้งทำเป็นก้มหัวตรวจสอบเอกสาร และเมินคำพูดของฉื้อเจี้ยน
” ปัง ปัง ปัง ! “
โม่ฉียังคงจู่โจมไปที่ฉื่อเทียนหยุน จนแผ่นหลังของฉื่อเทีนนหยุนล้มลงบนสนาม
” ข้อบอกว่า เรายอมรับความพ่ายแพ้ ! ” ฉื่อเจี้ยนจ้องไปที่เป่ยหมิงช้าง และส่งเสียงคำรามออกมา
เป่ยหมิงชางในที่สุด ดูเหมือนจะสังเกตเห็นได้ มันก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองออกไปที่โคสก
” หยุดการต่อสู้ได้ ! ตระกูลโม่ ชนะ ! ” โคสกพูดออกมาอย่างเฉื่อยชา .
โม่ฉีก็หยุดการโจมตีของมันลง และใช้เวลาไม่กี่ขั้นตอน จากนั้นก็แสยะยิ้มและมันเขาหัวเราะ ” ฮ่าๆๆ ลูกหลานตระกุูลฉื่ออ่อนแอยิ่งนัก มันอยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง แต่กลับแพ้ให้กับข้าผู้อยู่เพียงนภาที่สองของระดับก่อตั้งเท่านั้น นี่ช่างเสียเวลาจริงๆ ! “
มันแสยะยิ้มและเดินกลับมาที่ตระกูลของมัน
ฮันเฟิงรีบเคลื่อนไหวลงไปที่สนามประลองอย่างเงียบๆเหมือนกับภูติผีและพาฉื่อเทียนหยุนที่กำลังจมน้ำอยู่ในเลือดของเขาเองกลับขึ้นมา และขอให้ข้ารับใช้ในตระกูลช่วยรักษาเขา
ข้ารับใช้นั้นทำงานกันอย่างจริงจัง ในขั้นตอนแรกพวกเขาหยิบยาใส่เข้าไปในปากของฉื่อเทียนหยุน ด้วยใบหน้าจริงจัง
ฉื่อเตี่ยรีบกดมือของเขาบนหน้าอกของฉื่อเทียนหยุนพร้อมกับจ้องไปที่โม่ตั่วและเขาก็เริ่มใช้พลังปราณลึกลับของเขารักษาฉื่อเทียนหยยุน
ในตอนนั้นเอง สนามรบก็เงียบลงทันที
ผู้ชมที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ พวกเขาต่างก็หยุดนินทาลง และเอาแต่มองไปที่สองตระกูลด้วยความสับสน
” รวบรวมของเดิมพันมาสะ ซายเอ๋อ ตาเจ้าแล้ว ! ” โม่ตั่วประกาศออกมาด้วยเสียงต่ำอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
” โม่ซาน จากตระกูลโม่ อยู่ในนภาที่สามของระดับก่อตั้ง โปรดชี้แนะ ! “
โม่ซานยืนอย่างทั่นคงอยู่บนสนามประลองพร้อมกับแสยะยิ้ม ” ข้าสงสัยว่า ตระกูลฉื่อยังกล้าที่จะส่งคนมาประลองกับข้าหรือไม่ พวกเจ้ากล้ารึป่าว ? “