บทที่ 102 ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้ !
พลังงานแห่งชีวิตหมุนเวียนในแขนข้างขวาและพลังงานแห่งความตายก็หมุนเวียนในแขนข้างซ้ายของเขา ทั้งสองเป็นพลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พลังแห่งชีวิตและความตายก็ปรากฏออกมาจากแขนซ้ายขวาของเขา
ฉื่อหยานหันขึ้นไปมองดาบแยกนภาที่ลอยอยู่บนฟ้าพร้อมกับร่างปกคลุมไปด้วย [ บ้าคลั่ง ] ซึ่งมันดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะถูกควบคุมโดยมัน
ในช่วงเวลาของชีวิตและความตาย ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขากลายเป็นเฉียบคมยิ่งขึ้น ปริมาณพลังที่อยู่ในแขนซ้ายและขวาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด
แขนขวาของเขาปูดบวมขึ้นและมันก็ใหญ่เป็นสองเท่าจากปกติ ในขณะที่แขนซ้ายนั้นหดตัวลงมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า ภายใต้ [ บ้าคลั่ง ] มันเหมือนกับว่าชี่นผิวหนังถูกห่อหุ้มด้วยกระดูก ซึ่งมันดูลึกลับและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ปรากฏลวดลายขึ้นบนมือทั้งสองข้างพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องจ้าออกมา จากมือทั้งสองข้างของเขาพร้อมกัน
ฝ่ามือทั้งสองของเขาแยกเป็น [ ผลึกแห่งวามเป็นความตาย ] ข้างละเจ็ดผนึก , [ผนึกแห่งชีวิต] ทั้ง 7 และ [ผนึกแห่งความตาย] ทั้ง7ก็ลอยออกมาพร้อมกัน
ทันที [ผนึกแห่งชีวิต] และ [ผนึกแห่งความตาย] พวกมันก็ผสานกันเพียงหนึ่ง เพียงครู่เดียว เจ็ด [ผนึกแห่งชีวิต] และเจ็ด [ผนึกแห่งความตาย] ทั้งหมดผนึกผสานเข้าด้วยและกลายเป็นผนึกอีกรูปแบบขึ้นมา
เป็น [ ผลึกแห่งวามเป็นความตาย ] !
” บูม บูม บูม บูม บูม บูม บูม “
ปรากฏเป็น [ ผลึกแห่งวามเป็นความตาย ] ขึ้นมาเจ็ดผนึก และมันก็ขยายขึ้นหลายเท่าจนขนาดเท่ากับประตู จากนั้นพวกมันก็ลอยไปที่ดาบแยกนภาที่อยู่บนท้องฟ้า
เกิดเป็นเสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้น และไฟสีแดงและน้ำแข็งสีฟ้าก็หยุดชะงักลงพร้อมกับส่องแสงมัวๆออกมา อำนาจพลังลึกลับที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของ [ ผลึกแห่งวามเป็นความตาย ] ก็พุ่งเข้าไปที่ดาบแยกนภา
” ฮึม ฮึม ฮึม ฮึม ! “
เกิดเสียงดังขึ้นที่ดาบแยกนภาในอากาศ และมันก็ปลิวไปตามแรงระเบิดและหนามทั้งหมดที่กำลังพุ่งผ่านอากาศทั้งหมดก็หายไป
เป่ยหมิงเช้อ ที่ควบคุมดาบแยกนภาอยู่ในจิตใจ มันก็กลายเป็นซีดเหมือนกระดาษ เลือดของมันไหลออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ดและมันก็ร้องออกมาอย่างโหยหวน .
ดาบแยกนภาและจิตใจของมันนั้นเชื่อมต่อกันอยู่ ความเสียหายที่เกิดจากดาบก็จะส่งผลถึงจิตใจของมันด้วยเช่นกัน ทั้งดาบและมันต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
สำหรับผู้ที่ควบคุมดาบด้วยจิตใจ เมื่อดาบที่ควบคุมได้รับความเสียหาย เจ้าของก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน .
” กริ๊ก ! “
หลังจากหนามหยุดลงสักพัก ดาบแยกนภาก็ล่วงหล่นลงพื้นจากความสูงหนึ่งร้อยเมตร สีของมันขุนมัวและในที่สุดมันก็สูญเสียจิตวิญญานทั้งไปไป
เป่ยหมิงเช้อ ก็หยุดร้อง มันใช้ความคิดของมันควบคุมไปที่ดาบแยกนภา แต่เมื่อมันรู้ว่าดาบนั้นไม่ได้ตลอดสนองอย่างใด เป่ยหมิงเช้อ ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของมันแสดงความหวาดกลัวออกมา
หลังจากเกิดการระเบิดของ [ ผลึกแห่งวามเป็นความตาย ] พลังในร่างกายของ ฉื่อหยาน ก็สูญเสียไปถึง 1 ใน 3 เช่นนกันและเขาก็รู้สึกว่าค่อนข้างอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อเขาเห็นดาบแยกนภาสูญเสียประกายแสงไปหลังจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขารู้สึกยินดีขึ้นในจิตใจและกำลังใจของเขาก็เพิ่มขึ้น
และเมื่อเขาเห็น เป่ยหมิงเช้อเลือดไหลออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ทั้งทั้งสองที่จ้องไปที่ฉื่อหยาน พวกนางก้็ไม่อาจซ่อนความประหลาดใจบนใบหน้าของพวกนางได้ แม้แต่มู่หยู่เตี๋ยเองก็อ้าปากกว้าง พร้อมกับใช้มือเล็กๆปิดไปที่ปาก และหยุดร้องออกมา
ฉื่อหยานนั้นเป็นนักรบในระดับมนุษย์ แต่กลับสามารถระเบิดทำลายอาวุธระดับวิญญานที่ถูกควบคุมโดยเป่ยหมิงเช้อผู้ซึ่งอยู่ในระดับหายนะได้ ! และเขาก็ยังสามารถทำลายการเชื่อมต่อจิตวิญญาระหว่างดาบแยกนภาได้อีก !
นี่มันคืออะไรกัน ?
มู่หยู่เตี๋ยรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก นางนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มคนเดียวกับที่นางเจอที่ป่าทมิฬ
มู่หยู่เตี๋ยตระหนักได้ทันทีว่าฉื่อหยานไม่ใช่คนเดิมที่นางรู้จักอีกต่อไป ฉื่อหยานในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็งอย่างมากและต่างออกไปจากที่นางเคยรู้จัก ซึ่งนางนั้นไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของนางกับฉื่อหยานจะเป็นเช่นไรต่อไป
” ติงหยาน ! ” ตี่ย่าหลาน นางตะโกนออกมา , ” เจ้าทำอะไร ? “
มู่หยู่เตี๋ยก้ฃ็พูดเพิ่ม และยังกล่าวอย่างใจจดใจจ่อ ” ติงหยาน ! อย่าทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง ! เป่ยหมิงชางเองก็มาที่นี่เช่นกัน ถ้าเจ้าแตะต้องบุตรชายของเขา ตระกูลเป่ยหมิงจะไม่ปล่อยเจ้าและตระกูลฉื่อไว้แน่ ! “
สีหน้าของฉื่อหยาน ก็เย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไร และเลือกที่จะไม่สนใจหญิงสาวทั้งสอง
เขาพันธนการ เป่ยหมิงเช้อ โดยใช้ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ]
เป่ยหมิงเช้อ นั่งนิ่งโดยไม่ขยับ มันไม่ได้รู้สึกการมีอยู่ของ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] เลย มันประมาทและติดอยู่ในวงหมุนโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้
คราวนี้ ฉื่อหยานก็ได้เพิ่มพลังงานเชิงลบเข้าไปใน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ด้วย !
ตอนนี้วงหมุนเองก็มีพลังสามประเภทที่แตกต่างกันออกไปรวมอยู่ด้วยกัน ; พลังปราณหหยิน พลังปราณลึกลับ และพลังงานเชิงลบ ทั้งสามพลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน และพลังของ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ในใหม่ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] เป่ยหมิงเช้อตกอยู่ในความสิ้นหวัง หมดหนทาง กล้ามเนื้อบนใบหน้าของมันสั่นสะท้าน และภายในการหมุนวนอย่างบ้าคลั่งของ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] พลังปราณลึกลับและร่างของมันต่างก็ถูกพันธนาการไว้
มีเพียงจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันของมันที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] มันยังคงไหลเข้าสู่เกราะคริสตัลอย่างต่อเนื่องและปกป้องร่างกายของเป่ยหมิงเช้ออย่างแน่นหนา .
ฉื่อหยานพุ่งเข้าไปในวงหมุน
เขายกแขนซ้ายของเขาขึ้นและ [ผนึกแห่งความตาย] ก็ปรากฏขึ้นและเขาก็ควบคุมให้มันพุ่งไปที่เป่ยหมิงเช้อโดยไม่ลังเล
” แกร๊ก แกร๊ก ! “
เสียงแตกหักที่คมชัดดังมาจากกะโหลกศีรษะของเป่ยหมิงเช้อ . พลังงานเชิงลบที่อยู่ใน [ผนึกแห่งความตาย] ก็ไหลเข้าไปยังกะโหลกศีรษะของมันและก็สะบั้นชีวิตของมันให้ตกตายในทันที .
ในที่สุดของพลังงานที่บริสุทธิ์ก็ไหลออกจากร่างกายของเป่ยหมิงเช้ออย่างรวดเร็ว .
ไม่นาน ศพของเป่ยหมิงเช้อก็กลายเป็นแห้งเหือดและพลังปราณลึกลับของมันทั้งหมดก็ดูดซับไปโดยฉื่อหยานอย่ารวดเร็ว
” ตุบ ! “
เป็นศพของ เป่ยหมิงเช้อที่ล่วงหล่นลงพื้น โดยที่ดวงตาของมันยังคงเบิกกว้าง ราวกับว่ามันได้ตกตายด้วยความเสียใจ
มันนั้นไม่มีโอกาศแม้แต่จะกรีดร้องออกมา
เมื่อ เป่ยหมิงเช้อ ตกตายไป ร่างกายของมันหดตัวและเกราะคริสตัลที่อยู่ร่างกายของมันก็หย่อนออกมาชัดเจน .
ฉื่อหยานสูดลมหายใจเข้าลึกๆและถอดเกราะคริสตัลออกมาจากร่างของเป่ยหมิงเช้อ , และนำไปวางไว้ในกระเป๋าของเขา แล้วเขาไม่ได้สนใจ มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ที่กำลังงุนงงเลย เขาหยิบดาบแยกนภาที่ตกอยู่บนพื้นด้วยความรวดเร็ว
ในตัวของ เป่ยหมิงเช้อ , สองสิ่งนี้แข็งแกร่งและประทับใจที่สุดในความคิดของเขา
ไม่ว่าจะเป็นดาบแยกนภาหรือเกราะคริสตัล ทั้งสองต่างก็เป็นสมบัติวิเศษ ตอ่ให้ฉื่อหยานไม่สามารถใช้พวกมันได้ เขาก็ไม่ให้ทั้งสองสาวนั้นเอาไปแน่นอน
” ติงหยาน เจ้าบ้าไปแล้วงั้นรึ เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ ” มู่หยู่เตี๋ยกล่าวออกมาด้วยสีหน้างุนงง นางพึมพำ ” เป่ยหมิงเช้อนั้นเป็นยิ่งกว่าชีวิตของเป่ยหมิงชาง แต่ตอนนี้เจ้ากลับฆ่าเป่ยหมิงเช้อ ! นั่นหมายความว่า เป่ยหมิงชางจะไม่เพียงจัดการกับเจ้าแต่จะจัดการกระตระกูลของเจ้าทั้งหมดด้วย ติงหยานเจ้าทำพลาดไปแล้ว จำทำพลาดไปแล้วจริงๆ ! เจ้าขุดหลุมฝังศพตัวเองแล้ว “
” เฮ้ย ! ! ! ! ! ! ” ฉื่อหยานหันศีรษะของเขาไปและเหลือบมองอย่างเย็นชาจากนั้นก็ กล่าวว่า ” ถ้าเจ้ายังพูดมากอยู่ ข้าจะฆ่าเจ้าเช่นกัน “
” อะไรกัน เจ้าพูดเรื่องอะไร ! ” การแสดงออก มู่หยู่เตี๋ยก็เต็มไปด้วยความสับสน นางยกมือและชี้ไปที่ ฉื่อหยานและร้องออกมา ” ติงหยาน ! ข้าช่วยชีวิตเจ้าไปนะ และนี่คือสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้างั้นรึ “
ใบหน้าฉื่อหยานเต็มไปด้วยความร้อนรน ดวงตาของเขากลายเป็นเย็นชา เขารีบย้ายไปไปอยู่ข้างมู่หยู่เตี๋ย
” เปี่ย ! “
ฉื่อหยานปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของมู่หยู่เตี๋ยและเอามือตบไปที่ใบหน้าของนางและนางก็สะดุ้งถอยหลังไปสามก้าวด้วยใบหน้าที่ปูดแดง
” นี่ ! ! ! ! ! ! ฟังนะ ข้าไม่ได้ติดหนี้อะไรเจ้า ถ้าเจ้ายังพูดอะไรให้ข้าได้ยินอีกหละก็ ข้าจะทำทุกอย่างและหุบปากของเจ้าสะ ! ” ฉื่อหยานพูดและมองไปที่มู่หยู่เตี๋ยอย่างเย็นชา เขาแสดงออกอย่างโหดร้ายและพูดพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ” เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไร จะไม่เคยเมตตาใครก็ตามที่ข้าต้องการฆ่า แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม “
” ติงหยาน ! ” ตี่ย่าหลาน กรีดร้องออกมา , ” เจ้ากล้าทำเสี่ยวเตี๋ยงั้นรึ ! “
” เจ้าหุบปากสะ “
ฉื่อหยานแสยะยิ้ม และจ้องมองไปที่นางด้วยสายตาเย็นชา ” เมื่อเราได้แยกทางกันในป่าศิลา ความสัมพันธุ์ทุกอย่างของเราก็จบลงแค่นั้นแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิจะมาพูดอะไรกับข้า ข้าไม่เคยคิดซักนิดว่า ข้าเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเพียงเพราะข้ามีอะไรกับเจ้า เจ้าเองก็ได้รับบางอย่างจากข้าไป เจ้านั้นเป็นหนี้ข้า “
ตี่ย่าหลาน ร่างละเอียดอ่อนร่ของนางก็สั่นเทา นางมองไปที่ฉื่อหยานที่แสดงออกอย่างโหดร้าย นางรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ซึ้งทั้งหัวใจและร่างกายของนางต่างก็ถูกแช่แข็ง
ตี่ย่าหลาน ขบฟันของนางแน่น และนางก็พยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา แต่น้ำตาหยดสดใสก็ยังคงปรากฏอยู่ที่มุมตาของนาง หัวใจนางรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยมีดที่แหลมคมและความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วหัวใจชองนาง
ในช่วงเวลานี้ ตี่ย่าหลาน ในที่สุดก็ตระหนักได้ว่านางนั้นห่วงใยเขามากเพียงใด เมื่อมองไปที่สีหน้าที่เย็นชาของเขา ตี่ย่าหลาน ในที่สุดก็รู้แล้วว่า เขานั้นเป็นส่วนที่เหลือทั้งหมดในชีวิตของนาง
” ติงหยาน ! เจ้าจะต้องเสียใจ ! เจ้าจะต้องเสียใจ ” มู่หยู่เตี๋ยใบหน้าจริงจัง และนางก็แสดงออกอย่างเต็มที่ ” เจ้าจะต้องเสียใจ ! เจ้าและตระกูลของเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกทำลายโดยเป่ยหมิงชาง ! “
” เปี้ย ! “
ฉื่อหยานที่กำลังจะจากไป เขาก็หันไป และตบไปที่ใบหน้าของมู่หยู่เตี๋ยอีกครั้ง การแสดงออกของเขากลายเป็นมืดมนและเขาก็กล่าวว่า ” เฮ้ ! ! ! ! ! ! เจ้าคิดว่าเจ้าจะปลอดภัยหากหลบอยู่ในตระกูลเป่ยหมิง และตระกูลเป่ยหมิงจะแก้แค้นให้เจ้างั้นรึ บ้าไปแล้ว เป่ยหมิงชางเป็นคนโหดเหี้ยม และทะเยอทะยาน เจ้าคิดว่ามันจะสู้ตกตายกับโลกมืดเพื่อช่วยเจ้างั้รึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมคนของโลกมืด มาทำอะไรที่นี่ ? เจ้ารู้หรือไม่โชคชะตาของเจ้าจะเป็นเช่นไรเมื่อออกไปจากที่นี่ ! “
หน้ามู่หยู่เตี๋ยค่อนข้างซีดและดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ในที่สุดนางก็สิ้นเสียงที่จะพูด
แต่เองก็คิดเช่นกัน แต่นางก็ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน ตอนนี้เองที่ฉื่อหยานพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม มู่หยู่เตี๋ยก็ไม่สามารถหยุดระแวงได้อีกต่อไป นางรู้สึกหนาวตั้งแต่หัวจรดเท้า และรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนางเป็นภาพลวงตา
” จากนี้ไป พวกเจ้าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าอีก ! ” ฉื่อหยานชายตามองไปที่สองสาวเป็นครั้งสุดท้าย และหันกลับกลับไปพร้อมกับเดินลงไปที่หลุมแล เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชากับสองสาวที่อยู่ด้านหลัง ” อย่ามาขวางทางข้า ไม่งั้นเจ้าจะเจอชะตากรรมเดียวกับ เป่ยหมิงเช้อ ! “
แล้วฉื่อหยาน ก็ค่อยๆ เดินไปที่หลุม
ใบหน้าของตี่ย่าหลานก็เต็มไปด้วยน้ำตา และแขนขาของนางก็ถูกแช่แข็ง เหมือนกับพลังชีวิตของนางนั้นไหลออกไปจรหมด หัวใจของนางรู้สึกราวกับว่ามันถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดทิ่มแทงทะลุไปทั่วหัวใจนาง
ใบหน้ามู่หยู่เตี๋ยเองก็มีรอยนิ้วมือสีแดง บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเหมือนกับชีวิตของนางกำลังจะจบสิ้น นางจ้องมองไปอย่างไร้จุดหมายบนท้องฟ้า ถ้านางไม่สามารถหาทางหนีไปจากที่นี่ได้ นางจะต้องสูญเสียทุกๆอย่างไปแน่นอน
” เสี่ยวเตี๋ย เรา . . . เราทำผิดกับเขาจริงๆ ” เสียงของ ตี่ย่าหลาน แห้งเหือดนางครอบคลุมใบหน้าของนางมือและค่อยๆร้องสะอื้นออกมา .
” ฮือ…… ! “
มู่หยู่เตี๋ยในที่สุดก็อดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป สุดท้ายครอบคลุมใบหน้าของนางและร้องไห้ออกมา นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและจิตใจของนางก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
. . . . .
ฉื่อหยานที่ยืนอยู๋ที่หลุมด้วยสีหน้าเย็นชาของเขา เขานั้นไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ของหญิงสาวทั้งสองเลย เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า
” หวืบ ! หวืบ , หวืบ ! “
ไข่มุกพลังหยินทั้งหมดในจุดชีพจร เฉินเค้อ เทียนเค้อ และ หยินตู๋ กลายเป็นแข็งแกร่งขึ้น . หลังจากมาที่นี่ ไข่มุกพลังหยินนั้นได้ดูดซับพลังเป็นจำนวนมาก
มันส่องแสงวิบวับอยู่ในร่างของฉื่อหยาน เขารู้ได้ทันทีเมื่อสังเกตุไปที่ไข่มุกพลังหยิน พลังลึกลับนั้นไหลออกมาจากคริสตัลและดูดซับเข้าไปในไข่มุกพลังหยิน , พลังทั้งสองดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างที่ลึกลับซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม เขายืนอยู่หน้าหลุมเช่นั้น โดย ฉื่อหยา ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เขาคิดหาวิธีที่จะจัดการกับผลึกคริสตัล
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยายามโคจรวังวนหลังหยิน ,และพลังปราณหยินก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
พลังปราณหยินค่อยๆรวมตัวกันและลอยออกจากฝ่ามือของฉื่อหยาน สร้างเป็นมือยักสีเขียวเข้มส่องแสงออกมาและคว้าไปที่คริสตัลจากที่ห่างไกล
ในที่สุดพลังหยินแปลกประหลาดก็ไหลออกมาจากไข่มุกพลังหยิน พลังหยินนี้เป็นเหมือนกับเส้นด้ายและมันก็ไหลเข้าไปในผลึก
ในความมืด มือสีเขียวเข้ม ก็ค่อยๆกดลงอย่างต่อเนื่องบนโล่แสงของคริสตัล
” ปัป ! “
จู่ๆ โล่แสงก็ส่งเสียงออกมา อุปสรรคนี้ได้ถูกจิตวิญญานขั้วอัคคีเหมันทำให้อ่อนแอลงไปแล้ว และตอนนี้เองมันก็เปิดกว้างด้วยมือยักษ์สีเขียวเข้มของฉื่อหยาน
และแสงคริสตัลที่แพรวพราวสวยงามก็จางหายไปพร้อมกับลอยเข้ามาที่มือยักษ์สีเขียวเข้ม
––––––––––––––––––––––––
ปล. กลับมาแล้วจ้า พอดีไปต่างจังหวัดมา 3-4 วัน … ลงอีก 3 ตอน ในวันที่ 24/7/2560 ตอนนี้กลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 268 แล้วจ้า สนใจอ่านรายระเอียดได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ