บทที่ 248 ข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม
มวลเมฆสีดำ ลอยไปรอบๆโดยไม่กระจายกันออกไป . เมฆเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยพลังหยินของสัตว์อสูรเสียงที่อยู่ใกล้ๆ
สัตว์อสูรเสียงวิ่งออกมาจากภูเขาเสียงอสูรขณะที่มันกูกันออกมาพวกมันก็มาพร้อมกับพลังหยินด้วยเช่นกัน ‘ ร่างกายของสัตว์อสูรเสียงนั้นเต็มไปด้วยพลังหยิน นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพลังหยินนั้นเป็นแหล่งพลังของสัตว์อสูรเสียง ซึ่งมันคือสิ่งจำเป็นในการทำให้พวกมันดำรงอยู่ได้
วงหมุนที่มาจากฉื่อหยานนั้นเต็มไปด้วยพลังแรงดึงดูดที่รุนแรง ตัวตนที่น่ากลัวของวงหมุนพลังหยินทำให้พลังหยินในร่างของสัตว์อสูรเสียงเบาบางลง พลังหยินเหล่านั้นถูกดูดเข้าไปยังศูนย์กลางวงหมุนพลังหยิน ,พลังหยินเหล่านั้น ค่อยๆถูกดูดซับเข้าไปในร่างของเขา และในที่สุดมันก็กลายเป็นไข่มุกพลังหยินอยู่ที่หน้าอกของเขา
เคล็ดทมิฬนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันก็มีอำนาจที่น่ากลัวซึ่งสามารถดูดพลังหยินในร่างของสัตว์อสูรได้
ในช่วงกลางของกลุ่มเมฆสีดำ , วงหมุนขนากใหญ่หมุนเวียนอยู่บนหัวของฉื่อหยานมันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและพลังในการดูดเองก็มากขึ้นเช่นกัน
พลังหยินมหาศาลไหลมารวมกันในวงหมุน กลายเป็นพลังหยินไหลเข้าไปในศูนย์ของวงหมุนพลังหยิน .
สัตว์อสูรเสียงมากกว่าหนึ่งพันตัวที่อยู่ใกล้เคียงแสดงความกลัวออกมาและพวกมันดูกระสับกระส่าย แม้สัตว์อสูรเสียงระดับหก จะสามารถควบคุม พลังหยินที่อยู่ด้านนอกของร่างกายได้ แต่พวกมันไม่เคยเห็นการไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งของพลังหยินเช่นนี้มาก่อน พลังหยินมหาศาลเหล่านี้ลอยเข้าไปที่ฉื่อหยาน ดังนั้น บรรดาสัตว์อสูรเสียงจึงเริ่มหวาดกลัว
สัตว์อสูรเสียงระดับสูงบางตัวต้องการที่จะจัดการฉื่อหยาน เพื่อหยุดการดูดซับพลังหยินและฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ สัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นเข้ามาในบริเวณใกล้ฉื่อหยาน , พวกมันก็สัมพัสได้ถึงพลังของเปลวไฟนภาในร่างของเขา
เปลวไฟนภาเป็นศัตรูตามธรรมชาติของสัตว์อสูรเสียงทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ไกลออกไปไกลจากเขา พวกมันก็ยังคงสัมพัสได้ถึงพลังไฟของเปลวไฟนภาในร่างของฉื่อหยาน ซึ่งพลังนั่นแข็งแกร่งพอที่จะทำลายพวกมัน
เมื่อถูกขู่ด้วยเปลวไฟนภา สัตว์อสูรเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องการที่จะกำจัดฉื่อหยานและฆ่าเขา ทันทีก็ถอยกลับไปโดยไม่ลังเลใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน สัตว์อสูรเสียงอีกฝูงหนึ่งที่กำลังพุ่งมาที่ฉื่อหยาน ในที่สุดพวกมันก็หยุดและกลายเป็นสับสน
ในอากาศ สัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นคำรามออกมาอย่างโหยหวน ; พวกมันถูกกระตุ้นโดยบางสิ่งบางอย่าง พวกมันไม่สนใจชาวเผ่าปีกและไม่กล้าเข้ามาใกล้ ฉื่อหยาน พวกมันรีบบินกลับไปที่ภูเขาเสียงอสูร
สัตว์อสูรเสียงที่กำลังใกล้จะถึงฉื่อหยานทันทีมันตระหนักได้ว่าพลังหยินในร่างกายของพวกมันค่อยๆเบาบางลง มันกระจายออกมาจากร่างอย่างรวดเร็ว และค่อยๆไหลรวมเข้าไปยังวงหมุนบนหัวของฉื่อหยาน
ทันทีสัตว์อสูรเสียงต่างก็รู้สึกกระวนกระวาย พวกมันรู้ว่าถ้าพวกมันยังอยู่ที่นี่ พลังหยินในร่างของพวกมันจะต้องเหือดแห้งแน่ๆ
ดังนั้น สัตว์อสูรเสียงเกือบพันจึงตัดสินใจหนีไปโดยไม่ลังเล
หลังจากที่สัตว์อสูรเสียงหนีไป พลังหยินที่มาจากบรรดาสัตว์อสูรเสียงก็น้อยลง จนวงหมุนพลังหยินขนากใหญ่เหนือหัวของฉื่อหยานเริ่มชะลอตัวลง ในขณะเดียวกันมันก็มีขนาดเล็กลง และเล็กลงเรื่อยๆ จากนั้นมันก็ค่อยๆหายไป
เมฆหนาสีดำค่อยๆจางลงและค่อยๆหายไป
ร่างของฉื่อหยานก็เริ่มล่วงลงมาอย่างช้าๆ โดยปราศจากกลุ่มเมฆสีดำเขาจึงไม่สามารถยืนบนอากาศได้อีกต่อไป โดยธรรมชาติมีเพียงนักรบระดับนภาเท่านั้นที่ทำได้ เขาไม่อาจรักษาการทรงตังในอากาสได้ และในที่สุดก็ล่วงลงมาในป่าหนาทึบ .
” ตุบ “
ร่างของเขาล่วงลงมาและวงหมุนเหนือหัวของเขาก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอย พลังหยินที่อยู่ในไข่มุกพลังหยินนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นและสบายเป็นอย่างมาก พลังหยินโคจรอยู่บนหน้าอกของเขาดูเหมือนมันจะได้รับผลกระทบจากไข่มุกพลังหยิน และประสิทธิภาพและความเร็วในการโคจรของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด หลังจากวงหมุนพลังหยินทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นพลังหยินแล้ว มันก็ค่อยๆหยุดลง
ฉื่อหยานลืมตาขึ้นมา และช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยเสียงต่ำ , ” พวกท่านต้องการอะไร ? “
นอกจากเขาแล้ว ยังมีสายตาของชายสามคน คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมวก็มองมาที่เขาด้วยประกายความประหลาดใจ พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ตี่ฉานจากตระกูลปีกสีดำและยู่โหลวตระกูลปีกขาว มองมาที่เขาพร้อมกับพยักหน้ารับหลังจากเห็นเขาตื่นลืมตาขึ้นมา
” เด็กบ้า ร่างกายของเจ้ามีเปลวไฟนภาด้วยรึ ? แล้วเจ้ารู้วิธีใช้มันหรือไม่ ? ” ยู่โหลว ผู้นำของตระกูลปีกขาว นางนั้นงดงามเป็นอย่างมาก ด้วยรอยยิ้มและ เสียงที่ทรงเสน่ห์และไพเราะของนางทำให้ผู้อื่นต่างก็รู้สึกปลื้มใจ
ตี่ฉาน หลี่ตาลง เล็กน้อย เขาหลี่ตามองสังเกตุร่างของฉื่อหยาน เมื่อตี่ฉานเคลื่อนไหวดวงตาไปมา เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ มันแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก โดยไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ พลังบางอย่างก็เข้ามาในร่างของเขาเพื่อสังเกตุทุกสิ่งในร่างของเขา
ฉื่อหยานรู้สึกแข็งทื้อจากภายใน เขาไม่รู้ว่าคนๆนั้นมีเจตนาอะไร เขาจึงสำรวจคนๆนี้อย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาเอาแต่อมองไปยังอีเทียนโหมว
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เขาและอีเทียนโหมวได้แลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างกัน แม้วิญญาณของเขาจะถูกควบคุมโดยอีเทียนโหมว แต่ก่อนหน้านี้ที่อีฉู่ปี่มาเตือนเขาว่าตั่วหลงกำลังมาตามล่าเขา นั่นสมควรเป็นความคิดของอีเทียนโหมวที่สั่งให้อีฉู่ปี่มาเตือนเขา ต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้วอีเทียนโหมวนั้นไม่ต้องการให้เขาตาย
เขาจึงต้องการที่จะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้แก่ อีเทียนโหมว
” เจ้าควรตอบมาตรงๆเสียโดยดี นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของเจ้า”
อีเทียนโหมวแอบพยักหน้า และค่อยๆ กล่าวว่า ” นี่คือยู่โหลว หัวหน้าตระกูลปีกขาว นี่ตี่ฉานหัวหน้าตระกูลปีกดำ ความแข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับตระกูลปีกเทา ต้องขอบคุณพวกเขา เจ้าถึงรอดจากตั่วหลงได้ในครั้งนี้
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ และยืนขึ้นเงียบๆพร้อมกับป้องมือคำนับไปที่อตี่ฉานและยู่โหลว และกล่าวว่า ” ข้าขอขอบคุณพวกท่าน “
” ไม่ต้องขอบคุณ เจ้าวายร้าย เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ ” ยู่โหลวยิ้มออกมาอย่างงดงาม
ฉื่อหยานจ้องไปที่นางอย่างเยือกเย็น ความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา หญิงสาวที่ชื่อยู่โหลวนั้นงดงามเป็นอย่างมาก นางมีผิวที่ขาวนวลและรูปร่างที่น่าดึงดูด นอกจากนี้ ปีกสีขาวเหมือนหิมะของนางยังดูงดงามเป็นอย่างมากอีกด้วย ด้วยความงดงามเหล่านี้อาจสามรารถสะใจผู้อื่นได้เลยทีเดียว เมื่อนางเผยรอยยิ้มเสน่ห์ของนาง ร่างกายของนางก็เปล่งประกายเสน่ห์ที่ชายไม่อาจต้านทานได้ออกมา
ฉื่อหยาน เองก็เว้น เขาเอาแต่จ้องยู่โหลว สายตาของเขาเปลี่ยนไป มันชัดเจนขึ้นและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เค้าค่อยๆรู้สึกใกล้ชิดกับยู่โหลว เขารู้สึกว่านางน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก นางมีค่าที่เขาจะแบ่งปันความลับทั้งหมดในตัวเขาให้นางรู้ นางจะต้องไม่มีทางทำร้ายเขาแน่นอน . . . . . . .
ตอนนั้น ห้วงจิตสำนึกถูกกระตุ้นขึ้นมา
ห้าร่างเล็กโปร่งใสในห้วงจิตสำนึกของเขาดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปมาเงียบๆ อารมณ์ทั้งห้ากระจายไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเขา และเขาก็ค่อยๆได้สติคืนมา .
สายตาของเขากลับมาเป็นปกติ ฉื่อหยานสะดุ้งออกมาจากมนต์เสน่ห์ของยู่โหลว เหงื่อบนร่างของเขาแตกพลั่ก ราวกับว่าเขาเพิ่งผ่านสงครามที่สะเทือนแผ่นดินมา
อันตรายยิ่งนัก !
ฉื่อหยาน ก็กลัว และตกใจ เขาไม่กล้ามองยู่โหลวอีกต่อไป และ โน้มตัวก้มศีรษะคารวะ
รอยยิ้มของนางสามารถทำให้คนอื่นเสียสติได้ แม้ฉื่อหยานที่ถือว่าตัวเองมีจิตที่แข็งแกร่งเองก็เกือบจะหลุดปากพูดบอกทุกอย่างแก่นางไปแล้ว
มนต์เสน่ห์นี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก !
หากไม่มีห้าร่างเล็กโปร่งใส ‘ เคลื่อนไหวอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา และเขาถูกถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนของยู่โหลว บางทีเขาอาจจะเปิดเผยความลับทั้งหมดของเขาไปแล้ว รวมถึงเรื่องจิตวิญญานลึกลับด้วย
” พี่สาว , ท่านอย่าได้ใช้วิธีนี้กับข้าเลย ข้ามิสามารถต้านทานได้ ” ฉื่อหยานโค้งศีรษะอย่างนอบน้อมและ ยิ้ม ” ข้าได้ฝึกฝนบ่มเพราะเคล็ดลับพิเศษบางอย่าง ถ้าท่านยังทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและข้าอาจจะตายได้ เอ่อ… เมื่อตอนนั้น แม้แต่เรืองที่ท่านต้องการจะรู้จากข้า ข้าก็ไม่สามารถบอกอะไรท่านได้ทั้งนั้น . “
ยู่โหลวดวงตาที่งดงามหลี่ลง แล้วนางก็หัวเราะเล็กน้อย นางค่อยๆ พยักหน้าของนางและกล่าวว่า ” เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ เจ้าสามารถเรียกสติคืนมาได้ด้วย จิตสำนึกของเจ้าคงจะแข็งแกร่งเป้นอย่างมาก มันเกินกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก ไม่แปลกเลยที่เจ้าสามารถกำหราบเปลวไฟนภาได้ ”
” เปลวไฟนภา และข้านั้นเป็นสหายกัน เราไม่ได้เอาชนะกันและกัน เหมือนที่ท่านพูด จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ท่านต้องการอะไรจากข้างั้นรึ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ? “
ด้วยสายตาของนักรบระดับสูงห้าคนที่จ้องมา ฉื่อหยานรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะขัดขืน มันจะดีกว่าถ้าเขาให้ความรวมมือ
” ง่ายมาก ไปตรวจสอบที่ภูเขาเสียงอสูร ใช้เปลวไฟนภาภายในของร่างกายของเจ้าทำลายผนึกที่อยู่ที่ภูเขาเสียงอสูรซะ ” ตี่ฉาน หัวหน้าตระกูลปีกดำพูดขึ้นมาอย่างชัดเจน
” ข้าจะทำตามที่ท่านบอก แต่เมื่อข้าทำลายผนึกของภูเขาเสียงอสูรแล้ว ข้าจะไม่ตายหลอกรึ ? ข้ารู้ว่าตั่วหลงไม่ปล่อยข้าไปง่ายๆ พวกท่านเองก็เช่นกัน ” ฉื่อหยาพูดอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับชี้ไปที่ หยาเมิง และ คาป้า
” เราต้องตกลงกันให้ชัดเจนเสียก่อน ถึงตอนนั้น พวกท่านจะฆ่าข้าหรือไม่ ? “
” นี่เจ้ากังวลมากไปแล้ว ” หยาเมิง กระแอมเสียงจากลำคอ อย่างเย็นชา ” ถ้าเจ้าไม่ให้ความรวมมือ ข้าจะฆ่าเสียตอนนี้แหละ ! “
” ได้ ตอนนี้ก็เชิญท่านทำได้เลย ” ฉื่อหยานยิ้มพร้อมกับยักไหล่และพูดว่า ” ยังไงไม่ช้าก็เร็วข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว แล้วทำไมข้าจะต้องช่วยท่าน หึ ให้ท่านฆ่าข้าตอนนี้ ยังดีเสียกว่า . “
” หึหึ , เจ้านี่ช่างตอรองเก่งนัก ฉลาดเสียจริง” ยู่โหลวหัวเราะออกมาเบาๆ นางคิดสักครู่ก่อนที่จะพูดกับ ตี่ฉาน ” ถ้าคนพาลน้อยคนนี้สามารถทำลายผนึกได้ ก็ปล่อยให้เขามีชีวิตไปเสียเถอะ มันคุ้มค่ากว่ามาก สองเผ่าของเราได้พยายามมากที่จะออกไปจากที่นี่ และเราก็สูญเสียกันมามาก นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา ถ้าเขาช่วยเราเติมเต็มความปรารถนาของเรา ข้าเองก็ปรารถนาจะไว้ชีวิตเขา แล้วพวกท่านหละ ? “
ตี่ฉานหลี่ตาลงและค่อยๆพยักหน้า หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ” ตกลง”
” แปะ แปะ แปะ แปะ “
ยู่โหลวปรบมือของนางในขณะที่ เหลือบมองไป ที่ ฉื่อหยาน จากนั้นนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและกล่าวว่า ” นี่ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ถ้าเจ้าทำลายผนึกนั่นได้ ตี่ฉาน และข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า “
” แล้วพวกเขาหละ ? ” ฉื่อหยานมองไปที่คาป้า และ หลี่เมิง
” เราบอกว่าเราจะไว้ชีวิตเจ้า ก็เท่ากับว่าเราจะไม่ให้เจ้าตาย ! ” ตี่ฉานตะโกนออกมา เขาจ้องเขม็งไปที่คาป้าและหยาเมิง กล่าวว่า ” พวกเจ้าก็เห็นด้วยใช่หรือไม่ ? “
หยาเมิง และ คาป้า สองผู้นำของตระกูลเสียงปีศาจ ตกอยู่ภายใต้ความกดดันจาก ตี่ฉาน และยู่โหลว พวกเขาฝืนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าพวกเขาจะโกรธเป็นอย่างมากก็ตาม
” ไปได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปยังภูเขาเสียงอสูร ” ยู่โหลวจากเผ่าปีกขาว ไม่ได้พูดอะไรต่อ นางยื่นมือไปจับไหล่ของฉื่อหยาน พร้อมกับกระพือปีกบินออกไป เพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็บินไปได้ไม่กี่พันเมตร มุ่งไปทางภูเขาเสียงอสูร
ตี่ฉานค่อยๆหลับตาลง และร่างของเขาก็ค่อยๆหายไป
” เราควรทำเช่นไรดี ? ” หลังจาก ตี่ฉาน และยู่โหลว จากไป คาป้าที่มีสีหน้ามืดมนก็หันไปถามหยาเมิง และ อีเทียนโหมว ” เจ้าบ้านั่นมีเปลวไฟนภา เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะต้องเป็นภัยคุกคามของพวกเราเผ่าเสียงอสูรแน่ๆ . “
” ตี่ฉาน และ ยู่โหลวนั้นอยู่ฝั่งเดียวกันตอนนี้ แต่เราสามคนยังสามารถรวมตัวกับตั่วหลงได้ รอจนกว่าที่หลบภัยและผนึกถูกทำลายได้เสียก่อน ถึงตอนนั้นหากเราร่วมมือกับตั่วหลง การฆ่าเจ้าเด็กนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ” หยาเมืงสายตาดุร้ายพร้อมกับพูดขึ้น
คาป้า ก็ตกตะลึง สักพัก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ” ถูกต้อง ถ้าเราร่วมมือกับตั่วหลง เราก็ไม่ต้องกลัว ตี่ฉานและยู่โหลว”
” ไปดูกันเถอะว่าเจ้าเด็กบ้านั่นจะสามารถทำลายผนึกได้จริงๆหรือไม่ ” อีเทียนโหมวพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยสีหน้าของเขาดูไม่แยแส ดูเหมือนเขาจะมีแผนอื่นอยู่
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 18 แล้ว มีถึงตอนที่ 786 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <